[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 172 บทที่ 8 29

Now you are reading [นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” Chapter 172 บทที่ 8 29 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 8 ตอนที่ 29

โนโซมุที่ได้เห็นท่าทางแปลกๆของเพื่อนสมัยเด็กก็มองไปทางลิซ่าและดวอร์ฟสลับกัน

 

สายตาของดวอร์ฟดูมุ่งมั่นและจริงจังขณะมองลิซ่า และลิซ่าที่พยายามอย่างสิ้นหวังที่พยายามหาทางหนี

 

เธอกำลังทำอะไรเนี่ย

 

โนโซมุถอนหายใจออกมาขณะมองไปยังต้นตอของปัญหา

 

 

 

「ลิซ่า มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ? คุณเจ้าของร้านก็ดูโกรธจัดเลยด้วย」

 

 

 

「เอ่อ ว่าแต่โนโซมุ ทำไมถึงมายังร้านตีเหล็กที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวแบบนี้เหรอ?」

 

 

 

「มาว่าข้าโดดเดี่ยว เพื่อนไม่คบเรอะ! เจ้านี่ท่าทางจะไม่สำนึกผิดสินะ……」

 

 

 

ลิซ่าพยายามตอบคำถามด้วยคำถาม แต่เจ้าของร้านก็โกรธและเริ่มมองแรง

 

ดวอร์ฟนั้นตัวเตี้ยแม้จะโตเต็มวัย และความสูงของพวกเขาก็สูงไม่เกินหน้าท้องของโนโซมุเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามแรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากร่างกายเล็กๆก็เพียงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายอึดอัด

 

ลิซ่าที่ทนต่อแรงกดดันของวัลโด้ไม่ได้ ได้มาซ่อนตัวหลังโนโซมุ

 

 

 

「ลิซ่า ทำอะไรของเธอเนี่ย」

 

 

 

「เอ่อ อะเร๊ะ……」

 

 

 

ลิซ่าพยายามยิ้มเจื้อนๆออกมา แต่เมื่อโนโซมุมองเธอ เธอก็เริ่มไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมมาหลบหลังโนโซมุ

 

 

 

「เอ่อ นี่คือร้านขายอาวุธที่ฉันมาประจำ」

 

 

 

「จริงเหรอ……」

 

 

 

จากข้อมูลของลิซ่าชื่อของเจ้าของร้านคือ วัลโด้ คัวล์ และเขาเป็นหนึ่งในช่างตีเหล็กที่มีทักษะมากที่สุดในพื้นที่ช่างฝีมือ

 

อย่างไรก็ตาม บุคลิกของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลในงานตีเหล็กและเป็นคนหัวรั้น และไม่ยอมสร้างอาวุธให้กับใครง่ายๆ

 

เดินทีดวอร์ฟหลายคนมีบุคลิกที่อีโก้สูงมากและวัลโด้ก็เหมือนจะเป็นหนึ่งในนั้น

 

ในทางกลับกัน ลิซ่าที่สามารถมาซื้ออาวุธที่ร้านของวัลโด้ได้นั้นก็เรียกได้ว่าเธอได้รับการยอมรับจากวัลโด้นั่เอง

 

แล้วทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนั้น อันริถามแทนเขา

 

 

 

「วัลโด้ซังทำไมถึงได้โมโหลิซ่าจังขนาดนั้นล่ะคะ?」

 

 

 

「ก็ยัยนี่เพิ่งทำลายดาบที่ข้าเพิ่งสร้างเสร็จน่ะสิ」

 

 

 

เมื่ออันริถาม วัลโด้ก็ตอบพร้อมกับยื่นดาบของลิซ่าที่หักไปครึ่งหนึ่ง

 

ดาบที่หักนั่นดูน่าจะหักมาได้สักพักแล้วและมีใบมีดแตกกระจายไปทั่วบริเวณราวกับว่าถูกเผาด้วยความร้อนสูง และหากเห็นแค่แวบแรกก็บอกได้เลยว่าหายนะสุดๆ

 

แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้เป็นแบบนั้น? โนโซมุได้แต่คิด

 

ตราบใดที่มันเป็นอาวุธมันก็ต้องมีเสื่อมสภาพบ้างและมันอาจจะพังได้ในบางครั้งหากขาดการบำรุงรักษา

 

แน่นอนจากมุมมองของช่างฝีมือที่ตีอาวุธ คงไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีที่จะเห็นอาวุธของตนถูกทำลาย แต่โดยทั่วไปพวกเขาก็ต้องซื้อขายกันอยู่แล้ว

 

ผลสุดท้ายมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพัง

 

 

 

「เข้าใจนะว่าโกรธ แต่ตราบใดที่มันเป็นอาวุธ ยังไงก็มีวันพังนะ?」

 

 

 

「รู้อยู่แล้วล่ะโว้ย ! ปัญหาคือยัยนี่ทำลายอาวุธและชุดเกราะที่ข้าตีขึ้นให้ใหม่ทุกๆสามวันเลยนี่สิ!」

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าวัลโด้ไม่ได้โกรธเรื่องที่ของพัง แต่เป็นเพราะมันพังแบบผิดปกตินี่สิ

 

โนโซมุเหลือบมองลิซ่าที่ซ่อนตัวอยู่หลังเขา และคราวนี้เธอก็เริ่มสติหลุด

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นโนโซมุก็เข้าใจได้ว่าสิ่งที่วัลโด้พูดคือเรื่องจริง

 

 

 

「แล้วไปใช้อีท่าไหนถึงได้พังถี่ยับเยินแบบนี้ล่ะ?」

 

 

 

「เอ่อ ก็แบบว่าฉันกำลังฝึก “แม่มดเนวี่” มาสักระยะหนึ่งแล้ว และมันก็ล้มเหลวอะช่วยไม่ได้นี่! โนโซมุพูดถูก เพราะมันเป็นอาวุธนั่นแหละมันถึงมีวันพังฮะฮะ!」

 

 

 

ลิซ่ายิ้มออกมา

 

กำปั้นจากดวอร์ฟเขกเข้าไปที่หัวของลิซ่า

 

 

 

「นังนี่ ไม่สลดเลยนะ!」

 

 

 

「ไอ้เตี้ยเอ้ย ! ก็แกทำอาวุธออกมาไม่ดีเองนี่ ใช้ได้ไม่ทนไม้ทนมือเลยยังกล้าเรียกว่าตัวเองว่า No.1 แห่งย่านการค้าเหรอยะ!」

 

 

 

ลิซ่ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและกรนด่า

 

 

 

「หนอยยยยย บังอาจมาดูถูกกันได้นะยัยนี่ เห็นทีข้าคงต้องเอาจริงแล้ว!」

 

 

 

จากข้อมูลของลิซ่าที่อาวุธพังผิดปกติเพราะความร้อนที่แผดเผาออกมาจากการใช้ “แม่มดเนวี่”

 

เมื่อถามเธอว่าหมายความว่ายังไง เธอบอกว่าพยายามจะทำให้ใช้เวทย์ได้แม่นยำได้มากยิ่งขึ้น

 

เดินทีลิซ่านั้นมีพลังเวทย์และการควบคุมพลังที่สูงอยู่แล้ว แต่เมื่อเธอเพิ่มพลังด้วย “แม่มดเนวี่” พลังของเธอจะทะลวงไปแรงค์ S ทันที

 

เพราะครั้งล่าสุดเธอก็ใช้สิ่งนั้นในการหยุดยั้งโนโซมุ

 

ลิซ่าพยายามฝึกทักษะของเธอให้ก้าวหน้ามากขึ้น

 

เธออ้างอิงจาก คมดาบผ่ามายา ของ โนโซมุ และ ดาบเวทย์ ของ ไอริสดิน่า

 

ทั้ง คมดาบผ่ามายา และ สุริยะคราส ของไอริส ใช้การควบคุมชั้นสูง

 

มันค่อนข้างสมเหตุสมผลที่จะเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมด้วยพลังที่มากล้นมากขึ้นยามเราเติบโต

 

ในขณะเดียวกัน ตอนนี้ปัจจุบันลิซ่าได้ทลายกำแพงของตัวเองได้แล้ว และลิซ่าก็อยากจะไปผจญภัยและรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ

 

ตอนนี้กล่าวได้ว่าพลังเวทย์ของเธอเหนือทักษะควบคุมไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะงั้นเธอพยายามเลียนแบบสุริยะคราสแบบไอริส

 

แล้วต้องทำยังไงล่ะ?

 

จากปัญหาของเธอ ลิซ่าใช้วงเวทย์ลงบนดาบเพื่อควบคุมพลังเวทย์เพื่อชดเชยการควบคุมพลังที่ขาดหาย เธอต้องพยายามควบคุมพลังเวทย์โดยใช้เทคนิคแบบเดียวกับทอมนั่นก็คือรูน

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะทดลอง แต่ก็ไม่มีทางที่จะทำได้เท่ากับทอมและพลังเวทย์ของเธอก็ค่อนข้างรั่วไหลออกมามากเกินจำเป็น

 

ลิซ่าขอร้องให้ทอมช่วยสอนเทคนิคเขียนรูนเพื่อใช้ในการควบคุมพลังเวทย์ แต่คราวนี้ก็มีปัญหาที่ว่าพอสลักรูนทำให้เธอใช้ทักษะไม่ได้

 

เดิมทีแล้วอักษรรูนของทอมนั้นแตกต่างจากวงเวทย์ทั่วไป ซึ่งมันอ้างอิงมาจากพลังเวทย์พื้นฐานของทิม่าในตอนนั้น

 

ดังนั้นลิซ่าที่พลังเวทย์น้อยกว่าทิม่าจึงไม่สามารถใช้อักษรรูนที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ให้กับทิม่าได้

 

 

 

「ทำไมถึงไม่พยายามใช้รูนปกติในการควบคุมล่ะ?」

 

 

 

「ก็อย่างที่เห็นความเข้ากันได้ของเวทย์ของฉันนั้นคือธาตุไฟ นอกจากนี้เทคนิคที่ใช้กับทิม่าน่าจะพอใช้ควบคุมพลังของ “แม่มดเนวี่”ได้……」

 

 

 

เทคนิคควบคุมนั้นมีทั้งสายโบราณและสมัยใหม่

 

ตั้งแต่วงจรที่มีบทบาทในการเปิดใช้พลังเวทย์ก่อไปจนถึงวงจรที่เหมาะไปกับเวทย์ต่างๆ

 

มีหลายประเภทมากมายเช่น เสริมพลังธาตุ การเพิ่มพลังเวทย์ และแม้กระทั่งเสริมสร้างตัวเทคนิคเอง

 

ในหมู่พวกเขาทอมเป็นคนสร้างเทคนิคให้กับทิม่าที่ถนัดธาตุทั้งสี่โดยเฉพาะ

 

พื้นฐานแล้วจะต้องจัดเตรียมธาตุที่เหมาะสมกับตนเองและวงเวทย์ จากนั้นจึงค่อยใส่อักษรรูนเข้าไป

 

นอกจากนี้เพื่อรับพลังเวทย์อันมหาศาลของทิม่าที่ควบคุมได้หลายธาตุจึงมีการใช้ยันต์ของฟีโอเสริมไปด้วย

 

ใบรรดาการควบคุมเวทย์ทั้งสี่ คนที่ถนัดธาตุไฟที่สุดในหมู่พวกเราก็คือลิซ่าที่ต้องไปขอร้องให้ทอมทำขึ้นเป็นพิเศษ

 

 

 

「หลังจากนั้นก็คิดว่าอยากจะลองทดลองไปสักพัก……」

 

 

 

(งั้นเหรอ เป็นแบบนี้เองสินะ……)

 

 

 

โนโซมุเกาแก้มตัวเองเล็กน้อยขณะมองไปที่ลิซ่าทำให้นึกถึงวัยเด็ก

 

เพื่อนสมัยเด็กของเขามักจะทำสิ่งต่างๆอย่างสุดความสามารถหากเป็นเรื่องที่สนใจ

 

และในบรรดาหมู่บ้านตัวแสบที่สุดก็หนีไม่พ้นลิซ่านั่นเอง

 

ท้ายที่สุดแล้วลิซ่าก็หลงใหลในเทคนิคของทิม่าเลยนำมาลองใช้ เพราะจิตวิญญาณของการผจญภัยของเธอกำลังร่ำร้อง

 

เธอไม่ยอมแพ้เพียงเพราะเรื่องขาดพลังเวทย์ และถ้าเธอมีพลังเวทย์ไม่พอ เธอก็จะใช้หินเวทย์เพื่อเสริมพลังให้แก่เธอ

 

นอกจากนี้ยังใช้ “แม่มดเนวี่” อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ ดาบของลิซ่าจึงแหลกสลายละลายเป็นเศษเหล็กเพราะว่าไม่สามารถทนต่อพลังเวทย์ที่ขยายตัวและพลังที่เพิ่มพูนอย่างต่อเนื่องได้

 

 

 

「……งี่เง่ารึเปล่าเนี่ย」

 

 

 

「โนโซมุปากเสียจังเลยนะ!」

 

 

 

ลิซ่าประท้วงกับคำพูดของโนโซมุที่หลุดปากออกมา แต่โนโซมุไม่คิดจะปกป้องเธอในเรื่องนี้เลย

 

ในตอนแรกนั้นการหยิบเทคนิคที่ทำให้พิเศษสำหรับทิม่ามาใช้ก็บ้าบิ่นพอแล้ว แถมยังรวมเทคนิคการควบคุมพลังเวทย์ของฟีโอที่แปลงร่างเป็นมนุษย์สัตว์

 

เพราะแบบนั้นการเปิดใช้งานด้วยการเร่งพลังเวทย์ผ่านตัวกลางทำให้ความเสียหายมันเกิดมากจนไม่สามารถหยิบมาใช้ใหม่ได้

 

โดยธรรมชาติแล้วมันไม่ใช้เทคนิตที่ลิซ่าจะใช้ได้ด้วยตัวคนเดียว

 

สิ่งที่แย่กว่านั้นคือลิซ่าไม่คิดจะยอมแพ้แม้จะล้มเหลว แต่เธอยังคงใช้การทดลองนี้เพื่อทะลุขีดจำกัดของเธอไปเรื่อยๆ

 

 

 

「เพราะว่าเห็นพวกเขาใช้ในเทศกาลเปิดสถาบันเหรอ……」

 

 

 

「ก็ตามนั้นแหละ แต่ว่าดาบหลักของฉันไม่หยิบมาใช้หรอกนะ ฉันจะใช้อาวุธรองเพื่อทดสอบเท่านั้น……」

 

 

 

โดยไม่สนใจข้อแก้ตัวของลิซ่า โนโซมุมองไปที่ดาบแตกสลายของลิซ่า

 

ในฐานะดาบ มันตายแล้ว และตายแบบอนาจด้วย แต่เมื่อเช็คดาบที่เปื้อนเขม่า ความมันวาวจะโผล่ออกมาจากขอบของดาบที่แตกสลาย

 

แม้ว่าจะเป็นอาวุธสำรอง แต่คุณภาพมันก็ดีพอๆกับดาบเล่มโปรดของลิซ่าเลย

 

 

 

(ถ้าเป็นทอมก็น่าจะพอรู้สึกตัวอยู่และน่าจะทำมันออกมาได้ง่ายๆนี่……)

 

 

 

โดยสรุปแล้วมันเป็นความผิดของลิซ่าและทอมที่อยากจะค้นคว้าทั้งคู่

 

 

 

「เฮ้อ ไม่สิ……」

 

 

 

เมื่อเร็วๆนี้ โนโซมุได้พูดอย่างผิดหวังกับไอ้เจ้าตัวต้นเหตุของความเศร้านี่ เจ้าฟีโอ

 

 

 

「ลิซ่า นี่บ้าจริงๆสินะ」

 

 

 

「ฉันเองก็คิดว่าตัวเองล้ำเส้นไปพอควร ฉันหมายถึงฉันไม่อยากโดนคนที่ฝึกจนแทบตายกลับมาทุกครั้งต่อว่าหรอกนะ!」

 

 

 

「หนวกหูน่า!」

 

 

 

「โอ้ยยยยย!」

 

 

 

ทันใดนั้นลิซ่าก็โดนเขกหัวอีกรอบ

 

ลิซ่าทรุดตัวลงบนพื้นเป็นครั้งที่สอง

 

ถอนหายใจกับท่าทางของเธอ โนโซมุรู้สึกคิดถึงกับสถานการณ์แบบนี้

 

เมื่อเธอยังเป็นเด็กลิซ่าจะชอบพาโนโซมุไปรอบๆพร้อมกับผจญภัยไปที่ต่างๆ เธอมักจะถูกแม่ของเธอดุ

 

ในขณะเดียวกัน รูปลักษณ์ของลิซ่าที่ซ้อนทับกับอดีตก็ได้ทำให้เขาเห็นแล้วว่ากลับมาเป็นเธอคนเดิม

 

รูปลักษณ์ของหญิงสาวที่รักการผจญภัยที่เขาเคยหลงรักทำให้โนโซมุโล่งอก

 

 

 

「อืมมมจะว่าไปแล้วทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?」

 

 

 

「เอ่อจะขอยืมเตาเผาสักครู่ได้ไหม……」

 

 

 

วัลโด้ที่โวยวายใส่ลิซ่าก็ได้หันมาถามโนโซมุ

 

เมื่อได้ยินเรื่องของโนโซมุ เขาก็ปรบมือราวกับว่าจำได้ และหันความสนใจไปที่ดาบที่โนโซมุถือเอาไว้

 

 

 

「โอ้ ข้าได้ยินเรื่องราวจากอันริมาแล้ว ข้าจะรับฟัง แต่มีเงื่อนไข」

 

 

 

「เงื่อนไขเหรอครับ?」

 

 

 

「ใช่ ช่วยหยิบดาบที่เอวของเจ้า “ไร้นาม” โชว์ให้ข้าดูหน่อยได้ไหม」

 

 

 

เขาที่ไม่คาดคิดก็เผลอเอามือวางบนดาบที่คาดไว้ที่เอว

 

ไร้นาม เป็นดาบที่เป็นของสุดหวงแหนของชิโนะอาจารย์ของโนโซมุ และอดีตอาจารย์จอมโฉดที่มีชื่อเสียงในตะวันออก

 

เขาตกใจเมื่อได้ยินเกี่ยวกับต้นกำเนิดของดาบเล่มนี้ แต่เนื่องจากชิโนะได้ฝึกฝนให้กับเขา ทำให้เขาได้รู้ว่าดาบเล่มนี้มันดีมากแค่ไหนและตอนนี้มันเป็นของรักของหวงในฐานะของดูต่างหน้าของชิโนะ และดาบคู่ใจที่เขาไว้ใจมันมากที่สุด

 

แน่นอนว่ามันเป็นดาบที่ไม่ธรรมดา เพราะมันไม่มีแม้กระทั่งรอยบิ่นแม้จะใช้พลังของเทียแมทก็ตาม

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ดวอร์ฟจะอยากรู้อยากเห็น

 

 

 

「เอ่อคือ……」

 

 

 

โนโซมุถอดดาบออกจากเอวแล้วยื่นให้วัลโด้

 

เขาดึงดาบออกจากฝัก สูดลมหายใจขณะจ้องมอง “ไร้นาม”

 

 

 

「อืมเป็นกลิ่นอายที่ข้าไม่ชอบเลย เป็นดาบที่มีความคิดหัวรุนแรงฝังอยู่ แถมคนถือครองมันยิ่งจิตวิปริตเข้าไปอีก มันไม่ได้คิดถึงผู้ที่ใช้งานมันด้วยซ้ำ มันจะฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาอยู่ในระยะการโจมตีของมัน ที่เหลือมันไม่เคยสนใจอะไร เพื่อให้แลกกับการได้ฆ่ามันยอมแม้กระทั่งจะเปลี่ยนผู้ถือครองได้อย่างง่ายๆ」

 

 

 

「…………」

 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น โนโซมุก็ปิดปาก

 

ก็เคยได้ยินว่ามันเป็นดาบต้องสาป แต่นี่มันต่างออกไปจากที่คิดเลย

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงแค่ดาบ และไม่ใช่แค่ผู้สร้างดาบ แต่คนที่ใช้ดาบ ก็เหมือนกำลังถูกสาปเช่นกัน

 

ภายใต้การจ้องมองของโนโซมุ วัลโด้หยิบดูปลอกดาบ

 

 

 

「……อืม เยี่ยมมาก สัญญาคือสัญญา แล้วทำไมเจ้าถึงได้อยากยืมเตาเผางั้นรึ?」

 

 

 

「พอดีต้องการทำของขวัญให้กับผู้มีพระคุณ คนที่ช่วยชีวิตของผม ผมก็เลยอยากจะหลอมกระดิ่งขึ้นมาเพื่อมอบให้เธอ ก็เลยอยากจะยืมเตาเผา……」

 

 

 

เขาเก็บดาบไปที่เอวขณะที่โนโซมุแสดงส่วนผสมให้เห็น

 

โนโซมุเตรียมทองเหลืองประมาณหนึ่งกำปั้น

 

โนโซมุไม่สามารถหาโลหะมีค่ามากกว่านี้ได้อีกแล้ว นี่คือทั้งหมดที่เขาสามารถเตรียมเอาไว้ได้

 

วัลโด้เหลือบมองทองเหลืองที่โนโซมุเตรียมมาให้เขา แล้วเขาก็คิด

 

 

 

「จะทำกระดิ่งกี่อัน?」

 

 

 

「ถ้าสามารถทำได้หลายอันก็ดีครับ……」

 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นวัลโด้ก็ไปที่ชั้นวางบนผนังเวิร์คช็อป

 

เขาเปิดชันวางที่ครอบคลุมผนังทั้งหมดของเวิร์คช็อป ดึงก้อนโลหะสีเงินแวววาวออกมาจากด้านในและโยนให้โนโวมุ

 

โนโซมุที่หยิบโลหะเอาไว้เมื่อเห็นโลหะใหญ่พอที่จะอยู่ในฝ่ามือของเขา

 

 

 

「ข้าจะให้เจ้ายืมสิ่งนี้ก่อนล่ะกันระหว่างนี้ข้าจะช่วยดูแลด้วย นอกจากนี้ไอ้เศษกระจ้อยร้อยนี่ไม่เหมาะกับการเป็นวัสดุ และก็เอาเจ้านี่ไปด้วยและเริ่มทำกันดีกว่า」

 

 

 

「เอ๊ะ วัลโด้ซังนี่มันมิลธิลซิลเวอร์ไม่ใช่เหรอครับ……」

 

 

 

ลิซ่าที่จ้องมองข้างๆโนโซมุที่ได้เห็นก็แก้มกระตุกและมองไปที่มือของโนโซมุ

 

มิลธิลซิลเวอร์

 

เป็นโลหะที่มีราคาแพงมาก เป็นวัสดุยอดนิยมที่ใช้ในอาวุธและชุดเกราะ และในขณะเดียวกัน เนื่องจากมันมีสีเงินมันวาว จึงเป็นวัสดุในตำนานทั่วทวีปในฐานะโลหะแห่งการทำลายล้าง เนื่องจากมีผู้คนฆ่าฟันเพื่อแย่งมันเป็นจำนวนมาก

 

การสวมชุดเกราะที่ทำจากเจ้านี่ก็ถือเป็นของแสดงฐานะชนิดหนึ่ง และยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่า ขุนนาง อัศวิน พวกจอมเวทย์ที่มีทักษะ

 

นอกจากนี้มันยังมีลักษณะเฉพาะตัวนั่นก็คือการสร้างเสียงสะเทือนรุนแรงเมื่อได้รับแรงกระแทก และแม้ว่าจะหาได้ยากมาก แต่ก็มีการใช้ในกับเครื่องดนตรีด้วย

 

แต่มันไม่ใช่โลหะที่ขุดหาได้ทั่วไป หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่เอามาใช้ทำกระดิ่งแบบนี้

 

 

 

「เอ้า ! รีบๆมาทำเร็วเข้า!」

 

 

 

「ครับ!」

 

 

 

จากนั้นเองวัลโด้ก็กระตุ้นให้โนโซมุเอามิลธิลซิลเวอร์เข้าไปในเตาเผา

 

เมื่ออุณหภูมิของเตาเผาสูงขึ้นมิลธิลซิลเวอร์จึงเริ่มหลอมเหลวจะไหลเข้ามาในดาบเสียบเหล็กในขณะที่เปล่งประกายเหมือนผงหิมะ

 

มิลธิลซิลเวอร์ถูกยืดออกเป็นแผ่นเหล็กบางๆแล้วเจาะเป็นวงกลมเพื่อสร้างเป็นแผ่นคู่หนึ่ง

 

ถัดไปก็ให้ความร้อนกับแผ่นด้านหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยมิลธิลซิลเวอร์และอีกด้านหนึ่งเพื่อให้มันส่งเสียง

 

เมื่อแม่พิมพ์รูปกระดิ่งเสร็จแล้วก็จะใส่ลูกบอลสีเงินเข้าไปข้างในและติดกาวเข้าด้วยกันและเชื่อมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นกระดิ่ง

 

สุดท้ายขัดส่วนเกินออกก็เป็นอันเรียบร้อย

 

จากนั้นโนโซมุก็ทำกระดิ่งทั้งสิบสองอันจากมิลธิลซิลเวอร์

 

หนึ่งในกระดิ่งที่ทำเสร็จถูกหยิบโดยวัลโด้และมันส่งเสียง

 

กริ่ง กริ่ง น้ำเสียงเย็นๆดังกึกก้อง

 

 

 

「อืม แม้จะอยู่ในรูปร่างแบบนี้แต่ก็ยังส่งเสียงได้ แต่ไม่ว่าจะทำได้ดีแค่ไหนมันก็ส่งเสียงได้ไม่ดังมากหรอกนะ แต่ว่าเจ้าทำออกมาได้ห่วยเป็นบ้าเลยวะ」

 

 

 

「อะฮ่าฮ่าฮ่า……」

 

 

 

ใบหน้าของโนโซมุกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดรุนแรง

 

มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่โนโซมุเคยทำมา แต่ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะหัวเราะออกมา

 

อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามคือช่างตีเหล็กที่เดินเส้นทางนี้ยาวนาน

 

ในแง่หนึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะให้คะแนนต่ำเตี้ยกับโนโซมุ ที่ไม่เคยทำงานฝีมือมาก่อน

 

ในความเป็นจริง แค่มัน “สื่อ” ถึงสิ่งที่มันเป็นได้สำหรับเขาก็พอแล้ว

 

ขณะที่โนโซมุกำลังจะห่อกระดิ่งที่ทำเสร็จแล้วด้วยผ้า ลิซ่ามองลงไป

 

 

 

「นี่ โนโซมุ ทำกระดิ่งนี่ให้ไอริสงั้นเหรอ?」

 

 

 

「อืม……」

 

 

 

「……ทำไมล่ะ?」

 

 

 

「ก็โดนขอร้องมานี่?」

 

 

 

「เหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห~……」

 

 

 

เสียงต่ำของลิซ่าก้องกังวาลในหูของเขา และโนโซมุก็รู้สึกไม่ดี

 

ดูเหมือนจะซวยแล้วไง

 

ในขณะเดียวกันความหนาวเย็นแล่นผ่านกระดูกสันหลังและหัวใจก็เต้นรัวขึ้น

 

ดวงตาของลิซ่าเริ่มเปล่งประกาย และโนโซมุก็นึกถึงภาพของอาจารย์ที่ตายไปแล้ว

 

 

 

「นี่โนโซมุ หลังจากนี้พอจะมีเวลาว่างไหม?」

 

 

 

「เอ๊ะ เอ่อ พอดีว่าผมมีธุระอยู่เล็กน้อย……」

 

 

 

เอาล่ะ หนีกันดีกว่า โนโซมุตัดสินใจถอนตัวอย่างรวดเร็ว เขาห่อกระดิ่งด้วยผ้าและพยายามจะหนีออกไปจากที่นี่

 

แต่มือของลิซ่าวางไว้บนไหล่เขาราวกับจะหยุดเอาไว้

 

ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มบีบไหล่เขาแน่นขึ้นจนเริ่มได้ยินเสียงกระดูกแตกเล็กน้อย

 

ความเจ็บปวดไหลผ่านไหล่ของเขา และโนโซมุก็ต้องหยุดอยู่ตรงนั้น

 

 

 

「หนอยยยยย !  อย่าคิดว่าจะรอดนะยะ! ภูมิใจมากเลยใช่ไหมที่ได้ทำให้เธอคนนั้น เอาล่ะ วัลโด้ซัง เดี๋ยวฉันกลับมาใหม่ค่ะ ถึงตอนนั้นก็ช่วยเตรียมดาบเล่มใหม่ให้ทีนะคะ!」

 

 

 

「ไม่ ลิซ่า ผมมีธุระ เพราะงั้น อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」

 

 

 

「เฮ้ย แม่สาวน้อย ! มาจ่ายเงินก่อนสิฟะ!」

 

 

 

วัลโด้ตะโกนและยกมือขึ้นแต่ลิซ่าไม่สนใจ

 

ลากร่างที่แข็งทื่อของโนโซมุออกไปนอกร้านราวกับสายลม

 

เด็กเจ้าปัญหาหายไปในพริบตา และวัลโด้ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ

 

 

 

「บ้าเอ้ย ยัยเด็กนั่น……」

 

 

 

เขาหยิบไปป์ที่อยู่ใกล้ๆและเริ่มสูบ

 

ทุกครั้งที่วัลโด้สูบ กลิ่นหอมหวานจะกระจายไปทั่วเวิร์คช็อปและควันสีขาวหนาทึบก็ลอยขึ้นสู่เพดานเป็นวงกลมและหายไป

 

เมื่อมองดูเขา อันริเองก็ยิ้มออกมา

 

 

 

「อ่า วัลโด้ซังถูกใจลิซ่าจังขนาดนั้นเลยเหรอคะ~」

 

 

 

「ไม่จริงเลยสักนิด เท่าที่ข้ารู้ แม้หนูนั่นค่อนข้างจะเป็นคนขี้กังวล แต่หลังจากนั้นมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ดังนั้นข้าก็ตกใจ ดูเหมือนยัยนั่นจะหลงรักพ่อหนุ่มนั่นมานานมากๆแล้วใช่ไหม」

 

 

 

ลิซ่าที่วัลโด้เคยพูดถึงคือตอนที่ทะเลาะกับโนโซมุ

 

วิชาดาบนั้นโดดเด่นในบรรดาวัยเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่รังเกียจที่จะสร้างมันให้กับเธอ แต่ก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ เธอนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานบวกและพบจุดประสงค์ในชีวิตแล้วพร้อมกับอยากท้าทายและออกผจญภัย

 

แน่นอนว่าความถี่ในการพังอาวุธของเขาก็เพิ่มมากขึ้นพร้อมกับความมั่นใจในตัวเธอ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาก

 

วัลโด้รู้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคนนั้นคือหญิงสาวที่ชอบการผจญภัย และต้องขอบคุณพ่อหนุ่มคนนั้นที่ทำให้เธอกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง

 

 

 

「อืมมม โนโซมุคุง เป็นผู้ชายที่ดีเลยใช่ไหมละคะ~ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากให้เขามาเป็นครูเหมือนกับฉันจะได้จับกินซะเองเลย~~」

 

 

 

「หะ เจ้าเองก็หลงพ่อหนุ่มนั่นด้วยเหรอ แต่ว่าดาบนั่นข้าเองก็เคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะงั้นข้าค่อนข้างมั่นใจเลยล่ะในฝีมือของหมอนั่น……」

 

 

 

หากเป็นช่างตีเหล็กแค่มอบดาบก็พอจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของผู้ใช้ได้

 

แล้วทักษะของพ่อหนุ่มคนนั้นก็โดดเด่นกว่าใครแถมดาบที่ถูกตีขึ้นนั้นก็ดีกว่าช่างตีเหล็กคนไหนๆอีก

 

รอยขีดข่วนที่เหลืออยู่บนคมดาบและร่องรอยของแรงที่ถูกใช้

 

รอยแผลเป็นซึ่งถ้าไม่ฝึกฝนคงมองไม่เห็น บ่งบอกถึงระดับทักษะของผู้ถืออย่างคมคาย

 

 

 

「แล้ววัลโด้ซัง “เห็น” โนโซมุคุงเป็นยังไงบ้างคะ~」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นทำให้วัลโด้ตกใจอย่างมากไม่ใช่เพียงแค่ทักษะ

 

มันเป็นภาพเพียงชั่วครู่จาก”ความสามารถ”ของวัลโด้

 

 

 

「…………」

 

 

 

สายตาของอันริกระตุ้นให้เขาเล่าถึงภาพที่เห็น

 

วัลโด้อ้าปากช้าๆก่อนจะนึกถึงเวลาที่เขา “มองเข้าไปในส่วนลึกของความว่างเปล่า”

 

 

 

「ก็รู้นี่ว่าความสามารถของข้ามันไม่ได้ยิ่งใหญ่ อย่าง การมองเห็นได้ทุกอย่าง

 

จากความสัมพันธ์ของผู้ถือและผู้ใช้ พวกเราแค่มองจากฉากในอดีตสู่อนาคตเหมือนกับกระจกเงา ดังนั้นไม่สามารถพูดอะไรได้อย่างเต็มปากเพราะมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง」

 

 

 

ความสามารถของเขาในฐานะช่างตีเหล็กชั้นยอด เป็นความสามารถพิเศษที่เรียกว่า “เสียงกระซิบจากโลหะ”

 

นี่คือความสามารถในการมองเห็นอนาคตและอดีตผ่านแร่ธาตุที่ใช้ในอาวุธ

 

มันเป็นหนึ่งในความสามารถที่เรียกได้ว่าเหมือนกับ”ร่างทรง”ในบางสถานที่ และสมัยโบราณ ผู้ที่มีอำนาจมักจะเป็นนักบวชที่ทำหน้าที่ในเทศกาลสำคัญอย่าง เทศกาล

 

เหตุผลที่อันริพาเขามาที่นี่ก็เพราะเติมเต็มความปรารถนาของเขา แต่ก็ยังอยากให้วัลโด้ใช้ “เสียงกระซิบของโลหะ” เพื่อดูว่าโนโซมุจะเป็นยังไงต่อไป

 

เธอทำแบบนั้นเพื่อที่อยากจะทายชะตากรรมของโนโซมุ อันริอยากได้คำแนะนำในการหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดกับเขา

 

แน่นอนว่าวัลโด้เองก็สนใจโนโซมุ

 

เขาก็อยู่ในอาคาร์ซัมเป็นเวลานาน เคยได้ยินข่าวลือกับนักเรียนคนหนึ่งที่ต่อสู้กับวีรบุรุษได้อย่างสูสี

 

เมื่อได้ยินว่าเขาครอบครองดาบที่ทำโดยช่างตีเหล็กในตำนานแห่งตะวันออก

 

 

 

「ถึงกระนั้นก็สามารถพูดได้มากขนาดนี้ นั่นเป็นสิ่งที่พิเศษ ผู้สร้างอาวุธ ดาบเอง และผู้ถือ มันสดใสเกินไปซะจนข้าไม่อยากจะพูดออกมา(ประชด)……」

 

อย่างไรก็ตาม วัลโด้ที่เห็นดาบโนโซมุด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ความคิดที่เข้ามาในหัวนั้นมีแต่ความเสียใจ

 

วัลโด้ได้สัมผัสกับตัวแร่ธาตุและอาวุธหลากหลายชนิดมาจากทุกยุคทุกสมัย แต่ โนโซมุ และ ไร้นาม ของเขานั้นแปลกประหลาดจนเขาไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด

 

ความประทับใจที่มีต่อดาบของโนโซมุ สรุปออกได้เพียงคำเดียวว่า “ถูกล่ามโซ่และโยนถ่วงทะเล”

 

ความมืดที่ลึกล้ำ มืดมนจนเจ็บปวดและหายใจได้ยาก กลัวว่าจิตใจจะแตกสลายได้ตลอดเวลา พูดตามตรงวัลโด้แทบจะระงับอาการสีหน้ากระตุกไม่ได้เลย

 

ในความมืดมิดและความเจ็บปวด มีเพียงภาพเดียวที่ลอยอยู่ในวิสัยทัศน์ที่คลุมเครือ

 

 

「มีสิ่งเดียวที่ข้าได้เห็น คฤหาสน์ใหญ่ที่ละเลงไปด้วยเลือดสดๆ และผู้หญิงผมสีเงิน เด็กชายคนนั้นนอนอยู่ข้างหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ」

 

 

「หญิงสาวผมสีเงิน?」

 

 

 

「มองไม่เห็นใบหน้าแต่ข้ามั่นใจว่าเป็นผู้หญิง」

 

 

วัลโด้พูดออกมาและเริ่มกลับไปที่ทั่งและเริ่มตีเหล็กอีกครั้ง

 

มีความกลัวและความเสียใจ อย่างไรก็ตามความบ้าคลั่งที่อยู่ในคมดาบนั้นสุดโต่งนั่นก็เหมือนชะตากรรมของช่างตีเหล็ก

 

ดาบที่สะท้อนถึงคุณสมบัติและความคิดของผู้ถือและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

 

ต้องใช้วิทยาการแบบไหนในการสร้างดาบที่บ้าคลั่งเช่นนั้นขึ้นมา?

 

แม้ว่าเขาจะหวาดกลัว แต่คมดาบนั่นก็เปล่งประกายราวกับสีรุ้ง กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในฐานะช่างตีเหล็ก

 

อยากจะทำให้ได้แบบนั้น ราวกับจะแสดงความคิดของเขา เขาตีเหล็กต่อไป

 

ครู่หนึ่งอันริเอามือแตะปากและครุ่นคิด แต่แล้วก็ออกจากเวิร์คช็อปพร้อมกับวิ่งกลับไปที่สถาบัน

 

วัลโด้เหลือบมองทางเข้าร้านที่อันริจากไปแล้วหันกลับไปมองเปลวไฟของเตาเผา

 

ในวันนั้นเปลวไฟในเตาเผาจะไม่มอดดับแม้จะตกดึกและยังคงก้องกังวานในมุมหนึ่งของช่างฝีมือ

 

สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ

 

ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นไม่มีภาพประกอบเพราะโดดดูดไปลงนั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด