[นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ 9 : นายมาใหม่ไม่ใช่หรอ?

Now you are reading [นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ Chapter 9 : นายมาใหม่ไม่ใช่หรอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

หลังจากผ่านประตูเข้ามา รถม้าก็มาหยุดที่จัตุรัสของเมือง

 

“มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ขอบคุณที่เหนื่อยนะ พวกเราถูกช่วยเอาไว้จริงๆ”

“หมายถึงอะไรเหรอครับ”

“ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช่หรือไง ที่เธอจัดการกับออร์คคิงได้ ถ้าไม่มีเธอล่ะก็ พวกเราคงไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้วล่ะ”

“พูดอะไรกันนะ? ถ้าผมไม่อยู่ที่นี่ พวกคุณก็สามารถจัดการได้ จริงมั๊ยล่ะ?”

“…ฮี่”

 

ที่ผมหมายถึงคือ ความสามารถของคุณน่าที่ขับเกวียนน่าประทับใจมาก

 

“เธอรู้สินะ”

“แน่นอน คุณมีความรู้เรื่องสกิลดาบ คนขับเกวียนธรรมดาไม่สามารถเดาสกิลที่ผมใช้เพียงแค่มองได้หรอก”

 

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา

 

เพราะว่าท่าทางของนักดาบขั้นสูงมันจะแสดงออกมาเวลาเขาเคลื่อนไหว

 

“อย่างที่เธอคิดนั่นล่ะ จริงๆแล้วฉันเคยเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นอาชีพระดับสูงมาก่อน แต่มันไม่เข้ากับฉันเลย ดังนั้นฉันจึงใช้ชีวิตแบบนี้มาหนึ่งปีแล้ว”

 

“ทำไมเหรอครับ?”

 

“ฉันเหนื่อยจากการต่อสู้เป็นเวลานาน ดังนั้นฉันจึงเดินทางรอบโลกเพื่อผ่อนคลาย และก็บังเอิญมาเป็นคนขับรถม้าล่ะนะ”

 

อาฮะ กะแล้วว่าต้องไม่ใช่คนขับรถม้าธรรมดา

ดังนั้นผมจึงนั่งไปได้โดยไม่ได้กังวล

 

อีกอย่างหนึ่งคือไม่ต้องมีคนคุ้มกันด้วย

เพราะว่าเขามีสกิลของอัศวินมาก่อน จึงไม่จำเป็นต้องจ้างคนคุ้มกันด้วย

 

“จะว่าไป เธอช่วยบอกความลับของเธอหน่อยได้ไหมคุณลูกค้า”

“ความลับของผมเหรอ?”

“ใช่ อาชีพที่แท้ของเธอไง หรือไม่ก็ทำไมเธอถึงใช้สกิลของเจ้าหญิงแห่งดาบได้ล่ะ ทั้งๆที่เธอเป็นผู้ชาย”

“ผมบอกไปหลายครั้งแล้วนะ ว่าผมไร้อาชีพ”

“อีกแล้ว…”

 

มันเป็นความจริงล่ะนะ

 

เขาไม่เชื่อเลยแม่แต่นิดเดียว

 

“ผมเรียนสกิลของเจ้าหญิงแห่งดาบจากการดูแม่ของผมใช้”

“ฮ่าๆๆๆ เธอต้องการจะเก็บเป็นความลับจริงๆสินะ”

 

แน่นอนว่าผมพูดความจริงไปแล้ว

 

“ไม่หรอก จริงๆฉันไม่ได้ต้องการจะสร้างปัญหาให้เธอหรอกนะ แต่ยังมีอีกหลายกิลด์ที่เธอเข้าไม่ได้ถ้าไม่แสดงอาชีพของตัวเอง ดังนั้นโปรดระวังด้วย” 

 

เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจากไป

สรุปเขาก็ไม่เชื่อผมอยู่ดีสินะ

 

“มันจะดีกว่าไหมถ้าผมแสดงใบรับรองอาชีพให้เขาดู”

 

ผมจำได้แล้ว

 

มันมีใบรับรองอาชีพที่จะบันทึกอาชีพและสกิล

มันถูกสร้างขึ้นโดยอาชีพผู้ประเมิน และจะได้รับตอนพิธีรับพร

ผมมั่นใจว่าผมไร้อาชีพ เพราะว่าผมได้เช็คมันก่อนออกจากบ้านแล้ว

 

ถ้าหากว่าผมแสดงบัตรนี้ ก็จะไม่ถูกสงสัยแน่นอน

 

“โอเค งั้นที่ต่อไปก็แสดงบัตรแล้วกัน”

 

แต่ยังไงเมืองนี้ก็สมกับเป็น “เมืองแห่งดาบ”

ผู้คนส่วนใหญ่มาที่เมืองแห่งนี้ เพื่อที่จะมุ่งไปยังจุดสูงสุดของนักดาบ

 

ดูเหมือนว่าจะมีนักดาบมากมายมาที่เมืองนี้ครั้งแรกแบบผม และมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น                                                                                                                 

 

ผมแน่ใจว่าคุณจะพบคนที่กำลังพูดคุยกันรอบๆเต็มไปหมด

“กิลด์ <คาวารี่> ของเราเป็นแหล่งรวมอาชีพอัศวิน ถ้าใครมีอาชีพอัศวินล่ะก็ มาเข้ากิลด์เราได้เลย!”

“เฮ้ โย่ว! พวกเรามาจากกิลด์ <เส้นทางแห่งดาบ> ใครๆก็สามารถเข้าได้ ไม่เกี่ยวกับอาชีพ! ถ้าสามารถถือดาบได้ แม้จะเป็นนายพรานหรือหน่วยสอดแนมก็ไม่เกี่ยงกัน”

“กิลด์ <ลีเจี้ยน> กำลังมองหาทหารหน้าใหม่มาฝึกต่อสู้ร่วมกัน”

 

ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังหาสมาชิกใหม่กัน

 

ในเมืองแห่งดาบมีองค์กรจำนวนมากที่เรียกว่า <กิลด์นักดาบ>

ในเมืองนี้จะมีทัวร์นาเมนต์ถูกจัดขึ้น เงินรางวัลนั้นเป็นแหล่งรายได้หลักของนักดาบเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าคุณไม่ได้ลงทะเบียนกับกิลด์ คุณก็จะไม่สามารถเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ได้ คิดว่านะ

 

ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเป็นสมาชิกของกิลด์

ว่ากันว่ากิลด์ที่มีนักดาบที่เก่งจำนวนมากจะมีอำนาจในการบริหารเมือง

 

“อืม กิลด์ที่คุณแม่เคยอยู่ชื่อว่าอะไรนะ?”

 

ในอดีต กิลด์ที่คุณแม่เคยอยู่เป็นกิลด์ระดับสูงทั้งในด้านชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ                                                                                                                 

 

แม่ของผมได้เขียนจดหมายแนะนำตัวมาให้ เพราะว่าสมาชิกกิลด์น่าจะจำได้

 

ผมจะไปอยู่ที่กิลด์นั้นสักพัก… แต่ผมจำชื่อกิลด์ไม่ได้

 

“ถามคนอื่นดีไหมนะ?”

 

จากนั้นผมก็หาคนที่คุ้นเคยกับจัตุรัสแห่งนี้

ผมคิดแบบนั้นและพยายามเรียกใครสักคน

 

“นายที่อยู่ตรงนั้นนะ! มาใหม่ใช่ไหม?”

 

แต่ว่าผมกลับถูกเรียกจากด้านหลังแทนซะเอง

ผมหันกลับไปมองและพบกับผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปี

เธอมีผมสีบลอนด์และหน้าตาดูดีทีเดียว

 

และนั้นจึงทำให้คนรอบข้างหันมามองเธอด้วย

 

“…ลิเลียอีกแล้วเหรอ เธอล่อให้เด็กใหม่ไปเข้าร่วมอีกแล้วล่ะสิ”

“เหอะ ไม่มีใครอยากจะเข้ากิลด์ที่ไม่มีอนาคตหรอก”

 

ไม่ใช่เพราะว่าความสวยหรอก

แต่สิ่งที่เธอได้รับคือการเยาะเย้ยและดูถูก

ในทางกลับกัน นักดาบมาใหม่ที่ไม่รู้สถานการณ์ กำลังเจอกับคนแปลกหน้า

 

“ได้โปรดเข้ากิลด์ของเราเถอะ! ฉันขอร้องล่ะ! ไม่มีค่าลงทะเบียนนะ!”

 

เธอขอร้องด้วยทุกอย่างที่มี ทำไมเธอถึงดูสิ้นหวังจังล่ะ

มันต้องเป็นกิลด์ที่อ่อนแอแน่ๆเลย

 

“ไปหาคนอื่นเถอะ”

 

“ผมปฏิเสธไป”

ทันใดนั้นหญิงสาวคนนั้นก็คุกเข่าลงและหน้าผากแนบพื้น

โดเกซะ แน่นอนว่ามันเป็นวัฒนธรรมของนักดาบตะวันออก

(เพิ่มเติม* โดเกซะ เป็นการขอโทษของญี่ปุ่น โดยการลดตัวลงมาเสมอดิน ประสานมือและก้มศีรษะจรดพื้น)

 

“แล้วแบบนี้ล่ะ!”

 

เห็นได้ชัดว่า กิลด์กำลังประสบปัญหาขาดแคลนสมาชิกอย่างหนัก

 

“ผมขอปฏิเสธ”

 

Note : ถ้าใครต้องการสนับสนุนค่าไฟหรือค่ากาแฟสามารถโดเนทได้ตามด้านล่างครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ 9 : นายมาใหม่ไม่ใช่หรอ?

Now you are reading [นิยายแปล] วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ Chapter 9 : นายมาใหม่ไม่ใช่หรอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

หลังจากผ่านประตูเข้ามา รถม้าก็มาหยุดที่จัตุรัสของเมือง

 

“มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ขอบคุณที่เหนื่อยนะ พวกเราถูกช่วยเอาไว้จริงๆ”

“หมายถึงอะไรเหรอครับ”

“ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช่หรือไง ที่เธอจัดการกับออร์คคิงได้ ถ้าไม่มีเธอล่ะก็ พวกเราคงไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้วล่ะ”

“พูดอะไรกันนะ? ถ้าผมไม่อยู่ที่นี่ พวกคุณก็สามารถจัดการได้ จริงมั๊ยล่ะ?”

“…ฮี่”

 

ที่ผมหมายถึงคือ ความสามารถของคุณน่าที่ขับเกวียนน่าประทับใจมาก

 

“เธอรู้สินะ”

“แน่นอน คุณมีความรู้เรื่องสกิลดาบ คนขับเกวียนธรรมดาไม่สามารถเดาสกิลที่ผมใช้เพียงแค่มองได้หรอก”

 

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา

 

เพราะว่าท่าทางของนักดาบขั้นสูงมันจะแสดงออกมาเวลาเขาเคลื่อนไหว

 

“อย่างที่เธอคิดนั่นล่ะ จริงๆแล้วฉันเคยเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นอาชีพระดับสูงมาก่อน แต่มันไม่เข้ากับฉันเลย ดังนั้นฉันจึงใช้ชีวิตแบบนี้มาหนึ่งปีแล้ว”

 

“ทำไมเหรอครับ?”

 

“ฉันเหนื่อยจากการต่อสู้เป็นเวลานาน ดังนั้นฉันจึงเดินทางรอบโลกเพื่อผ่อนคลาย และก็บังเอิญมาเป็นคนขับรถม้าล่ะนะ”

 

อาฮะ กะแล้วว่าต้องไม่ใช่คนขับรถม้าธรรมดา

ดังนั้นผมจึงนั่งไปได้โดยไม่ได้กังวล

 

อีกอย่างหนึ่งคือไม่ต้องมีคนคุ้มกันด้วย

เพราะว่าเขามีสกิลของอัศวินมาก่อน จึงไม่จำเป็นต้องจ้างคนคุ้มกันด้วย

 

“จะว่าไป เธอช่วยบอกความลับของเธอหน่อยได้ไหมคุณลูกค้า”

“ความลับของผมเหรอ?”

“ใช่ อาชีพที่แท้ของเธอไง หรือไม่ก็ทำไมเธอถึงใช้สกิลของเจ้าหญิงแห่งดาบได้ล่ะ ทั้งๆที่เธอเป็นผู้ชาย”

“ผมบอกไปหลายครั้งแล้วนะ ว่าผมไร้อาชีพ”

“อีกแล้ว…”

 

มันเป็นความจริงล่ะนะ

 

เขาไม่เชื่อเลยแม่แต่นิดเดียว

 

“ผมเรียนสกิลของเจ้าหญิงแห่งดาบจากการดูแม่ของผมใช้”

“ฮ่าๆๆๆ เธอต้องการจะเก็บเป็นความลับจริงๆสินะ”

 

แน่นอนว่าผมพูดความจริงไปแล้ว

 

“ไม่หรอก จริงๆฉันไม่ได้ต้องการจะสร้างปัญหาให้เธอหรอกนะ แต่ยังมีอีกหลายกิลด์ที่เธอเข้าไม่ได้ถ้าไม่แสดงอาชีพของตัวเอง ดังนั้นโปรดระวังด้วย” 

 

เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจากไป

สรุปเขาก็ไม่เชื่อผมอยู่ดีสินะ

 

“มันจะดีกว่าไหมถ้าผมแสดงใบรับรองอาชีพให้เขาดู”

 

ผมจำได้แล้ว

 

มันมีใบรับรองอาชีพที่จะบันทึกอาชีพและสกิล

มันถูกสร้างขึ้นโดยอาชีพผู้ประเมิน และจะได้รับตอนพิธีรับพร

ผมมั่นใจว่าผมไร้อาชีพ เพราะว่าผมได้เช็คมันก่อนออกจากบ้านแล้ว

 

ถ้าหากว่าผมแสดงบัตรนี้ ก็จะไม่ถูกสงสัยแน่นอน

 

“โอเค งั้นที่ต่อไปก็แสดงบัตรแล้วกัน”

 

แต่ยังไงเมืองนี้ก็สมกับเป็น “เมืองแห่งดาบ”

ผู้คนส่วนใหญ่มาที่เมืองแห่งนี้ เพื่อที่จะมุ่งไปยังจุดสูงสุดของนักดาบ

 

ดูเหมือนว่าจะมีนักดาบมากมายมาที่เมืองนี้ครั้งแรกแบบผม และมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น                                                                                                                 

 

ผมแน่ใจว่าคุณจะพบคนที่กำลังพูดคุยกันรอบๆเต็มไปหมด

“กิลด์ <คาวารี่> ของเราเป็นแหล่งรวมอาชีพอัศวิน ถ้าใครมีอาชีพอัศวินล่ะก็ มาเข้ากิลด์เราได้เลย!”

“เฮ้ โย่ว! พวกเรามาจากกิลด์ <เส้นทางแห่งดาบ> ใครๆก็สามารถเข้าได้ ไม่เกี่ยวกับอาชีพ! ถ้าสามารถถือดาบได้ แม้จะเป็นนายพรานหรือหน่วยสอดแนมก็ไม่เกี่ยงกัน”

“กิลด์ <ลีเจี้ยน> กำลังมองหาทหารหน้าใหม่มาฝึกต่อสู้ร่วมกัน”

 

ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังหาสมาชิกใหม่กัน

 

ในเมืองแห่งดาบมีองค์กรจำนวนมากที่เรียกว่า <กิลด์นักดาบ>

ในเมืองนี้จะมีทัวร์นาเมนต์ถูกจัดขึ้น เงินรางวัลนั้นเป็นแหล่งรายได้หลักของนักดาบเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าคุณไม่ได้ลงทะเบียนกับกิลด์ คุณก็จะไม่สามารถเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ได้ คิดว่านะ

 

ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเป็นสมาชิกของกิลด์

ว่ากันว่ากิลด์ที่มีนักดาบที่เก่งจำนวนมากจะมีอำนาจในการบริหารเมือง

 

“อืม กิลด์ที่คุณแม่เคยอยู่ชื่อว่าอะไรนะ?”

 

ในอดีต กิลด์ที่คุณแม่เคยอยู่เป็นกิลด์ระดับสูงทั้งในด้านชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ                                                                                                                 

 

แม่ของผมได้เขียนจดหมายแนะนำตัวมาให้ เพราะว่าสมาชิกกิลด์น่าจะจำได้

 

ผมจะไปอยู่ที่กิลด์นั้นสักพัก… แต่ผมจำชื่อกิลด์ไม่ได้

 

“ถามคนอื่นดีไหมนะ?”

 

จากนั้นผมก็หาคนที่คุ้นเคยกับจัตุรัสแห่งนี้

ผมคิดแบบนั้นและพยายามเรียกใครสักคน

 

“นายที่อยู่ตรงนั้นนะ! มาใหม่ใช่ไหม?”

 

แต่ว่าผมกลับถูกเรียกจากด้านหลังแทนซะเอง

ผมหันกลับไปมองและพบกับผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปี

เธอมีผมสีบลอนด์และหน้าตาดูดีทีเดียว

 

และนั้นจึงทำให้คนรอบข้างหันมามองเธอด้วย

 

“…ลิเลียอีกแล้วเหรอ เธอล่อให้เด็กใหม่ไปเข้าร่วมอีกแล้วล่ะสิ”

“เหอะ ไม่มีใครอยากจะเข้ากิลด์ที่ไม่มีอนาคตหรอก”

 

ไม่ใช่เพราะว่าความสวยหรอก

แต่สิ่งที่เธอได้รับคือการเยาะเย้ยและดูถูก

ในทางกลับกัน นักดาบมาใหม่ที่ไม่รู้สถานการณ์ กำลังเจอกับคนแปลกหน้า

 

“ได้โปรดเข้ากิลด์ของเราเถอะ! ฉันขอร้องล่ะ! ไม่มีค่าลงทะเบียนนะ!”

 

เธอขอร้องด้วยทุกอย่างที่มี ทำไมเธอถึงดูสิ้นหวังจังล่ะ

มันต้องเป็นกิลด์ที่อ่อนแอแน่ๆเลย

 

“ไปหาคนอื่นเถอะ”

 

“ผมปฏิเสธไป”

ทันใดนั้นหญิงสาวคนนั้นก็คุกเข่าลงและหน้าผากแนบพื้น

โดเกซะ แน่นอนว่ามันเป็นวัฒนธรรมของนักดาบตะวันออก

(เพิ่มเติม* โดเกซะ เป็นการขอโทษของญี่ปุ่น โดยการลดตัวลงมาเสมอดิน ประสานมือและก้มศีรษะจรดพื้น)

 

“แล้วแบบนี้ล่ะ!”

 

เห็นได้ชัดว่า กิลด์กำลังประสบปัญหาขาดแคลนสมาชิกอย่างหนัก

 

“ผมขอปฏิเสธ”

 

Note : ถ้าใครต้องการสนับสนุนค่าไฟหรือค่ากาแฟสามารถโดเนทได้ตามด้านล่างครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+