นายน้อยเจ้าสำราญ 1251 กำจัดให้สูญสิ้น
ตอนที่ 1251 กำจัดให้สูญสิ้น
“และแล้วก็ต้องอวดเก่งก่อนตายจนได้สินะ ! ”
เยี่ยนซีเหวินส่ายศีรษะช้า ๆ “ฉีซาน…เตรียมตัวรบ ! ”
“จงสือจี้ ต่อให้ข้าต้องตกตายอยู่ที่นี่ ข้าย่อมถูกจารึกนามไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อยู่ดี ส่วนเจ้า…นามของเจ้าก็จะถูกจารึกเช่นกัน เพียงแต่นามของเจ้านั้นจะเป็นที่ฉาวโฉ่ต่อไปอีกหมื่น ๆ ปีเยี่ยงไรเล่า”
“ท่านเสนาบดี ชีวิตของท่านนั้นมีค่ากว่าชีวิตของข้ามากนัก ! ”
“ข้าน้อยรู้ดีว่าท่านมีความมุ่งมั่นปรารถนาอยู่เต็มอก ท่านเพิ่งจะอายุได้สามสิบกว่าปีเท่านั้น นี่เป็นยุคทองของท่าน อีกทั้งท่านยังมีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงเสนาบดีฝ่ายบริหาร ! ฝ่าบาทต้องการท่าน ต้าเซี่ยก็ต้องการท่านเช่นกัน ! อีกทั้งตัวท่านเองก็ยังลงมือทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อต้าเซี่ย ล้วนแต่เป็นเรื่องดี ๆ และเป็นเรื่องใหญ่ทั้งสิ้น ! ”
“หากต้องตายอยู่ที่นี่…คราหนึ่งฝ่าบาททรงตรัสไว้ว่า ความตายบางคราก็เบาบางดุจขนนก บางคราก็ยิ่งใหญ่ดั่งเขาไท่ซาน ถ้าหากท่านต้องตายเสียที่นี่ ข้าน้อยมองว่ามันจะเบาบางยิ่งกว่าขนนกเสียอีก”
บัดนี้พวกชาวบ้านต่างก็ประหม่าตื่นกลัว มีชาวบ้านจำนวนมากถือเคียวและพลั่วยืนตากฝนเตรียมพร้อมอยู่ในลานบ้าน เพื่อรอการมาถึงของทหารท้องถิ่น
เยี่ยนซีเหวินลุกขึ้นยืน เขาชี้ไปทางชาวบ้านเหล่านั้นแล้วคุกเข่าลงเอ่ยกับจงสือจี้ “ก่อนอื่น…ชีวิตข้ากับชีวิตพวกเขานั้นมิได้แตกต่างกัน มิมีการแบ่งแยกสูงต่ำหรือรวยจนทั้งสิ้น ! เรื่องนี้ฝ่าบาททรงเน้นย้ำเป็นหนักหนา ทว่าเจ้ากลับลืมสิ้นไปหมดแล้ว”
“เจ้ามิเข้าใจเสียด้วยซ้ำว่าเบาบางดุจขนนกและหนักแน่นดั่งเขาไท่ซานคืออันใด ! ”
“ขุนนางที่กล้าสละชีวิตเพื่อราษฎรนั้นหนักแน่นดั่งเขาไท่ซาน ! เห็นทีจะมีแค่ขุนนางที่ทุจริตคดโกงเยี่ยงเจ้าเท่านั้นแหละ ที่ความตายจะเบาบางเยี่ยงขนนก เพราะเจ้าจะถูกสังคมลงโทษ ! ”
รูม่านตาของจงสือจี้หดตัวลง “หมายความว่าท่านเสนาบดีเยี่ยนได้ยืนหยัดหนักแน่นแล้วว่าจะละทิ้งชีวิตไว้ที่หมู่บ้านเซี่ยซานแห่งนี้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ในเมื่อเลือกเช่นนี้ ข้าน้อยจะทำให้ท่านได้สมปรารถนาเอง ! ”
“ข้ามิต้องการให้เจ้าสนองความปรารถนาของข้าหรอกนะ ข้าเพียงอยากถามเจ้าเป็นคำถามสุดท้าย…เจ้ายังจำการบังเอิญพบกันที่ทางสายเก่าจินหนิวครานั้นได้หรือไม่ ? เจ้ามิได้ทำให้ราษฎรผิดหวังเท่านั้น แต่เจ้ายังทำให้ฝ่าบาทรงผิดหวังอีกด้วย ! ”
“ดังนั้น…ความผิดของเจ้านั้นมีมหันต์จนมิอาจให้อภัยได้ ! ”
เยี่ยนซีเหวินควักปืนออกมาจากหน้าอก
ซึ่งมันคือปืนพกนั่นเอง !
เขายืนอยู่เบื้องหน้าของจงสือจี้ จากนั้นก็เล็งปืนไปที่หน้าผากของเขา
“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าอยากจะเห็นเจ้าอีกสักครา ถ้าหากทหารท้องถิ่นบุกเข้ามา…ข้าก็จำเป็นจะต้องขัดพระบัญชาแล้วส่งเจ้าไปลงนรกเสีย ! ”
ทหารท้องถิ่น 3,000 นายบุกเข้ามาท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
จางฉีซานนำทหาร 10 นายเล็งปืนตั้งรับทหารท้องถิ่นที่อยู่ห่างออกไปราว 30 จั้ง
“เตรียมพร้อม… ! ”
“ยิง… ! ”
“ปัง ๆ ๆ…”
เสียงปืนสนั่นท่ามกลายสายฝน ดังสะท้อนทั่วทั้งหุบเขา
“อ๊าก… ! ”
ทหารท้องถิ่นฝั่งตรงข้ามส่งเสียงร้องโอดครวญ กระสุนที่ลั่นไกไประลอกแรกได้คร่าชีวิตทหารไป 11 นาย
ทหารท้องถิ่นชะงักฝีเท้าลงทันใด จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ทหาร…กวาดล้างโจรให้ราบคาบ ประเดี๋ยวข้าจะรายงานต่อท่านใต้เท้าจง ว่าให้ตอบแทนความดีความชอบของพวกเจ้าให้สาสม บุก… ! ”
เสียงฝีเท้าของทหารนับพันดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครา เสียงปืนก็ดังลั่นขึ้นมาอีกคราเช่นกัน
หลังจากที่รัวกระสุนอยู่หลายครา ทหารท้องถิ่นก็บุกเข้ามาอยู่เบื้องหน้าของพวกจางฉีซานในระยะ 10 จั้ง
“ชักดาบ… ! ”
“ชริ้ง ๆ ๆ ๆ… ! ”
จางฉีซานสั่งให้ทหารทั้งสิบนายชักดาบออกมา
“สังหารพวกมันเสีย ! ”
พวกเขาพุ่งเข้าหาทหารท้องถิ่นที่กรูกันเข้ามาแน่นขนัด !
พวกเขาสวมชุดเกราะสีเงิน ดาบยาวของพวกเขาแผ่จิตสังหารออกมา พวกเขาเป็นดั่งหยดน้ำเพียงมิกี่หยดที่กำลังจะไหลลงทะเลสาบอันกว้างใหญ่
ดาบตวัดขึ้นลง ทหารท้องถิ่นถูกสังหารจนสิ้นใจ
ดาบของทหารท้องถิ่นมิอาจทำอันตรายใด ๆ ต่อชุดเกราะสีเงินของพวกเขาได้ เมื่อดาบยาวของพวกเขาตวัดลง มันจะกระชากดวงวิญญาณของทหารท้องถิ่นออกไปจากร่างทุกครา
“สกัดพวกมันเอาไว้ ส่วนคนที่เหลือให้ตามข้าบุกไปที่ลานบ้าน สังหารคนเถื่อนพวกนั้นแล้วช่วยใต้เท้าจงออกมา ! ”
ทหารท้องถิ่นโถมเข้ามาดั่งกระแสน้ำไหลเชี่ยว จางฉีซานที่มีกันเพียง 11 คนมิอาจยืนคลุมแนวป้องกันทั้งหมดเอาไว้ได้ ทหารท้องถิ่นกรูเข้ามาภายในลานบ้าน กำแพงไม้ไผ่ถูกทะลายจนพังยับเยิน
ดอกผักบุ้งที่เลื้อยเกาะรั้วไม้ไผ่ถูกเหยียบลงไปในโคลนตมจนมองมิเห็นซาก
“คุ้มกันท่าน…ท่านใต้เท้าเยี่ยน ! ”
“ชาวบ้านทั้งหลาย จงสังหารขุนนางโฉดชั่วพวกนี้ให้ตายเสีย ! ”
“เข้ามาสิ พวกข้าจะสู้พวกเจ้ามิถอยเช่นกัน… ! ”
ชาวบ้านนับร้อยยกพลั่วยกเคียวขึ้นมา จากนั้นคลื่นยักษ์ทั้งสองฝั่งก็ซัดกระหน่ำเข้าหากัน
พลั่วหนึ่งเล่มตัดสีรษะทหารขาดไปหนึ่งนาย ดาบหนึ่งเล่มก็แทงชาวบ้านตายไปหนึ่งคนเช่นกัน
เคียวหนึ่งเล่มเกี่ยวหน้าท้องของทหารนายหนึ่งจนสำไส้ไหลทะลักออกมา ดาบหนึ่งเล่มฟันแขนชาวบ้านจนขาดร่วงลงพื้น
เยี่ยนซีเหวินสูดหายใจเข้าลึกโดยที่มิหลับตา นิ้วมือของเขาเตรียมลั่นไก “จงสือจี้ เจ้าเป็นสุนัขที่ไร้หัวใจ ! ”
“ท่านเสนาบดีเยี่ยน ข้าน้อยอยากเป็นขุนนางที่ดีจริง ๆ นะ”
“สุนัขมันมิมีทางเปลี่ยนนิสัยได้หรอก ! ”
“ท่านเสนาบดีเยี่ยน จิตใจท่านโหดเหี้ยมมิน้อย ท่านอยากให้ชาวบ้านจำนวนมากถึงเพียงนั้นตกตายไปพร้อมกับท่านจริง ๆ หรือ ? ”
“ธรรมมะย่อมชนะอธรรมอยู่วันยังค่ำ ! พวกเขาตายเพราะความดี ส่วนเจ้า…จะถูกจารึกไว้ในหน้าที่อัปยศที่สุดของประวัติศาสตร์ ! ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตายไปเสียให้หมดเถิด”
ยังมิทันสิ้นเสียงของจงสือจี้ เสียงปืนของทหารเหล่านั้นก็ดังขึ้นมาอีกหนึ่งระลอก
กองทัพของไป๋ยู่เหลียนโรยตัวลงมาจากท้องนภา !
พวกเขาโจมตีทหารท้องถิ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ร่วงที่พัดเศษใบไม้จนปลิวว่อน ร่างของทหารท้องถิ่นในบัดนี้ปลิดปลิวมิต่างจากใบไม้เลยสักนิด
“ชักดาบขึ้นมา…แล้วสังหารให้หมด ! ”
ไป๋ยู่เหลียนออกคำสั่ง ทหารนาวิกโยธิน 1,000 นายพุ่งเข้าไปในสนามต่อสู้ทันที ทหารท้องถิ่นย่อมมิอาจเทียบเคียงกับทหารนาวิกโยธินได้ !
พวกเขาถูกตีจนแตกกระเซิง หลังจากนั้นก็มีเสียงร้อยโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมา ทหารท้องถิ่นที่รบอยู่แนวหน้าตื่นตกใจจนขวัญกระเจิง พวกเขามิมีสติที่จะหันมาสู้กับชาวบ้านอีกต่อไป พวกเขารีบหันกลับไปแล้วหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
“ทหาร สังหารได้ตามใจชอบ อย่าให้เหลือรอดกลับไปแม้แต่คนเดียว ! ”
ศึกการไล่ล่าฆ่าฟันในยามราตรีเปิดฉากขึ้นทันที เห็นได้ชัดเจนว่าสองขาของทหารท้องถิ่นมิอาจเร็วไปกว่าวิชาตัวเบาของทหารนาวิกโยธิน สี่ชั่วยามให้หลังจากนั้นมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมามิขาดสาย เสียงค่อย ๆ ห่างไกลออกไป ค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ
ครานี้เยี่ยนซีเหวินถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
สีหน้าของจงสือจี้ซีดเผือดทันทีที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา เขารู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
เขาหลับตาแล้วก้มศีรษะลง
“เจ้าดูสิ ! คราแรกฝ่าบาททรงมองเจ้าผิดไป ทว่าคราที่สองพระองค์กลับมองเจ้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง”
“พระองค์ทรงทราบดีว่าเจ้าจะมีสภาพเป็นสุนัขจนตรอกในที่สุด ดังนั้นก็เลย…ไอหยา แม่ทัพใหญ่ไป๋ยู่เหลียนนำทัพมาด้วยตนเองเลยหรือ เจ้าคิดว่าตนเองยังมีความหวังอีกหรือไม่ ? เจ้าคิดว่าบัดนี้เต้าถายเหยียนของเจ้าจะลงเอยเยี่ยงไร ? ”
“ท่านเสนาบดีเยี่ยน ได้โปรดลงมือสังหารข้าน้อยเสียเถิด”
“เจ้าอยากตายตอนนี้เห็นทีจะยากเสียแล้ว เพราะฝ่าบาททรงมีพระราชดำริว่าอยากจะมองเจ้าอีกสักครา เพื่อมองว่าตอนนั้นพระองค์มองเจ้าผิดได้เยี่ยงไร”
“เจ้ามิเคยไปเมืองฉางอันมิใช่หรือ ? ได้ไปเทียวชมสักคราดังที่ใจเจ้าหวังแล้วนี่ ถือโอกาสนี้ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยเลย”
ราตรีนั้นมืดสนิด หยาดฝนเย็นยะเยือก
ไป๋ยู่เหลียนเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าเยี่ยนซีเหวินพลางเอ่ยขึ้นมาว่า “โชคดีที่มาทัน…”
“ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่ยิ่งนัก ! ”
“มิต้องขอบคุณข้าหรอก ไปขอบพระทัยฝ่าบาทเถิด”
“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เจ้าเดินทางกลับเมืองหลวง กรมขุนนาง กรมราชทัณฑ์และกรมคลังได้ส่งทหารเข้ามาจำนวนมาก คาดว่าจะมาถึงในอีกสามหรือห้าวัน เรื่องราวหลังจากนี้ให้พวกเขาจัดการต่อก็แล้วกัน”
“เหยียนซีไป๋เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
“ทางหอเทียนจีได้จัดการเรียบร้อยแล้ว บัดนี้กำลังควบคุมตัวไปยังเมืองฉางอัน”
“อืม…มิเร่งรีบใช่หรือไม่ ? ”
“ฝ่าบาทมิได้รับสั่งว่าต้องรีบหรือไม่”
“เช่นนั้นก็ดี ชาวบ้านล้มตายกันหลายคน ข้าอยากจะอยู่ที่นี่อีกสักสองวัน”
Comments