นายน้อยเจ้าสำราญ 1323 บทสนทนายามค่ำคืนในจวนตระกูลจัว

Now you are reading นายน้อยเจ้าสำราญ Chapter 1323 บทสนทนายามค่ำคืนในจวนตระกูลจัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่​ 1323 บทสนทนา​ยามค่ำคืน​ใน​จวน​ตระกูล​จัว​

เสียง​ประทัด​ดังสนั่น​ทั้งวัน​มิว่างเว้น​

อากาศ​สดใส​ หิมะ​ค่อย ๆ​ ละลาย​หาย​ไป​ แท้ที่จริง​เวลานี้​อากาศ​หนาว​เย็นยะเยือก​ ทว่า​อากาศ​หนาว​เช่นนี้​กลับ​มิส่งผลกระทบ​ใด​ต่อ​บรรดา​เด็ก​ ๆ ใน​เมือง​ฉางอัน​

พวกเขา​จับกลุ่ม​กัน​สี่ถึงห้า​คน​วิ่งไล่​จับ​กัน​ตาม​ถนนหนทาง​ จากนั้น​ก็​ใช้ธูป​ใน​มือ​จุด​ประทัด​พร้อมกับ​โยน​มัน​ออก​ไป​ หลังจากนั้น​ก็​ยก​มือขึ้น​มาอุด​หู​ หัวเราะ​ร่า​แล้ว​พา​กัน​วิ่ง​ออก​ไป​อย่าง​เริงร่า​

ราชรถ​มังกร​ของ​อู๋​เทียน​ซื่อ​ได้​เดินทาง​ออกจาก​พระราชวัง​ผ่าน​บรรยากาศ​เช่นนี้​ เขา​กำลัง​เดินทาง​ไป​ยัง​จวน​จัว​

เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ประทัด​เคล้า​คลอ​เสียงหัวเราะ​สนุกสนาน​ อู๋​เทียน​ซื่อ​จึงหลุด​ยิ้ม​ออกมา​

“แต่ก่อน​เจิ้น​ก็​ชอบ​จุด​ประทัด​เช่นกัน​ แต่ว่า​จุด​อยู่​ใน​พระราชวัง​เท่านั้น​ พวกเรา​ต่าง​ก็​มีความสุข​กัน​ แต่​ก็​มิสุข​เท่า​เด็ก​พวก​นี้​หรอก​”

“ท่าน​แม่มักจะ​ควบคุม​พวกเรา​อยู่​เสมอ​ มักจะ​บอ​กว่า​ของ​แบบนี้​ค่อนข้าง​อันตราย​ แต่​ท่าน​พ่อ​มักจะ​เข้าข้าง​พวกเรา​ ท่าน​บอ​กว่า​นี่​เป็นธรรมชาติ​ของ​เด็ก​ ให้​พวกเขา​ได้​ปลดปล่อย​ความ​เป็น​เด็ก​ออกมา​บ้าง​”

ราวกับว่า​ได้​หวนกลับ​ไป​คืน​วันที่​หอม​หวาน​เฉกเช่น​วันวาน​อีก​ครา​ ใน​ตอนนี้​นี่เอง​ที่​อู๋​เทียน​ซื่อ​ได้​มีโอกาส​แสดง​สีหน้าที่​สมกับ​วัย​ของ​เขา​ เขา​ชะเง้อ​หน้า​มองออก​ไปนอก​หน้า​ตาง​ เมื่อ​เห็น​เด็ก​ ๆ เหล่านั้น​ก็​ราวกับว่า​ได้​เห็น​ตนเอง​

ได้​เห็น​ตนเอง​ใน​วัยเด็ก​ที่​ไร้​ซึ่งความกังวล​ใด​ ๆ

เขา​ยัง​จำตอนที่​เขา​ยัง​เด็ก​มาก​ ๆ ได้​ เมื่อ​ครา​ที่​ยัง​อาศัย​อยู่​ใน​คฤหาสน์​จิ้งหู​…ตอนนั้น​ผู้​เป็น​พ่อ​คือ​ใคร​ ตน​ก็​ยัง​มิทราบ​

เมื่อ​เอ่ย​ถามผู้​เป็น​แม่ยาม​ปีใหม่​ของ​แต่ละ​ปี​ ท่าน​แม่ก็​มักจะ​บอ​กว่า​ท่าน​พ่อ​เป็น​บุคคล​ที่​เก่งกาจ​มาก​ผู้​หนึ่ง​ ทว่า​เขา​อาศัย​อยู่​ต่างถิ่น​ อาจจะ​กลับมา​ช้าสักหน่อย​

ตอนนั้น​เขา​ยัง​มิรู้เรื่อง​รู้​ราว​อัน​ใด​ หลังจากนั้น​ถึงได้​รู้​ว่า​ท่าน​พ่อ​เป็น​บุคคล​ที่​เก่งกาจ​มาก​จริง ๆ​ ตอนนั้น​เขา​ยังอยู่​ใน​ราชวงศ์​ห​ยู​

เหมือนว่า​ตน​เพิ่งจะ​อายุ​แค่​ 3 ขวบ​เท่านั้น​ ตน​มักจะ​จินตนาการ​อยู่​เสมอ​ว่า​ท่าน​พ่อ​มีหน้าตา​แบบ​ใด​ ทั้ง​ยัง​แอบ​ฝัน​ไป​เอง​ว่า​ท่าน​พ่อ​จะต้อง​มีพลัง​วิเศษ​เหมือน​ใน​นิยาย​ปรัมปรา​แน่​ ๆ แต่​หลังจากที่​ผู้​เป็น​พ่อ​กลับ​มายัง​ราชวงศ์​อู๋​ เมื่อ​ท่าน​แม่พา​เขา​เข้าไป​ใน​พระราชวัง​เพื่อ​พบ​ผู้​เป็น​พ่อ​ครา​แรก​ เขา​ก็​เพิ่งจะ​รู้​ว่า​พ่อ​ของ​เขา​เป็น​เพียงแค่​คนธรรมดา​คน​หนึ่ง​

ท่าน​พ่อ​ให้​ความใกล้ชิด​สนิทสนม​กับ​ตน​ ทั้ง​ยัง​กอด​ตน​ไว้​นาน​มิยอม​ปล่อย​ ท่าน​พ่อ​มอง​ตน​ด้วย​สายตา​ที่​อบอุ่น​ คิด​ว่า​นั่น​น่าจะเป็น​ความรัก​ที่​ผู้​เป็น​พ่อ​มีให้​ มัน​มิได้​หนักแน่น​ปาน​ภูผา​ เพียงแต่​รู้สึก​อบอุ่น​ดั่ง​ดวง​สุริยา​ใน​ยาม​วสันตฤดู​

หลังจากนั้น​เขา​ถึงได้​ทราบ​ว่า​เหตุใด​ท่าน​แม่ถึงบอ​กว่า​ท่าน​พ่อ​เป็น​ผู้ยิ่งใหญ่​

ท่าน​เป็น​จักรพรรดิ​ของ​ราชวงศ์​อู๋​ บริหาร​ราชวงศ์​อู๋​ให้​เป็นระบบ​ระเบียบ​ แน่นอน​ว่า​ตน​ย่อม​มิรู้เรื่อง​นี้​ แต่​ก็​มักจะ​ได้ยิน​เหล่า​แม่ ๆ ใน​วัง​เอ่ยถึง​เสด็จ​พ่อ​ สีหน้า​ของ​พวก​นาง​เต็มไปด้วย​ความสุข​ เมื่อ​เอ่ยถึง​เสด็จ​พ่อ​ แม้แต่​ถ้อยคำ​ก็​หวาน​ปาน​น้ำผึ้ง​เดือน​ห้า​

หลังจากที่​เขา​เติบใหญ่​ขึ้น​มา พอ​จะรู้เรื่อง​รู้​ราว​อัน​ใด​บ้าง​แล้ว​ เขา​จึงทราบ​ว่า​ท่าน​พ่อ​ได้​รวบรวม​เอกราช​ทั้ง​สี่แคว้น​ไว้​ด้วยกัน​ หลังจากนั้น​ก็​สถาปนา​ต้าเซี่ย​ขึ้น​มา…

เสด็จ​พ่อ​เปรียบเสมือน​ภูเขา​อัน​โอฬาร​ !

ท่าน​ใช้พลัง​ของ​ท่าน​ใน​การ​จัดการ​กับ​ต้าเซี่ย​ และ​ทำให้​ต้าเซี่ย​เจริญรุ่งเรือง​และ​แข็งแกร่ง​ขึ้น​เรื่อย ๆ​ !

ทั้ง​ยัง​ใช้พลัง​ของ​ท่าน​ดูแล​ครอบครัว​นี้​ด้วย​เช่นกัน​ !

เสด็จ​พ่อ​อนุญาต​ให้​เหล่า​น้องชาย​น้องสาว​ของ​เขา​ได้​เรียนหนังสือ​และ​เล่น​อย่าง​สบายใจ​ ให้​รู้สึก​ว่า​แต่ละวัน​ล้วน​เป็น​วันที่​สดใส​

ทว่า​บัดนี้​ท่าน​จากไป​แล้ว​

ท่าน​ได้​มอบ​บัลลังก์​ไว้​ให้​ตน​

นี่​เป็นความ​ไว้ใจ​ที่​เสด็จ​พ่อ​มีต่อ​ข้า​ แต่​ในขณะเดียวกัน​นั้น​ ก็ได้​ทิ้ง​โซ่ตรวน​ไว้​ให้​ข้า​เช่นกัน​ !

ดินแดน​ใด​ใน​ใต้​หล้า​ล้วนแต่​เป็น​ของ​จักรพรรดิ​ ทั่ว​สารทิศ​ล้วนแต่​เป็น​ขุนนาง​ของ​จักรพรรดิ​ เหตุใด​ท่าน​ต้อง​เปลี่ยนแปลง​หลักเกณฑ์​ที่​ดำเนิน​อยู่​นาน​นับ​พันปี​นี้​ด้วยกัน​ ?

บัดนี้​จักรพรรดิ​ดูเหมือน​จะมิใช่จักรพรรดิ​อีกต่อไป​ ขุนนาง​ก็​ดูเหมือน​จะมิใช่ขุนนาง​ พระ​บัญชา​จาก​โอรส​แห่ง​สวรรค์​จำต้อง​ให้​ขุนนาง​เหล่านั้น​มาตรวจสอบ​ พระ​บัญชา​จาก​โอรส​แห่ง​สวรรค์​ยัง​ต้อง​รอ​ให้​เสนาบดี​เหล่านั้น​ถกเถียง​กัน​…โอรส​แห่ง​สวรรค์​เช่นนี้​จะมีไว้​เพื่อ​อัน​ใด​กัน​ !

อู๋​เทียน​ซื่อ​หรี่ตา​ลง​พลัน​รู้สึก​ว่า​เสียง​ประทัด​ช่างแสบหู​ รู้สึก​ว่า​เด็ก​ที่​วิ่ง​ผ่าน​ไป​ผ่าน​มาช่างขัดหู​ขัดตา​เสีย​จริง​ !

เขา​ปิด​ม่าน​หน้าต่าง​รถม้า​ รูม่านตา​ของ​เขา​หดตัว​ลง​ “ท่าน​กง​ ท่าน​ช่วย​จำหน่อย​ว่า​…เมื่อ​ราชสำนัก​กลับมา​ทำการ​เมื่อใด​ช่วย​ย้ำ​เตือน​เจิ้น​สักหน่อย​ วังหลัง​ของ​เจิ้น​ช่างเงียบเหงา​อ้างว้าง​ ถึงเวลา​ที่​เจิ้น​จะเลือก​คู่ครอง​แล้ว​ ! ”

กง​ฮ้วนอวี่​พยักหน้า​ พลาง​ครุ่น​คิดในใจ​ว่า​ครา​ก่อน​ได้​ส่งคนใน​พระราชวัง​ชั้นใน​ออก​ไป​คัดเลือก​คู่ครอง​ให้​ฝ่าบาท​ ทว่า​จำต้อง​ยุติ​ลง​ มาครา​นี้​ฝ่าบาท​ทรง​ประสงค์​ที่จะ​เลือก​คู่ครอง​อีก​ครา​… เห็นที​จำต้อง​เตรียม​หญิงสาว​ไว้​ให้​พระองค์​ทรง​เลือก​เป็น​คู่ครอง​แล้ว​ล่ะ​… ยกตัวอย่างเช่น​หลาน​ของ​ท่า​ป๋า​วั่ง​ที่​ย่าง​เข้า​วัย​ 14 ปี​ ถ้าหาก​นาง​ได้​เข้ามา​เป็น​จักรพรรดินี​…นี่​จะเป็นเรื่อง​ดี​เทียมฟ้า​ของ​ตระกูล​ท่า​ป๋า​

ครา​นี้​ต้อง​ห้ามปราม​ฝ่าบาท​มิให้​สนพระทัย​ใน​ตัว​บุตรสาว​ของ​เสนาบดี​ทั้ง​สามฝ่าย​ เพราะ​สำหรับ​กง​ฮ้วนอวี่​มองว่า​ต้อง​มีผู้มีอำนาจ​เข้ามา​คุม​วังหลัง​ เพื่อ​ช่วยเหลือ​ฝ่าบาท​ ให้​ฝ่าบาท​ขัดขวาง​อำนาจ​ของ​เสนาบดี​ทั้ง​สามฝ่าย​ให้ได้​

ขบวนรถ​ได้​เคลื่อน​มาถึงจวน​จัว​ บัดนี้​จัว​อี​สิง จัว​เปี๋ย​หลี​ รวมถึง​จัว​ตง​หลาย​กำลัง​รอ​อยู่​นอก​จวน​

เมื่อ​พวก​จัว​อี้​สิงถวาย​ความเคารพ​เสร็จสรรพ​แล้ว​ พวกเขา​จึงนำ​อู๋​เทียน​ซื่อ​เข้าไป​ใน​ห้อง​หนังสือ​ที่​เรือน​หลัก​

ประตู​ห้อง​หนังสือ​ถูก​ปิด​ลง​ แม้แต่​กง​ฮ้วนอวี่​ก็​ยัง​ถูกกัน​ไว้​ด้านนอก​

ใน​ห้อง​หนังสือ​มีอากาศ​ที่​อบอุ่น​ เมื่อ​อู๋​เทียน​ซื่อ​ได้​เห็น​จัว​เปี๋ย​หลี​กับ​จัว​อี้​สิง จิตใจ​ของ​เขา​จึงค่อย ๆ​ อบอุ่น​ขึ้น​มา

เยี่ยง​ไร​เสีย​ ใต้​หล้า​นี้​ก็​ยังมี​ญาติ​ที่​คอย​รัก​และ​ปกป้อง​ตน​

ทั้ง​สี่คน​นั่งลง​ อู๋​เทียน​ซื่อ​จ้องมอง​ไป​ทาง​จัว​อี้​สิง

จัว​อี้​สิงดู​ชรา​มาก​แล้ว​ เครา​ของ​เขา​สีขาว​ล้วน​ มีร่อง​ผุด​ขึ้น​มาให้​เห็น​บน​ใบหน้า​ราวกับ​ถูก​ใบ​มีด​คม​กรีด​เป็น​ทาง​ยาว​

แต่​เขา​ดู​มีชีวิตชีวา​มาก​ยิ่งนัก​ มิทราบ​ว่า​เป็น​เพราะ​รู้สึก​หนาวเหน็บ​ที่​ต้อง​รอ​เขา​ท่ามกลาง​หิมะ​ หรือ​เป็น​เพราะ​ดีใจ​ที่​ได้​พบ​ตน​กัน​แน่​ ใบหน้า​ของ​เขา​มีเลือด​ฟาด​ให้​เห็น​จาง ๆ สายตา​ของ​เขา​ส่อง​ประกาย​สว่างไสว​ยิ่งกว่า​เดิม​

“ท่าน​ทวด​ ลำบาก​ท่าน​แล้ว​ ! ”

จัว​อี้​สิงยิ้ม​ชื่นใจ​พลาง​โบกมือ​ปัด​ “กระหม่อม​เข้าใจ​ความเจ็บช้ำ​พระทัย​ของ​ฝ่าบาท​ดี​ เป็น​ฝ่าบาท​ต่างหาก​ที่​ต้อง​ลำบาก​ตลอด​หนึ่ง​ปี​ที่ผ่านมา​นี้​”

“พวกเรา​ล้วนแต่​เป็น​คนใน​ครอบครัว​ทั้งสิ้น​ อย่า​ได้​ห่างเหิน​จน​เกินไป​เลย​… ท่าน​ทวด​หรือ​ท่าน​จะเกษียณอายุ​แล้ว​ออกมา​ใช้ชีวิต​ช่วง​บั้นปลาย​อย่าง​มีความสุข​ดี​หรือไม่​ ? ”

จัว​ตง​หลาย​ต้ม​ชาและ​ริน​ชาให้​ทุกคน​ เขา​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​จัว​อี​สิง จัว​อี้​สิงนิ่งเงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​เอ่ย​ขึ้น​มาว่า​ “ปีหน้า​ ปีหน้า​ข้า​จะทำงาน​ใน​คณะรัฐมนตรี​อีก​หนึ่ง​ปี​ ปี​ต่อไป​ก็​จะเกษียณอายุ​แล้ว​”

เมื่อ​เอ่ย​จบ​ จัว​อี้​สิงก็​ทำ​สีหน้า​จริงจัง​ขึ้น​มา

“เทียน​ซื่อ​เอ๋ย​ ตลอด​ครึ่ง​ปี​มานี้​ทวด​ครุ่นคิด​อยู่​เสมอ​ว่า​ใน​ยุค​ที่​พ่อ​ของ​เจ้ายัง​บริหาร​ต้าเซี่ย​อยู่​นั้น​ ขุนนาง​ทั้งหลาย​ต่าง​ฝึก​ที่จะ​คิด​ด้วย​ตนเอง​ ทั้ง​ยังมี​นิสัย​ตัดสินใจ​นโยบาย​สำคัญ​ด้วย​ตนเอง​”

“หาก​จะใช้อีก​คำ​เอ่ย​หนึ่ง​คือ​ความคิด​ของ​พวกเขา​ได้​หลุดพ้น​จาก​กรง​ที่​ครอบงำ​มานาน​กว่า​สอง​พันปี​แล้ว​ สำหรับ​จักรพรรดิ​แล้ว​นั้น​ พวกเขา​มิได้​เคารพ​เหมือน​อย่าง​ที่​เคย​เป็นมา​ ทั้ง​ยัง​มิฟังพระ​บัญชา​จาก​องค์​จักรพรรดิ​อีกต่อไป​… นี่​คือ​สิ่งที่​พ่อ​ของ​เจ้าคาดหวัง​ แต่​มัน​กลับ​มิใช่สิ่งที่​เจ้าคาดหวัง​”

“ข้า​กำลัง​คิด​ว่า​ แท้จริง​แบบ​ใด​กัน​แน่​ที่​ถูกต้อง​ ? ”

“สอง​สามวันก่อน​ทวด​ได้​เล่น​หมากรุก​กับ​หนาน​กง​อี้​ห​ยู่​ เขา​เอ่ย​บางอย่าง​ออกมา​หนึ่ง​ประโยค​ ซึ่งทวด​ก็​เห็นด้วย​เช่นเดียวกัน​”

อู๋​เทียน​ซื่อ​หันหน้า​ไป​มอง​จัว​อี้​สิงแล้ว​เอ่ย​ถามขึ้น​มาว่า​ “เขา​เอ่ย​ว่า​เยี่ยง​ไร​หรือ​ ? ”

“เขา​เอ่ย​ว่า​…ประวัติศาสตร์​จะเดิน​ไป​ข้างหน้า​ มิมีทาง​หวน​กลับคืน​”

อู๋​เทียน​ซื่อ​ทำ​หน้านิ่วคิ้วขมวด​ ความหมาย​ของ​ประโยค​นี้​ชัดเจน​ยิ่งนัก​ จัว​อี้​สิงกำลัง​โน้มน้าว​ให้​ตน​เดินตาม​วิธีการ​ของ​เสด็จ​พ่อ​ ให้​เหล่า​ขุนนาง​ได้​จัดการ​กับ​ปัญหา​อย่าง​อิสระ​ ให้​พระ​ราช​อำนาจ​ของ​จักรพรรดิ​อยู่​ภายใต้​กฎหมาย​ !

ใน​เมื่อ​ประวัติศาสตร์​เดิน​ไป​ข้างหน้า​และ​มิหวน​กลับคืน​ได้​ หาก​ตน​ต้องการ​ให้​มัน​ย้อนกลับ​ไป​เล่า​ มัน​จะเป็น​เยี่ยง​ไร​กัน​นะ​ ?

จะเป็น​ดั่ง​การทวน​กระแสน้ำ​ที่​เชี่ยว​กราด​หรือไม่​ ?

อู๋​เทียน​ซื่อ​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ มิรู้​ว่า​ควรจะ​ตอบกลับ​เยี่ยง​ไร​ดี​ ความอบอุ่น​ที่​แผ่ซ่าน​ใน​ใจแปรเปลี่ยน​เป็นความ​เย็นเยือก​ ทันใดนั้น​เขา​ก็​หันหน้า​ไป​มอง​จัว​เปี๋ย​หลี​แล้ว​เอ่ย​ขึ้น​มาว่า​ “ท่าน​ตา​ เมื่อ​ราชสำนัก​กลับมา​ทำการ​ เรื่อง​การปลด​ทหาร​จำต้อง​ออก​หนังสือ​ให้​สามแผนก​และ​คณะรัฐมนตรี​พิจารณา​ ! ”

“…กระหม่อม​น้อม​รับ​พระ​บัญชา​พ่ะย่ะค่ะ​ ! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด