[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ 81 [3] เก็บน้ำผึ้งและผลที่ได้ [Part 2]
วันต่อมา โฟลทติ้งเต็นท์ก็ถูกตั้งเอาไว้ที่หน้าร้าน คู่กับป้ายอธิบายเลย
แน่นอน มาพร้อมกับป้ายเตือนที่ว่า [หากหยิบไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางร้านไม่รับประกันชีวิต]
ฉันมั่นใจในเรื่องของคุณภาพนะ แต่ราคามันก็ต้องราคานี้ด้วย ฉันไม่คาดหวังอะไรหรอก
―――ฉันคิดแบบนั้นนะ แต่จากโลเรียจังมาบอกฉันช่วงมื้อกลางวัน เธอบอกว่ามีคนมาถามข้อมูลเกี่ยวกับเต็นท์มา 2-3 คนแล้วด้วยล่ะ
ถึงจะยังไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเลย แต่ก็ดูจะเป็นอะไรที่คาดหวังได้อยู่นะ มั้ง?
เสียงฮือฮาประหลาดใจกับการที่มีอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) แสนสะดวกสบายแบบนี้อยู่ด้วยน่ะ มีมาประมาณนึงเลย แบบนี้ ถ้าอนาคต เราเอาสินค้ามาวางตั้งเอาไว้ให้เห็น ยอดขายก็อาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้นะ
ในหมู่บ้านนี้ ฉันคิดว่าพวกคุณอังเดรน่าจะเป็นกลุ่มที่หาเงินได้มากสุดแล้วนะ แต่พวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้จ่ายอะไรสุรุ่ยสุร่ายอะไรนะ
ถ้าพวกเขาเอาไปใช้ นักเก็บสะสมคนอื่นๆ อาจจะอยากได้เหมือนกันก็ได้ แบบนี้ ฉันลองเอาอาร์ติแฟกต์หลายๆ ชิ้นมาตั้งไว้ให้ดูดีมั้ยนะ?
“จะว่าไป พวกคุณไอริสบอกว่าจะไปเก็บน้ำผึ้งของผึ้งผลเน่ากันวันนี้สินะคะ…”
“อืม เหมือนในที่สุด เมื่อวานทุกคนก็หารังเจอกันแล้วนะ”
ระหว่างที่เราคุยกันช่วงมื้ออาหารเย็น ทั้ง 2 คนบอกว่าจากการไปเฝ้าดูที่ถ้ำค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็ง พวกเธอก็เจอตัวผึ้งผลเน่าเลย ถึงการตามรอยพวกมันกลับไปถึงรวงผึ้งจะลำบากก็เถอะ
ผึ้งผลเน่าน่ะบินค่อนข้างเร็วเลย แถมยังออกหากินในระยะกว้างหลายกิโลเมตรเลยด้วย
วิ่งตามผึ้งที่บินเร็วมากแบบนั้นในป่าที่ไม่มีถนนหนทางดีๆ น่ะเหรอ จินตนาการไม่ยากเลยล่ะว่ามันจะยากขนาดไหน
โชคดีที่พวกผึ้งผลเน่ายังคงเดินทางไปกลับระหว่างรังของมันกับถ้ำที่อยู่ของพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งอยู่เรื่อยๆ พวกเธอก็เลยจับมือกับพวกคุณอังเดร วางคนไว้เป็นจุดๆ ระหว่างทาง จนผ่านมา 2-3 วัน ในที่สุด ทุกคนก็หารวงผึ้งเจอจนได้
“ความพยายามอย่างหนักของทุกคนในที่สุดก็ผลิดอกออกผลแล้วนะ ดูเหมือนพวกเธอจะเจอรวมผึ้งรวงใหญ่เลยด้วย หวังว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นไปได้ด้วยดีกันนะ”
“ยังงี้เอง ว่าแต่ คุณซาราสะคะ จะไม่มีอสูรร้ายตัวอื่นหรือตัวอะไรอีกที่เล็งน้ำผึ้งนี้เหมือนกันงั้นเหรอคะ?”
“อ้อ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกนะ เพราะว่า―――”
ตอนที่ฉันกำลังจะอธิบาย ประตูหน้าร้านก็ถูกเปิดออกพอดีเลย แต่เปิดแบบดูเหมือนจะรีบร้อนอยู่นะ
คนที่เข้ามาในร้านก็คือคนที่เรากำลังพูดถึงเมื่อกี้นี้ คุณเคทกับคุณไอริส
“ยินดีต้อนรับก―――”
“คุณผู้จัดการ! ขอยืมใช้! ห้องน้ำหน่อยนะคะ!”
“อ- เออ เชิญตามสบายล―――”
ได้ฟังที่ฉันตอบหรือเปล่าเนี่ย เหมือนจะไม่ได้ฟังเลย
คุณเคทพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปที่หลังร้านแล้ว
เธออั้นไว้นานงั้นเหรอ? ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย ก็คงไม่อยากจะไปทำธุระแบบนั้นในป่าเท่าไหร่หรอก
ฉันเอียงคอนิดๆ ก่อนจะหันไปหาคุณไอริส ซึ่งเธอก็ยิ้มแหยๆ มาให้ฉัน
“ขอพูดใหม่แล้วกัน ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณไอริส”
“ยินดีต้อนรับกลับนะค้า ได้น้ำผึ้งกลับมามั้ยคะ?”
“อา กลับมาแล้วค่ะ ส่วนน้ำผึ้งก็ นี่ไงคะ”
คุณไอริสวางถุงหนังที่ถือมาบนเคาน์เตอร์ แล้วก็เปิดปากถุงออก
พอโลเรียจังเห็นแผงรังผึ้งซ้อนกันหลายชั้นอย่างน่าทึ่งในถุง เธอก็ตาโตเลย
“ว้าว รังใหญ่จังเลยนะคะ? นี่แค่ครึ่งเดียวเองเหรอคะเนี่ย?”
“ใช่แน่นอนค่ะ ก็นายท่านผู้จัดการเตือนมาแล้วนี่นา แถมมันก็ยังเป็นเรื่องมารยาทของนักเก็บสะสมด้วย”
“ถ้ารื้อออกมาทั้งรวงล่ะก็ ปีต่อๆ ไปก็อาจจะเกิดปัญหาก็ได้นะคะ”
ถ้ารื้อรังผึ้งออกมาทั้งรวง เราจะได้น้ำผึ้งมามากก็จริง แต่พวกผึ้งงานส่วนมากก็จะตายกันหมดเพราะขาดอาหาร
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ในปีหน้าๆ น้ำผึ้งที่สามารถเก็บได้ก็จะลดน้อยลงไป ซึ่งก็จะสร้างปัญหาให้กับนักเก็บสะสมคนอื่นๆ อีกต่างหาก
ดังนั้น เราเลยเก็บมาแค่ครึ่งรวงก็พอ
ก็เหมือนกับวัตถุดิบอื่นๆ ที่เก็บสะสมได้นั่นแหละ การสงวนแหล่งวัตถุดิบเอาไว้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับนักเก็บสะสมเลยล่ะ
“รับซื้อไปทั้งหมดก่อนเลยจะเป็นอะไรมั้ยคะ? คุณอังเดรไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย”
“อ้อ คือเรื่องนั้น พวกเขา―――แล้วก็เคทด้วยล่ะนะคะ ทุกคนรู้สึกปวดท้องขึ้นมา ก็เลยตรงกลับห้องพักกันก่อน แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไร หรือว่านี่อาหารที่ฉันเอาไปด้วยจะเสียแล้วหรือเปล่านะ…?”
“เห งั้นเหรอคะ ในฤดูร้อน อาหารการกินจะเสียง่ายด้วย ยังไงก็ต้องคอยระวังก่อนจะกินอะไร-… หือ?”
ปวดท้องเหรอ?
“…นี่หรือว่า พวกคุณอังเดรจะได้ไปเลียน้ำผึ้งของผึ้งผลเน่า หรืออะไรแบบนั้นหรือเปล่าคะ?”
“อา นิดนึงค่ะ สมกับที่เป็นน้ำผึ้งเกรดพรีเมี่ยมเลยนะคะ! รสชาติเยี่ยมสุดๆ ไปเลย!”
คุณไอริสย้อนนึกถึงรสชาติเมื่อตอนนั้นอย่างมีความสุขจนยิ้มกว้างเลย แต่―――
“พวกคุณกินไปเหรอคะ! คุณไอริสเองก็ด้วย!?”
“อ- อ่า ไม่ได้เหรอคะ? จ- จริงด้วยสิ การทานของหรูหราแบบนี้ทั้งๆ ที่หนี้ท่วมหัวแบบนี้คงจะบ้าบิ่นเกินไปสินะคะ?”
เห็นคุณไอริสหลบสายตาหนีอย่างเป็นกังวล แต่มันทำให้ฉันลุกขึ้นพรวดเลย
“บ้าไปแล้วค่ะ! บ้าที่สุดเลย! มันไม่ใช่เรื่องนั้นซักหน่อยนะคะ! การกินน้ำผึ้งของผึ้งผลเน่าน่ะอันตรายมากๆ! มันมีพิษนะคะ!”
นี่ล่ะ เหตุผลที่ไม่มีสัตว์หรืออสูรร้ายตัวไหนที่หมายตาจะกินน้ำผึ้งของผึ้งผลเน่าเลยแม้แต่ตัวเดียว
ก็เหมือนกับพวกสัตว์ที่สามารถกินพืชมีพิษที่สัตว์ตัวอื่นๆ กินไม่ได้เลยล่ะ ผึ้งผลเน่าเองก็เป็นแมลงแบบเดียวกันเลย ที่มีนิสัยการกินเฉพาะตัว
“หา…? เอ๊ะ? นายท่านผู้จัดการคะ แล้วที่ว่าน้ำผึ้งเกรดพรีเมี่ยม…”
“วัตถุดิบสำหรับทำน้ำผึ้งเกรดพรีเมี่ยมค่ะ! โอ้ ตายแล้ว! ใครกินไปเท่าไหร่แล้วคะเนี่ย!?”
“ท- ทุกคน ทานไปคนละช้อน… คิดว่านะคะ ไม่สิ พวกคุณอังเดรน่าจะทานไปเยอะกว่านั้นอีกนิดหน่อย”
เห็นคุณไอริสกางนิ้วบอกปริมาณมาให้ ฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“…ถ้าปริมาณเท่านั้นล่ะก็ คงไม่ต้องห่วงเรื่องจะถึงชีวิตหรือเปล่าแล้วค่ะ แต่คงต้องทำสัญญายึดสุขาไปซักพักใหญ่ๆ เลย คุณไอริสไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ? คุณทานไปด้วยเหมือนกันนี่นา?”
“อ- อ่า โชคดีนะคะที่ ฉัน— อึก!”
คุณไอริสยังไม่ทันพูดคำว่า “ไม่มีปัญหา” เลยด้วยซ้ำ สีหน้าของเธอก็ตึงเครียด ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาเลย
พร้อมๆ กันนั่น ก็มีเสียงต่ำๆ *โครกกกก…* ดังลอยมา
เพื่อรักษาเกียรติของเธอ ฉันจะไม่พูดแล้วกันนะว่ามันดังมาจากไหน
“…นายท่านผู้จัดการคะ ขอเวลาซักครู่ได้มั้ยคะ?”
“ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะคะ แต่ว่า… คุณเคทอยู่ในนั้นนี่คะ?”
ที่เลือกจะไม่พูดออกมาอย่างชัดเจนนี่ อาจจะเป็นการรักษามารยาทก็ได้
แต่ ความใจเย็นนั่นก็อยู่ได้ไม่นาน
ฉันมองดูคุณไอริสพุ่งไปที่ส่วนที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงทุบประตู *ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง* จะดังออกมาพร้อมกับเสียงเร่งของเธอดังตามมาติดๆ เลย
“เคท! ออกมาเร็ว!”
“ไม่ไหวหรอก ห้องนี้ไม่ว่างไปอีกพักนึงเลยล่ะ”
“อย่าว่ายังงั้นสิ! ขอล่ะ! แค่แป๊บเดียว! ขอแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง!”
ฉันแอบลองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วภาพที่เห็นก็เหมือนอย่างที่ฉันจินตนาการไว้เป๊ะๆ คุณไอริสยืนเอามือข้างนึงกุมท้อง มืออีกข้างก็เคาะประตูห้องน้ำอยู่
“ขอโทษนะ รออีกหน่อยแล้วกัน”
“รอไม่ได้แล้ว! นี่ด่วนสุดๆ เลยเนี่ย!”
“ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าขยับตอนนี้-… อื้อ!”
“เคท! ทั้งๆ ที่ฉันขอร้องขนาดนี้แล้วนะ!”
“ไอริส ตอนเราออกมาจากบ้าน เธอบอกเองนี่ว่าจากนี้ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมทางที่เท่าเทียมกัน ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันขอเอาศักดิ์ศรีของตัวเองก่อนนะ! ฮึก”
“อูววว… อึก ทนเอาหน่อยซี่!”
“ทนเอาเหรอ ป- เป็นไปไม่ได้หรอก!”
“เข้าใจแล้ว! ฉันขอต่อรอง! ครึ่งนึง! แค่ครึ่งเดียวก็ได้! แบ่งกันหน่อยสิ! พวกเราเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่รึไง!?”
“ของแบบนี้ ต่อให้จะเป็นเพื่อนรักกันก็แบ่งไม่ไหวหรอกนะ!”
ตอนนี้ คุณไอริสดูเหมือนจะอยู่ในวิกฤติแล้วสิ เทียบจากแรกสุด แรงที่เธอทุบประตูมันอ่อนลงๆ ไปเรื่อยๆ แล้ว เธอยืนไขว่ขากัน จนตัวย่อลงไปเกือบจะทรุดลงนั่งแล้ว
“…คุณซาคาสะคะ ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ? สงสารคุณไอริสจัง”
โลเรียจังมายืนแอบมองแบบที่ฉันทำอยู่ข้างๆ ฉันด้วย ซึ่งฉันก็ตอบด้วยการส่ายหัวช้าๆ
“โลเรียจัง… ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ พวกเราก็จู่ๆ จะเพิ่มห้องน้ำเข้ามาไม่ได้หรอกนะ แถมคุณเคทเองก็ให้ไม่ได้ด้วยนี่จริงมั้ย?”
ฉันไปบอกกับคุณเคทที่กำลังทุกข์ทรมานอยู่ตอนนี้ว่า ‘ออกมาจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้นะคะ’ ไม่ได้หรอก
แต่อีกทาง ถ้าคุณไอริสทำให้ตรงนี้เละเทะก็เป็นเรื่องลำบากเลยเหมือนกัน
“สิ่งที่ฉันจะทำได้ตอนนี้ ก็คงประมาณนี้ล่ะมั้ง?”
ฉันยื่นของบางอย่างใส่ในมือของคุณไอริสที่กั้นของบางอย่างไม่ให้ฝ่าประตูออกมาได้ จนตอนนี้ก็มาถึงจุดที่ทำไม่ได้แม้แต่การเคาะประตูแล้ว
“น- นายท่านผู้จัดการ…”
คุณไอริสหันมามองฉันทั้งน้ำตา ซึ่งฉันก็ตอบเธอด้วยการส่งยิ้มให้ พร้อมกับเปิดประตูออกไปที่สวนหลังร้าน
“ขอให้ไปตรงที่มุมสวนนะคะ”
“กรรร! เคท! ฉันจะไม่มีทางลืมความอัปยศนี้แน่นอนเลย!”
คุณไอริสกล่าวคำทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้น พร้อมกับตรงออกไปที่สวนหลังร้านโดยใช้จอบที่ฉันยื่นให้เป็นไม้ค้ำยันชั่วคราว
การก้าวเท้าของเธอไม่มั่นคง จนเหมือนหมิ่นเหม่ว่าจะทรุดลงไปได้ทุกเมื่อเลย
ฉันละสายตาออกมา ปิดประตูลงอย่างเงียบๆ โดยไม่ดูสภาพของเธอในตอนนี้ เพื่ออย่างน้อยก็เป็นความเห็นใจจากฉันนิดๆ ล่ะนะ
―――แต่ว่า จริงๆ ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณเคทซักหน่อย เนอะ?
TN: เฮ้อ… นี่แหละน้า~ ไม่น่าเลย
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r
Comments