นายน้อยเจ้าสำราญ 506 โหมโรง

Now you are reading นายน้อยเจ้าสำราญ Chapter 506 โหมโรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 506 โหมโรง
ตอนที่ 506 โหมโรง

รัชสมัยเซวียนลี่ที่เก้า เดือนสิบสอง วันที่ยี่สิบเก้า ยามค่ำ

ท้องฟ้ามืดครึ้ม มองดูแล้วช่างน่ากลัวยิ่ง ก้อนเมฆสีเทาลอยปกคลุมเหนือเมืองจินหลิงแต่กลับมิมีลม ราวกับว่ามันกำลังจะกลืนกินที่แห่งนี้

ณ ริมฝั่งแม่น้ำฉินหวาย

เยียนเหลียงเจ๋อยืนมองผิวน้ำแล้วหลับตาลงช้า ๆ

นับจากคืนนั้นจวบจนบัดนี้ก็ย่างเข้าสี่วันแล้วที่แม่น้ำฉินหวายไร้ซึ่งหงซิ่วจาวตั้งอยู่ ส่วนศพของเปียนหรงเอ๋อยังคงอยู่ที่โรงเตี๊ยม

ร่างของนางถูกเผาเสียจนมอดไหม้ มองมิเห็นหน้าตา มีเพียงกำไลหยกบนข้อมือเท่านั้นที่บ่งบอกถึงตัวตนของนาง

คืนนั้น มีผู้คนอีกมากมายที่ต้องจบชีวิตลง เหลือเพียงคนสมควรตายผู้นั้นที่สามารถรอดไปได้ !

คาดว่าถงเหยียนเองก็ตกตายไปในสนามต่อสู้นั้นเช่นกัน

หรือจะเป็นดั่งที่ชาวบ้านกล่าวกันว่าสวรรค์เบื้องบนคอยปกป้องคนสมควรตายผู้นั้นเอาไว้ ?

เยียนเหลียงเจ๋อรู้สึกว่านี่เป็นความต้องการของสวรรค์ มิเช่นนั้นแล้ว การที่ตนตั้งใจจะเอาชีวิตของฟู่เสี่ยวกวนอยู่หลายครา เหตุใดเขาถึงยังสามารถรอดปลอดภัยไปได้กัน ?

เมื่อคืน ตนได้รับราชสาส์นลับจากเสด็จพ่อ เนื้อความช่างง่ายดายมากยิ่งนัก ระบุไว้เพียงประโยคเดียวว่า “ใจข้า…ผิดหวังยิ่ง ! ”

สิ่งนี้เปรียบเสมือนค้อนเหล็กอันใหญ่ทุบลงที่กลางทรวงอก นอกจากนี้ยังมีรายงานลับอีกหนึ่งฉบับ กล่าวว่าบัดนี้ทหารชายแดนตะวันออกได้รวมทัพขึ้นมาอีกครา และยังมีปืนใหญ่หงอีกว่าสี่ร้อยกระบอก

อีกทั้งได้มีการนำปืนใหญ่หงอี 100 กระบอกไปตั้งไว้ที่หัวเมืองต้าชิว !

หยูเวิ่นเทียนนำทหารกว่าหนึ่งแสนนายพร้อมด้วยปืนใหญ่หงอี 300 กระบอกมุ่งหน้าไปยังด่านจินหยาง

เยียนเหลียงเจ๋อสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หากทหารของราชวงศ์หยูตีด่านจินหยางแตก และข้ามภูเขาจินหยางมาได้ ด้านหลังนั้นคือว่อเฟิงหยวนที่ราบกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต และเป็นคลังเสบียงที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นอี๋ !

หากดำเนินมาถึงขั้นนี้ หมายความว่าพวกเขาสามารถครอบครองพื้นที่แคว้นอี๋ไปได้กว่าสามส่วน มิน่าเล่าเสด็จพ่อถึงกังวลมากยิ่งนัก!

เจ้าฟู่เสี่ยวกวนได้เงินทองไปตั้งมากมาย แต่บัดนี้ ก็ยังมิเอ่ยถึงเรื่องการเจรจาออกมาเลย !

เยียนเหลียงเจ๋อเข้าใจได้ทันทีว่าฟู่เสี่ยวกวนกำลังเล่นงานตน และตนก็กำลังไร้หนทางที่จะรับมือ

ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยูมิเปิดโอกาสให้เขาได้เข้าเฝ้า แม้แต่กรมพิธีการอย่างหงหลูซื่อก็มิให้เข้าพบ คนพวกนั้นกล่าวเพียงว่า การเจรจาครานี้ให้ทำตามที่ใต้เท้ากวนตัดสินใจ

เมื่อเป็นเช่นนี้ หมายความว่าหากฟู่เสี่ยวกวนอยากจะเจรจาเมื่อใด ถึงจะได้เริ่มการเจรจา

ทำเช่นนี้เพราะต้องการกักตัวตนไว้ที่นี่ เพื่อให้ทหารชายแดนตะวันออกเดินหน้าบุกยึดว่อเฟิงหยวนเยี่ยงนั้นหรือ ?

เขาถอนหายใจออกมา เจ้าหมอนี่จิตใจโหดเหี้ยมสิ้นดี แม้แต่ทหารหงหลิงที่แข็งแกร่งของแคว้นอี๋ กลับแพ้อย่างราบคาบเมื่ออยู่ต่อหน้าปืนใหญ่หงอี

วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันที่สามสิบแล้ว

หากเอ่ยถึงหลายปีที่ผ่านมานี้ ตอนนี้ตนควรจะประทับอยู่ในตำหนักบูรพาที่แสนอบอุ่น รอรับของขวัญที่เหล่าขุนนางนำมาถวายอย่างสำราญใจ

แต่ทว่าบัดนี้ กลับต้องมานั่งกินลมหนาวอยู่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำฉินหวาย !

ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะฟู่เสี่ยวกวน !

นัยน์ตาของเยียนเหลียงเจ๋อปรากฏความอาฆาตแค้นขึ้นมา รอให้ข้ากลับไปถึงแคว้นอี๋ก่อนเถิด ข้าจะให้องค์จักรพรรดิส่งกองทัพมาเอาคืนให้จนได้ !

มิเพียงแต่นำอาณาเขตที่ถูกยึดกลับคืนมาเท่านั้น อีกทั้งจะบุกเข้ามาในวังหลวงเพื่อนำศีรษะของฟู่เสี่ยวกวนกลับไปให้จงได้ !

หากเสด็จพ่อมิเห็นด้วย…เช่นนั้น ข้าคงต้องกระทำการบางอย่างเสียแล้ว !

……

……

ในขณะที่เยียนเหลียงเจ๋อกำลังหาวิธีจัดการฟู่เสี่ยวกวน ฝ่ายคนถูกหมายหัวกำลังนั่งอยู่ในศาลาเถาหราน

ผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคือขันทีเจี่ย ในมือถือรายงานลับไว้หนึ่งฉบับ

ฟู่เสี่ยวกวนมองรายงานลับในมือของอีกฝ่าย แล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สองตามองขึ้นไปยังท้องนภาที่ค่อนข้างจะมืดมน “หิมะน่าจะตกหนัก”

“นั่นสิ มิรู้ว่าที่เมืองกวนหยุนหิมะตกแล้วหรือยัง ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนดึงสายตากลับมามองขันทีเจี่ย คิ้วขมวดบ่งบอกถึงความกังวลในใจ “โจวถงถง…โดนองครักษ์ชุดแดงกว่าหนึ่งหมื่นนายล้อมเอาไว้ เขาจะรอดมาได้หรือไม่ ? ”

“มิต้องกังวลไป โจวถงถงดูแลหอเทียนจีมากว่าสิบปี มิมีผู้ใดรู้ว่าเขาได้ขุดอุโมงค์ใต้ดินเอาไว้มากมายเพียงใด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ในราชวงศ์อู๋ เขาจึงเปรียบเสมือนปลาในน้ำ เหล่าองครักษ์ชุดแดงจะจับกุมเขาได้เยี่ยงไร”

“แต่เขาต้องเดินทางไปยังเมืองกวนหยุน หากข้าเป็นนางปิศาจคงจะวางกับดักไว้มากมายเพื่อรอให้หนูมาติดกับ”

ขันทีเจี่ยนิ่งเงียบและครุ่นคิด ก่อนจะหัวเราะออกมา “ในเมื่อนางปิศาจร้ายขึ้นครองบัลลังก์ ทั้งยังจับขุนนางไว้เป็นตัวประกัน นางคงคิดว่าได้กำทุกสิ่งอย่างไว้ในมือแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วนางมิสามารถควบคุมได้เลยด้วยซ้ำ เจ้าอย่าคิดดูถูกจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เยี่ยงจัวอี้สิงและหนานกงอี้หยู่เชียว แม้พวกเขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี แต่ทว่าตลอดหลายสิบปีมานี้พวกเขาก็ยังคงมีพรรคพวกอยู่มากมาย

กอปรกับตำแหน่งจักรพรรดินีของนางได้มาโดยมิชอบธรรม พรรคพวกของสองจิ้งจอกเฒ่าจึงรอดูทิศทางลมก่อนเป็นแน่

จากที่ไตร่ตรองดูแล้ว นางจะต้องให้กรมกลาโหมรวบรวมกำลังทหารและเคลื่อนทัพไปยังทางเดินฉีซานเป็นแน่ เรื่องนี้มีเพียงกรมกลาโหมเท่านั้นที่ชำนาญกว่าผู้ใด แต่ที่สถานการณ์ยังคงยืดเยื้ออยู่เช่นนี้ต้องเป็นเพราะฝีมือของหนานกงอี้หยู่อย่างแน่นอน

ฟู่เสี่ยวกวนก้มหน้าครุ่นคิด “แต่หากยืดเยื้อไปเรื่อย ๆ นี่มิใช่วิธีที่ดีเท่าใดนัก”

“แต่ตาเฒ่านั่นคิดว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุด”

“เขากล่าวว่าเยี่ยงไร ? ”

“ตราบใดที่โจวถงถงนำ…ฟู่ต้ากวนไปยังเมืองกวนหยุน นางปิศาจก็จะไร้เวลาใส่ใจเรื่องทหารเหล่านี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการยึดอำนาจ จำต้องเปลี่ยนขุนนางชุดใหม่เกือบทั้งหมด นี่มิใช่เรื่องง่ายนางต้องใช้เวลาและความคิดมากพอควร

ฟู่ต้ากวนเดิมทีมีฐานะเป็นพระเชษฐาของจักรพรรดิพระองค์ก่อน ย่อมมีสายเลือดของจักรพรรดิอยู่ การที่ได้ทราบข่าวว่าโจวถงถงพาฟู่ต้ากวนเดินทางไปยังเมืองกวนหยุน นั่นก็เพื่อทำให้นางมิอาจควบคุมราชวงศ์ได้โดยง่าย”

ขันทีเจี่ยเงียบลงชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า “ราชวงศ์อู๋คือสวรรค์ของคนแซ่อู๋ มิว่าจะเป็นราษฎรหรือขุนนาง ล้วนจงรักภักดีต่อเชื้อพระวงศ์ แต่ทว่านางปิศาจมิใช่ ดังนั้น ข้าจึงคิดว่าการที่นางทำเช่นนี้ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี อีกทั้งการกระทำที่รีบเร่งเยี่ยงนี้มักจะล้มเหลว”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้ารับแสดงความเข้าใจ แต่กลับกังวลเรื่องความปลอดภัยของชายอ้วนผู้นั้นขึ้นมา

ส่วนเรื่องที่ว่าตนและหลิงเอ๋อร์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ข้าไปมีความสัมพันธ์กับนางตั้งแต่เมื่อใดกันเล่า !

ย่อมเป็นแผนการของนางปิศาจที่ตั้งใจใส่ร้ายข้าเป็นแน่ เพื่อที่จะใช้เหตุผลนี้มาอ้างให้นางได้ครองบัลลังก์อย่างมั่นคง

มิรู้ว่าบัดนี้อู๋หลิงเอ๋อร์เป็นเยี่ยงไรบ้าง ?

หากนางเป็นอิสระได้ก็จะยังคงรักษาตำแหน่งจักรพรรดินีเอาไว้ได้ดังเดิม เพราะนางปิศาจไม่มีพระราชโองการสืบทอดบัลลังก์

“ฝูงมดจงตั้งใจฟังราชโองการลับจากข้าทั้งสามข้อให้ดี”

“น้อมรับพระบัญชา”

“ข้อที่หนึ่ง เรื่องความเคลื่อนไหวทางตะวันตกของราชวงศ์หยู ต้องรายงานข้าโดยเร็วที่สุด”

“ข้อที่สอง ท่าป๋าเฟิงแห่งแคว้นฮวงได้รวบรวมกองกำลังปาฉี มีทหารจำนวนสี่แสนนาย จุดประสงค์ของเขานั้นมิต้องกล่าวท่านย่อมรู้ดี ข้าต้องการล่วงรู้แผนการและความเคลื่อนไหวของกองทัพแห่งแคว้นฮวง”

“ข้อที่สาม…การที่กองทัพรักษาการทางเหนือของราชวงศ์อู๋มิอาจเดินทางออกจากภูเขาฉีซานได้ถือเป็นเรื่องดี แต่หากเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้น จงถ่วงเวลาการเดินทางออกจากภูเขาฉีซานไปอย่างน้อยเป็นปลายเดือนหนึ่งของปีหน้า”

ขันทีเจี่ยลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับ “หมดหน้าที่ของข้าแล้ว เช่นนั้น ข้าขอลา”

ยามที่เดินจากไป ในมือของเขายังคงถือรายงานลับนั้นเอาไว้อยู่ ที่มิได้มอบให้กับฟู่เสี่ยวกวน เนื่องจากในรายงานลับนี้ยังเอ่ยถึงเรื่อง… บัดดี้องค์จักรพรรดินีทรงพระครรภ์ได้ 7 เดือนแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด