[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 81 ไฟล์ 9 : ตัวตนของยามาโนเกะ [7]

Now you are reading [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง Chapter 81 ไฟล์ 9 : ตัวตนของยามาโนเกะ [7] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พวกเราไม่มีเชื้อเพลิงให้ใช้เลยตอนนี้ พวกเราก็เลยใช้พวกโปสการ์ดที่มันหล่นๆ อยู่แถวนั้นมาเป็นเชื้อจุดไฟ ฉันฉีกกระดาษแห้งๆ ออก แล้วก็จุดไฟที่มัน ตัวทากก็หดลงเรื่อยๆ ระหว่างที่โดนย่างอยู่ในกองไฟน้อยๆ ฉันนั่งมองมันจนทากสีขาวกลายเป็นสีดำเป็นตอตะโก ก่อนจะดับไฟ แล้วก็เหยียบซ้ำอีกรอบนึงเพื่อความชัวร์

ระหว่างที่ฉันทำแบบนั้นอยู่ ห้องชมวิวมันก็ยังหมุนอย่างช้าๆ ต่อไปไม่หยุด ข้างนอกหน้าต่างก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ แล้วฟ้าก็กลับมาสว่างเป็นตอนกลางวันอีกครั้งนึง

 

“อ๊ะ! โซราโอะ! นั่นไง! นั่นไง!”

 

พวกเรามองอยู่ที่อีกฟากนึกของห้องชมวิว ฉันก็เลยรีบวิ่งไปดูที่ข้างๆ ตัวโทริโกะ

ข้างล่างจากพวกเรานั่น ไม่ผิดแน่ AP-1 ของพวกเราแน่นอนเลย

 

“ตอนที่มันโผล่มาเนี่ย แปลกสุดๆ ไปเลยล่ะ มันแบบ ทาดาาาา แบบนั้นเลย”

 

โทริโกะเล่าพร้อมกับทำท่าทางกางแขนออกเหมือนยืดโมจิออก ฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

“โล่งอกไปที…! ถ้าพวกเรา 2 คนอยู่ด้วยกัน เราก็อาจจะหาเกทที่ไหนซักที่เจอได้นั่นแหละ แต่ว่า…”
“ไม่มีของแทนที่ AP-1 สินะ?”

 

โทริโกะยกกระเป๋าของเธอขึ้นมา แล้วก็เริ่มออกเดิน

 

“ไปกันเถอะ ถ้าไม่รีบ เดี๋ยวมันก็หายไปไหนอีกหรอก”

 

ฉันก็สะพายกระเป๋าของตัวเองขึ้นไหล่เหมือนกัน พวกเรารีบวิ่งลงบันได; ที่ชั้นล่างมันไม่มีร่องรอยว่าเคยมีกองหิ้งพระพุทธรูปเลยแฮะ พวกเราเดินออกจากตึกที่ว่างเปล่าไปสู่แสงแดดข้างนอก แล้วก็วิ่งแข่งกันไปขึ้น AP-1 ฉันสตาร์ทตัวเครื่อง แล้วก็โดดขึ้นที่นั่งของตัวเอง

 

“รีบเผ่นจากที่นี่กันเถอะ”
“พูดอีกก็ถูกอีก”

 

AP-1 ก็ขับออกไปเต็มกำลัง

…ด้วยความเร็ว 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พวกเรามุ่งหน้าต่อไปทางตะวันออกผ่านช่องว่างระหว่างต้นไม้ ที่กว้างเท่ากับตอนที่เรามาแล้ว

 

“…นี่ โซราโอะ”
“หือ?”
“รถคันนี้มันก็วิ่งไปบนพื้นที่แย่ๆ ได้อยู่นะ แต่แบบ เอิม… พอจะมีทางไหนมั้ยที่เราจะ แบบว่า… ทำให้เครื่องมันแรงกว่านี้ซักนิดนึง?”
“…หวังว่าจะมีนะ”

 

หอชมวิวหมุนได้ก็หายลับตาไปด้วยความเร็วเท่ากับพวกเราเดิน ครั้งสุดท้ายที่ฉันหันกลับไปมอง ฉันก็เห็นกระบังหน้าของหมวกนักบินอวกาศสะท้อนแสงแดดของโลกเบื้องหลังกลับมาหาฉันด้วย

หลังจากไต่บันไดลิงสูง 10 ชั้นขึ้นมาแล้ว (นี่ต้องออกกำลังกายเยอะเลยนะเนี่ย ถึงจะทำแบบนี้ทุกรอบได้น่ะ) พวกเราก็มาถึงชั้นดาดฟ้า ฉันยืนพิงกับรั้วดาดฟ้า มองออกไปทั่วบริเวณ ผ่านไปซักพักแล้วนะที่ไม่ได้มาที่นี่น่ะ

นาฬิกาเข็มที่ข้อมือของฉันบอกว่าตอนนี้ 4 โมงเย็นแล้ว ถึงฉันจะอ่านตัวเลขเวลาที่โลกเบื้องหลังนี่ไม่ได้ แต่ก็ยังเห็นเข็มนาฬิกาได้อยู่ เพราะงั้นมันก็ยังใช้งานได้นะ

 

“โทริโกะ ตั้งแต่ตอนที่เราไปถึงหอชมวิว นาฬิกาฉันขยับไปแค่ 4 ชั่วโมงเองนะ”
“เหมือนกันเลย ยังกับว่าเราค้างคืนอยู่ที่นั่นเลยเนอะ”
“ฉันว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ ที่ตัวตึกนั่นแน่เลยล่ะว่ามั้ย?”

 

ถ้าเป็นยังงั้น อาจจะแปลว่ามันเป็นไปได้ที่เราจะใช้ที่นั่นในการเคลื่อนไปที่ด้านอื่นๆ ของโลกเบื้องหลังก็ได้นะ

 

“เธอว่าเหตุผลที่ซัทสึกิหายไปเนี่ย เพราะเธอหลุดเข้าไปในพื้นที่ที่เคลื่อนออกจากกันไปนิดเดียวแบบนั้นหรือเปล่า?”

 

โทริโกะถามขึ้นมาเงียบๆ แต่ฉันก็ทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนั้น

 

“วันนี้กลับกันเลยดีกว่า พวกเราทำเป้าหมายหลักของเราเรียบร้อยแล้วด้วย ตอนที่พวกเรายังพักฟื้นอยู่ ประมาณนี้ก็ดีแล้วนะ”
“…อือ”

 

พอฉันเปรยๆ ว่ามันได้เวลาแล้ว โทริโกะก็เดินออกมาจากรั้ว พวกเราซ่อนปืนเอาไว้ แล้วก็จัดแจงเสื้อผ้าเผ้าผมให้ดี ฉันกดปุ่มลงของลิฟต์ แล้วก็รอให้ลิฟต์ขึ้นมาหา

 

“…ฉันว่า พวกเราต้องการไฟนะ”

 

ฉันพูดขึ้นมาแบบนั้น โทริโกะก็หันมามองด้วยสายตาว่างเปล่าเลย

 

“หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“พวกเราค่อนข้างจะขาดทักษะเอาชีวิตรอดที่จำเป็นสำหรับการออกสำรวจอย่างจริงจังไปอยู่นะ ฉันตกใจนิดๆ เลยตอนนั้นที่พวกเราจุดไฟทันทีไม่ได้น่ะ”
“ที่เธอว่านั่น มันก็จริงนะ ฉันเองก็สนิมจับไปเลยเหมือนกันเรื่องนี้ คงต้องเรียนรู้เรื่องพวกนั้นอีกซักหน่อยแล้วสิ”
“สำหรับตอนนี้ เป้าหมายของพวกเราน่าจะเป็น… เอาชีวิตรอดจากตอนกลางคืนของโลกเบื้องหลังให้ได้ล่ะมั้ง? พวกเราเดินทางไกลๆ ไม่ได้เลยนะถ้าทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอก อย่างลุงอาบาระโตะก็เคยอยู่ที่โลกเบื้องหลังได้ตั้งหลายวันเลยนี่นา”
“อื้อ ฉันคิดว่ามันควรจะทำได้นะ”

 

โทริโกะพยักหน้าให้พร้อมกับสีหน้าจริงจัง

 

“โทริโกะเองก็เรียนรู้ทักษะเอาชีวิตรอดมาด้วยเหรอ?”
“สมัยก่อนน่ะ แค่เรื่องที่ทำเวลาที่บ้านออกไปตั้งแคมป์กันเท่านั้นเอง”
“อ้อ จากคุณแม่ที่เป็นทหารแคนาดาสินะ?”
“ไม่ใช่ หม่าม้าต่างหาก”

 

โทริโกะตอบพร้อมกับส่ายหน้า

 

“เอ๊ะ?”
“ก็ มีคุณแม่กับหม่าม้าไง”
“ว่าไงนะ?”

 

ชักไม่เข้าใจเรื่องที่เธอพูดแล้วสิ ฉันกระพิบตาปริบๆ ก่อนจะถามออกไป

 

“เออ? คือ พ่อเธอแต่งงานใหม่งั้นเหรอ?”
“เปล่า ก็มีแค่คุณแม่กับหม่าม้า 2 คนนะ”

 

โทริโกะมองที่ฉัน เหมือนกับกำลังจะดูว่าฉันจะตอบสนองยังไงเลย

ไม่เข้าใจเลยแฮะ

 

“เออ? ถ้าฉันจำไม่ผิด แม่ของเธอเป็นทหารสินะ?”
“หม่าม้าต่างหาก”
“แล้วคุณแม่เธอคือ…”
“ก็ไม่ได้เป็นทหารไง”

 

อะไรกันล่ะเนี่ย?

มีแม่? มีหม่าม้า? ไม่มีพ่อ แล้วก็เป็นโทริโกะเลยงั้นเหรอ?

ฉันยังอึ้งๆ อยู่ จนเสียง *ติ้ง* ของลิฟต์ก็ดังออกมา พร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออก

 

“มาแล้วๆ”

 

ฉันยังกระพริบตาปริบๆ ตอนที่เดินเข้าลิฟต์ตามโทริโกะไป ฉันมองไปที่สีหน้าเรียบเฉยที่อยู่ข้างๆ อาจจะเพื่อพยายามมองหาความหมายจริงๆ ของคำพูดของเธอก็ได้มั้ง แล้วโทริโกะก็หันกลับมา แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มให้

 

“ในที่สุดก็มองมาที่ฉันตรงๆ ซักทีสินะ โซราโอะ”
“เอ๊ะ? คือยังไง?”
“ฉันรู้สึกว่า ตั้งแต่ที่พวกเรามาที่โลกเบื้องหลังวันนี้เนี่ย ส่วนใหญ่เธอจะมองไปที่ไหนก็ไม่รู้น่ะสิ มันกวนใจฉันอยู่นิดๆ เหมือนกันน้า ที่เธอไม่ยอมมองฉันเลยน่ะ”
“…เธอแค่คิดไปเองล่ะมั้ง?”

 

ฉันเบือนสายตาของตัวเองออกมาจากโทริโกะ หันไปมองที่ประตูลิฟต์แทน

 

“นั่งไง หลบสายตาหนีอีกแล้ว”
“โธ่ เงียบเถอะน่า ฉันก็เป็นแบบนี้นี่แหละ”

 

ตาแหลมชะมัดเลยยัยนี่ ฉันคิดอยู่ในใจแบบนั้น แล้วประตูลิฟต์ก็ปิดลง

 

ตัดสายตาของฉันที่ยังจ้องอุรุมะ ซัทสึกิที่กำลังยืนอยู่บนหลังคาดาดฟ้าให้ขาดออกไป

 

 

อุรุมะ ซัทสึกิตามหลังพวกเรามาตลอดการเดินทาง ตั้งแต่ต้นจนจบเลย

เธอโผล่มาครั้งแรกตอนที่พวกเรามาถึงยอดเนินเขานั่นตั้งแต่ตอนที่เราลอดผ่านเกทที่บ้านของคุณโคซากุระเลยด้วยซ้ำ ทำให้ฉันตัวแข็งนิ่งไปเลยที่มันปุบปับขนาดนี้ แต่พอฉันรู้ว่าโทริโกะมองไม่เห็นเธอ ฉันก็เลยพอจะกลับมาตั้งสมาธิได้อยู่

ส่วนนึงก็เพราะตัวตนของเธอมันเบาบางมากเลยด้วยนั่นแหละ แล้วฉันก็ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแบบตอนที่พวกเราไปเจอกับเธอที่ส่วนลึกของโลกเบื้องหลังเลย ตาของเธอจ้องเขม้งอยู่ที่โทริโกะโดยที่ไม่ได้เหลือบมามองที่ฉันเท่าไหร่ ฉันก็เลยตัดสินใจจะมองว่าเธอเป็นเหมือนภาพโฮโลแกรมอะไรซักอย่างไปซะ ถ้าฉันปิดปากให้สนิทเอาไว้ โทริโกะก็ไม่มีทางจะรู้อยู่แล้ว เพราะแบบนั้นแหละ ฉันถึงเมินเธอไปตลอดทางที่พวกเราตะลอนๆ ไปทั่ว แต่การที่เธอตามเราไปตลอดทางโดยไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ แบบนี้มันก็ ต้มฉันซะเปื่อยเลยแฮะ

นี่คราวหน้าที่พวกเรามาที่โลกเบื้องหลังอีก เธอจะโผล่มาอีกรอบหรือเปล่าเนี่ย?

เธอคงจะไม่ได้ยืนรออยู่ตรงชั้น 1 ตอนที่ลิฟต์ลงไปถึงใช่มั้ยนะ?

แล้วก็ เออ… สมาชิกในครอบครัวของโทริโกะนี่มันยังไงนะ?

พอฉันมองกลับไปที่โทริโกะอีกที เธอก็กำลังอมยิ้มเล็กๆ ให้เห็นบนหน้าด้วย

ลิฟต์ลงมาเรื่อยๆ พาเราออกจากโลกเบื้องหลังมาที่โลกเบื้องหน้า แบกฉันลงมา พร้อมกับหัวใจที่ตึงเครียดไปหมดมาด้วยกัน

 

TN: ควรตกใจเรื่องไหนก่อนดีเนี่ย…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด