[นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ 34 ผมก็แค่คนไร้อาชีพ
“ป-เป็นไปไม่ได้…อั๊ก~….นั่นมัน…อั๊ก…สกิลสั่งตาย…..ของเทพดาบ…”
ในขณะที่ยักษ์ถูกการโจมตีของผม ยักษ์ก็ตะโกนออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ดูเหมือนเขาจะสังเกตุเห็นว่า นี่คือสกิลสั่งตายของเทพดาบ
ในตอนนี้เขาไม่ได้พ่ายแพ้เทพดาบเหมือนในอดีตแล้ว
“ก-แก…ป-…เป็น…เทพดาบ…”
เมื่อทลายไร้ขีดจำกัดถูกใช้ การโจมตีจะดำเนินไปจนกว่าคู่ต่อสู้จะพ่ายแพ้
นอกจากนี้เวลาหน่วงในการโจมตีแต่ละครั้งจะถูกลดลงไปเรื่อยๆ จนคู่ต่อสู้ไม่มีสิทธิสวนกลับ
“ไม่ ผมเป็นแค่คนไร้อาชีพ”
“แกบอกว่าไร้อาชีพงั้นเหรอ!? อย่า อั๊ก…มาพูดเล่นนะ! ไม่มีทางที่คนไร้อาชีพจะสามารถ…อึก..ใช้มัน…อั๊ก……”
อย่างไรก็ตาม ปีศาจระดับสูงนั้นเป็นไปตามที่คาดเลย
แม้ว่าจะไม่ได้รับพรคุ้มกันศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดามอบให้มนุษย์ก็ตาม แต่ร่างการของมันแข็งแกร่งพอๆกับชุดเกราะมีชีวิตของเทพดาบเลย
มันยังสามารถพูดได้แม้ว่าจะรับการโจมตีไปมากกว่า 40 ครั้งก็ตาม
“อ๊ากก~….เป็น~…อั๊กก~…ไปไม่ได้…………………….”
ในที่สุดมันก็เงียบลง
ในการโจมตีครั้งที่ 70 ในที่สุดการโจมตีต่อเนื่องก็ได้หยุดลง
ร่ายกายของยักษ์นั้นได้ลอยอยู่บนอากาศด้วยแรงของดาบ จนในที่สุดก็ได้ตกลงมาบนเวทีที่เสียหายไปครึ่งหนึ่ง
“คราวนี้แกคงตายโดยไม่ได้ทิ้งคำสาปเอาไว้แล้วสินะ”
แม้ว่าดาบของผมค่อนข้างจะคมก็ตาม แต่ว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับดาบที่เทพดาบใช้
หลังจากที่ปล่อยการฟันออกมา ตอนนี้ดาบก็เริ่มสภาพโทรมแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะปล่อยการฟันแบบเมื่อกี้อีก อายุขัยของดาบเล่มนี้คงจะหมดลงในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากผมเอาชนะเทพยักษ์ได้ บางทีผมคงจะเอาชนะคนคนนั้นได้ (ตรงนี้หมายถึงเกรกนะครับ)
ช่วยไม่ได้ มันเป็นความผิดของเขาเองนะ
“โอววววววววววววววววววววววววววววว~”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังราวกับว่าพื้นดินจะถล่มลงมา
“เหลือเชื่อ! เขาเอาชนะเทพยักษ์ได้!”
“ยิ่งกว่านั้น เขายังสามารถเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียวอีก!”
“เขาเป็นใครกันแน่นะ!”
“ผู้กล้า! เขาต้องเป็นผู้กล้าแน่ๆ!”
“เทพดาบนั้นกลับมาแล้วววววววววววว~!”
เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ และไม่มีเวลาหลบหนี ได้ดูการต่อสู้ของผม
พวกเขาได้โห่ร้องออกมาด้วยความยินดี จากปากของพวกเขา
“อืม อย่างน้อยตอนนี้ผมก็สามารถแข่งศึกชิงถ้วยเทพดาบต่อได้”
—–ที่กิลด์เขี้ยวมังกร
“เฮ้ย นายนะขาดจิตวิญญาณในการต่อสู้! อย่าพึ่งพาแต่สกิลอย่างเดียวสิ! แสดงความพยายามออกมามากกว่านี้!”
“ค-ครับ!”
เสียงของดาบ และเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วลานฝึก
และมีชายวัยกลางคนที่ถือดาบด้วยแขนข้างเดียวคอยแนะนำนักดาบหนุ่มอย่างหนักแน่น
นั่นคือหัวหน้ากิลด์เขี้ยวมังกรคนปัจจุบัน ร็อด
เมื่อจบศึกชิงถ้วยเทพดาบเขาก็กลับมาเป็นหัวหน้ากิลด์อีกครั้ง
ราวกับว่าความเฉื่อยชาที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องโกหก และด้วยอาวุธที่ถืออยู่ในแขนเพียงข้างเดียวของเขา ทำให้ตอนนี้เขากระตือรือร้นที่จะตามหาเส้นทางแห่งดาบมากกว่าแต่ก่อน
สมาชิกใหม่ของกิลด์เขี้ยวมังกรนั้นเพิ่มมากขึ้น
นั่นเป็นเพราะมีผู้คนที่ต้องการเข้าร่วมกิลด์ มาสมัครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขารู้สึกชื่นชมการต่อสู้ในศึกชิงถ้วยเทพดาบ
โดยมีทั้งนักดาบแรงค์ A และแรงค์ B จำนวนมากในหมู่คนเหล่านั้น
แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนๆนั้นที่พวกเขาปรารถนาจะพบ
ศึกชิงถ้วยเทพดาบรอบสุดท้ายศึกแรกสุด
เด็กหนุ่มไร้อาชีพที่สามารถเอาชนะเทพยักษ์ได้ด้วยตัวคนเดียว ที่จู่ๆก็ปรากฎตัวออกมาและช่วยเมืองแห่งนี้เอาไว้
“แต่ถึงอย่างนั้น……………”
หญิงสาวคนหนึ่งนั่นก็คือลิเลีย ในที่สุดเธอก็สามารถฟื้นคืนกิลด์ของเธอได้หลังจากรอมาอย่างยาวนาน เธอมองไปยังลานฝึกด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนออกมา
“ทำไม สิ่งนี้มันไม่สำคัญกับนายเลยงั้นเหรอ คุณอาเรล!!!”
นายสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉันนะ~! เนื่องจากบุคคลดังกล่าวนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ลิเลียจึงเรียกร้องอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ
“คุณลูกค้า เป็นอะไรไปงั้นเหรอ?”
*กึกกักกึกกัก* ขณะที่นั่งสั่นอยู่ในรถม้า คนขับรถม้าก็หันกลับมาถามกับผม
ในขณะที่พวกเราค่อยๆห่างจากกำแพงของเมืองแห่งดาบออกไป คนขับรถม้าที่เคยเป็นหนี้บุญคุณผมก็ได้ถามขึ้นมา
“มันไม่เคยมีมาก่อนเลย ที่ยอดนักดาบที่ชนะศึกชิงถ้วยเทพดาบจะหนีออกจากเมือง นอกจากนี้ยังมีนักเดินทางมากมายที่จากทั่วทุกทิศได้เดินทางมายังเมืองแห่งนี้ เพื่อมาดูผู้กล้าที่กอบกู้เมืองเอาไว้“
“หืม ถึงแม้คุณจะพูดแบบนั้นก็ตาม แต่ว่ามันไม่มีอะไรอย่างอื่นที่ผมสามารถทำได้แล้วในที่แห่งนั้น”
ผมตอบกลับไปอย่างนั้น
มันเป็นเวลาประมาณสามเดือนแล้วที่ปีศาจได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาและถูกกำจัดไป และผมก็ยังได้รับรางวัลศึกชิงถ้วยเทพดาบ
ในช่วงเวลานั้น ผมได้รับสกิลที่เกี่ยวข้องกับดาบมาหมดแล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ผมเรียนรู้อีกแล้ว
“ที่นั่นไม่มีนักดาบที่แข็งแกร่งกว่าผมอีกแล้ว”
“ฮ่าๆๆ นั้นก็จริงครับ หลังจากที่คุณสามารถเอาชนะปีศาจในตำนานที่เคยต่อสู้กับเทพดาบในอดีตได้ ไม่ว่าคุณจะมองหานักดาบที่ไหนภายในโลกนี้ ก็คงไม่มีนักดาบคนไหนสามารถทำได้แบบคุณลูกค้าแล้วครับ”
“……….มันก็ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปหรอก………..”
“?”
ก่อนที่ผมจะมาถึงเมืองนี้ ผมก็ได้เชี่ยวชาญสกิลของเทพดาบมาก่อนแล้ว
บางทีในตอนนั้นผมอาจจะแข็งแกร่งกว่านักดาบในเมืองแห่งดาบแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่า การมาที่เมือนแห่งนี้มันไม่มีความหมาย
ผมได้เรียนรู้สกิลใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ของเจ้าหญิงแห่งดาบและเทพดาบ ซึ่งมันเป็นการยกระดับความสามารถอย่างมาก เมื่อเทียบกับแต่ก่อน เช่นการเสริมความแข็งแกร่งตั้งแต่พื้นฐาน เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ต่างๆในการต่อสู้
นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับตัวผมในตอนนี้
จุดมุ่งหมายของผมในตอนนี้คือกลับไปยังบ้านเกิด
ที่นั่นมีนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกรอผมอยู่
“ผมคิดว่าตอนนี้ผมน่าจะเอาชนะคุณแม่ได้แล้ว”
*ฮ่าฮ่าฮ่า* คนขับรถม้าหัวเราะในขณะที่ฟังสิ่งที่น่าสนใจจากคุณลูกค้า
Note : ถ้าใครต้องการสนับสนุนค่าไฟหรือค่ากาแฟสามารถโดเนทได้ตามด้านล่างครับ
Comments
[นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ 34 ผมก็แค่คนไร้อาชีพ
“ป-เป็นไปไม่ได้…อั๊ก~….นั่นมัน…อั๊ก…สกิลสั่งตาย…..ของเทพดาบ…”
ในขณะที่ยักษ์ถูกการโจมตีของผม ยักษ์ก็ตะโกนออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ดูเหมือนเขาจะสังเกตุเห็นว่า นี่คือสกิลสั่งตายของเทพดาบ
ในตอนนี้เขาไม่ได้พ่ายแพ้เทพดาบเหมือนในอดีตแล้ว
“ก-แก…ป-…เป็น…เทพดาบ…”
เมื่อทลายไร้ขีดจำกัดถูกใช้ การโจมตีจะดำเนินไปจนกว่าคู่ต่อสู้จะพ่ายแพ้
นอกจากนี้เวลาหน่วงในการโจมตีแต่ละครั้งจะถูกลดลงไปเรื่อยๆ จนคู่ต่อสู้ไม่มีสิทธิสวนกลับ
“ไม่ ผมเป็นแค่คนไร้อาชีพ”
“แกบอกว่าไร้อาชีพงั้นเหรอ!? อย่า อั๊ก…มาพูดเล่นนะ! ไม่มีทางที่คนไร้อาชีพจะสามารถ…อึก..ใช้มัน…อั๊ก……”
อย่างไรก็ตาม ปีศาจระดับสูงนั้นเป็นไปตามที่คาดเลย
แม้ว่าจะไม่ได้รับพรคุ้มกันศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดามอบให้มนุษย์ก็ตาม แต่ร่างการของมันแข็งแกร่งพอๆกับชุดเกราะมีชีวิตของเทพดาบเลย
มันยังสามารถพูดได้แม้ว่าจะรับการโจมตีไปมากกว่า 40 ครั้งก็ตาม
“อ๊ากก~….เป็น~…อั๊กก~…ไปไม่ได้…………………….”
ในที่สุดมันก็เงียบลง
ในการโจมตีครั้งที่ 70 ในที่สุดการโจมตีต่อเนื่องก็ได้หยุดลง
ร่ายกายของยักษ์นั้นได้ลอยอยู่บนอากาศด้วยแรงของดาบ จนในที่สุดก็ได้ตกลงมาบนเวทีที่เสียหายไปครึ่งหนึ่ง
“คราวนี้แกคงตายโดยไม่ได้ทิ้งคำสาปเอาไว้แล้วสินะ”
แม้ว่าดาบของผมค่อนข้างจะคมก็ตาม แต่ว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับดาบที่เทพดาบใช้
หลังจากที่ปล่อยการฟันออกมา ตอนนี้ดาบก็เริ่มสภาพโทรมแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะปล่อยการฟันแบบเมื่อกี้อีก อายุขัยของดาบเล่มนี้คงจะหมดลงในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากผมเอาชนะเทพยักษ์ได้ บางทีผมคงจะเอาชนะคนคนนั้นได้ (ตรงนี้หมายถึงเกรกนะครับ)
ช่วยไม่ได้ มันเป็นความผิดของเขาเองนะ
“โอววววววววววววววววววววววววววววว~”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังราวกับว่าพื้นดินจะถล่มลงมา
“เหลือเชื่อ! เขาเอาชนะเทพยักษ์ได้!”
“ยิ่งกว่านั้น เขายังสามารถเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียวอีก!”
“เขาเป็นใครกันแน่นะ!”
“ผู้กล้า! เขาต้องเป็นผู้กล้าแน่ๆ!”
“เทพดาบนั้นกลับมาแล้วววววววววววว~!”
เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ และไม่มีเวลาหลบหนี ได้ดูการต่อสู้ของผม
พวกเขาได้โห่ร้องออกมาด้วยความยินดี จากปากของพวกเขา
“อืม อย่างน้อยตอนนี้ผมก็สามารถแข่งศึกชิงถ้วยเทพดาบต่อได้”
—–ที่กิลด์เขี้ยวมังกร
“เฮ้ย นายนะขาดจิตวิญญาณในการต่อสู้! อย่าพึ่งพาแต่สกิลอย่างเดียวสิ! แสดงความพยายามออกมามากกว่านี้!”
“ค-ครับ!”
เสียงของดาบ และเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วลานฝึก
และมีชายวัยกลางคนที่ถือดาบด้วยแขนข้างเดียวคอยแนะนำนักดาบหนุ่มอย่างหนักแน่น
นั่นคือหัวหน้ากิลด์เขี้ยวมังกรคนปัจจุบัน ร็อด
เมื่อจบศึกชิงถ้วยเทพดาบเขาก็กลับมาเป็นหัวหน้ากิลด์อีกครั้ง
ราวกับว่าความเฉื่อยชาที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องโกหก และด้วยอาวุธที่ถืออยู่ในแขนเพียงข้างเดียวของเขา ทำให้ตอนนี้เขากระตือรือร้นที่จะตามหาเส้นทางแห่งดาบมากกว่าแต่ก่อน
สมาชิกใหม่ของกิลด์เขี้ยวมังกรนั้นเพิ่มมากขึ้น
นั่นเป็นเพราะมีผู้คนที่ต้องการเข้าร่วมกิลด์ มาสมัครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขารู้สึกชื่นชมการต่อสู้ในศึกชิงถ้วยเทพดาบ
โดยมีทั้งนักดาบแรงค์ A และแรงค์ B จำนวนมากในหมู่คนเหล่านั้น
แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนๆนั้นที่พวกเขาปรารถนาจะพบ
ศึกชิงถ้วยเทพดาบรอบสุดท้ายศึกแรกสุด
เด็กหนุ่มไร้อาชีพที่สามารถเอาชนะเทพยักษ์ได้ด้วยตัวคนเดียว ที่จู่ๆก็ปรากฎตัวออกมาและช่วยเมืองแห่งนี้เอาไว้
“แต่ถึงอย่างนั้น……………”
หญิงสาวคนหนึ่งนั่นก็คือลิเลีย ในที่สุดเธอก็สามารถฟื้นคืนกิลด์ของเธอได้หลังจากรอมาอย่างยาวนาน เธอมองไปยังลานฝึกด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนออกมา
“ทำไม สิ่งนี้มันไม่สำคัญกับนายเลยงั้นเหรอ คุณอาเรล!!!”
นายสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉันนะ~! เนื่องจากบุคคลดังกล่าวนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ลิเลียจึงเรียกร้องอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ
“คุณลูกค้า เป็นอะไรไปงั้นเหรอ?”
*กึกกักกึกกัก* ขณะที่นั่งสั่นอยู่ในรถม้า คนขับรถม้าก็หันกลับมาถามกับผม
ในขณะที่พวกเราค่อยๆห่างจากกำแพงของเมืองแห่งดาบออกไป คนขับรถม้าที่เคยเป็นหนี้บุญคุณผมก็ได้ถามขึ้นมา
“มันไม่เคยมีมาก่อนเลย ที่ยอดนักดาบที่ชนะศึกชิงถ้วยเทพดาบจะหนีออกจากเมือง นอกจากนี้ยังมีนักเดินทางมากมายที่จากทั่วทุกทิศได้เดินทางมายังเมืองแห่งนี้ เพื่อมาดูผู้กล้าที่กอบกู้เมืองเอาไว้“
“หืม ถึงแม้คุณจะพูดแบบนั้นก็ตาม แต่ว่ามันไม่มีอะไรอย่างอื่นที่ผมสามารถทำได้แล้วในที่แห่งนั้น”
ผมตอบกลับไปอย่างนั้น
มันเป็นเวลาประมาณสามเดือนแล้วที่ปีศาจได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาและถูกกำจัดไป และผมก็ยังได้รับรางวัลศึกชิงถ้วยเทพดาบ
ในช่วงเวลานั้น ผมได้รับสกิลที่เกี่ยวข้องกับดาบมาหมดแล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ผมเรียนรู้อีกแล้ว
“ที่นั่นไม่มีนักดาบที่แข็งแกร่งกว่าผมอีกแล้ว”
“ฮ่าๆๆ นั้นก็จริงครับ หลังจากที่คุณสามารถเอาชนะปีศาจในตำนานที่เคยต่อสู้กับเทพดาบในอดีตได้ ไม่ว่าคุณจะมองหานักดาบที่ไหนภายในโลกนี้ ก็คงไม่มีนักดาบคนไหนสามารถทำได้แบบคุณลูกค้าแล้วครับ”
“……….มันก็ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปหรอก………..”
“?”
ก่อนที่ผมจะมาถึงเมืองนี้ ผมก็ได้เชี่ยวชาญสกิลของเทพดาบมาก่อนแล้ว
บางทีในตอนนั้นผมอาจจะแข็งแกร่งกว่านักดาบในเมืองแห่งดาบแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่า การมาที่เมือนแห่งนี้มันไม่มีความหมาย
ผมได้เรียนรู้สกิลใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ของเจ้าหญิงแห่งดาบและเทพดาบ ซึ่งมันเป็นการยกระดับความสามารถอย่างมาก เมื่อเทียบกับแต่ก่อน เช่นการเสริมความแข็งแกร่งตั้งแต่พื้นฐาน เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ต่างๆในการต่อสู้
นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับตัวผมในตอนนี้
จุดมุ่งหมายของผมในตอนนี้คือกลับไปยังบ้านเกิด
ที่นั่นมีนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกรอผมอยู่
“ผมคิดว่าตอนนี้ผมน่าจะเอาชนะคุณแม่ได้แล้ว”
*ฮ่าฮ่าฮ่า* คนขับรถม้าหัวเราะในขณะที่ฟังสิ่งที่น่าสนใจจากคุณลูกค้า
Note : ถ้าใครต้องการสนับสนุนค่าไฟหรือค่ากาแฟสามารถโดเนทได้ตามด้านล่างครับ
Comments