[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 95 ไฟล์ 11 : เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง [5.1]
มีห้องขังอยู่ตรงนี้ 4 ห้อง
จากลองตรวจดูหมดแล้ว―เผื่อไว้ก่อน―แต่ห้องทุกห้องก็ว่างเปล่า ก็เลยรีบไปตามทางของเราต่อ
ตอนที่ถูกพาตัวมาที่นี่ ก็โดนเสียงของรูนะทำให้หมดสติ ไม่รู้เลยว่าเดินมาทางไหนกันแน่
พอลองถามคุณโคซากุระดู เธอเองก็สับสนไปหมด บอกข้อมูลที่น่าเชื่ออะไรไม่ค่อยได้
มีข้อมูลอยู่น้อยมากเลย
ทางที่คุณโคซากุระมาต้องยังมีพวกลัทธิอยู่แน่ๆ ก็เลยโดนบังคับให้เดินไปในทิศตรงข้ามอย่างเดียว
ทั้งพื้นทั้งเพดานในโถงทางเดินมีแต่คอนกรีต มีหลอดฟลูออเรสเซนซ์ติดอยู่บนเพดานเป็นระยะๆ แล้วก็ไม่มีหน้าต่างเลยซักบาน
“ดูเหมือน จะอยู่ใต้ดินนะ?”
“น่าจะใช่ รู้สึกเหมือนพวกเราโดนพาลงบันไดมานะ”
พยายามกระซิบคุยกันแล้วนะ แต่มันก็ยังก้องเกินกว่าที่คิดอยู่ดี
พวกเรามองหน้ากัน แล้วก็กลั้นหายใจเอาไว้
เสียงนั่นมันมาจากที่ไกลๆ หรือเปล่า…?
ไม่แน่ใจเลย
รู้สึกเหมือนยังได้ยินเสียงของรูนะเกาะแกะอยู่ในแก้วหูของฉันอยู่เลย ถ้าอยู่เงียบๆ ก็เหมือนจะได้ยินเสียงกระซิบสะท้อนกลับมาหาตัวเองได้ด้วย
“…ต้องหาทางขึ้นไป งั้น มองหาบันไดกัน”
พอบอกไปแบบนั้น คุณโคซากุระก็พยักหน้าตอบ
“ยังเดินเองไม่ไหวเหรอคะ?”
“โทษนะ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไปกันเถอะ”
พวกเราเดินไปตามโถงทางเดินโดยที่คุณโคซากุระก็ยังเกาะแขนฉันอยู่
เดินมาตามทางที่เบี่ยงออกไปทางขวา
ทางข้างหน้าไม่นานก็ไปเจอกับทางตัน กับประตู 2 บานที่มีสัญลักษณ์บอกให้เห็นว่าเป็นห้องน้ำชายกับห้องน้ำหญิง
“อยากเติมหน้าหน่อยมั้ย โซราโอะจัง?”
“นึกว่าคุณไม่ชอบเข้าห้องน้ำพร้อมกับคนอื่นซะอีก”
“…ฉันเคยพูดแบบนั้นเหรอ?”
“ถ้ามีใครตามมาล่ะก็ ไม่มีทางให้หนีเลย เพราะงั้นก็อั้นไว้ก่อนนะคะ ไปทางนี้กันต่อเลยดีกว่า”
TN: ใช่ครับเจ๊ เคยพูดไว้เมื่อไฟล์ 4 ตอนที่ 4.1 น่ะ
ลองเลี้ยวขวาจากหน้าห้องน้ำ แล้วไม่นาน ก็มาเจอกับทางตันที่กั้นด้วยประตูเหล็กที่ดูหนักมากบานนึง มันมีคานที่ดึงให้สลักประตูคลายออก เพื่อเปิดมันออกได้ด้วย
ประตูนี่มันยังกับแบบที่อยู่ในเรือดำน้ำเลยนะ?
ลองเอาหูแนบฟังที่ประตูดูแล้ว แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย―อาจจะเพราะเหล็กมันหนาก็ได้มั้ง
ไม่มีเวลาจะไปเดินเอ้อระเหยแล้ว พอดึงคานนั้น เสียง *เคร้ง* ของกลอนประตูก็ลั่นออกมา
เสียงโลหะดังก้องไปตามโถงทางเดิน ก่อนจะจางหายไป
ลองมองแล้วก็รออยู่ซักพัก ก่อนจะเปิดประตูเหล็กช้าๆ
ข้างในมันมืดสนิทเลย
ลองคลำดูตรงข้างๆ ประตู แล้วก็หาสวิตช์ไฟเจอจนได้
พอกด ไฟก็สว่างขึ้น ทำให้พื้นที่ตรงหน้าสว่างวาบทันที
พอตาเริ่มหายพร่าจากแสงสว่างนี่แล้ว ตรงหน้าก็เป็นโถงทางเดินแคบๆ กับห้องอีก 6 ห้องที่มีช่องแอบดูบนประตูแต่ละบาน
ที่ 2 ข้างของโถงทางเดิน มีเสียงหึ่งๆ ดังมาจากในห้องด้วย แต่ก็ไม่มีเสียงพูดคุยเลย
ตรงสุดปลายโถงทางเดินก็มีประตูอีกบานนึง แต่คราวนี้เป็นประตูไม้ สีที่ทาเอาไว้ลอกออกมาจากทั้งความชื้นทั้งเชื้อรา ทั้งหมดที่มันมีตอนนี้ก็เลยมีแค่ลูกบิดประตูที่ไม่มีรูกุญแจอย่างเดียว
“มีห้องขังอีกเหรอเนี่ย? นี่ก็ห่างมาจากที่พวกเราอยู่กันไกลแล้วนะ…”
“ชู่ว เดี๋ยวแอบดูก่อนนะคะ”
ลองเปิดช่องแอบดูที่ประตูบานใกล้สุดออก แล้วก็แอบมองเข้าไปข้างใน
มีเสียงตบดังแปะดังออกมาจากในห้องด้วย
ชัดแล้วล่ะว่ามีคนอยู่ในนี้แน่นอน
จากแสงสลัวๆ นี่ ก็เห็นเป็นห้องขนาดประมาณ 7 ตารางเมตรนะ
พอตามันเริ่มปรับกับมันได้แล้ว ถึงได้เห็นว่าทั่วทั้งพื้นทั้งกำแพงก็ถูกบุเอาไว้หมดเลย
ไม่เหมือนกับห้องที่พวกนั้นยัดฉันเข้าไปนี่นา
ระหว่างคิดอยู่แบบนั้น ก็มีอะไรซักอย่างร่วงมาจากเพดาน ลงมากระแทกกับพื้น
นั่นคนนี่
คนๆ นึงที่อยู่ในนั้นที่เพิ่งจะล้มลงไปกำลังลุกขึ้นมาช้าๆ ต่อหน้าต่อตาเลย
เป็นผู้ชาย สวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูที่สกปรกนิดหน่อยกับกางเกงสแล็ค เท้าเปล่า
คอของเขาบิดมาหาทางนี้
ใบหน้าด้านข้างของเขาถูกบี้ไปจนแบนราบ ทั้งตา ทั้งรูจมูก ทั้งปาก ดูเหมือนดินน้ำมันที่โดนเหวี่ยงฟาดกับกำแพงเลย―ตัดมาแค่ส่วนที่แบนลงไปน่ะนะ
นอกจากเรื่องนั้น ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย
ไม่นานเท่าไหร่ เขาก็หายวับไป
แล้วไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ลงมากระแทกกับพื้นอีกแล้ว
ตอนที่ปิดช่องแอบดูลงเบาๆ คุณโคซากุระก็ถามขึ้น
“อะไรอยู่ในนั้นน่ะ?”
“ประเภท 4 ค่ะ”
“หา?”
“ในนั้น มีผู้ติดต่อประเภท 4 อยู่ค่ะ”
คนที่ต้องเจอกับผลกระทบจากอิทธิพลของโลกเบื้องหลัง จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจ―ผู้ติดต่อประเภท 4
ฉันกับโทริโกะเองก็ไปเจอการติดต่อประเภท 4 เหมือนกัน―มั่นใจเลยว่าอุรุมิ รูนะเองก็ต้องเจอมาเหมือนกันแน่―แต่พวกเราก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าพวกเราค่อนข้างจะโชคดีมากๆ
ดูเหมือนในคนที่เข้าไปสัมผัสติดต่อกับโลกเบื้องหลังจะต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหนาสาหัสเลยซะเป็นส่วนใหญ่
ต่อให้รอดมาได้ ก็ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่เคยได้อีกเลยอยู่ดี
คนอื่นๆ อาจจะรู้ตัวเรื่องพวกเราแล้วก็ได้ เพราะเสียงที่ดังมาจากประตูบานอื่นมันดังขึ้นมา
เป็นเสียงกัดฟัน เสียงครูดที่รุนแรงเหมือนกับของยาวๆ 2 ชิ้นขูดเข้าหากัน…
พวกนั้นส่งเสียงอู้อี้ออกมา นั่นอาจจะเพราะในห้องโดนบุนวมอยู่ก็ได้ แต่ไม่มีใครทำเสียงแบบที่มนุษย์สติดีเขาจะทำกันเลยซักคน
เหมือนกับตอนที่ได้เจอในศูนย์วิจัย DS เลยนี่
มีผู้ติดต่อประเภท 4 ถูกกักกันเอาไว้ที่นี่ด้วยเหมือนกัน
“อยากดูมั้ยคะ?”
ลองหันไปถามดู แต่คุณโคซากุระก็ส่ายหน้าแรงๆ เลย
“เธอว่า… พวกนี้พยายามจะรักษาเหยื่อเหมือนกันหรือเปล่า?”
“ไม่รู้สิคะ อย่างน้อยในห้องก็ถูกบุนวมเอาไว้อยู่นะ”
พอเปิดประตูไม้ข้างหลังนั่นออก ก็เห็นว่าจริงๆ มันคือตู้เก็บของ
มีตะเกียง LED อยู่ด้วย แบบที่เขาเอาไว้ใช้เวลาตั้งแคมป์นั่นแหละ แขวนอยู่ที่สุดปลายราวเหล็ก ลองเปิดมันดูก็ติดได้
นอกนั้นก็มีถุงอาหารปลาทองอยู่อีกหลายถุง ปุ๋ยสำหรับต้นไม้ แบตเตอรี่รถยนต์ แล้วก็โซ่อีกหลายเส้น ถุงมือทหาร แล้วก็นู่นนี่นั่นอีกเพียบ
แล้วก็ มีพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดเก็บอยู่ในตู้ล็อกเกอร์ผอมสูงแบบที่อาจจะเห็นได้ในโรงเรียน แถมตรงปลายไม้ถูพื้นเปี้อนคราบของเหลวสีเขียวสว่างอยู่ด้วย
“ดูเหมือนตรงนี้เองก็เป็นทางตันนะคะ”
“บ้าจริง… ต้องกลับไปอีกเหรอเนี่ย?”
ตอนที่จะหันกลับไปที่ประตูเหล็ก ก็ได้ยินเสียงอะไรซักอย่าง
เป็นเสียงย้ำเท้าหลายคู่ดังมาจากโถงทางเดินไกลๆ
“มีคนกำลังมาค่ะ”
“มาห้องน้ำหรือเปล่า?”
“ดูจะไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 คนนะคะ”
รีบดึงด้ามจับข้างในประตู ้ต้องพยายามจะปิดมันให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วค่อยมากดสวิตช์ที่ข้างประตู
ตอนนี้ เหลือแต่ตะเกียง LED เป็นแสงสว่างแหล่งเดียวในห้องแล้ว
“ต้องซ่อนตัวแล้วค่ะ ไปข้างหลังห้อง เร็วเข้า”
“แต่ ที่ไหนล่ะ…?”
“มีแค่ตู้ล็อกเกอร์ที่เดียวแล้ว เข้าไปก่อนเลยค่ะ”
“…เอาจริง?”
หลังจากที่เร่งคุณโคซากุระแล้ว ก่อนยัดตัวเองเข้าตู้ล็อกเกอร์ไปพร้อมกัน
จากนั้นก็เอื้อมมือไปปิดไฟตะเกียง จนทั่วทั้งห้องก็มืดสนิท
ถ้าปิดประตูตู้ มันจะแน่นเกินไปน่ะสิ―ฉันว่าฉันจะบี้คุณโคซากุระจนแบนซะมากกว่า
“ยังไหวมั้ยคะ?”
“ฮืมมม”
คำตอบดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย แต่ก็ดูเหมือนเธอจะยังหายใจออกอยู่นะ
งั้นก็ไม่เป็นไร
จากที่ประตูตู้มันบังเอาไว้ ก็เลยแทบจะไม่ได้ยินเสียงของพวกประเภท 4 แล้ว
ที่เราได้ยินในความมืดที่น่าอึดอัดนี่ก็มีแต่เสียงหายใจของพวกเราเท่านั้นเอง ทั้งฉันทั้งคุณโคซากุระหายใจถี่รัวกันทั้งคู่เลย แถมตัวของเธอก็สั่นไปหมด
อ้อ จริงสิ มานึกๆ ดูแล้ว คุณโคซากุระกลัวยิ่งกว่าฉันอีกนี่นา
เสียงประตูเหล็กหนักๆ นั่นเปิดออกเสียงก้องดัง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหลายคู่ แล้วพวกนั้นก็เริ่มคุยกัน
“เราจะใช้หมายเลข #2 กับ #3 ไปเอาโซ่มาเลย”
“โอเค”
“แล้วหมายเลข #5 ล่ะ?”
“หมายเลข #5 มันฆ่าบ่อยเกินไป ไว้พวกเราได้ของที่ต้องการเมื่อไหร่ ฉันก็อยากจะรีบๆ ถอยกลับมาทันทีที่จะทำได้มันซะเลย ถ้าจะฆ่าพวกมันซะให้หมดก็คงได้แหละ แต่ตอนนี้มันยังไม่เหมาะ”
“เข้าใจแล้ว”
เสียงประตูตู้เก็บของเปิดออก แล้วแสงก็ฉายลอดเข้ามาทางช่องระบายอากาศยาวๆ แคบๆ ของประตูตู้ล็อกเกอร์
รู้สึกว่าตัวของคุณโคซากุระเกร็งไปหมดเลย…
ถ้าเกิดเธอหลุดร้องออกมาล่ะก็แย่แน่ ฉันเลยกอดหัวของเธอที่อยู่ใกล้ๆ เอาไว้แบบไม่ทันคิด กดหัวเธอเข้ามากับหน้าท้อง
เรื่องไม่สบายตัวนี่ เธอต้องทนให้ไหวให้ได้
คนที่เดินมาที่รื้อของตามราวเหล็กในตู้กำลังยืนอยู่ข้างๆ ตู้ล็อกเกอร์นี้เลย
ได้ยินเสียงโซ่กระทบกันไปมาดังเข้ามาถึงในนี้ด้วย
คุณโคซากุระก็ยิ่งตัวสั่นอยู่ในแขนฉันหนักเข้าไปอีก
ต้องหาวิธีช่วยให้เธอใจเย็นลงแล้ว…
แต่ ยังไงล่ะ?
ไม่มีอะไรที่ทำได้ ก็เลยลองลูบหัวเธอดู
โห คุณโคซากุระหายตัวสั่นแล้ว น่าตกใจเลยแฮะ
ได้ผลสินะ?
ถึงจะยังงงๆ อยู่ แต่คุณโคซากุระตัวนิ่งไม่กระดุกกระดิกเลย
เริ่มจะไม่แน่ใจแล้วสิว่านี่เธอขาดอากาศจนตายแล้วหรือเปล่าเนี่ย
ผู้ชายกลุ่มนั้นออกไปจากตู้พร้อมกับโซ่ แล้วก็มีเสียงเปิดประตูเหล็กดังมาให้ได้ยินด้วย
มีเสี้ยงอู้อี้ดังมา คล้ายๆ เสียงของมนุษย์ผสมกับเสียงสัตว์ร้ายดังลอยมา เสียงเครื่องโลหะกับเสียงโซ่ยังดังต่อเนื่องไม่หยุดไปอีกพักใหญ่
“เท่านี้ก็ได้ละ”
“ดี งั้นรีบไปที่โพรงกลมเลยเร็วเข้า”
เสียงฝีเท้าที่เพิ่มขึ้นมาอีกรีบรุดออกไปกัน แล้วเสียงประตูหน้าห้องก็ปิดลงอย่างแรง
หลังจากรอกันอยู่อีกประมาณนาทีนึง แต่ก็ไม่มีสัญญาณอะไรเลยที่บอกว่าพวกนั้นจะกลับมาอีก ฉันถอนหายใจจากที่กลั้นเอาไว้เฮือกใหญ่
ก่อนจะเพิ่งมารู้ตัวว่าตลอดเวลานั่น มือก็ลูบหัวคุณโคซากุระอยู่ตลอดเลย
ฉันหยุดมือ แล้วก็เปิดประตูตู้ล็อคเกอร์ออก
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
ฉันรีบผละตัวออกมา แล้วก็ออกมายืนข้างนอกตู้
ทั้งประตูตู้ ทั้งประตูคุก ทุกอย่างโดนเปิดทิ้งเอาไว้ซะโล่งเลย ไฟก็เปิดทิ้งไว้อีกต่างหาก
“ดูท่าทางพวกนั้นจะรีบกันน่าดูเลยแฮะ”
แต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเลย
พอหันกลับไปมองข้างหลัง คุณโคซากุระยังยืนอยู่ในตู้อยู่เลย กำลังจ้องฉันเขม้งเลย
หน้าเธอแดงก่ำไปหมด อาจจะเพราะหายใจไม่ออกนั่นแหละ
“คุณโคซากุระค―”
“เธอลูบทำไม?”
“เอ๊ะ? อะไรเหรอคะ?”
“เมื่อกี้ เธอลูบหัวฉันทำไม?”
“เออ คิดว่าต้องทำให้คุณใจเย็นลงซักหน่อยน่ะค่ะ”
ทุกครั้งที่หายใจเข้าออก ไหล่ของคุณโคซากุระยกตามไปด้วยเลย
“คือ เมื่อกี้เผลอทำอะไรที่เสียมารยาทไปเหรอคะ?”
“อย่า… มาจับ… ไม่สิ โอ้ย… อ่า…”
“กำลังจะหมายถึงอะไรน่ะคะ?”
“ช่างเถอะ ลืมๆ ไปซะ”
คุณโคซากุระส่ายหัวไปมา แล้วในที่สุด เธอก็ออกมาจากตู้ล็อกเกอร์ซักที
ดูเหมือนถึงจุดๆ นึง เธอจะดีขึ้นจนเดินเองไหวแล้วนะ แถมยังยืนเว้นระยะห่างจากฉันด้วยเพราะอะไรไม่รู้
ก่อนที่เธอจะเหลือบไปมองที่ห้องขังที่ถูกเปิดทิ้งไว้พวกนั้นแทน
“ไม่ได้ทำการรักษาสินะ พวกนั้นขังผู้ติดต่อประเภท 4 เอาไว้เหมือนกับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงเลย”
“คุณคิดว่าพวกนั้นทำให้พวกประเภท 4 ยอมทำตามมั้ยคะ?”
“ไม่รู้สิ ที่ฉันพอจะบอกได้เนี่ยคือ ผู้ป่วยที่ศูนย์วิจัย DS ไม่มีใครซักคนที่สามารถเข้าใจภาษาคนได้เลย แต่ว่า―”
ตอนนั้น จู่ๆ ประตูเหล็กบานนึงก็ถูกกระแทกอย่างแรงมาจากข้างใน คุณโคซากุระก็สะดุ้งจนตัวโยน พุ่งเข้ามาเกาะฉันเลย
“อะไรน่ะ!? อะไรน่ะ!? อะไรน่ะ!? อะไรน่ะ!?”
พอเหลือบไปมองที่เหนือประตูแล้วเห็นเลข 5 อยู่ตรงนั้น บทสนทนาเมื่อกี้นี้ก็แวบเข้ามาในหัวฉันเลย
พวกนั้นพูดว่า “หมายเลข #5 มันฆ่าบ่อยเกินไป…” ด้วย
“ฮ่า! ฮ่า! ฮึ่ย! โฮก! ร่าาา!”
มีเสียงคำรามก้องมา―จินตนาการไม่ออกเลยว่านั่นเป็นคำพูดของมนุษย์
เสียงปังดังลั่นขึ้นที่ประตูอีกรอบนึง แล้วก็อีกครั้งนึง
ทุกครั้งที่กระแทก ตัวล็อกที่ยึดอยู่กับกำแพงก็สั่นระรัวเลย
“…ไปกันเถอะค่ะ เจ้านั่นรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่”
พอบอกคุณโคซากุระไปแบบนั้น เธอก็พยักหน้าตอบรัวๆ
ฉันคว้าตะเกียงมาจากตู้เก็บของ แล้วก็เปิดประตูหน้าห้องนี้ออก แอบดูออกไปทางช่องว่างประตู ตรวจดูอีกทีว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ ก่อนจะกลับออกมาที่โถงทางเดินอีกครั้งนึง
พอปิดประตูเหล็กกลับไป ก็ไม่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหมายเลข #5 อีกแล้ว
“นั่นมันอะไรน่ะ…? โซราโอะจังเห็นหรือเปล่า?”
“ไม่ได้ดูค่ะ แต่ว่าคนๆ นั้นคงจะผิดเพี้ยนไปเยอะแน่นอนเลย”
ฉันยื่นตะเกียงออกไป พลางวิ่งเยาะๆ ไปตามโถงทางเดิน แล้วไปหยุดที่หัวมุม
ทางขวาคือห้องน้ำก่อนหน้านี้ แล้วก็ทางตัน
ทางซ้ายคือทางที่พวกเราเดินมาก่อนตั้งแต่แรก
ได้ยินเสียงเดินมาจากทางนั้นอีกแล้ว เยอะกว่าคราวก่อนอีก คงจะเกิน 5 คนอีกล่ะมั้งเนี่ย
“ไปซ่อนในห้องน้ำกันก่อน จนกว่าเจ้าพวกนั้นจะผ่านไปดีกว่าค่ะ”
“แล้วถ้าพวกนั้นเข้ามาล่ะ?”
“จากที่เห็นก่อนหน้านี้ ยัยนั่นมีสาวกผู้ชายมากกว่าสาวกผู้หญิงนะคะ ถ้าไปหลบในห้องน้ำหญิง พวกนั้นก็คงไม่เจอเราแบบปุบปับหรอกค่ะ”
พวกเรารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิง
ตกใจเหมือนกันนะเนี่ยที่ในนี้มันไม่สกปรกน่ะ
จากกระเบื้องสีพาสเทลสะท้อนแสงจากตะเกียงนั่น ในนี้มันต่างจากบรรยากาศน่าอึดอัดในอาคารที่วิ่งผ่านมาเมื่อกี้แบบฟ้ากับเหวเลย
พวกเราตรงไปที่ประตูห้องที่ไกลที่สุดเพื่อเข้าไปซ่อนในห้องส้วมห้องนึง
“…อะไรน่ะ”
คุณโคซากุระตกใจพร้อมกับงึมงำขึ้นมา
ในซองนี้ไม่มีชักโครกอยู่ มันมีแต่บันไดคอนกรีตที่มุ่งลงไปข้างล่างอย่างเดียวเลย
TN: โจทย์ยากเลย เจอแบบนี้ เอาไงดีล่ะเนี่ย?
Comments