[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 94 ไฟล์ 11 : เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง [4]

Now you are reading [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง Chapter 94 ไฟล์ 11 : เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง [4] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอฉันถูกโยนลงบนฟูกที่นอน ก็สะดุ้งตื่นเต็มตาเลย

ตอนที่ฉันรีบพยุงตัวลุกขึ้นมานั่ง ฉันก็เห็นประตูปิดดังปังต่อหน้าต่อตาฉันเลย มันเป็นประตูเหล็กสนิมเขรอะ ถูกลงกลอนจากข้างนอก ในที่สุดฉันก็เข้าใจได้ซักทีว่าตอนนี้ตัวเองโดนขังแล้ว

หัวตึงสุดๆ ไปเลย รู้สึกเหมือนกับว่าถ้าตัวเองผ่อนคลายลง ‘เสียง’ นั่นมันจะกลับมาหาฉันอีกยังไงยังงั้นแหละ ความรู้สึกเสียงสันหลังวาบจากเสียงของอุรุมิ รูนะน่ะ…

ฉันใช้ขาที่สั่นเทาของตัวเองลุกขึ้นยืน ก่อนจะเริ่มสำรวจห้องขังของตัวเอง หน้าต่างบานนึงในห้องนี้เป็นช่องระบายอากาศ สูงเกินไปจนฉันปีนขึ้นไปไม่ถึง แล้วก็มีแสงกระพริบๆ จากหลอดฟลูออเรสเซนซ์ ช่องระบายอากาศนั่น ต่อให้ฉันปีนขึ้นไปได้ถึงตรงนั้นได้ ก็ยังมีฝาเหล็กปิดอยู่ตรงนั้นอยู่ดี ทำไปก็เปล่าประโยชน์

ประตูมีช่องแอบดูที่ปิดอยู่ตรงระดับสายตา ถ้าฉันเอานิ้วกดไว้ ฉันก็มองเห็นข้างนอกจากในห้องนี่ได้เหมือนกัน ฉันแนบหน้ากับประตูแล้วมองออกไปดู แต่ก็ไม่เห็นพวกคนในลัทธิที่โยนฉันเข้ามาในนี้อยู่แถวนี้เลย เสียงผีเท้าเองก็ห่างออกไปเรื่อยๆ ไม่นาน ฉันก็ไม่ได้ยินอะไรแล้ว ฉันเห็นภาพได้แค่จากที่เล็กๆ เท่านั้นเอง: เป็นภาพของโถงทางเดินยาว 5 เมตรไปทางซ้ายกับทางขวา แล้วก็ประตูเหล็กอีกบานนึงที่กำแพงฝั่งตรงข้ามจากประตูบานนี้ ดูแล้วก็คงจะเป็นห้องขังอีกห้องนึงที่เหมือนกับห้องนี้นั่นแหละนะ ฉันดึงนิ้วตัวเองออกมา แล้วฝาปิดช่องก็ตกกลับลงมาปิดช่องแอบดูเหมือนเดิม

ของที่มีอยู่ในห้องนี้ก็มีแค่ฟูกที่นอนที่ผ่านการใช้งานมาจนหมดสภาพ กับผ้าห่มที่ผ่านมรสุมมาไม่ต่างอะไรจากฟูกเลย มีชักโครกแบบตะวันตกอยู่ที่มุมนึงของห้องขังนี้ด้วย อย่างน้อยก็ยังมีน้ำไหลอยู่นะ ชวนให้นึกถึงห้องพัก [สไตล์นิวยอร์ค] ที่เคยไปพักที่โอกินาว่าขึ้นมาเลยแฮะ ตอนนั้นฉันก็คิดว่ามันดูเหมือนคุกเลยนะ แต่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าจะโดนยัดเข้ามาในที่แบบนี้จริงๆ…
 

ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกที

หลับตาลง และหยุดยืนอยู่นิ่งกับที่ ความรู้สึกที่เคยมีในตอนนั้นมันก็กลับเข้ามาหาฉันแล้ว

ตอนนั้น สมัยก่อนตอนที่ฉันยังอยู่มอปลาย ตอนที่โดนพวกลัทธิที่พ่อกับย่าเข้าร่วมด้วยไล่ล่า

ความโกรธ ความรำคาญใจ กับการตัดสินใจอย่างเจ็บปวดที่จะไม่ยอมให้เรื่องมันเป็นไปแบบที่ใครต้องการทั้งนั้น

ฉันได้กลิ่นร้อนๆ แห้งๆ―แบบกลิ่นเวลาที่ใช้กระทะทำอาหารโดยที่ไม่ได้ใส่น้ำหรือน้ำมันลงไป―ลึกอยู่ในจมูกเลย

ฉันหายใจอย่างระมัดระวัง แต่ละครั้งที่หายใจเข้าก็มีเรื่องมากมายไหลตามเข้ามาในหัวด้วย

 

ไม่มั่นใจ กังวล สับสน

ออกไปจากที่นี่ได้แล้วจะทำยังไงดี? ไปหาตำรวจเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับคุณโคซากุระบ้างแล้วเนี่ย? โทริโกะยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า…?

 

ฉันไล่ความคิดสะเปะสะปะพวกนั้นออกไปจากหัวให้หมด ตั้งสมาธิกับเรื่องที่สำคัญที่สุด: จะออกไปจากที่นี่แล้วเอาตัวรอดยังไง?

ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้วนะ―เป็นไปได้ก็ไม่อยากลิ้นรสชาติแบบนี้อีกเลยนะ นี่สนิมเกาะไปหมดแล้วหรือเปล่าเนี่ย

แต่ก็ยังรออยู่ข้างในตัวฉันมาตลอดเลยสินะ?
ยินดีต้อนรับกลับ ตัวฉัน
กลับมาแล้วนะ ตัวฉัน

ดูเหมือนโหมดต่อต้านลัทธิที่สร้างขึ้นมาตลอดช่วงมอต้นกับมอปลายจะต้อนรับกลับแล้วสินะ แต่เวลาที่เป็นแบบนี้ ในหัวก็จะแทบไม่คิดอะไรเลยนอกจากใดๆ ก็ตามที่จำเป็น การทำแบบนี้มันก็ช่วยให้หนีรอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งน่ะนะ

ตอนนั้นที่หนีมาทางหน้าต่างห้องน้ำ ในสภาพจิตใจที่สับสนไปหมดหลังจากที่โดนย่ามอมยามา, ตอนที่ขังตัวเองอยู่ในโรงเก็บของ บนหลังคาของตึกที่พวกลัทธิเป็นเจ้าของ, ตอนที่ไหลตัวเองลงมาตามรางน้ำฝนจากตึกชั้น 5, ตอนที่ถูกทั้งคนทั้งหมาไล่ล่าไปทั่วภูเขา… ก่อนที่พวกลัทธิจะตายกันหมด จนได้เป็นอิสระซักที ก็ได้เธอช่วยเอาไว้มาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ พึ่งพาได้จริงๆ เลยน้า

…จะว่าไป ชักสงสัยขึ้นมาแล้วสิ―ตลอดมาตอนที่ฉันกับโทริโกะเจออันตรายในโลกเบื้องหลัง―ฉันไม่เคยเข้าโหมดนี้เลยซักครั้ง น่าแปลก ขนาดเกือบจะตายอยู่แล้ว เธอก็ยังไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นเลย…

 

ฉันใช้มือ 2 ข้างตบแก้มของตัวเอง

จบการย้อนความหลังไว้แค่นี้แหละ ได้เวลาแปะมือเปลี่ยนตัวกันแล้ว

วิธีการขั้นพื้นฐานในการจัดการกับสถานการณ์ที่โดนขังอยู่แบบนี้ คือสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนที่ถูกขังอยู่ด้วยกัน ทำให้แต่ละฝ่ายไว้ใจกันและกันให้ได้ ทักทาย คุยเรื่องครอบครัว คุยเรื่องตัวเอง ถ้าแบ่งของกินให้ก็ขอบคุณ อย่าแสดงอาการกลัวออกมา แล้วสร้างภาพให้อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเราเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ในทุกๆ การกระทำของตัวเอง

แต่ว่า วิธีการนั้นเอาไว้ใช้กับการถูกขังอยู่นานๆ เอามาใช้กับสถานการณ์ตรงนี้ไม่ได้ ต้องเจอกับอุรุมิ รูนะ การติดต่อประเภท 4 ทำให้เธอมีเสียงยั่วยวนที่สามารถควบคุมเหล่าสาวกของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ยิ่งเวลาผ่านไปจะยิ่งเสียเปรียบ ต้องรีบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

อีกอย่าง ก็ไม่ได้คิดจะมองพวกศัตรูเป็นมนุษย์อยู่แล้ว

สำรวจห้องขังอีกที มีผ้าห่ม มีฟูก มีโถส้วม ลงมือได้เลย มองหาอะไรก็ตามที่เอามาใช้งานได้

ฟูกสีมอนี่ ตามตะเข็บมันหลุดไปแล้ว งั้นก็เอามือ 2 ข้างแหวกมันเข้าไปแล้วฉีกข้างนอกออก แล้วแหวกดูข้างใน สปริงก็โผล่มาให้เห็นจากก้อนฝ้ายที่แบนราบไปแล้ว

พอดึงออกมาประมาณนึงเพื่อลองเช็คก่อนว่ามันแข็งแรงแค่ไหน ส่วนที่อยู่กลางๆ ที่นอนนี่มันดูเยินใช้ได้ แค่มือเปล่าๆ ก็บิดมันได้แล้ว

ตรงโถส้วมนี่ ที่รองนั่งมันจะพังแหล่ไม่พังแหล่อยู่แล้ว น่าจะดึงออกมาได้ แต่มันเป็นแค่พลาสติก ดูแล้วน่าจะเอาไปทำอะไรไม่ได้เลยด้วย แถมยังสกปรกอีกต่างหาก ลองดึงฝาของถังน้ำออกมาแล้วกัน

แต่มันถูกฉาบปิดไว้แน่นเลย ไม่ไหว ดึงไม่ได้

แล้วมือจับที่ข้างตัวถังล่ะ?

พอลองจับแล้วเขย่าดู ฐานของมันก็หลวมมากเลย อาจจะได้อยู่

เอาผ้าห่มพันมือทั้ง 2 ข้างเอาไว้ จับไปที่มือจับนั่น เอาเท้ายันที่ถังน้ำ แล้วก็ใช้น้ำหนักตัวกระชากมันสุดแรง

มือจับหักออกมาจากฐาน เล่นเอาหงายหลังกระแทกกับพื้นเลย

โอ่ย…
 

ยังไงซะ ก็ได้มือจับมาอยู่ในมือแล้วอยู่ดี โถส้วมอันนี้ไม่สามารถกดได้อีกต่อไป ชักรู้สึกผิดที่ไม่ยอมใช้มันก่อนซักทีนึง แต่ตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วล่ะ

ทีนี้ก็กดสปริงเข้ากับมือจับ แล้วก็พันมันไว้รอบๆ พร้อมกับที่ยืดสปริงพวกนั้นออกด้วย

เพราะตัวลวดมันโค้ง นี่ก็เลยเป็นงานหนักเลย ใช้ขอบถังชักโครกมาทำเป็นเหมือนจิ๊กแล้วด้วยนะ แต่ถึงยังงั้น พันไปได้แค่ 4 เส้น มือก็เจ็บไปหมดจนไม่ไหวแล้ว ถึงยังงั้น ก็ได้ก้อนโลหะมั่วๆ ที่หนักประมาณนึงมาเรียบร้อยตอนนี้

 

TN: จิ๊ก (Jig) เป็นอุปกรณ์พิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดตำแหน่งการทำงานของชิ้นงาน ทั้งยังทำหน้าที่เป็นตัวนำทิศทางให้กับเครื่องมือตัดอีกด้วย เช่น ตำแหน่งการเจาะ, ตำแหน่งการเดินมีด, ตำแหน่งการประกอบชิ้นส่วน โดยปกติแล้วจิ๊กจะมีปลอกนำทางซึ่งอัดติดแน่นอยู่เสมอ ปลอกนำทางนี้จะทำด้วยเหล็กพิเศษที่ผ่านการชุบแข็งมาแล้ว และจะเป็นตัวที่ใช้สำหรับนำทางในการเจาะรูของดอกสว่านหรือนำทางเครื่องมือตัดอื่นๆ

 

นี่ไม่ได้เป็นอาวุธอะไรหรอก ต่อให้เขวี้ยงโดนหน้าเต็มๆ ด้วยแรงของฉันนี่ ก็คงทำได้แค่ดึงความสนใจเท่านั้นแหละ เจ้านี่เอาไว้ใช้ในจุดประสงค์อื่น

ยืดสปริงอีกอันนึงให้เป็นลวด แล้วก็เปิดช่องแอบดูอีกรอบนึง เอาลวดเส้นนั้นค้ำให้มันเปิดค้างเอาไว้แบบนั้น

จากที่ค่อยๆ ฟังเสียงรอบๆ ดูแล้ว ก็ไม่ได้ยินอะไร

โอเค ลุยได้เลย

เอาผ้าห่มมาคลุมหัวไว้

เงยหน้ามองดูที่เพดาน

แล้วก็ขว้างก้อนเหล็กนี่ขึ้นไปหาหลอดไฟฟลูออเรสเซนซ์สลัวๆ นั่น

 

ครั้งแรก พลาด ไปกระแทกกำแพง แล้วก็ตกกลับลงมาที่พื้น

จะปาขึ้นไปตรงๆ เลยก็ยากอีก ต้องเอาตัวไปใกล้กับกำแพงเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ลองอีกที

คราวนี้มันกระแทกเพดาน เด้งไปโดนกำแพง แล้วก็หล่นมาโดนหัวฉันเอง

อีกที อีกทีนึง พอโดนหลอดไฟ มันก็เด้งออกมา ตกกลับลงมาบนพื้นเฉยๆ เลย

ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งคอทั้งไหล่ก็เริ่มปวดแล้ว พักมานวดให้ตัวเองซักหน่อย ก่อนจะกลับมาลุยต่อ

อีกที แล้วก็อีกที

ตอนที่กำลังคิดว่าน่าจะต้องทำสายสลิงจากขอบฟูกแล้วล่ะมั้ง ก็ปาก้อนเหล็กไปโดนหลอดไฟเป็นครั้งที่ 5 พอดี

อาจจะเพราะความเสียหายมันสะสมมาเรื่อยๆ ก็ได้ มันเลยระเบิดออกมาเบาๆ แล้วแก้วก็แตกกระจายซักที

รีบก้มหน้าลง แล้วพวกเศษแก้วแตกละเอียดก็ร่วงกราวลงมาบนผ้าห่มที่คลุมหัวเอาไว้อยู่

พอลืมตาอีกที ทั้งห้องก็มืดสนิทไปแล้ว

มีลำแสงเส้นนึงฉายออกมาจากช่องแอบมองที่ประตู นอกจากนั้นทั้งหมดก็มีแต่ความมืดเลย

ตอนนี้ก็ ปัดๆ พวกเศษแก้วออกไป แล้วก็นั่งพิงกับกำแพงไว้ก่อน
 

หลังจากที่ทำทุกอย่างนั่นไป แขนขวาก็ล้าจนถึงขีดจำกัดของมันแล้วล่ะตอนนี้

ทีนี้ก็นั่งเอาผ้าห่มคลุมตัว รออยู่แบบนั้นในความมืดสนิท

ดันคิดเอาไว้แค่ว่าให้พวกนั้นเปิดประตูออกที ส่วนอะไรหลังจากนั้นก็ยังไม่ได้วางแผนอะไรเป็นรูปเป็นร่างไว้เลยเนี่ยสิ

ถ้ายังมีปืนอยู่ก็คงดี แต่พูดไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดีล่ะนะ
ฝากทีนะ ตัวฉัน
อา ไว้ใจได้เลย ตัวฉัน

 

ที่มีชีวิตรอดมาได้ตลอดจนถึงตอนนี้เลย มันก็มาจากการตัดสินใจเฉพาะหน้านั่นแหละ ครั้งนี้เองก็ต้องทำได้เหมือนกัน ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องความเป็นไปได้อื่น มันเปล่าประโยชน์

ถึงยังงั้นก็เถอะ พอนั่งอยู่เฉยๆ คนเดียวแบบนี้ พวกความคิดที่เคยเก็บอออกไปก่อนมันก็กลับเข้ามาในสมองจนได้

อย่าง นั่นสินะ… เรื่องที่สงสัยก่อนหน้านี้

 

ทำไมตลอดการเดินทางในโลกเบื้องหลัง ฉันถึงไม่เคยต้องเข้าโหมดนี้เลยนะ? ทุกครั้งก็ต้องปวดสมองให้มันวิ่งวุ่นไปหมด ชีวิตเองก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายด้วย แต่มันก็ต่างจากโหมดต่อต้านลัทธิแบบเห็นได้ชัดเลย

อย่างนึงที่อาจจะใกล้เคียงกันก็คงเป็นตอนที่ไปเจอกับคุณลุงในห้วงมิติล่ะมั้ง ตอนที่ต้องไล่ตามโทริโกะที่จู่ๆ ก็หายตัวไป เหตุผลที่ไม่ได้สับสนขึ้นมาตอนที่ต้องเจอกับดอพเพิลเกงเกอร์ของตัวเองในกลิตช์นั่นก็เพราะว่าเคยเจอประสบการณ์แนวๆ นั้นมาแล้ว ไม่สิ จริงด้วย บางทีดอพเพิลเกงเกอร์นั่นก็อาจจะเป็นตัวตนที่แยกมาจากโหมดนี้ของฉันก็ได้นี่นา

มันต่างกันตรงไหนน้า…?

 

พอได้ยินเสียงฝีเท้าจากนอกประตู ฉันก็รีบลุกขึ้นยืนเลย

มาแล้ว

รีบหลบไปทางด้านข้างก่อน ระหว่างที่เสียงฝีเท้านั่นใกล้เข้ามา แล้วมันก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตู มีผู้ชาย 2 คนโผล่มาให้เห็นทางช่องแอบดู กับหัวของคุณโคซากุระที่โดนพวกนั้นอุ้มมาด้วย

 

“หืม?”

 

พวกนั้นคนนึงอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“ไร?”
“เฮ่ ทำไมไอ้ช่องนั่นมันเปิดอยู่ฟะ?”

 

เขาเอาหน้าเขามาใกล้กับช่องนั้น บังแสงที่ลอดเข้ามาจากโถงทางเดินจนมิดเลย ห้องนี้ที่มืดอยู่แล้วก็ยิ่งมืดเข้าไปอีก หมอนี่ไม่น่าจะเห็นอะไรได้เท่าไหร่หรอก ไม่ก็อาจจะเป็นตาขวาของฉันที่สะท้อนแสงให้เห็นได้นิดหน่อย

เพ่งสมาธิของตัวเองไปที่ตาขวา แล้วมองไปที่เจ้านั่นที่เข้ามาส่องในห้องนี่ตรงๆ

เจ้านั่นหยุดกึก เหมือนจะมองกลับมาทางนี้ด้วย แต่พอแสงอยู่ข้างหลัง หน้าเจ้านี่ก็เลยเป็นภาพย้อนแสง นี่กำลังทำสีหน้าแบบไหนกันอยู่นะ? ช่างเถอะ มองเจ้านั่นต่อไปแบบตาไม่กระพริบก็พอ

ตอนนั้นแหละที่มาสังเกตเห็นว่ามีอะไรแปลกๆ รอบหัวเจ้าหมอนั่นมีแสงสีเงินจางๆ เรืองออกมาด้วย แสงเรืองๆ นั่นยื่นโผล่ออกมาจากหูทั้ง 2 ข้าง ดิ้นไปดิ้นมายังกับตัวทากเลย

หรือว่า ตาขวาจะเห็นพลังในการควบคุมคนอื่นของอุรุมิ รูนะได้?

ชายคนนั้นที่มีแสงเรืองๆ มาจากหัวไขกุญแจเปิดประตูห้องนี่อย่างเงียบๆ

 

“เฮ้ย! เอายัยนี่ไปเข้าห้องของตัวเองก่―”

 

ชายคนนั้นหยุดมือ พอเขาหันกลับไปหาชายอีกคนได้ไม่ทันไร ก็มีเสียงร้องหลงของชายคนนั้น แล้วก็เสียงทุบหนักๆ ด้วย

มีเสียงร้องโอดโอยอย่างตกใจและเจ็บปวด ตามมาด้วยเสียงประตูเหล็กฝั่งตรงข้ามถูกกระแทกจากอะไรซักอย่าง ดังก้องไปทั่วได้แบบสุดๆ เลย

คนที่โดนซัดร่วงก็นอนแผ่อยู่บนพื้น คิดว่าน่าจะได้ยินเสียงหายใจหอบอยู่พักนึงด้วย แล้วชายคนเดิมก็มาที่ประตูบานนี้อีกรอบ มือบิดกุญแจไป ปากก็งึมงำไป ก่อนจะเปิดประตูออก พอมองผ่านเขาที่ยืนขวางช่องประตูอยู่ออกมา ก็เห็นชายอีกคนนั่งพิงประตูเหล็กที่ฝั่งตรงข้ามอยู่ สลบเหมือดไปแล้ว

“อะไรวะ…? นี่ ตูทำแบบนั้นไป…?”

 

ชายคนนั้นเดินตึงตังเข้ามาในห้อง

 

“เป็นฝีมือแกสินะ? ต้องเป็นแกแน่ๆ…”

 

ถ้ายังเป็นแบบนี้ เขาคงกระทืบฉันจนตายแน่ ต้องทำให้เกิดช่องว่าง… จากที่ยังจ้องเจ้านั่นอยู่แบบไม่ละสายตา ของที่เหมือนตัวทากเรืองแสงในหัวมันก็เริ่มดิ้นกระดุกกระดิกไปมา

 

“อ้าาาาาาาา……”

 

เจ้านั่นร้องครวญคราง แล้วก็เสียศูนย์ ล้มหน้าคว่ำกับพื้น แต่ก็ใช้มือทั้ง 2 ข้างค้ำเอาไว้ได้ทัน

ตอนนี้แหละ

เหวี่ยงผ้าห่มที่เคยคลุมตัวเองอยู่ไปใส่ซะเพื่อเบี่ยงความสนใจ แล้วก็พุ่งตรงออกนอกประตูไปเลย 

ชายคนนั้นตะโกนอะไรซักอย่างเหมือนกับว่าเขาจะจับตัวของฉันให้ได้ แต่ก็หลบออกมาได้อย่างเฉียดฉิว จนออกมาถึงที่โถงทางเดินได้ซักที

หันกลับไปมองข้างหลัง เอามือทั้ง 2 ข้างกระแทกไปที่ประตูที่ต้องเปิดออกมาจากห้องเข้าไปเต็มแรง

พอเห็นกลอนของประตูแล้ว ก็ลงกลอนต่อไปเลย

มีเสียงที่เหมือนกับเสียงร้องไห้โหยหวน―ไม่ก็ชักเกร็งเพราะการหัวเราะ―ลอยมาจากในห้องด้วย

จากนั้น ก็เข้าไปช่วยพยุงตัวคุณโคซากุระที่นอนราบอยู่บนพื้นข้างๆ ตัวลุกขึ้นยืน

เธอตัวเบามากจนน่าตกใจเลยแฮะ

 

“ไหวมั้ยคะ คุณโคซากุระ?”
“โซราโอะจัง… เธอล่ะ…?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยืนได้มั้ย?”
“ไม่รู้เลย ขอเกาะเธอไว้ก่อนแล้วกัน”
 

คุณโคซากุระยืนขึ้นด้วยขาที่สั่น ไม่มั่นคงของเธอ พยายามหายใจให้ทั่วท้อง

 

“โซราโอะจัง เธอทำอะไรกันคนพวกนี้กันแน่เนี่ย?”
“ใช้ตาขวา ทำให้เป็นบ้าไปค่ะ”

 

พอตอบกลับไปแบบนั้น คุณโคซากุระก็มองกลับมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

 

“โซราโอะจัง…”
“คะ?”
“ไม่ปกติ ใช่มั้ย?”
“กำลังตั้งสมาธิค่ะ”
“อ้อ งั้นเหรอ…”

 

เธอยังมองมาทางนี้ด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย

 

“ไปกันเลย รีบออกจากที่นี่กัน ถ้ามีปัญหากับเรื่องเดินก็เกาะไว้นะคะ”
“ด- ได้”

 

คุณโคซากุระเกาะแขนฉันไว้ ดูสภาพเธออ่อนล้าสุดๆ ไปเลย เธอส่ายหัวไปมาอยู่หลายครั้งแล้ว อาจจะพยายามไล่อาการเวียนหัวออกไปก็ได้

 

“ยังไหวหรือเปล่าคะ? เสียงนั่นมันบ้าสุดๆ ไปเลยสินะ?”
“ใช่… ขอโทษนะ ฉันคงบอกข้อมูลให้ท่านลูน่าไปเยอะเลย เรื่องของเธอน่ะ โซราโอะจัง”
“ท่านลูน่า?”

 

พอทวนคำพูดซ้ำไปแบบนั้น คุณโคซากุระก็ตาเบิกโพลง หยุดพูดไปเลย

 

“แย่แล้วสิแบบนี้… ถ้าฉันเสียสติขึ้นมา โซราโอะจัง ทิ้งฉันไว้นี่แล้วหนีไปเลยนะ”
“ได้ค่ะ”

 

พอพยักหน้าตอบอย่างจริงใจ คุณโคซากุระกลับถอนหายใจเลย

 

“โซราโอะจัง เธอนี่ เป็นไซโคพาธจริงๆ ด้วยสินะ?”

 

เธอส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

ก็เลยตอบเธอกลับไปด้วยคำตอบโต้ที่ออกจะรำคาญหน่อยๆ

 

“ว่าจะพูดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่นี่ไม่น่าใช่คำที่ควรจะพูดกับคนอื่นแบบลวกๆ แบบนี้หรือเปล่าคะ? นี่เป็นการล่วงละเมิดกันมั้ยเนี่ย?”
“โอ้ย! พอเลย! ถ้าแค่เมื่อกี้นับว่าเป็นการล่วงละเมิดล่ะก็ ที่พวกเธอทำกับฉันนี่มันก็เป็นการทารุณกรรมกันชัดๆ แล้วล่ะ!”
“ทำไมล่ะ!? นี่พยายามจะช่วยคุณอยู่นะคะ!”
“ไม่ใช่ตอนนี้ย่ะ! ฉันหมายถึงที่พวกเธอทำกับฉันในเวลาปกติต่างหาก”
“เลิกพูดอะไรไร้สาระซักทีเถอะค่ะ”

 

ระหว่างที่ทะเลาะกับคุณโคซากุระด้วยเสียงกระซิบกระซาบ ก็ต้องรีบเดินตัดผ่านตึกของลัทธินี่ไปด้วย

 

TN: สมาธิแกร่งจริงๆ แถมพลังใจก็ไม่ธรรมดาจริงๆ นะเนี่ย โซราโอะจัง

ถึงอาจจะเคยได้ยินมาหลายครั้งแล้ว แต่เผื่อยังมีคนสงสัยนะครับว่าจริงๆ แล้วคำว่า [ไซโคพาธ] เนี่ย มันหมายถึงอะไรกันแน่

Psychopaths เป็นหนึ่งในกลุ่มของโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder) แบบหนึ่ง โดยผู้ป่วยจะมีลักษณะขาดความเห็นใจผู้อื่น, ขาดความสำนึกผิด, ความรู้สึกด้านชาไม่เกรงกลัว, ขาดความยับยั้งชั่งใจ, เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง อาการแสดงของโรค ได้แก่

– มักแสดงออกจิตใจที่แข็งกระด้าง
– มีพฤติกรรมตอบสนองต่อความต้องการของตนเองโดยไม่สนใจผู้อื่นในสังคม
– มีความผิดปกติทางอารมณ์และความคิดโดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าสังคม
– มักเชื่อมโยงกับพฤติกรรมความรุนแรงซ้ำๆ และก่อให้เกิดอาชญากรรม

ขอบคุณที่มาจากกรมสุขภาพจิตด้วยนะครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด