[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 99 ไฟล์ 11 : เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง [6.2]

Now you are reading [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง Chapter 99 ไฟล์ 11 : เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง [6.2] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จะรอเอ้อระเหยอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ด้วย พอพวกเราพร้อม เราก็รีบวิ่งลงบันไดไปกันเลย

พวกเราออกจากตึกที่ดูเหมือนกับโรงงานที่เอาเครื่องจักรทุกอย่างออกไปหมดแล้ว มาเจอกับลานที่มีอาคารหลังใหญ่ล้อมรอบ 3 ด้าน มันไม่ได้ดูกว้างขนาดจะเรียกว่าเป็นลานโล่งได้หรอก พวกก้อนกรวดที่กระจายบนพื้นมีหญ้าหนาๆ งอกแทรกขึ้นมาเพียบ จนดูเหมือนเป็นลานจอดรถที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายปียังไงยังงั้นเลย

เวลาในนาฬิกาข้อมือของโทริโกะบอกว่าตอนนี้ดึกแล้ว—เป๊ะๆ เลยก็ตี 3 รอบๆ บริเวณนี้เงียบกริบเลย ทุกอย่างมืดสนิทไปหมด ที่นี่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้แน่นขนัด ดาวบนฟ้าก็เห็นได้ชัดเจนเลย

 

“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?”
“แถบเทือกเขาในไซตามะน่ะ ใกล้ๆ กับเมืองฮันโนะ”

 

ฮันโนะเหรอ… ออกมาทางตะวันตกจากสถานีสวนสาธารณะชาคุจิอิของรถไฟสายเซบุ-อิเคบุคุโระไกลเลยนี่นา

ระหว่างที่เราวิ่งตัดผ่านลาน ฉันก็ถามทั้ง 2 คน

 

“แล้วนี่รู้ได้ไงน่ะคะว่าพวกเราอยู่ที่นี่?”
“ตอนที่ทั้ง 2 คนโดนลักพาตัวไปน่ะ ฉันก็รีบติดต่อหาคุณมิงิวะ พออธิบายสถานการณ์ให้ฟัง เขาก็รีบมาทันทีเลย หลังจากที่คุยกันเรื่องนี้ เขาก็คิดว่าพวกคนที่จับตัวพวกเธอทั้งคู่ไปต้องกลับมาอีกแน่”
“ทำไมล่ะ?”
“ตอนที่เธอโดนจับไป เธอมีปืนอยู่กับตัวด้วยนี่นา เพราะงั้น ฝ่ายนั้นต้องรู้แน่ว่าเราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปแจ้งตำรวจ พวกนั้นอาจจะติดต่อเรามาโดยใช้เรื่องปืนมาแบล็คเมล์ก็ได้ ไม่ก็มางัดบ้านของโคซากุระที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว”
“การคาดเดาของผมตอนแรกคือมันน่าจะเป็นการลักพาตัวไปเพื่อเรียกค่าไถ่โดยมีคุณโคซากุระเป็นเป้าหมาย ก็เลยคิดว่าคุณอาจจะแค่ติดร่างแหไปด้วยเท่านั้นเอง ไม่เคยคิดเลยว่าจริงๆ มันจะเป็นเรื่องของลัทธิ”
“คุณมิงิวะกับฉันดักรอพวกนั้นอยู่ที่บ้านของโคซากุระ แล้วก็เตรียมกับดักเอาไว้ที่สวนกับที่ทางเข้าหน้าบ้านไว้ด้วย แต่พวกนั้นดันมาเร็วกว่าที่คิดซะอีก ทำเอาเกือบเตรียมตัวไม่ทันเลยล่ะ ใครที่ติดกับ คุณมิงิวะก็ทุบร่วงหมดเลย…”
“…กับดักเหรอ?”
“เดี๋ยวคงต้องไปขอโทษโคซากุระทีหลังล่ะนะ ตามกำแพงจะมีตะปูปักอยู่กับมีรูอยู่อีกนิดหน่อย กับข้างของที่พังไปบ้าง…”
“ล- แล้ว?”
“ทางนั้นมากัน 4 คน แต่คุณมิงิวะก็จัดการได้หมดเลยล่ะ สุดยอดไปเลย”
“ผมอาจจะทำเกินไปหน่อย แต่ที่คุณนิชินะทำเองก็ยอดเยี่ยมจนทำให้ผมตกใจเหมือนกันนะครับ คุณแม่ของคุณต้องฝึกให้มาเป็นอย่างดีแน่นอนเลย”
“ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากรีบไปช่วยทั้งคู่ให้ได้เท่านั้นเอง”
“โทริโกะ…”

 

เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยฉันแบบนี้ ประทับใจจัง แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ ด้วย ฉันเองก็อยากเห็นโทริโกะตอนนั้นเหมือนกันนะ อิจฉาคุณมิงิวะจังที่ทั้งได้เห็น ทั้งได้เป็นเพื่อนร่วมสู้ของเธอด้วย

ไม่ๆ… อย่าทำตัวแบบนี้สิ ฉันนี่น้า คุณมิงิวะเขาก็เอาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายเพื่อมาที่นี่เหมือนกันนะ

 

“แล้วเรื่องที่นี่ล่ะ? ไปได้ยินเรื่องนี้มาจากพวกนั้นได้ยังไงกันเนี่ย?”

 

ฉันถามไปแบบนั้นในขณะที่พยายามเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเอง พวกลัทธินี่คายข้อมูลให้มาง่ายๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือพวกเขาใช้วิธีการทรมานหรืออะไรแบบนั้นก็ได้มั้ง?

 

“ระหว่างที่สอบปากคำ คุณมิงิวะเขาให้ฉันรออยู่ข้างนอกน่ะ”

 

โทริโกะบอกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ทางคุณมิงิวะก็หันหน้าหลบสายตาไปทางข้างๆ

 

“เรื่องแบบนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมดีกว่าครับ มันไม่ใช่งานที่เหมาะสำหรับคนทั่วๆ ไปหรอก”
“หวา… นี่คุณทำอะไรกับพวกนั้นกันแน่คะเนี่ย?”

 

ในตอนที่ฉันจินตนาการพวกภาพการทรมานที่น่าสยดสยองอยู่ในหัว คุณมิงิวะก็ส่งยิ้มมาให้

 

“ไม่ต้องกลัวครับ ผมไม่ได้ทำให้พวกเขามีรอยขีดข่วนมากมายอะไรเลย ผมแค่ยืมใช้อ่างอาบน้ำกับผ้าเช็ดตัวมาหลายผืน แล้วก็เล่นน้ำกันนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ ถึงผมจะทิ้งเอาไว้ไม่ได้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนออกมาจากบ้านก็เถอะ คงติดเรื่องที่ต้องขอโทษคุณโคซากุระเหมือนกันสินะครับเนี่ย”

 

ถึงฉันจะไม่รู้ก็เถอะว่าเขาทำอะไรกันแน่ แต่มีเรื่องนึงแล้วล่ะที่ใช่แน่นอน

ไม่มีทางที่คนๆ นี้จะเป็นพลเมืองดีที่ปฏิบัติตัวตามกฎหมายแน่นอนเลย

 

“…แขนของคุณดูสุดยอดเลยนะคะ”

 

ฉันพูดไปแบบนั้น คุณมิงิวะก็มองลงไปดูตามแขนของตัวเองที่มีตัวอักขระของชนเผ่ามายาเรียงรายอยู่ ก่อนจะยิ้มแห้งๆ ออกมา

 

“มันเป็นเรื่องน่าอายน่ะครับ ความเลินเล่อในตอนยังเด็ก สมัยก่อนนู้น ผมเคยทำหลายๆ อย่างอยู่ในแถบอเมริกากลางน่ะครับ”
“หลายๆ อย่าง?”
“ตอนนั้น คาสทาเน็ตกำลังเป็นที่นิยมเลย… ไม่สิ ไม่ต้องไปสนเรื่องนั้นดีกว่านะครับ”

 

TN: Castanets (clackers / palillos) หรือเรียกอีกอย่างว่า กรับสเปน เป็นเครื่องให้จังหวะชนิดหนึ่ง ใช้ในการเต้นรำแบบละตินอเมริกาและสเปน ทำให้การเต้นมีรสชาติพิเศษทำให้ผู้ชมได้รับการแสดงที่น่าจดจำ ทำขึ้นจากไม้มะเกลือ, โรสวูด หรือไม้เนื้อแข็งอื่นๆ 2 อันประกบกัน มีรูปร่างคล้ายเปลือกหอย เวลาใช้ประกอบการเต้นรำ สามารถเล่นได้ทั้งแบบอันเดียว หรือใช้คู่เลย อย่างเช่นข้างล่างนี้ครับ
 

สนใจอ่านเพิ่มเติมจากแหล่งที่มาได้เลยนะครับ ที่ https://fashion-th.decorexpro.com/muzykalnye-instrumenty/kastanety/

 

จากท่าทีที่เขาเล่านี่ ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่เขาอยากจะลืมๆ ไปซะมากกว่าแฮะ ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ล่ะก็ ฉันคงอยากจะกดดันให้เขาเล่ารายละเอียดให้ฟังแล้วล่ะ

 

พวกเราเข้าไปในตึกฝั่งตรงข้ามจากลานนี้ โถงทางเดินมีรั้วไม้อยู่ตลอด 2 ข้างทางเลย ในนั้นก็แบ่งออกเป็นพื้นที่ปิดอีกหลายๆ ส่วน มีหนึ่งในช่องปิดพวกนั้นที่มีบันไดขึ้นไปชั้นบนอยู่ด้วย

 

“เป็นการออกแบบผังที่แปลกจังเลยนะ”

 

โทริโกะกระซิบบอกอย่างสงสัย

ใช่ มันแปลกจริงๆ นั่นแหละ ดูคล้ายๆ คอกสัตว์เหมือนกันนะ แต่ก็ไม่มีร่องรอยอะไรเลยว่ามันเคยถูกใช้งานมาก่อน อีกอย่าง จะเอาบันไดไว้ในคอกวัวเพื่ออะไรน่ะ?

ถึงฉันจะคิดว่ามันแปลกๆ แต่ฉันก็ยังวิ่งขึ้นบันไดไปอยู่ดี ที่นี่ก็มีโถงทางเดินที่เรียงรายไปด้วยหน้าต่างที่ไม่มีกระจก พอฉันลองมองเข้าไปดูข้างในพวกห้องที่เดินผ่านไป ในแต่ละห้อง มีห้องนึงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากโถฉี่แบบห้องน้ำชายเรียงกันเป็นแถวยาว, มีห้องครัวที่มีส่วนลำตัวของหุ่นลองเสื้อที่ควรจะตั้งอยู่ในร้านเสื้อผ้า แต่นี่กลับมาตั้งอยู่กลางห้องครัวซะงั้น, มีห้องเด็กเล่นที่มีคำว่า [ช่วยด้วย] เขียนไว้บนกำแพงด้วยสีแดง แล้วก็อะไรแปลกๆ อีกเต็มเลย

 

“ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย…? ไม่มีร่องรอยว่าใครจะมาอาศัยที่นี่เลยนะ ยังกับบ้านผีสิงเลย”

 

โทริโกะพูดขึ้นด้วยท่าทางรู้สึกแหยงๆ

 

“เขาจงใจน่ะ พวกนั้นใช้ของตกแต่งจากเรื่องผีเพื่อที่จะติดต่อกับโลกเบื้องหลังไง”
“นี่มันมีต้นแบบด้วยเหรอเนี่ย?”
“มีสิ ไม่ต้องสงสัยเลย มาจาก [ฟาร์มในภูเขา] น่ะ”

 

[ฟาร์มในภูเขา (山の牧場 : Yama no Bokujou)] เป็นเรื่องลี้ลับของจริงที่ดังเรื่องนึงเลย ที่ถูกสนใจขึ้นมาจากการที่มีเซเลบคนดังเอามาเล่าเหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นกับพวกเขาจริงๆ เรื่องนี้เป็นการรวมเหตุการณ์ต่างๆ ในสถานที่แปลกประหลาดเอาไว้

มันเป็นอาคารคล้ายกับฟาร์มที่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ตั้งอยู่ในภูเขาแห่งนึง ที่นั่นไม่มีวัวซักตัว คนซักคนก็ไม่มี บันไดขึ้นไปชั้น 2 ก็ยังไม่ได้ใส่เข้ามาเลย แล้วก็มีห้องๆ นึงที่มียันต์แปะอยู่เต็มห้องไปหมด ที่นี่มันซ่อนบรรยากาศสุดพิศดารเอาไว้ แถมทั้งๆ ที่มันมีอยู่จริง แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่

ฉันเห็นองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ออกแบบไว้ในอาคารที่พวกเราอยู่ตอนนี้เนี่ย มันดูเหมือนถูกยกออกมาจากเรื่องเล่าอันนั้นเลย ถ้าคิดถึงจุดมุ่งหมายของพวกนั้นด้วยแล้ว ก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไรหรอก แค่พูดถึง ก็โผล่ขึ้นมาเลย―พวกนั้นพยายามจะใช้อาคารหลังนี้ในการทดสอบทฤษฎีที่ว่าบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวสามารถดึงดูดเข้ามาใกล้กันได้ ถ้าคิดถึงวิธีการที่พวกนี้แพร่เรื่องเล่าแนวรับผิดชอบตัวเองออกไปด้วยแนวความคิดเดียวกันล่ะก็ เรื่องนี้มันก็สมเหตุสมผลแล้ว

 

ที่พวกนี้กำลังทำ ทั้งหมดก็เป็นการพยายามเหมือนทำพิธีกรรมเพื่อจะติดต่อกับโลกเบื้องหลังนั่นเอง

 

เป้าหมายสูงสุดของพวกนั้นก็คือการเรียกตัวอุรุมะ ซัทสึกิออกมา มันทำให้ฉันคิดนะว่า เจ้าพวกนี้มันบ้ารึไง? แต่กับคนที่อยู่ข้างๆ ฉันนี่ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย

ฉันเข้าใจได้เลยล่ะว่าผู้ชายคนนั้นที่พยายามจะฆ่าฉันเขารู้สึกยังไง เขาเทิดทูนอุรุมิ รูนะ แต่ทุกอย่างที่เธอคนนั้นพูดก็มีแต่ท่านซัทสึกิอย่างเดียวเลย ยิ่งรับใช้เธอมากแค่ไหน เธอก็ยิ่งห่างไกลไปจากเขาขึ้นเรื่อยๆ มันต้องลำบากสำหรับเขามากแน่ๆ ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยนะเนี่ยว่าจะมีวันที่ฉันจะมารู้สึกเห็นใจพวกลัทธิน่ะ

 

“มีอะไรเหรอ โซราโอะ?”

 

โทริโกะเรียกฉันขึ้นมา ฉันก็เลยเงยหน้าขึ้นมามอง

 

“ฮะ? เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
“แน่ใจนะ? เธอดูเหมือนจะเศร้าอยู่หน่อยๆ น่ะ”

 

โทริโกะมองหน้าฉัน พลางเอียงคอไปข้างๆ นิดๆ ฉันก็เลยยิ้มๆ ตอบกลับไป

 

“ฉันไม่เป็นไร ขอบใจนะ”

 

ใส่ใจฉันซะละเอียดเลยนะ ให้ตายสิ

 

พอพวกเราเจอบันไดอีกชุดแล้วลงไป 2 ชั้น พวกเราก็ได้มาเจอกับโถงทางเดินใต้ดินจนได้ คุณมิงิวะไปอยู่ที่จุดๆ นึง โทริโกะก็ไปยืนทาด้านข้าง ขณะที่พวกเราเดินหน้ากันไปอย่างระมัดระวัง ฉันก็อยู่ตรงกลางระหว่างทั้ง 2 คน

ระหว่างทาง พวกเราก็มาถึงที่ที่ฉันคุ้นตาด้วย มีเสียงร้องโหยหวนดังลอยมาจากในห้องขังห้องนึง ขนาดเราเดินผ่านมาถึงหน้าห้องขังนั่นแล้ว เสียงร้องมันก็ยังไม่หยุดเลย

 

TN: ใครที่ลืมว่าตรงนี้คืออะไร มันมาจาก ตอนไฟล์ 11 ตอนที่ 4 นะครับ ^^

 

โทริโกะถามออกมาด้วยเสียงเงียบๆ

 

“นั่นมันอะไรกันน่ะ?”
“ไม่รู้สินะ?”

 

ฉันบอกไปแบบนั้น สายตาของโทริโกะก็มองมาเหมือนกับอยากจะพูดอะไรซักอย่าง ทิ่มแทงเข้าใส่ฉันเลย

เธอกำลังสงสัยว่าฉันทำอะไรลงไปซักอย่างงั้นสิ เจอแบบนี้ก็น่าโมโหเหมือนกันนะ

ตลอดทาง พวกเราไม่เจอพวกลัทธิเลยซักคน หลังจากที่เดินลงบันไดที่ถูกซ่อนเอาไว้ในห้องน้ำ ในที่สุด พวกเราก็มายืนอยู่หน้าโพรงกลมอีกรอบนึงแล้ว

 

“เกทนี้เชื่อมต่อกับศูนย์วิจัย DS งั้นเหรอครับ?”
“พวกนั้นบอกว่างั้นนะคะ”
“เร็วเข้าเถอะ ต้องไปช่วยโคซากุระให้ได้เลย”
“โอเค งั้นก็ เดินไปยืนหน้าวงแหวนเหล็กนั่นเลย”
“โอเค”

 

พวกเราเดินเข้าไปหาโพรงกลมนั่นโดยที่มีโทริโกะเดินนำหน้า ฉันเพ่งมองดูด้วยตาข้างขวา ก็เห็นหมอกควันสีเงินส่องแสงไหวๆ ออกมาตรงหน้าฉันแล้ว

 

“ดีล่ะ ทีนี้ก็แตะตรงพื้นที่ว่างๆ ในวงแหวนเลย”

 

โทริโกะยื่นมือซ้ายออกไป แล้วก็จับม่านนั้นเอาไว้

 

“ด- ได้แล้ว… ฉันแค่ดึงมันออกก็พอสินะ?”
“ใช่แล้ว ดึงแรงๆ เลยนะ”

 

โทริโกะสะบัดแขนซ้ายกวาดออกกว้าง

*ผึ่ง!* แล้วพวกเรามองเห็นโรงจอดรถไฟสลัวๆ อยู่อีกฟากของม่านที่ถูกแยกออกด้วย

พวกเราก้าวผ่านมันเข้าไป ในขณะที่ม่านแผ่นบางๆ นั่นเริ่มจะซ่อมแซมตัวเองกลับไปเป็นเหมือนเดิม

 

TN: โห… ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกว่าเฮียมิงิวะเรา bad ass ยังไงไม่รู้ 555

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด