[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ 41 [2] ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) [Part 1]
ทีนี้
ฉันเลือกจะซ่อมห้องครัวก่อนเลย แต่ก็ยังมีเรื่องนึงที่ฉันต้องให้ความสำคัญกว่าก่อน
ตัวต้นเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้ เฮล เฟลม กริซลี
ก่อนที่ฉันจะสลบไป ฉันจัดการชำแหละเอาไว้เรียบร้อยแล้วนั่นแหละนะ แต่ฉันยังขนพวกมันไปไหนไม่ได้ ก็เลยลงเอยว่าต้องทิ้งเอาไว้ยังงั้น
แน่นอนอยู่แล้วว่า ฉันยังไม่ได้เอาพวกมันไปขายที่ไหนเลย
ถูกต้องแล้ว เงินไงล่ะ
พวกคุณอังเดรกับนักเก็บสะสมคนอื่นๆ อุตส่าห์อยู่ที่นี่ต่อ ถึงแม้ว่ามันจะอันตรายก็ตาม แถมบ้านของชาวบ้านเองก็มีหลังที่เสียหายไปด้วย
ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่นอกจากจะแจกจ่ายให้ช้าแล้วก็ยังไม่ดีพอแบบนี้อีก
เพราะแบบนั้น ฉันก็เลยไปปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านเรื่องการแจกจ่ายของพวกนี้ดู แต่คำตอบที่ฉันได้กลับมา กลับเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเลย
“―――เอ๋? ไม่เอา เหรอคะ?”
“ใช่แล้ว ทุกคนเขาต้องอยากให้ซาราสะจังเก็บวัตถุดิบเอาไว้แน่ อีกอย่าง ซาราสะจังก็เป็นคนจัดการพวกมันไปเกินกว่าครึ่งซะอีกนี่? ไม่มีใครบ่นเรื่องนั้นหรอกนะ แต่ว่า จะเป็นอะไรมั้ยถ้าพวกเราจะขอจัดการส่วนอื่นๆ ที่เหลือ…”
“อา ไม่เลยค่ะ ไม่มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้วค่ะ”
ส่วนที่ฉันทิ้งเอาไว้ไม่ได้จัดการก็คือส่วนที่ฉันเอาไปใช้เป็นวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้ หรือไม่ ก็เป็นส่วนที่ไม่ได้มีมูลค่ามากอะไรขนาดนั้น โดยเฉพาะหนังกับเนื้อนี่แหละ
มันก็พอจะเอาไปใช้ทำอะไรได้อยู่นะ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอามาใช้ยังไง แต่ตอนนั้น ฉันไม่มีเวลาจะทันได้ทำอะไรแบบนั้นเลยเนี่ยสิ
“งั้นเหรอ ก็ เป็นแบบนั้นล่ะ ถ้าเอาไปขาย ก็น่าจะได้ค่าใช้จ่ายที่เพียงพอแล้วนะ”
“ยังงี้เอง…”
สุดท้ายนี่ เราได้มาเท่าไหร่น้า?
น่าจะเกิน 20 ตัวล่ะมั้ง?
ถ้าเอาเนื้อเอาหนังไปขาย… อือ คิดว่าน่าจะได้ราคาดีอยู่นะ
แต่ จะจัดการกันได้หรือเปล่านะ?
“คือ จะไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ? ถ้าประมาณนึง ฉันพอช่วยได้นะคะ”
“อืม… นั่นสิ เรื่องเนื้อเนี่ย ชาวบ้านทุกคนเขาเอาคลุกเกลือเรียบร้อยแล้ว แต่ดาร์นาเองก็ยังไม่รู้เรื่องวิธีจะจัดการกับตัวหนังเลย…”
คุณดาร์นา เจ้าของร้านขายของชำ ปกติก็จะรับผิดชอบการติดต่อซื้อขายระหว่างในหมู่บ้านกับเมืองรอบนอก
เขาจะเอาผลผลิตทางการเกษตรในหมู่บ้านไปขายที่เซาว์ท สแตรก แล้วก็ซื้อข้าวของเครื่องใช้จิปาถะที่ใช้สอยได้ในหมู่บ้านกลับมาด้วย
เพราะการซื้อขายแบบนี้เป็นวิธีการหลัก การจัดการกับหนังของเฮล เฟลม กริซลีก็อาจจะยากซักหน่อย เพราะเป็นสินค้าคนละหมวดกัน แต่ตัวเนื้อหมักเกลือจะยังขายได้อยู่นะ เพราะก็เป็นอาหารเหมือนกัน
ถ้าคู่ค้าที่ไม่ได้ติดต่อแลกเปลี่ยนกัน เห็นมีสินค้าราคาแพงมาด้วยล่ะก็ อาจจะโดนเอาเปรียบก็ได้
นั่นคือตามที่ฉันเข้าใจนะ ว่ากันตามตรง ดูเหมือนจะมีปัญหาในการจัดการกับมันจริงๆ ด้วย
“ถ้างั้น ฉันจัดการหนังให้เองค่ะ นอกจากชาวบ้านแล้ว ทางพวกนักเก็บสะสมที่ให้การช่วยเหลือก็จำเป็นต้องได้เงินทันทีด้วยใช่มั้ยล่ะคะ?”
“จะดีเหรอ?”
“ค่ะ ฉันเอาไปแปรรูปต่อได้”
ตามปกติ ‘หนังสัตว์’ จะต้องเอาไปฟอก แล้วก็แปรรูปให้เป็น ‘หนังฟอก’ แต่ถ้าใช้การเล่นแร่แปรธาตุ มันก็เหมือนกับการฟอกหนังนะ―――ไม่สิ ฟอกได้คุณภาพดีกว่าการฟอกปกติด้วย ถ้าเพิ่มเงินลงไปอีกหน่อยก็เพิ่มคุณสมบัติพิเศษเข้าไปได้ด้วย ถึงจะเสียไปบ้าง แต่ก็ยังทำเงินคืนกลับมาได้อยู่นะ
“ถ้างั้น ต้องขอโทษหนูด้วย แต่ก็คงต้องขอรบกวนด้วยนะ พวกของไว้เราจะขนกันมาทีหลัง ไว้ตรวจดู แล้วก็จ่ายตามที่ซาราสะจังเห็นว่าเหมาะได้เลย”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากจบการติดต่อธุรกิจอย่างง่ายที่บ้านของคุณผู้ใหญ่บ้านเรียบร้อย ฉันก็เดินดูรอบๆ หมู่บ้านเพื่อดูสถานการณ์ในปัจจุบัน
ฉันยังขยับตัวไม่ได้ในทันที ฉันก็เลยแค่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น… อือ ต้องขอบคุณพวกคุณอังเดรเลยนะ เพราะแบบนี้ บ้านของชาวบ้านก็เลยยังปลอดภัยดี
บ้านเช้าของนักเก็บสะสมเสียหายหนักเลย แต่มันก็เป็นทรัพย์สินร่วมของหมู่บ้านล่ะนะ
มันใช้งบหมู่บ้านมาเป็นค่าซ่อมแซมได้ และต่อให้มันพังอยู่แบบนี้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนอะไรด้วย
พวกนักเก็บสะสมเองก็หนีออกไปเยอะพอควร ตอนนี้ก็เลยไม่มีใครอยู่ที่บ้านเช่าหลังนี้ด้วย
รั้วที่เร่งสร้างเพื่อการป้องกันก็ถูกรื้อออก แทนที่ด้วยรั้วเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นขอบเขตระหว่างป่ากับหมู่บ้าน
เหมือนจากเหตุการณ์นั่น จะยังทำให้คนกลัวกันอยู่นิดๆ ล่ะมั้ง?
เรื่องแบบนี้มันไม่เกิดบ่อยๆ หรอกน่า… คิดว่านะ
ฉันก็ไม่ได้คุ้นกับป่าแถวนี้ด้วยซิ ก็คงจะยืนยันอย่างมั่นใจไม่ได้ล่ะนะ
―――ฉันเคยเดินเล่นไปรอบๆ หมู่บ้านแบบนี้นะ แต่ก็มีเรื่องนึงที่ต่างจากก่อนหน้านี้มากเลย
“ซาราสะจัง! ขอบใจมากนะ!”
“ไม่เลยค่ะ ไม่เลย มันเป็นผลจากความพยายามของทุกคนนะคะ”
“ซาราสะจัง! เพราะหนูเลยนะ พวกเราทุกคนถึงยังปลอดภัยน่ะ! นี่! เอาไปด้วยสิ!”
“ข- ขอบคุณนะคะ”
“สุดยอดไปเลยน้า ท่านนักเล่นแร่แปรธาตุเนี่ย โอะ กินของจุบจิบอะไรหน่อยมั้ย ลองชิมนี่ดูสิ”
“ค- ค่ะ ขอบคุณค่ะ…”
จนถึงตอนนี้ ฉันเคยต้องเป็นคนที่เดินเข้าไปทักทายผู้คน แต่ตอนนี้ ขนาดฉันยังไม่ทันเรียก ผู้คนที่เดินไปเดินมาตามถนน คนที่ทำงานอยู่ในไร่ในสวน ก็หยุดมือ หยุดเดิน แล้วก็ทักทายฉันด้วย
แถมยังให้ของมาเยอะเลย
พืชผลที่พวกคุณปลูกกันน่ะ
นี่ก็เป็นรางวัลจากความพยายามของฉันใช่มั้ยนะ?
…อื้ม ฉันคิดว่า ได้เป็นที่ยอมรับของหมู่บ้านก็ดีใจแล้วนะ
มันต่างจากเมืองหลวงมากจนทำให้งงเลย แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร ว่ามั้ย?
แต่ว่า… เรื่องพวกพืชผลกองเต็ม 2 แขนนี่จะเอายังไงดีล่ะเนี่ย?
“ยินดีต้อนรับกลับนะค- ――― นั่นอะไรน่ะคะ?”
“ดีเลย โลเรียจัง! ช่วยหน่อยนะ!”
ฉันเปิดประตูเองไม่ได้ด้วย ก็เลยติดอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน
พอเห็นแบบนั้น ฉันก็อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้โลเรียที่กำลังยืนอึ้งจนตาโตอยู่ฟัง ก่อนจะขอให้เธอช่วยถือซักครึ่งนึงหน่อย
“ยังงี้เอง ต้องขอบคุณทุกคนด้วยนะคะ ทุกคนเข้าใจดีเลยค่ะว่า ถ้าคุณซาราสะไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเราก็คงไม่ได้อยู่ตรงนี้กันแล้ว”
“ฉันก็ดีใจนะที่เธอว่าแบบนั้น แต่ได้ยินแล้วเขินหน่อยๆ เลย ซาบซึ้งมากเลยล่ะ”
แค่ยังไม่ชินเท่านั้นเอง
ก่อนหน้านี้ ฉันแทบไม่ได้พบปะกับคนเยอะขนาดนี้นี่นา
“แต่ พวกเรายังทำอาหารไม่ได้เลย… โลเรียจัง ช่วยไปเอามาหน่อยได้หรือเปล่า?”
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้น เดี๋ยวฉันไปทำอาหารที่บ้าน แล้วเอามาให้แล้วกันนะคะ มีเรื่องนี้นี่แหละค่ะ ที่ฉันพอจะทำให้คุณซาราสะได้”
“ขอบใจน้า~! กำลังคิดอยู่เลยล่ะว่านอกจากทานของที่มีอยู่แล้วจะทำอะไรอย่างอื่นดี”
ถ้าแค่มันฝรั่งเนี่ย ใช้เตาในห้องทำงานเล่นแร่แปรธาตุอบเอาก็พอได้อยู่นะ แต่ก็… เป็นแบบนั้นนั่นแหละ เนอะ?
“แต่ว่า ช่วยทำห้องครัวให้เสร็จเร็วๆ หน่อยนะคะ? ต่อไป จะได้ทำอาหารที่นี่ได้เลย”
“รับทราบจ้า!”
ฉันทำท่าวันทยหัตถ์ให้โลเรียจังที่ทักฉันเรื่องนี้
“แต่ว่าก่อนอื่น ฉันต้องจัดการกับหนังให้เสร็จก่อนนะ ถ้าทิ้งเอาไว้เฉยๆ มันจะเน่าน่ะ นี่น่ะ งานยุ่งแน่นอนเลย”
“จัดการกับหนังเหรอคะ?”
“อื้ม ดูเหมือนคุณผู้ใหญ่บ้านจะมีปัญหาในการจัดการกับหนังของเฮล เฟลม กริซลี ฉันก็เลยซื้อมาไงล่ะ เดี๋ยวก็มาถึงที่นี่แล้วล่ะ―――”
ตอนที่ฉันอธิบายสถานการณ์ให้โลเรียจังฟัง คุณอังเดรก็เข้ามาพร้อมถังหนังใบใหญ่พอดีเลย
“ซาราสะจัง ดีใจด้วยนะที่หายดีแล้ว ข้าแบกหนังมาให้แล้วนะ”
“เหนื่อยหน่อยนะคะ คุณอังเดร ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะคะ ฉันหายดีแล้วค่ะ”
“ดูเหมือนจะเป็นยังงั้นนะ ข้าได้ยินว่าหนูไม่ได้เจ็บอะไร แต่ก็คิดว่าจะไปที่บ้านของเด็กผู้หญิงเนี่ยก็คงดูไม่ดี ข้าก็เลยไม่ได้มาเยี่ยมล่ะนะ”
“โห คุณอังเดร เป็นคนละเอียดอ่อนสวนกับที่เห็นภายนอกเลยนะคะ?”
“อย่าพูดยังงั้นสิ ซาราสะจัง นี่แหละถึงทำให้ข้าอยู่ได้มานานอีกหน่อยนึงแบบนี้ไง หนูกังวลเรื่องนั้นขนาดไหนเรอะ?”
พอฉันเผลอหลุดปากไป คุณอังเดรก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะตอบกลับมาแบบนั้น
“นั่นสินะคะ ถ้าเกิดคุณฝากของฝากเยี่ยมไข้เอาไว้ที่พวกคุณเคท ความเท่สมชายชาตรีก็จะเพิ่มขึ้นมาระดับนึงเลยด้วยนี่นะคะ?”
“เดี๋ยวซี่! นี่ก็ชิ้นนึงแล้วนะ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! แต่ก็นะ ในหมู่บ้านนี้ไม่ได้มีของอย่างของฝากที่มาเยี่ยมใช่มั้ย? ถ้างั้นเนี่ย ข้าเอาขนมปังที่เรียวกังมาเป็นของฝากดีมั้ยล่ะ?”
“แบบนั้นไม่ใช่ของฝากแน่ค่ะ แต่ก็อร่อยนะคะ”
ต่อให้เอาดอกไม้หรืออาหารดีมีโภชนาการมาเยี่ยม ร้านขายของแห่งเดียวในหมู่บ้านนี้ก็คือร้านขายของชำของคุณดาร์นาอยู่ดี แบบนั้นก็คงไม่ใช่ของฝากล่ะนะ จะไปหาอะไรมันก็ยากนั่นแหละ
อีกอย่าง ถ้าฉันสั่งอะไรอย่าง [อาหารดีมีโภชนาการ] ไปตอนนี้เนี่ย มีหวังจะได้เนื้อเฮล เฟลม กริซลีมาแหงๆ เลย
“แล้ว นั่นคือหนังของเฮล เฟลม กริซลีสินะคะ”
“ใช่แล้ว แค่ส่วนนึงล่ะนะ”
พอว่าแบบนั้น คุณอังเดรก็วางถุงหนังบวมๆ ลงกับพื้น
ในเวลาเดียวกันนั่น โลเรียจังก็ขมวดคิ้วกับกลิ่นที่โชยมาจากทางนั้นทันทีเลย
“อุ เหม็นกลิ่นคาวจังเลยค่ะ…”
“โทดทีนะ พวกข้าก็ไม่ได้คล่องขนาดนั้น เรื่องนี้ก็คงช่วยไม่ได้หรอก”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ขั้นตอนการจัดการตรงนี้ก็เป็นงานของนักเล่นแร่แปรธาตุเหมือนกัน”
“เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนี่… ดูลำบากจังเลยนะคะ”
“ก็ต้องเจอของกลิ่นเหม็นๆ เยอะอยู่นะ ฉันชินแล้วล่ะ”
เอาเรื่องวัตถุดิบประเภทหินแร่ออกไปก่อนนะ การเล่นแร่แปรธาตุเนี่ยจะมีการใช้วัตถุดิบจากพืชและสัตว์อยู่บ่อยๆ เลย วัตถุดิบบางอย่างก็มีกลิ่นแรงมากเหมือนกัน
แรงระดับที่ว่า ถ้าไม่ใช่หน้ากากป้องกันแบบพิเศษ ก็อาจจะหมดสติไปได้เลยล่ะ
เทียบกับของพวกนั้นแล้ว อันนี้น่ะไม่ได้มากมายอะไรเลย
แน่นอนว่า อะไรที่มันเหม็นเนี่ย มันก็ยังเหม็นอยู่ดีนั่นแหละ
“แต่ว่า นี่ก็ช่วยพวกข้าเอาไว้ได้เยอะจริงๆ นะ ถ้าไม่มีซาราสะจังช่วยจัดการล่ะก็ ทุกอย่างคงแย่ไปแล้วแน่ๆ จำนวนมันมากจนน่าตกใจเลยล่ะนะ”
“ขอบคุณที่ได้มีส่วนให้ความช่วยเหลืออย่างสุดซึ้งนะคะ กับชาวบ้านทุกคนเลย”
“หนูน่ะเป็นคนดังชั่วข้ามคืนเลยนะ! หลังการต่อสู้จบปุ๊บ ข่าวลือก็แพร่ไปทั่วปั๊บเลย”
“…ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“อ้า! ทุกคนน่ะพูดถึงซาราสะจังกันหมดเลยนะ! เรื่องไล่ฆ่าเจ้าพวกนี้ได้อย่างดีเลยน่ะ”
ฉันเอามือ 2 ข้างมากุมที่หน้าผากโดยไม่ตั้งใจเลย พอเห็นคุณอังเดรแสยะยิ้มแบบนั้น
“นั่นสินะคะ ผ่านไปตั้ง 4 วัน ทุกอย่างก็สงบลงไปแล้ว แต่ขนาดของหมีพวกนี้ก็ยังน่าตกใจอยู่เลย”
“…ฉันนอนไปตั้ง 3 วัน ก็นึกว่าทุกอย่างอาจจะดีขึ้นบ้างซักนิดแล้วนะ”
ใจเย็นไว้ก่อนนะ ยิ่งสภาพในตอนนี้ด้วยแล้ว
เรื่องที่ได้รับคำขอบคุณ ฉันก็ดีใจนะ แต่ยอกันมากไปมันก็ชวนให้รู้สึกไม่ดีนิดๆ เหมือนกัน
“แค่บอกขอบคุณไป ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้วล่ะ―――จะว่าไป แล้วนี่ร้านจะกลับมาเปิดเมื่อไหร่เรอะ? ยังไงซะ มีโพชั่นของซาราสะจังหรือไม่มีเนี่ย ผลมันต่างกันคนละเรื่องเลยล่ะนะ”
“ถ้าแค่โพชั่น แล้วไม่เกี่ยงว่าต้องเป็นของวันนี้ล่ะก็? จะซื้อเลยมั้ยคะ?”
“โอ้ จะดีเหรอ?”
“ค่ะ โลเรียจัง ฝากหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ได้เลยค่ะ! ถ้างั้น คุณอังเดร เชิญในร้านเลยค่ะ”
“โอ้ รบกวนหน่อยนะ”
พอทั้ง 2 คนเข้าไปในร้านแล้ว ฉันก็แบกถุงหนังที่มีหนังใส่อยู่เต็มไปที่หลังห้องทำงาน
แล้วพอฉันกลับออกมาที่หน้าร้าน คุณอังเดรก็จ่ายเงินเสร็จแล้วกำลังจะออกไปพอดี
“ขอบใจที่คอยช่วยอยู่ตลอดเลย”
“ทางนี้ต่างหากล่ะคะที่ได้รับการช่วยเหลือเอาไว้เยอะเลย อย่าเพิ่งบอกใครนะคะว่าร้านกลับมาเปิดแล้ว”
“ได้สิ งั้นก็ ขอฝากด้วยนะ”
““ขอบคุณนะคะ””
พอมองส่งคุณอังเดรจะออกจากประตูแล้ว ฉันกับโลเรียจังก็พูดออกมาพร้อมกันเลย
TN: หมีมากมายหลายหมียกหมีหนี หมีมากมีหนีหมีหนีบหนีหาย 555
Comments