นายน้อยเจ้าสำราญ 75 ผู้ประสบภัย

Now you are reading นายน้อยเจ้าสำราญ Chapter 75 ผู้ประสบภัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 75 ผู้ประสบภัย

ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้สีทองจำนวนมากต่างทยอยสลัดใบลงสู่พื้นดิน ฤดูกาลของการเก็บเกี่ยวก็ย่อมมาถึง

สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงชีพอยู่ในทุ่งนา นี่คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของปี

แต่สำหรับเหล่าผู้ประสบภัยที่อยู่ด้านนอกอำเภอเหยา พวกเขามิมีแม้แต่เศษเสี้ยวของความสุข บนใบหน้าของพวกเขามีเพียงความโศกเศร้า ว่างเปล่า ดูเหมือนว่าชีวิตไร้ความหมายและสิ้นหวัง

ประตูเมืองถูกปิดแล้ว พวกเขาพักอยู่ในเพิงเก็บของเน่า ๆ ด้านนอกเมือง สิ่งที่อธิษฐานอยู่ทุกวันก็คือโจ๊กบรรเทาทุกข์จากราชสำนักสักสองครา แม้แต่โจ๊กก็ใสจนเห็นก้นถ้วย มีเพียงเมล็ดข้าวและข้าวฟ่างไม่กี่เม็ดเท่านั้น แต่ในสายตาของพวกเขามันคืออาหารประทังชีวิตที่อร่อยที่สุด

ฟู่เสี่ยวกวนได้เดินทางมาถึงอำเภอเหยาแล้ว พวกเขาขึ้นไปยังบนกำแพงเมืองก่อน สิ่งที่ได้เห็นนั้นคือสถานการณ์ในตอนนี้

หยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานตกใจอย่างยิ่ง เกือบทุกปีของราชวงศ์หยูมักจะเกิดภาวะขาดแคลน ทุกปี ราชสำนักก็จะมาบรรเทาทุกข์ พวกนางคิดมาเสมอว่าสถานที่ที่เหล่าผู้ประสบภัยพำนักอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่อย่างน้อยก็ได้รับประกันด้านอาหารการกิน

พวกนางมิเคยคิดเลยว่าชีวิตของผู้ประสบภัยนั้นจะเป็นเยี่ยงนี้ กระท่อมที่โคลงเคลง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ทั้งยังซุปใสที่ทานหมดภายในคำเดียว

มีเด็กคนหนึ่งร้องลั่นด้วยความหิว หลังจากที่ร้องจนเหนื่อยก็หลับไป มิสามารถกล่าวได้เลยว่าหลับไปครานี้แล้วจะยังตื่นขึ้นมาอีกหรือไม่

ชายชราผู้หนึ่งนำโจ๊กที่หาได้ยากของตนมอบให้กับลูก ๆ ของเขา หวังว่าบุตรชายและบุตรีของตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไป

มีบางคนกำลังดื่มน้ำอยู่ในแม่น้ำ ความหิวนั้นทรมานอย่างแท้จริง ทำได้เพียงกลืนกินรากหญ้าเปลือกไม้และดื่มน้ำตามลงไป

หยูเวิ่นหวินขบกรามแน่นจนเกือบจะแตกหัก “เจ้าสุนัขหลวง ! ข้าจะจัดการพวกเขา ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนคว้านางเอาไว้ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “อย่าได้ผลีผลาม พวกเรายังมิเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่ บางเรื่อง… อาจจะยุ่งยากเสียยิ่งกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้”

“แต่ทุกปีราชสำนักจะจัดเสบียงสำหรับบรรเทาทุกข์เป็นจำนวนมาก มิเชื่อเจ้าถามชูหลาน ชูหลานเองก็ทราบ”

ต่งชูหลานพยักหน้า วัตถุดิบสำหรับบรรเทาทุกข์นั้นจะต้องผ่านการจัดสรรจากทางกรมคลัง บิดามักจะจัดการเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง นางเลยรับรู้มาเล็กน้อย

ตามข้อบังคับการบรรเทาทุกข์ของกรมคลัง ทุกวันผู้ประสบภัยจะต้องได้รับธัญพืช 4 เหลียง และข้าวสาร 1 เหลียง ไม่ว่าจะเยี่ยงไร เรื่องปากท้องก็มิควรจะเหมือนกับในตอนนี้ ในวัตถุดิบของโจ๊กนั้นเกรงว่าจะมีราคาไม่ถึง 5 อีแปะด้วยซ้ำ เยี่ยงนั้นเสบียงเล่า?

“เรื่องนี้พวกเรากลับไปยังซีซานแล้วค่อยคุยกัน ในตอนนี้พวกเราต้องไปหาหยู๋เซี่ยนหลิง สำหรับปัญหาที่เกิดนั้น มันมิเหมาะสมที่จะให้พวกเจ้าเข้าร่วมด้วย ให้จวนโจวส่งมาคนมาตรวจสอบ”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้กล่าวว่าแม้จะถูกตรวจสอบแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็มิมีอันใดเกิดขึ้น

หยูเวิ่นหวินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้านั้นยังคงปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง นางรับฟังความคิดเห็นของฟู่เสี่ยวกวน เพราะต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยมิใช้ฐานะขององค์หญิงของนาง

ทั้งกลุ่มเดินลงจากบนกำแพง ขึ้นรถม้า และตรงไปยังที่ทำการอำเภอ

ฟู่เสี่ยวกวนส่งป้ายชื่อของตนเองไป ผู้เฝ้าประตูก็พาพวกเขาไปยังข้างหลังเรือน

หยู๋เหลียนคาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะมาเยี่ยมเยียน ตระกูลฟู่นั้นมีที่ดินใหญ่ที่สุดของหลินเจียง ส่วนของทุ่งนาเกินครึ่งของอำเภอเหยาก็เป็นของตระกูลฟู่ ดูแล้วเหมือนจะมาเรียกเก็บภาษี ฟู่ต้ากวนไม่มาแต่ให้บุตรชายมาจะหมายความเยี่ยงไร ?

ตามที่อาจารย์ทังกล่าว เกรงว่าที่ฟู่เสี่ยวกวนมาจะไม่ใช่เรื่องของภาษี แต่มิว่าจะครุ่นคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกอยู่ดีว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงออกไปพบหน้าเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

ฟู่เสี่ยวกวนให้คนขนย้ายซีชานเทียนฉุน 2 ลังเดินไปยังด้านหลังจวน หยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานอยู่บนรถม้า

ตัวตนของสตรีทั้งสองพิเศษเกินไป มิเหมาะที่จะปรากฏตัวในที่แบบนี้

“ได้ยินชื่อเสียงหยู๋เซี่ยนหลิงมาเนิ่นนาน ข้านั้นชื่นชมมาเนิ่นนานแล้ว แต่เพราะมีเรื่องติดพันจนถึงวันนี้จึงเพิ่งได้มา หวังว่าหยู๋เซี่ยนหลิงจะให้อภัย” ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนแต้มรอยยิ้ม และกำกำปั้นคำนับหยู๋เซี่ยนหลิง

“ฮ่าฮ่า ข้ามิเคยคาดคิดเลยว่าเสียนจื๋อจะมาในวันนี้ เมื่อปีที่แล้วข้าไปทำธุระที่หลินเจียง ได้รับการต้อนรับจากตระกูลฟู่ ได้ยินหัวหน้าตระกูลฟู่เอ่ยถึงเจ้า แต่ในตอนนี้เสียนจื๋อมีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วใต้หล้า พ่อพยัคฆ์มิมีลูกเป็นสุนัข วีรชนผู้เยาว์วัย”

“ท่านก็กล่าวชมกันเกินไป ข้ามาจากหมู่บ้านเซี่ยชุน มิได้นำของขวัญอันใดมา สองลังนี้คือซีชานเทียนฉุนแต่เป็นข้าที่ลงมือกลั่นด้วยตนเอง หวังว่าหยู๋เซี่ยนหลิงจะน้อมรับ”

“คงดูมิดีนัก เสียนจื๋อเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่มีชื่อเสียงขจรไกล กวีนิพนธ์ก็ได้เผยแพร่ไปทั่วใต้หล้า เจ้าสามารถมาเยี่ยมเยียนชายชราได้ทุกเมื่อ ให้ข้าสัมผัสกับผู้มีพรสวรรค์ทางด้านวรรณกรรมอันดับหนึ่งแห่งหลินเจียง นี่นับว่าเป็นการให้เกียรติแก่ข้าแล้ว สุรานี้ ข้าคงรับไว้มิได้”

ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็มองไปรอบ ๆ และเอ่ยถามเสียงแผ่ว “หยู๋เซี่ยนหลิง ข้าใคร่สงสัยว่าหลายวันมานี้ผู้ประสบภัยที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นต้องทำให้ท่านต้องปวดหัวเป็นแน่ ข้านั้นกังวลใจอย่างยิ่ง หากผู้ประสบภัยเหล่านั้นไปขโมยเสบียงอาหารของตระกูลข้าเยี่ยงนั้นคงมิงามนัก โชคดีที่อยู่ภายใต้การปกครองของท่าน ผู้ประสบภัยเหล่านั้นจึงมิก่อความโกลาหลขึ้นมา ดังนั้นสุรานี้ท่านต้องรับเอาไว้ นี่คือความซาบซึ้งจากใจของข้า”

“อ่า ฮ่าฮ่า ผู้ประสบภัยเหล่านั้นถือว่าซื่อสัตย์ ทุกวันข้าจะส่งคนไปมอบโจ๊กให้กับพวกเขาและก็ได้ส่งหน่วยตรวจตราไปลาดตระเวน โชคดีที่มิเกิดปัญหาอันใด”

หยู๋เหลียนรินชาให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน และกล่าวว่า “เสียนจื๋อยังมิทราบปัญหาของด้านนอกอำเภอเหยา จนถึงวันนี้ ด้านนอกนั้นมีผู้ประสบภัยถึง 33,670 คน จากสถานการณ์ในตอนนี้คาดว่าในอนาคตก็จะมีเพิ่มขึ้น และอำเภอเหยาก็รองรับคนได้ไม่เกินหนึ่งแสน หากเกิดความโกลาหลขึ้น ข้าเองก็ลำบากเช่นกัน”

“แต่หากพวกเขามิไป เยี่ยงนั้นก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้”

หยู๋เหลียนลูบเครา และถอนหายใจ “มิสามารถขับไล่ผู้ประสบภัยได้ หลายวันมานี้ข้ากำลังครุ่นคิด หากยังเพิ่มจำนวนขึ้น อำเภอเหยาคงรับมิไหว คงทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากจวนโจว”

“เสียนจื๋อคิดได้แล้วหนทางหนึ่ง หยู๋เซี่ยนหลิงท่านดูสิว่าจะเป็นไปได้หรือมิได้”

ในความคิดของหยู๋เหลียน คาดว่าตระกูลฟู่น่าจะแจกจ่ายโจ๊กเพื่อบรรเทาทุกข์แล้ว

ตระกูลฟู่ย่อมกังวลความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นจากเหล่าผู้ประสบภัย เพราะผู้ที่แบกรับความรุนแรงก็คือผู้เช่าที่นาของตระกูลฟู่ ในตอนนี้ถึงแม้ข้าวจะได้เข้ายุ้งฉางไปแล้ว แต่ข้าวเหล่านั้นยังมิได้ส่งไปให้จวนฟู่ และยังมิได้ส่งให้แก่ทางการ

หากเกิดความโกลาหลขึ้นในยามนี้ เหล่าผู้ประสบภัยจะเข้าปล้นชิงเหล่าผู้เช่าที่นา ถึงแม้จวนโจวจะส่งทหารมาปราบปราม แต่ความเสียหายของจวนฟู่จะต้องหนักหนาเป็นแน่

เยี่ยงนั้น สู้เอาเสบียงมาแจกจ่ายเหล่าผู้ประสบภัยเสียเล็กน้อย เพียงเพื่อให้พวกเขามีอาหารก็จะมิก่อเรื่องแล้ว และตระกูลฟู่ก็จะสามารถนำเสบียงเหล่านั้นออกมาบรรเทาทุกข์ได้ สำหรับอำเภอเหยา ถือเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว

แต่ประโยคต่อจากนั้นของฟู่เสี่ยวกวนกลับทำให้หยู๋เหลียนตื่นตระหนก !

“หากข้ารับผู้ประสบภัยเหล่านั้นมา หยู๋เซี่ยนหลิงคิดว่าอย่างไรบ้าง?”

“อะไรนะ” หยู๋เหลียนผงะตกใจตื่น

“เจ้าต้องการรับผู้ประสบภัยเหล่านั้นรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ประสบภัยมีจำนวนนับหมื่น ถึงแม้เสบียงของตระกูลเจ้าจะมีมาก แต่ที่นาของตระกูลเจ้าได้ถูกแบ่งไปนานแล้ว เจ้าจะเลี้ยงดูพวกเขาได้เยี่ยงไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าต้องสร้างเพิงที่พักให้พวกเขามากมายเพียงไหน ในเหล่าผู้ประสบภัย คนชราที่มีโรคอ่อนแอและคนพิการคิดเป็น 2 ส่วน ร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าและอ่อนแอจากการเดินทาง หลายคนต้องล้มเจ็บกับอาการป่วย เจ้ารู้หรือไม่ว่าต้องใช้เงินจำนวนเท่าใดการรักษาพวกเขาให้หายดี”

หยู๋เหลียนยังคงพูดต่อไป นั่นคือสิ่งที่ออกมาจากใจของเขา เรื่องนี้ต่อให้เป็นทางราชสำนักก็ต้องคิดหนักเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าของที่ดินเลย !

ฟู่เสี่ยวกวนฟังเขากล่าวอย่างเงียบ ๆ และเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ที่หยู๋เซี่ยนหลิงกล่าวมา ล้วนเป็นความจริง เพียงแค่ข้านั้นหวังอย่างยิ่งว่าจะแก้ไขอันตรายของอำเภอเหยาได้ เพื่อมิให้พวกเขาเหล่านั้นทำร้ายผู้อื่น ส่วนเรื่องการสร้างที่พักพิงให้กับพวกเขา ข้านั้นมีหนทางอยู่เล็กน้อย ท่านมิต้องกังวลใจ ขึ้นอยู่กับท่านแล้วว่าจะอนุญาตหรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด