[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 98 ไฟล์ 11 : เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง [6.1]
“ทำไม… มาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ฉันงึมงำถามออกไปแบบไม่อยากจะเชื่อ ก็แค่ว่า มันพอเหมาะพอเจาะเกินไปน่ะสิ… นี่คงไม่ใช่ภาพหลอนที่สมองของฉันสร้างขึ้นมาก่อนจะต้องเจอกับความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงใช่มั้ย? แต่ความจริงของโทริโกะที่อยู่ตรงนี้ ตรงหน้าฉันนี่ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะปัดความสงสัยนั่นของฉันออกไปได้แล้ว
เสื้อแจ็กเกตกับกางเกงลายพรางขายาวที่ฉันเห็นประจำระหว่างการออกตะลุยไปในโลกเบื้องหลังของพวกเรา เธอใส่รองเท้าบู้ท ห้อยปืน AK ไว้กับสายคล้อง แล้วก็มีมาคารอฟเก็บเอาไว้ในซองปืนของเธอ
โทริโกะช่วยตัดสายซิปไทร์พลาสติกที่มัดข้อมือของฉันเอาไว้ออก ฉันถึงลุกออกจากเก้าอี้ได้ซักที พอหันกลับไปดูก็เห็นผู้ชายนอนคว่ำหน้าอยู่คนนึง เอามือกุมต้นขาตัวเองพร้อมกับร้องโอดโอย ยังไม่ตายหรอก แต่ก็เสียเลือดไปเยอะเลย เห็นแบบนั้น โทริโกะก็ไม่ได้คิดอะไร พลางตรวจค้นอีกฝ่ายนึงไปด้วย
พอฉันลุกขึ้นได้ แล้วไปเก็บเอามาคารอฟที่พื้นขึ้นมา โทริโกะก็ยื่นมีดพร้อมปลอกมาให้
“เอ๊ะ? อะไรเนี่ย?”
“เจอมาจากเจ้านี่น่ะ เธอถือเอาไว้สิ”
ฉันรับมีดมาตามที่เธอบอก ก่อนที่โทริโกะจะยื่นกระติกน้ำมาให้ ในคอฉันมันแห้งผากไปหมดแล้ว ฉันก็เลยรับมันมาด้วยความยินดี ฉันกระดกมันไปครึ่งนึง ก่อนจะกลับมาหายใจอีกรอบ ในขณะนั้น โทริโกะก็เหลือบตามองดูที่ผู้ชายคนนั้น
“เราจะทำยังไงกับไอ้นั่นดีล่ะ? ปล่อยไว้เลยได้มั้ย?”
“เขาจะไม่ตายเหรอ?”
ฉันถามดู แต่โทริโกะก็ส่ายหน้าตอบ
“ไม่รู้สิ ว่าตามตรง นี่ก็ครั้งแรกเลยที่ฉันยิงคนน่ะ”
โทริโกะเคยถามฉันมาครั้งนึงนี่นา: ฉันยิงคนได้หรือเปล่า? ดูเหมือนว่าอย่างน้อย เธอก็เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าเธอจะทำมันนะ ไม่สิ… เอาจริงๆ ฉันว่าฉันรู้อยู่แล้วนะ ขนาดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ โทริโกะก็ยิงนู่นนี่นั่นที่ดูเหมือนคนตามที่ฉันสั่งมาแล้วนี่นา
ฉันเองก็เตรียมใจจะทำแบบนั้นมาแล้วเหมือนกันนะ แต่ว่า…
“เป็นอะไรมั้ย? รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า?”
โทริโกะโน้มตัวเข้ามาดูที่ฉัน คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างเป็นห่วง
“เปล่าหรอก ก็แค่… พอเห็นหน้าเธอแล้ว ความตึงเครียดมันก็คลายลงไปเลยเท่านั้นเอง”
“ตั้งสมาธิเอาไว้ก่อนนะ โอเคมั้ย? ฉันว่ารอบๆ นี้น่าจะยังมีอีกฝ่ายอยู่”
ถึงจะพยักหน้าให้ แต่ข้างในของฉันมันสับสนไปหมด
เมื่อกี้นี้ ฉันจะฝังลูกตะกั่วใส่หัวเจ้านั่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแบบไม่ต้องลังเลเลยก็ได้ ก็ เจ้านั่นเป็นพวกลัทธินะ พยายามจะฆ่าฉันด้วย แถมยังเอาปืนที่มีคุณค่ากับฉันไปอีก แล้วฉันก็รู้สึกสงสารเจ้านั่นอยู่เหมือนกันนะที่ต้องเจ็บต้องทรมานแบบนี้
แต่ว่า ตอนนี้ฉันยังทำใจให้ตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่ได้ตั้งแต่ตอนที่เห็นหน้าโทริโกะนั่นแหละ
ยังกับเวทมนตร์เลยเนอะ
ตัวฉันที่โหดร้าย ถูกพวกศัตรูรายล้อม แล้วเตรียมพร้อมที่จะทำทุกทางเพื่อจะมีชีวิตรอดไปให้ได้ มันละลายหายไปทันทีที่ได้เห็นโทริโกะเลย ตังฉันที่ลุยด้วยตัวคนเดียว กับตัวฉันที่อยู่กับโทริโกะนี่เหมือนกับว่าเป็นคนละคนกันเลยนะ
นี่ไม่ใช่เวลาจะมากังวลกับเรื่องอะไรแบบนั้นซักหน่อย แต่มันก็ยังกวนใจฉันอยู่ดี ระหว่างที่ฉันมองดูชายที่เลือดไหลนองคนนั้นพลางคิดว่าจะเอายังไงดี ก็มีเสียงฝีเท้าอีกเสียงนึงดังใกล้เข้ามา
ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมา พอสังเกตดีๆ แล้ว ที่นี่คือห้องโล่งๆ ที่ฉันกับคุณโคซากุระโดนลากตัวเข้ามาตอนแรกสุดเลยนี่นา พอเห็นเงาคนตะคุ่มๆ เดินขึ้นบันไดมาอยู่ตรงมุมห้อง ฉันก็ยกมาคารอฟขึ้นเล็งไปทางนั้นทันที
“เดี๋ยวๆ โซราโอะ ไม่เป็นไร”
โทริโกะเอามือวางบนแขนของฉัน คนที่ขึ้นบันไดมา―คือคุณมิงิวะจากศูนย์วิจัย DSนี่เอง
เขาถอดชุดสูทออกไป สวมแค่เสื้อเชิ้ตกับเสื้อกั๊กเท่านั้น แขนเสื้อของเขาถูกม้วนขึ้นมา ถือปืนลูกซองอยู่ด้วย ปากกระบอกของลูกซองมีส่วนปากหยักเหมือนปากจระเข้อยู่ด้วย รู้แล้ว นั่นมันปืนที่คุณโคซากุระเคยใช้ก่อนหน้านี้นี่นา ที่ข้างเอวของเขามีกระบองตำรวจยืดได้ห้อยอยู่ที่ข้อมือของเขาด้วย พอเขามองมาที่ฉัน เขาก็ยิ้มให้นิดๆ
“โอ้ ดีเลย ไม่เป็นอะไรสินะครับ”
“ขนาดคุณมิงิวะเองก็มาที่นี่ด้วย…”
ทั้งคู่มาช่วยพวกเราด้วยกันงั้นเหรอ? แล้วหาที่นี่เจอได้ยังไงล่ะเนี่ย? ไม่สิ เอาแค่ว่าที่นี่มันคือที่ไหนก่อนดีกว่า? คำถามมีเพียบเลย จนไม่รู้แล้วว่าจะถามคำถามไหนก่อนดี เป็นตอนนั้นแหละที่คุณมิงิวะรีบวิ่งเข้ามาหาพวกเรา
จากที่เขาม้วนแขนเสื้อขึ้นแบบนั้น ฉันเห็นรอยสักอักขระมายาอัดแน่นอยู่เต็มแขนเขาเลย แถมยังมีมีดมาเชเต้ในปลอกเหน็บไว้ข้างหลังอีก น่ากลัว…
ไม่มีทางที่คนๆ นี้จะเป็นพลเมืองดีที่ปฏิบัติตัวตามกฎหมายแน่นอนเลย
“คุณโคซากุระล่ะครับ?”
คำถามของคุณมิงิวะช่วยดึงสติของฉันกลับมา
จริงด้วย! ไม่มีเวลาจะมาเหม่อมองไปเรื่อยแล้วนี่! ฉันรีบพูดขึ้น ถึงมันออกจะสายกว่าที่ควรจะเป็นไปหน่อยก็เถอะ
“เธอถูกอุรุมิ รูนะพาตัวไปแล้ว พวกนั้นวางแผนจะใช้เกทมุ่งหน้าไปที่ศูนย์วิจัย DS ค่ะ!”
“ศูนย์วิจัย DS? เพื่ออะไรล่ะนั่น?”
โทริโกะมีสีหน้างุนงงขึ้นมาเลย แต่คำตอบที่ฉันต้องพูดมันทำให้ฉันลังเลนิดหน่อยที่จะบอก
“…เพื่อจะขโมย สมุดโน้ตของอุรุมะ ซัทสึกิน่ะ”
“หา!?”
พอฉันรีบอธิบายให้ฟังว่าพวกนี้เป็นลัทธิที่มีความรู้ในเรื่องของโลกเบื้องหลังด้วย หน้าของคุณมิงิวะก็เคร่งขรึมขึ้นมา
“ช่วยบอกทีครับ มีกี่คนกันที่มุ่งตรงไปที่ศูนย์วิจัย DS แล้วตอนนี้”
“ไม่รู้จำนวนเป๊ะๆ นะคะ แต่คิดว่าน่าจะเกิน 10 แน่ๆ จากที่เห็น พวกนั้นไม่มีปืนนะคะ แต่ก็ใช้พวกอุปกรณ์ก่อสร้างมาเป็นอาวุธด้วย แล้วพวกนั้นก็มีผู้ติดต่อประเภท 4 อยู่ด้วย 2 คน ทุกคนในกลุ่มนั้นถูกเสียงของอุรุมิ รูนะล้างสมองหมดเลย แถมคุณโคซากุระก็โดนเสียงนั้นด้วยเหมือนกันค่ะ”
“แย่ล่ะสิ ตอนนี้แทบไม่มีคนอยู่ที่ศูนย์วิจัย DS ด้วย พวกเขาสามารถรื้อทั้งตึกได้แบบเต็มที่เลย”
คุณมิงิวะกระซิบกับตัวเอง ก่อนจะรีบควักสมาร์ตโฟนของเขาออกมาแนบหู
ระหว่างนั้น โทริโกะก็หันมาถามฉัน
“แล้วเธอคนนั้นจะเอาสมุดของซัทสึกิไปทำอะไรกันนะ?”
“…พวกนั้นพยายามจะเรียกตัวซัทสึกิมาจากโลกเบื้องหลังน่ะสิ อุรุมิ รูนะเทิดทูนอุรุมะ ซัทสึกิอยู่น่ะ”
“…”
“ถึงยัยนั่นจะไม่เคยเจอเธอมาก่อนเลยก็เถอะ”
“…งั้นเหรอ”
พอฉันเติมต่อท้ายไปนิดนึง โทริโกะก็ดูจะโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย
หลายครั้งแล้วนะที่ฉันเห็นเธอรู้สึกเจ็บตอนที่ได้รู้ว่าอุรุมะ ซัทสึกิที่เธอเคารพรักไปตกเอาเด็กผู้หญิงคนอื่นมาอีกตอนที่ไม่ได้อยู่กับเธอ ความรู้สึกของฉันมันปนๆ กันระหว่างเป็นห่วงเธอกับรำคาญเธอที่ไม่ยอมมูฟออนจากผู้หญิงคนนั้นซักทีล่ะนะ ความรู้สึกนี่มันทำเอาอยากจะตะโกนออกมาดังๆ เลยแฮะ
แล้วคุณมิงิวะก็เก็บมือถือกลับไปในกระเป๋ากางเกง
“ติดต่อไม่ได้เลยครับ ท่าทางสถานการณ์คงจะไม่สู้ดีแล้ว ช่วยพาผมไปดูเกทหน่อยได้หรือเปล่าครับ?”
“ประเด็นคือ ฉันโดนปิดตามาตลอดทางเลยค่ะ… ฉันว่า คนๆ นั้นน่าจะรู้นะคะ”
ฉันตอบ พร้อมกับชี้ไปที่ผู้ชายที่นอนเลือดไหลนองออกมาอยู่ที่เท้าของฉัน
“อยากให้ช่วยมั้ยครับ? ถ้าคุณช่วยบอกเราว่าเกทอยู่ที่ไหน ผมจะช่วยห้ามเลือดให้ก็แล้วกันนะ”
“หุบปาก… ฉันไม่มีทาง… ทรยศท่านลูน่า เด็ดขาด…”
แหงล่ะ ฉันก็ไม่คิดว่าทำแบบนั้นมันจะได้ผลหรอก ถ้าหมอนั่นอุทิศให้อุรุมิ รูนะแบบถวายหัวเลยล่ะก็ เรื่องจะตายเพื่อยัยนั่นเนี่ย มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ เลย― ฉันเริ่มคิดจะยอมแพ้แล้ว แต่จู่ๆ ก็มีไอเดียนึงผุดขึ้นมาพอดี
“อ้อ! จริงด้วย! โทริโกะ มือซ้ายเธอน่ะ!”
“จ้าๆ คราวนี้อะไรล่ะ?”
ถึงจุดๆ นี้ โทริโกะก็ชินกับเรื่องนี้ไปแล้ว เธอใช้ฟันงับถุงมือข้างซ้ายเอาไว้ ก่อนจะดึงมือออกมา
“ตรงที่ว่างๆ ข้างหูเขาน่ะ จับเอาไว้แน่นๆ เลย”
“ได้ๆ… เอ๋!?”
ภาพที่ฉันเห็นในตาขวา ตอนที่โทริโกะใช้มือโปร่งแสงของเธอไปจับเส้นของ [เสียง] ที่พันอยู่รอบหัวผู้ชายคนนั้น มันก็เริ่มจะตีโพยตีพายไปทั่วเลย
พร้อมกันนั้น ชายคนนั้นก็เริ่มกรีดร้องออกมาด้วย
“ทำอะไรของแก!? หยุดเดี๋ยวนี้!”
“โซราโอะ! เจ้านี่มันดิ้นไปมาในมือฉันด้วย!”
“เยี่ยม! ทีนี้ก็กระชากมันออกมาเลย!”
“เอ๋… ฮึบ! ออกมา นี่เลย!”
โทริโกะดึงออกมาสุดแรง กระชากเอา [เสียง] ออกมาจากหัวของชายคนนั้น ทำเอาเขาร้องลั่นตากลอกกลับไปข้างหลังเลย
“ล- ล- แล้วทีนี้จะเอายังไงกับเจ้านี่ดีล่ะ!?”
“เออ ไม่รู้สิ… ลองบี้มันดูแล้วกัน!”
“เธอน่าจะคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้ก่อนนะ!”
โทริโกะยื่นมือซ้ายของเธอออกไปสุดแขน ให้มันไกลจากตัวเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะขยี้ของที่อยู่ในมือซ้ายของเธอ
[เสียง] มันแตกกระจายเหมือนตัวอะไรซักอย่างที่มีร่างกายสร้างขึ้นจากน้ำ ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบของรูนะดังลึกอยู่ในหูของตัวเอง ทำเอาฉันชะงัก หัวจมลงไปในบ่าเลย
“พวกคุณทำอะไรกับเขาหรือเปล่าครับ?”
คุณมิงิวะเห็นแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาถามฉัน ฉันก็พยักหน้าให้
“เขาน่าจะมีเหตุมีผลขึ้นมาบ้างแล้วนะคะตอนนี้ ลองอีกทีนึงดูนะคะ”
คุณมิงิวะหยิบหลอดเล็กๆ ที่มีน้ำอะไรซักอย่างออกมาจากกระเป๋า เขาใช้นิ้วโป้งดีดฝาเปิดออก เผยให้เห็นเข็มที่อยู่ใต้ฝานั่น พอเขาปักเข็มนั่นเข้าไปที่คอของชายคนนั้น เขาก็หายใจเข้าเฮือก ได้สติกลับขึ้นมาเลย
“ก- แกทำอะไร…? แกเอาอะไรไปจากฉัน…!?”
ชายคนนั้นตาเบิกกว้าง ความสับสนผุดขึ้นมาบนสีหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกมันแสดงออกมาให้เห็นได้ชัดเจน ในไม่กี่วินาที ชายคนนั้นก็คอตก ดูตัวหดลงจนสังเกตได้เลย
“จะพูดอีกแค่ครั้งเดียว ถ้าช่วยนำทางเราไปที่เกท ผมก็จะช่วยชีวิตคุณให้”
ชายคนนั้นพยักหน้าตอบกลับมาอย่างว่าง่าย หมดเรี่ยวหมดแรง
“นี่ โซราโอะ… ฉันดึงอะไรออกมาจากเขากันแน่เนี่ย?”
โทริโกะถามขึ้นพลางสะบัดมือซ้ายของเธอไปมา ฉันคิดอยู่ซักพักนึงก่อนจะตอบเธอไป
“ศรัทธา… ของเขา ล่ะมั้ง”
ระหว่างที่คุณมิงิวะมัดห้ามเลือดอยู่ ชายคนนั้นก็ยอมบอกวิธีเดินไปที่นั่นอย่างว่าง่าย
ออกจากตรงนี้ เดินตัดสวนไป แล้วข้ามไปที่ตึกฝั่งตรงข้าม เดินขึ้นบันไดไปชั้นนึง แล้วเดินลงบันไดอีกอันไป 2 ชั้น จากตรงนั้น ให้เดินไปตามทางเดินใต้ดิน ขวา ซ้าย ซ้าย ตรงไป
ถึงตรงนี้ เราก็จะเจอห้องน้ำอยู่ที่สุดปลายทางเดิน… ในแง่ของตำแหน่งแล้ว มันก็จะอยู่ใต้ตึกที่พวกเราอยู่ตอนนี้นี่แหละ แต่เขาบอกว่ามันไม่มีวิธีการเดินลงไปตรงๆ จากตรงนี้น่ะ
แน่นอนว่าฉันคิดเรื่องความเป็นไปได้ที่เขาจะโกหกเอาไว้ด้วยแล้วด้วย แต่ที่เขาบอกมานั่นมันก็ตรงกับทิศทางที่ฉันรู้สึกได้อยู่นะ
จริงๆ ก็อยากให้เขานำทางเราไปเลยนั่นแหละ แต่แผลที่ถูก AK ยิงใส่ที่ขามันค่อนข้างสาหัสเลย แถมเขาก็ไม่ต่อต้านเลยนะที่คุณมิงิวะช่วยห้ามเลือดให้เขา ตอนที่มัดเขาด้วยซิปไทร์พลาสติกก็ยินยอมแต่โดยดี
แต่ฉันยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของเขาทำให้เขายังมึนๆ อยู่ หรือเพราะเขาสูญเสียศรัทธาไปแล้วกันแน่
TN: เอาล่ะ เท่านี้ก็พอจะมีทางตอบโต้แล้ว เยี่ยมๆๆ
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r
Comments