นายน้อยเจ้าสำราญ 1362 บ้านเกิดเมืองนอน
ตอนที่ 1362 บ้านเกิดเมืองนอน
ปีนั้นคูฉานจากเมืองฉางจินไปยังจักรวรรดิโมริยะ
หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ถูกรายงานเข้ามาในสมุดพับราชการ
สิ่งที่คูฉานลงมือทำอย่างอึกทึกคึกโครมที่จักรวรรดิโมริยะก็มีสายลับจากหอเทียนจีรายงานมาเช่นกัน
เรื่องมารดาแท้ ๆ ของคูฉานคือหยูซูหรงอดีตองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หยูยังมิถูกเผยแพร่สู่โลกภายนอก ทว่าขุนนางในท้องพระโรงต้าเซี่ยต่างก็ทราบกันดี
หยูซูหรงถูกหอเทียนจีจับตัวกลับมา ในตอนนั้นฟู่เสี่ยวกวนจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยได้ตัดสินโทษโดยให้ผ้าแพรสามฉื่อ และได้ฝังศพของนางเอาไว้ที่สุสานจักรพรรดิในเมืองจินหลิง
ทุกวันนี้ต้าเซี่ยและประเทศโดยรอบได้มีการคบค้าสมาคมกัน ยกเว้นประเทศต้าฝานของคูฉานที่มิได้สานสัมพันธ์ สาเหตุก็เป็นเพราะว่าการคมนาคมมิสะดวก และเพราะสถานะที่อ่อนไหวของคูฉานด้วยเช่นกัน
สำหรับคูฉานแล้วนั้น พวกเยี่ยนซีเหวินเป็นเหมือนคนแปลกหน้า
แต่ก่อนพวกเขาและคูฉานมิได้ไปมาหาสู่กัน แม้แต่หน้าตาของคูฉานก็ยังมิเคยเห็น
ทว่าจี้หยุนกุยแห่งหอเทียนจีเคยวาดรูปพรรณสัณฐานของคูฉานขึ้นมา…
ในตอนนั้นจี้หยุนกุยคิดอยากจะทำสงครามกับต้าฝาน ด้วยเหตุผลที่แสนเรียบง่าย ซึ่งก็คือคูฉานเป็นบุตรชายของหยูซูหรง !
ในความคิดของจี้หยุนกุย คูฉานเป็นผู้รวบรวมเอกราชของจักรพรรดิโมริยะ จากนั้นก็สถาปนาประเทศต้าฝานขึ้นมา ในอนาคตมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าต้าฝานจะเป็นศัตรูของต้าเซี่ย ในเมื่อจะเป็นเช่นนี้ เยี่ยงนั้นก็ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียดีกว่า
เพียงแต่ฟู่เสี่ยวกวนได้ปฏิเสธความคิดนี้ไป เพราะฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าคูฉานยังคงเป็นพระที่มีจิตใจเมตตากรุณา
พวกเยี่ยนซีเหวินเคยเห็นรูปวาดของคูฉานมาก่อน รูปวาดนั้นมิใช่คูฉานผู้นี้ ทว่าในรูปวาดนั้นคูฉานเป็นพระ
แต่ก็มิต่างอันใดกับตอนนี้มากนัก !
เขาไว้ผมยาวดำขลับราวกับขนกา เขามิได้สวมจีวรของพระสงฆ์ และมิได้ถือคทาเอาไว้ เขามิได้แตกต่างอันใดกับคนปกติทั่วไป
ฝานเทียนหนิงจากเมืองฉางจินได้เดินทางไปยังประเทศต้าฝาน เขาได้รายงานต่อแผนกเสมียนกลางว่าจะไปเยี่ยมชมต้าฝานสักครา แต่มิคาดคิดเลยว่าเขาจะพาจักรพรรดิแห่งต้าฝานกลับมาด้วย !
“เชิญนั่งลงเถิด ! ”
เยี่ยนซีเหวินลุกขึ้นยืนแล้วกวักมือเรียกฝานเทียนหนิงกับคูฉานเข้ามา สายตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของฝานเทียนหนิงพร้อมกับเอ่ยถามว่า “ท่านฝานเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยเลยสินะ ! ”
“จะว่าไปแล้วก็เดินทางลำบากจริง ๆ เชิญนั่งลงเถิด” ฝานเทียนหนิงประคองสองมือกล่าว
เขาพาคูฉานเข้ามานั่งที่โต๊ะ จากนั้นก็ค่อย ๆ แนะนำแต่ละคนให้คูฉานรู้จัก แล้วหันไปเอ่ยกับทุกคนว่า
“คูฉานคนก่อนหน้านั้นอยู่ที่ชื่อเล่อชวน ทว่าเขาในตอนนี้เป็นประมุขแห่งแคว้นฝาน มีนามว่าฝานฉาน”
“จักรพรรดิพระเจ้าหลวงเคยกล่าวว่า…ชื่อก็เป็นเพียงสัญลักษณ์ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ครานี้ฝานฉานมาด้วยสันติและมิตรภาพ”
เมื่อฝานเทียนหนิงเอ่ยเช่นนั้น เยี่ยนซีเหวินและคนอื่น ๆ จึงเข้าใจในความหมายทันที เช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่ออกเดินทางไปยังประเทศต้าฝานของฝานเทียนหนิงเป็นจริงแล้ว และแน่นอนว่ามันย่อมเป็นเรื่องดีมากอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งนี่หมายความว่าทุกประเทศในทวีปเอเชียได้กลายมาเป็นพันธมิตรของต้าเซี่ยทั้งหมดแล้ว
“องค์จักรพรรดิแห่งต้าฝาน”
“ตอนที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงยังประทับอยู่ในต้าเซี่ย พระองค์ทรงตรัสถึงท่านอยู่บ่อยครั้ง สำหรับจักรพรรดิพระเจ้าหลวง ท่านถือเป็นพระสหายคนสนิทในจำนวนมิกี่คนของพระองค์”
“พวกเรายินดีต้อนรับการมาเยือนของท่าน วันพรุ่งข้าจะสั่งการให้ทางวัดหงลู่เลี้ยงต้อนรับท่าน ส่วนวันนี้น่ะหรือ…”
เยี่ยนซีเหวินมองไปทางฝานเทียนหนิงพลางส่ายศีรษะ “ท่านฝานมิได้กล่าวว่าท่านจะมาเยือนเมืองฉางอัน ดังนั้นข้าก็เลยเตรียมหม้อไฟไว้แค่หนึ่งหม้อ มันดูง่าย ๆ เป็นงานเลี้ยงภายในบ้านเท่านั้น”
มุมปากของคูฉานเผยอขึ้น เขาเดินทางมาถึงเมืองฉางอันได้สองวันแล้ว
ในสองวันนี้ฝานเทียนหนิงได้พาเขาไปสัมผัสถึงความเจริญรุ่งเรือง !
เขาใช้เวลาสองวันในการเดินชมตรอกซอยน้อยใหญ่ในเมืองฉางอัน สิ่งที่เขาเห็นก็คือสินค้าที่วางเกลื่อนสายตาและเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของราษฎร
เขามิเห็นขอทานแม้แต่คนเดียว มิเห็นแม้กระทั่งคนที่สวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะชุนเลยด้วยซ้ำ !
เขารู้สึกสะเทือนใจมากยิ่งนัก เขาเพิ่งได้ทราบว่าสิ่งที่ฝานเทียนหนิงเอ่ยถึงต้าเซี่ย ยามที่ยังอยู่ต้าฝานล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด !
หลังจากที่เขาได้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตา เขาถึงได้เข้าใจว่ามิว่าเขาจะทุ่มเทเพื่อประเทศชาติมากเพียงใด ต้าฝานก็มิมีทางตามรอยเท้าของต้าเซี่ยได้ทัน
ตนได้จากต้าเซี่ยไปห้าถึงหกปีแล้ว แม้ว่าต้าเซี่ยจะมิได้เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นสู่สายตาของคูฉานทุกอย่างล้วนแปลกตาไปหมด
นี่เป็นความสำเร็จของฟู่เสี่ยวกวน !
เขานำพาต้าเซี่ยไปสู่หนทางที่ถูกต้อง
หลังจากนี้ถ้าหากว่าเขาพิชิตทวีปยุโรปได้สำเร็จ ต้าเซี่ยก็จะเจริญยิ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด
เมื่อถึงตอนนั้นต้าฝานที่รั้งท้าย…ก็คงมิเห็นแม้แต่เงาของต้าเซี่ยอีกต่อไป
ภายในใจของคูฉานเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
เดิมทีเขาแค่คิดจะกลับมาเยี่ยมเยียน เพราะเยี่ยงไรเสียที่นี่ก็คือบ้านเกิดเมืองนอนของเขา
เดิมทีเขามิเคยคิดจะเข้าไปคลุกคลีกับขุนนางของต้าเซี่ย ทว่าบัดนี้เขากลับเปลี่ยนใจขึ้นมา เขาทราบว่าถ้าหากว่าเขามิได้เดินทางมายังต้าเซี่ย เขาก็คงจะเป็นกบในกะลาตลอดไป
“ขอบใจท่านเยี่ยนยิ่งนัก ! ”
คูฉานประคองสองมือแล้วเอ่ยต่อว่า “ข้า…ข้ายังคงเป็นคูฉานคนเดิม แม้ว่าจะไว้ผมยาว ทว่าหัวใจแห่งพุทธศาสนาของข้ายังมิแปรเปลี่ยน”
“คทาของข้ายังอยู่ จีวรของข้าก็ยังอยู่ รอยแผลเป็นที่ศีรษะก็ยังคงอยู่”
“การเดินทางมายังต้าเซี่ยครานี้ ข้าเพียงอยากมาเยี่ยมเยียน...เพราะเยี่ยงไรที่นี่ก็เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของข้า”
คูฉานมิได้มีท่าทีเย่อหยิ่งแต่อย่างใด เขาแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ตัวเขามีมาโดยตลอดออกมา
“ข้าแค่อยากกลับบ้าน”
คูฉานมองทุกคนแล้วเอ่ยต่อว่า “ส่วนพวกเจ้าล้วนแต่เป็นพี่น้องของข้า เป็นญาติสนิทของข้า ! ”
เมื่อฉินโม่เหวินได้ยินดังนั้น จึงรีบปรบมือพลางเอ่ยเสียงดังลั่นด้วยความถูกใจ “คูฉานมีนิสัยตรงไปตรงมา ! คราหนึ่งจักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงตรัสเอาไว้ว่า…ใต้หล้านี้จะมีผู้ใดเล่าที่บรรลุธรรมเป็นพุทธะ ? เว้นเสียแต่คูฉาน ! ”
“ท่านได้ช่วยเหลือราษฎรที่ยากลำบากในแคว้นฝาน นี่ถือเป็นความเมตตากรุณาอันใหญ่หลวง ! ”
“มาวันนี้ท่านได้ย้อนกลับมาที่บ้านเกิดเมืองนอน นี่คือจิตใจที่บริสุทธิ์ของท่าน ! ”
“พวกเรายินดีต้อนรับพวกท่านกลับมา เพียงแต่ว่าหม้อไฟนี้มีแต่เนื้อ… บัดนี้ท่านกินเนื้อหรือว่ากินมังสวิรัติเล่า ? ”
คำถามของฉินโม่เหวินทำให้คูฉานโพล่งหัวเราะออกมา
“คราหนึ่งจักรพรรดิพระเจ้าหลวงเคยตรัสเอาไว้ว่า…ขอเพียงแค่ในใจมีพระพุทธ จะกินเนื้อหรือดื่มสุราก็ได้ทั้งนั้น เช่นนั้นบัดนี้ข้าจะกินเนื้อหรือกินมังสวิรัติก็ย่อมได้ ! ”
“เอาล่ะ ๆ ๆ ซีเหวิน นำอาหารมาได้แล้ว ข้าอยากจะดื่มสุรากับน้องคูฉานสักสองสามจอก ! ”
ทันใดนั้น ความกังวลที่ก่อตัวอยู่ในใจของคูฉานก็พลันสลายหายไปในทันตา เขาได้สัมผัสบรรยากาศที่มิได้สัมผัสมานาน รวมถึงบรรยากาศของมิตรภาพก็มิได้สัมผัสมาแสนนานเช่นกัน
ราวกับว่าเขาได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต กลับไปตอนที่พบกับฟู่เสี่ยวกวนในช่วงแรก ๆ
บัดนี้คูฉานได้ปล่อยวางสิ่งที่พันธการเขาเอาไว้ แล้วยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม
เมื่อสุราตกลงถึงท้อง เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองคนเก่าได้กลับมาแล้ว
เขามิได้โดดเดี่ยวเหมือนตอนที่อยู่ที่ต้าฝาน
อยู่ ๆ ก็พลันรู้สึกว่าการที่เดินทางตามฝานเทียนหนิงมา แท้ที่จริงแล้วนี่คือสิ่งที่ใจต้องการ.…
ที่นี่ต่างหากถึงจะเป็นดินแดนแห่งความสุขของเขา !
ส่วนต้าฝาน... เยี่ยงไรก็เป็นต่างถิ่นต่างแดนอยู่ดี
สนทนากันเรื่องวันวาน กินหม้อไฟที่เดือดปุด ๆ พลางดื่มสุราซีซาน เพียงครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น คูฉานก็รู้สึกว่าตนเองเมาได้ที่แล้ว
เขาถือจอกสุราแล้วเอ่ยถามออกมาว่า
“จริงสิ จักรพรรดิพระเจ้าหลวง… พระองค์จะเสด็จกลับมาเมื่อใดกัน ? ”
Comments