[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 179 บทที่ 8 36

Now you are reading [นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” Chapter 179 บทที่ 8 36 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 8 ตอนที่ 36

โนโซมุใส่พลังเวทย์ลงไปในตัวมิคาเอล และมุมหนึ่งของป่าก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาว ซอนเน่นั้นเฝ้าดูจากระยะไกล

 

เขาลอยอยู่บนอากาศในร่างมนุษย์ มองลงมาที่เขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ

 

 

 

「เริ่มแล้วยังงั้นเหรอ……」

 

 

 

ขณะที่พูดเช่นนั้นก็เริ่มใช้เวทย์บาเรียครอบคลุมพื้นที่รอบๆกระท่อมของชิโนะด้วยพลังของเขาเอง วงเวทย์ถูกซ้อนทับอยู่หลายชั้นและถูกห่อหุ้มด้วยบาเรีย

 

 

 

「จะให้ใครเข้ามารบกวนไม่ได้ เพราะงั้นขอทำประกันไว้สักหน่อย」

 

 

 

บาเรียที่สร้างโดยซอนเน่เป็นหนึ่งในมังกรผู้ทรงพลังที่สุด โดยทำให้มิติตรงนี้กลายเป็นอีกมิติหนึ่งแยกออกไป

 

ขอบเขตซึ่งบิดเบือนกาลเวลาทำให้โลกภายในอยู่ต่างการโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

 

 

 

「หลังจากนั้นก็ต้องพึ่งแม่สาวเอลฟ์……」

 

 

 

เมื่อพูดไปถึงในอาคาร์ซัม ซอนเน่พูดด้วยน้ำเสียงสลักสำคัญ

 

เขาปฏิเสธที่จะช่วยไอริส แล้วเขากังวลเกี่ยวกับตระกูลวาจาร์ต

 

 

 

「ในขณะนี้ประชาชนของจักรวรรดินั่นได้มาที่ประเทศแห่งนี้ นั่นหมายความว่ายังคงลังเลเกี่ยวกับพ่อหนุ่มนี่สินะ? หรือมีเหตุผลอื่น……」

 

 

 

ซอนเน่คิดอย่างลึกซึ้งถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง แต่เขาก็ต้องรีบบอกปัด  พร้อมกับถอนหายใจออกมา

 

 

 

「แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว……」

 

 

 

มังกรเฒ่าเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยแววตาเศร้าๆ

 

ร่างที่ดูเหมือนจะจ้องไปไกลเกินเอื้อมนั้นเล็กและดูอ่อนแอมากจนยากจะเชื่อว่าเป็นเผ่ามังกร

 

 

 

「……ไอ้เจ้านั่นมันใครล่ะเนี่ย」

 

 

 

อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังเศร้าๆ ซอนเน่ก็กลับมาทำสีหน้าจริงจัง

 

เขาที่กำลังเงยหน้ามองทองฟ้าก็เห็นนกที่บินอยู่จ้องมองเขา

 

ปีกสีดำสนิทเหมือนอยู่ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด และดวงตาสีเลือด มีกรงเล็บขนาดใหญ่และจะงอยปากที่มีปลายโค้งหากเทียบกับอีกาธรรมดา

 

ทันทีที่เขาเห็นนั้นทำให้นึกถึงแร็พเตอร์มากกว่าจะเป็นอีกา ดวงตาของซอนเน่เบิกกว้างราวกับไม่ยากจะเชื่อภาพตรงหน้า

 

 

 

「นานแล้วนะท่านมังกรขาว ดูเหมือนจะยังคงสัมผัสดีไม่เปลี่ยนเลยนะ」

 

 

 

「ไม่มีทางน่าแก……」

 

 

 

「แต่ถึงเวลาที่ตาแก่คนนี้จะต้องลงโลงแล้ว ท้ายที่สุดแล้วพวกแกก็ต้องหายไปอยู่ดี」

 

 

 

วินาทีถัดมาหมอกสีดำอันน่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้นจากปีกของอีกา

 

หมอกสีดำวุ่นวายราวกับว่ามันถูกผสมกับสีจำนวนมากพุ่งเข้าหาซอนเน่

 

 

 

「ฮึ่ม!」

 

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับหมอกสีดำ ซอนเน่ยกไม้เท้าขึ้นในขณะที่ปล่อยแสงสีขาวออกมาจากร่างกายของเขา

 

หมอกแห่งความมืดและแสงสีขาวเข้าปะทะกัน การปะทะกันของพลังนั้นทำให้อากาศสั่นสะเทือน

 

หมอกสีดำและแสงสีขาวที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน อย่างไรก็ตาม เหงื่อเย็นๆพุ่งออกมาจากหน้าผากของซอนเน่ เห็นได้ชัดว่ากำลังตึงเครียด

 

 

 

「เปล่าประโยชน์น่าเจ้ามังกรขาว เจ้าไม่สามารถต้านทานพลังของข้าได้หรอก เพราะแกสละพลังวิญญาณโง่ๆเพื่อช่วยหลานชายของเจ้า จงยอมตายไปซะเถอะ」

 

 

 

「ตั้งแต่เมื่อไรกันเรืองนั้น……」

 

 

 

「แก่แล้วก็ควรลงโลง ไม่ต้องรู้อะไรน่ะดีแล้ว ทำหน้าที่เสร็จก็ควรกลับไปคุยกับรากมะม่วงได้แล้ว……」

 

 

 

ด้วยการประกาศของอีกา พลังแห่งความมืดยังรุนแรงมากขึ้นทำให้ขั้วพลังที่แตกต่างกันพลังทลายอย่างสิ้นเชิง

 

หมอกสีดำเข้ากลืนกินซอนเน่ และบรรจบกันเป็นจุดเดียว หายไปราวกับกลืนกินไปในความว่างเปล่า

 

 

 

「ลาก่อนไอ้โง้………..ก็อยากจะพูดแบบนั้นแต่เป็นถึงหัวหน้าของเผ่ามังกรขาว คงจะไม่ตายง่ายๆหรอกมั้ง? ยังไงก็ตามวันนี้ข้าเองก็ถึงขีดจำกัดแล้ว และเนื่องจากมีบาเรียของไอ้ตาแก่บ้านี่อีก ข้าเลยเข้าไปสอดมือไม่ได้……」

 

 

 

อีกาตาแดงเปลี่ยนรูปลักษณ์

 

ร่างกายของเขาซึ่งมีขนาดเท่าศีรษะของมนุษย์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นร่างกายของมนุษย์และมีผิวสีซีด

 

เป็นร่างของชายคนหนึ่งที่เคยแนะนำตัวเองกับโนโซมุว่า จอห์น สมิธ

 

 

 

「อ๊า ท้ายที่สุดแล้วพอกลับมาร่างนี้ก็ต้องกลับไปใช้น้ำเสียงแบบเดิม~」

 

 

 

ราวกับจะผ่อนคลายเขาเหยียดตัวเองออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และมองลงไปยังบาเรียของซอนเน่

 

 

 

「ฟุฟุ ฮะฮะ ก๊ากกกกกกกกกฮ่าฮ่าฮ่า………..เท่านี้ข้าก็ทำบทบาทหน้าที่ได้เรียบร้อย ในขณะนี้เม็กเลียจะได้ดำเนินแผนต่อไปได้อย่างปลอดภัย จะทำให้มันตื่นขึ้นตอนนี้เลยดีไหมนะ? อย่างไรก็ตาม ดราก้อนสเลเยอร์นอกรีตที่เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญจะแสดงท่าทีแบบไหนออกมากัน……」

 

 

 

ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าอันบิดเบี้ยว เขาลอยอยู่บนกลางอากาศและหายไปราวกับว่าหายไปท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด

 

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

 

ตอนเช้าหลังจากอยู่ที่กระท่อมของชิโนะ มาร์กำลังรออยู่ที่สวนสาธารณะกลางเพื่อให้สมาชิกตามปกติมาถึงสถาบัน

 

ชายหนุ่มร่างใหญ่ในชุดนักเรียนและยืนถือดาบใหญ่บนหลังนั้นเด่นชัดมาก

 

นักเรียนระหว่างทางไปสถาบันก็เหลือบมองมาร์ แต่สายตาของพวกเขาก็จ้องไปที่แขนขวาของมาร์

 

แขนขวานั้นมีผ้าที่พันเป็นรูปสามเหลี่ยมรักษาอาการกระดูกหัก และผ้าพันแผลที่พันรอบตัวเขา

 

อย่างไรก็ตามมาร์ไม่ได้สนใจสายตาของคนรอบข้างและยืนมองราวกับรอใครสักคน

 

ในที่สุดเหล่าคนที่พวกเขารอคอยก็มาถึง ทิม่า ฟีโอ และ ทอม

 

มาร์และทั้งสามต่างทักทายกัน เดิมทีทอมและฟีโอนั้นอาศัยอยู่ในหอพักชาย ดูเหมือนว่าทิม่าเองจะมาเข้าร่วมระหว่างทางที่เดินมา

 

แต่ว่าเนื่องจากเห็นแค่ทอมและฟีโอทำให้มาร์แซวเล็กน้อย เพื่อนสนิทอีกคนที่น่าจะมากลับหายไป

 

 

 

「นี่ แล้วโนโซมุมันไปไหนของมัน?」

 

 

 

「เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับมาที่หอพัก ถึงจะเคาะห้องก็ไม่ได้่รับคำตอบกลับมาเลย」

 

 

 

ทอมพยักหน้ากับคำพูดของฟีโอ มีบางอย่างเข้ามากวนใจมาร์ ถ้ามองไปรอบๆก็เห็นทิม่าที่ทำหน้าเศร้าๆ

 

เธอมักจะมาสถาบันพร้อมกับเพื่อนสนิทของเธอไอริส แต่วันนี้เธอมาคนเดียว สีหน้าของเธอมืดมนและดวงตาก็ดูหดหู่

 

 

 

「ทิม่า ไอริส ล่ะ?」

 

 

 

「หาเธอไม่เจอเหมือนกันค่ะ วันนี้ฉันไปรับเธอที่คฤหาสน์ แต่โดนเมดมีน่าซังบอกว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ดังนั้น ไอ เองก็ดูเหมือนจะโดนงดมาที่สถาบันด้วย……」

 

 

 

「……อืม อืม สถานการณ์แปลกๆอีกแล้ว」

 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของทิม่าฟีโอก็ถาม

 

 

 

「หมายความว่ายังไงรึเจ้าจิ้งจอก」

 

 

 

「เหตุผลที่เจ้าหญิงละเลยน้องสาวตัวเองและมาที่สถาบันก็เพื่อดึงโนโซมุไปเข้าร่วม แต่ก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องขาดเรียนเลย บางทีอาจเป็นปัญหาในตระกูลจริงๆ」

 

 

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ทิม่าก็ก้มมองต่ำด้วยความกังวล ด้วยความกังวลเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของเธอ มาร์เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด

 

 

 

「แล้วการเจรจาของตระกูลฟรานซิสเริ่มเมื่อไหร่?」

 

 

 

「ตั้งแต่เที่ยงวันพรุ่งนี้ สถานที่คือบ้านตระกูลฟรานซิส ตรวจสอบมาอย่างดีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสภาของอาคาร์ซัมตัดสินใจจะปิดกั้นพื้นที่โดยรอบให้เป็นเขตเฝ้าระวัง กลัวเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น」

 

 

 

ตามคำแนะนำเขตการปกครองนั้นเปรียบเหมือนมันสมองของอาคาร์ซัม การปิดหนึ่งในสี่ของสถาบันแม้ว่าจะชั่วคราวก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่าวิโทร่าเป็นตัวตนอันตรายมากแค่ไหน

 

 

 

「สถานะของเมืองไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่เบื้องหลังนี่คงจะโกลาหลกันแน่ๆ」

 

 

 

「คู่ต่อสู้คือแวมไพร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นประเทศที่มีอำนาจการปกครองพิเศษ ยึดความแข็งแกร่งเป็นหลักและคฤหาสน์ในเขตที่เจ้าหญิงวิโทร่าพักอยู่จะเป็นสถานที่ต้องห้ามด้วย」

 

 

 

ฟีโอพูดและทอมอธิบายต่อ

 

ด้วยความก้าวหน้าในการสร้างอาคาร์ซัมและการวิจัยทุกสาขา จึงมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแวมไพร์

 

หนึ่งในนั้นคือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแวมไพร์ที่ว่าแวมไพร์ไม่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดได้

 

ในตอนแรกหากเปลี่ยนศัตรูที่ดูดเลือดกลายเป็นสัตว์ประหลาดก็จะไม่มีแหล่งผลิตเลือดให้เขากินอีกแล้ว

 

 

 

「แล้วทำไมถึงพูดเรื่องการให้คนเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาด?」

 

 

 

「หลายสิ่งหลายอย่าเงปลี่ยนไปมาก เหตุผลหลักก็คือแวมไพร์ที่เปลี่ยนผู้คนหให้เป็นสัตว์ประหลาด แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นๆก็ดูเอา……」

 

 

 

ตอนที่ไปที่สถาบันกลอรัมว์และตรวจสอบ ทอมพูดพร้อมหยิบกระดาษวิจัยให้มาร์

 

ทั้งสองคนหยิบกองกระดาษเสนอให้พวกเขาและอ่านเนื้อหาอย่างรวดเร็ว

 

เนื่องจากทอมคัดลอกมามันเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับแวมไพร์

 

 

 

「เมื่อแวมไพร์เปลี่ยนคนให้เป็นพันธมิตรก็จะไม่สามารถดูดเลือดได้ แต่ถ้าเอาเลือดของพวกเขาให้อีกฝ่ายดื่มอีกฝ่ายจะกลายเป็นแวมไพร์」

 

 

 

「……งั้นเหรอ?」

 

 

 

「นี่คือปัญหาที่ว่า เพียงเพราะโดนดูดเลือดไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นแวมไพร์เป็นจริงที่มนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่กลายเป็นแวมไพร์ แต่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่จะไล่โจมตีผู้คนจนกว่าจะหมดแรง」

 

 

 

「กูลยังงั้นเหรอ……」

 

 

 

กูลหรือที่เรียกอีกอย่างว่าผีปอป จะทำให้คนที่โดนกินกลายเป็นปีศาจและทวีเพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด

 

กูลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทุกคนรังเกียจแม้จะเป็นตัวที่ไม่สมประกอบ แต่ดูเหมือนมันจะสืบทอดความสามารถของแวมไพร์ และมันจะไม่หยุดเพียงเพราะแขนขาหายไป

 

วิธีเดียวที่จะฆ่าพวกมันคือการบดขยี้ศีรษะ ทำลายหัวใจ เผาทั้งร่างด้วยไฟ หรือให้พวกมันโดนแสงแดด อย่างไรก็ตาม ร่างกายที่เสริมความแข็.แกร่งในฐานะแวมไพร์ ไม่สามารถที่จะทำลายได้ง่ายๆ และเป็นการยากที่จะต้านทานคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถทางกายภาพที่เหนือกว่า

 

นอกจากนี้พวกกูลยังมีพลังแรงค์ B

 

หากเป็นแรงค์ B คนธรรมดาทั่วไปสู้ไม่ไหวแน่ และบุคคลที่เป็นกูลหากมีแรงค์สูงความสามารถก็จะสูงตามไปด้วย

 

หากทหารตามปกติมีแรงค์ D และความแข็งแกร่งของทหารที่มีประสบการณ์อยู่ที่แรงค์ C มันก็พอคาดเดาได้ง่ายๆเลย

 

หากสัตว์ประหลาดดังกล่าวถูกปลดปล่อยกลางเมืองพลเรือนที่เต็มไปด้วยความเปราะบางเต็มไปด้วยผู้คนที่รออยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็น

 

 

 

「เข้าใจว่ากูลเป็นที่มาความรังเกียจของแวมไพร์ แต่กูลนั่นก็เป็นอันตรายต่อตัวแวมไพร์เองด้วยใช่ไหม? ถ้าพวกนั้นมันอันตรายทำไมแวมไพร์ถึงไม่ทำลายกูลที่ตัวเองสร้างขึ้นมาล่ะ?」

 

 

 

ข้อสงสัยของมาร์นั้นสมเหตุสมผล เมื่อกูลอาละวาด ความผิดก็ต้องโทษที่แวมไพร์ และในความเป็นจริงก็ใช้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ในการกีดกันพวกแวมไพร์

 

ส่งผลให้แวมไพร์ลดจำนวนลงอย่างมาก ไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศเล็กๆที่มีอากาศหนาวจัดได้ หากต้องการแค่ดูดเลือด มันจะต้องไม่มีผลต่อทั้งแวมไพร์และคนที่ถูกดูด หากเป็นกรณีนี้ แวมไพร์คงไม่โดนกดขี่ข่มเหงมากเท่าทุกวันนี้

 

นอกจากทอมแล้วฟีโอยังช่วยอธิบาย

 

 

 

「ขณะที่สำรวจตำแหน่งที่ตั้งของเหล่าแวมไพร์ ก็พบสิ่งแปลกประหลาดมากมายบ่อยครั้ง แม้ว่าพวกกูลจะถูกกำจัด แต่แวมไพร์ดั้งเดิมก็ไม่เคยหนี」

 

 

 

「นอกจากนี้แวมไพร์ที่เมาเลือดและอาละวาดก็มี อย่างไรก็ตามหากแวมไพร์แบบนั้นปรากฏตัวขึ้นแวมไพร์ที่ตายไปก็จะทำให้กูลตายไปด้วย」

 

 

 

「นอกจากนี้ยังมีกรณีที่แวมไพร์ที่เป็นคนแพร่เชื้อฆ่าตัวตาย หมายความว่าครึ่งหนึ่งก็สามารถควบคุมได้เช่นกัน」

 

 

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีสินะ……」

 

 

 

「ก็ประมาณนั้นล่ะหากแวมไพร์ตนไหนเผลอสร้างกูลขึ้นมาก็เต็มใจที่จะตายด้วยตัวเอง และนั่นทำให้พวกเราต้องมองพวกแวมไพร์ใหม่」

 

 

 

ความกลัวต่อแวมไพร์ที่มาจากความสับสนระหว่างโศกนาฏกรรมของแวมไพร์ที่เมาเลือดจนให้กำเนิดกูล กับแวมไพร์ที่ห่วงใยคนธรรมดา

 

เมื่อทอมและฟีโออธิบายเสร็จ พวกเขาก็ยืดหลัง

 

หากมองใกล้ๆจะเห็นว่าทอมและฟีโอมีรอยคล้ำใต้ตา บางทีอาจจะอดหลับอดนอนเพื่อสืบเรื่องนี้

(TN:คนแปลก็อดหลับอดนอนเหมือนกันช่วงนี้ นอนไม่หลับ)

 

 

 

「แต่ทำวิจัยมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ」

 

 

 

「ถึงจะบอกว่าของในห้องสมุดมันล้าสมัย ดังนั้นก็เลยไปที่สถาบันวิจัยโดยตรงและขอให้พวกเขาโชว์ข้อมูลให้ดู เดิมทีก็ตั้งใจจะตีพิมพ์ เลยสามารถดูเนื้อหาได้ทันที」

 

 

 

「อย่างไรก็ตามเอาออกมาไม่ได้ก็เลยต้องคัดลอกออกมาแทน」

 

 

 

เมื่อธิบายเรื่องที่ตรวจสอบเสร็จแล้วทอมก็หันไปหาแขนขวาของมาร์ที่พันผ้าพันแผล

 

 

 

「แล้วแขนของนายล่ะ?」

 

 

 

「ก็ไม่เท่าไหร่ เริ่มเจ็บน้อยลงแล้ว」

 

 

 

「แต่ว่าใช้เวลานานนะกว่ากระดูกจะกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้นพักผ่อนบ้าง」

 

 

 

「โอ้ เข้าใจแล้ว ตราบใดที่พักได้ก็จะพัก」

 

 

 

ทอมยิ้มอย่างขมขื่นใส่มาร์ที่ตบแขนขวาที่พันผ้าพันแผลด้วยมือซ้าย

 

ในทางกลับกันฟีโอเป็นห่วงกับสถานะทั้งสองคน

 

เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าพวกเขามีความอยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติก็เริ่มกังวล

 

 

 

「อืม? มาร์ ขอให้ทอมทำอะไรมาเหรอ?」

 

 

 

「ก็ทดลองเล็กๆน้อยๆ ถ้าเป็นไปได้ด้วยดีก็จะดีมากเลยล่ะ……」

 

 

 

「เหหหหหหหหหห……」

 

 

 

ฟีโอมองด้วยความสงสัย ดวงตาของเขาเบิกกว้างและมาร์เองก็ตอบกลับ

ในขณะเดียวกันทอมจ้องมองไปที่ถนนกลาง นี่คือถนนที่ทอมและคนอื่นๆเดินผ่านมา แต่ก็เป็นถนนที่นำพาไปสู่หอพักหญิงด้วย

 

 

 

「ถึงเวลาแล้วนะมิมูรุและซีน่าช้าจัง……」

 

 

 

ทอมกังวลถึงแฟนสาวของเขาที่ยังไม่มาสักที

 

เป็นห่วงมากๆเพราะเธอมักจะเป็นคนแรกๆที่มาถึงก่อนเสมอ

 

แต่ไม่นานหลังจากที่เขาพูดเช่นนั้น ก็มีใครบางคนโผล่มาจากอีกฝากของถนน

 

ทอมยกมือขึ้นให้กับมิมูรุที่ปรากฏตัว

 

 

 

「นี่ ผมอยู่นี่…………เอ๊ะ?」

 

 

 

แต่แล้วคิ้วก็ขมวด

 

สีหน้าของมิมูรุมืดมนขณะเดินมา แม้ว่าฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามา แต่สีหน้านั้นก็มืดมนเกินไป บรรยากาศของเธอนั้นตึงเครียดผิดจากปกติ

 

 

 

「มิ มิมูรุ เกิดอะไรขึ้น ? แล้วซีน่าล่ะ?」

 

 

 

「ซีน่าดูเหมือนเธอจะลาหยุดวันนี้……」

 

 

 

「ลาหยุดเหรอ? เกิดอะไรขึ้น!?」

 

 

 

ทอมรีบไปหาคนรักของเขาด้วยความเป็นห่วง ท่าทางของเธอเปลี่ยนไปมาก

 

เขาคว้าไหล่ของเธอและพยายามมองหน้าเธอ แต่เธอก็หลบสายตา

 

ในขณะนั้นเสียงร่าเริงนั้นดังขึ้นตรงกันข้ามกับบรรยากาศอันมืดมน

 

 

 

「ยัตต้า~! อรุณสวัสดิ์ทุกคน」

 

 

 

「ลิซ่าและคามิลล่าเหรอ」

 

 

 

「อรุณสวัสดิ์ ทำไมบรรยากาศมืดมนจัง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?」

 

 

 

ลิซ่าและคามิลล่ามาถึง

 

เสียงของลิซ่าโบกมือขณะส่ายผมสีแดงทำให้มิมูรุที่กำลังก้มหน้าลง เงยหน้าขึ้น

 

ดวงตาของทอมเบิกกว้างเมื่อเห็นมิมูรุที่กำลังโกรธจัด

 

ในทางกลับกันลิซ่าขมวดคิ้วและยิ้มยั่วยุต่อมิมูรุและสาวเอลฟ์ที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้

 

 

 

「หืม หืม ซีน่าหยุดงั้นเหรอคะเนี่ย? ดูเหมือนจะไม่สบายสินะคะ?」

 

 

 

「คิดว่าเป็นความผิดของใครล่ะ……」

 

 

 

คำยั่วยุที่ดังขึ้น บทสนทนาของลิซ่าที่ไม่พยายามปกปิดตัวตนทำให้ทอมยิ่งสับสนและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคน

 

เช่นเดียวกับคามิลล่าที่อยู่ถัดจากลิซ่า

 

 

 

「เอ่อ บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกันคะเนี่ย……」

 

 

 

เธอสับสนท่าทางระหว่างลิซ่าและมิมูรุซึ่งจู่ๆก็เริ่มสร้างบรรยากาศตึงเครียด และสายตาของเธอก็จ้องมองระหว่างพวกเธอ

 

เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่สับสนของทอมและคนอื่นๆลิซ่าจึงถอนรอยยิ้มยั่วยุบนใบหน้าและยักไหล่

 

 

 

「ไม่ต้องมองกันตาเขม็งแบบนั้นก็ได้ เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ฉันเองก็ไม่อยากยอมแพ้กับเรื่องในครั้งนี้หรอกนะ และฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่ฉันก็กังวลและเป็นห่วงเธอนะ……」

 

 

 

ซึ่งแตกต่างจากลิซ่าที่ถอนความเป็นปรปักษ์ต่อมิมูรุไม่ผ่อนคลายบรรยากาศ

 

แต่เธอกัดฟันแน่นและเผยเขี้ยวที่แหลมคมของเธอในขณะที่โจมตีลิซ่าด้วยความเป็นปรปักษ์ยิ่งขึ้น

 

 

 

「ไม่เป็นไร ยิ่งไปกว่านั้น ทอม ฉันมีบางอย่างที่อยากจะขอ ช่วยใช้เวทย์นั้นกับดาบนี้ได้ไหม?」

 

 

 

「อีกรอบงั้นเหรอ แต่มันไม่ใช่เวทย์ธรรมดานะ?」

 

 

 

「ขอร้องล่ะ ได้โปรด!」

 

 

 

「อ่าจะไม่เป็นไรงั้นเหรอ……..เอ๊ะ!?」

 

 

 

เมื่อรู้สึกว่ามิมูรุไม่ยอมฟัง ลิซ่าจึงหันมามองทอมอย่างกะทันหันและเริ่มถามเกี่ยวกับเวทย์ดาบเพลิง

 

ลิซ่าโน้มตัวไปข้างหน้าและก้มศีรษะพร้อมประสานมือต่อหน้าเขา และทอมก็เผลอตกลง แต่มิมูรุก็เข้ามาจากด้านหลัง

 

 

 

「อยู่ห่างๆจากทอมเลยนะ」

 

 

 

มิมูรุจ้องมองด้วยความเป็นปรปักษ์และความระมัดระวัง และลิซ่าก็เริ่มปวดหัว ดังนั้นเธอจึงเอานิ้วไปชี้ไปที่ขมับพร้อมกับครุ่นคิด

 

 

 

「โถ่วเอ้ยจะต้องเล่าจริงๆใช่ไหมเนี่ย………ฉันน่ะรักโนโซมุจริงๆนะ และทอมเองก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งเลย แต่ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ แต่เรื่องในครั้งนี้เองฉันก็ยอมแพ้ไม่ได้ แต่ฉันไม่ได้มีความโกรธแค้นต่อซีน่าเลย ถ้าเดินหมากไม่ดี มันก็จะมีปัญหาเอาน่ะสิ……」

 

 

 

「นี่ นี่ มิมูรุเกิดอะไรขึ้น……..ว๊ากกกกก!」

 

 

 

โดยไม่ตอบข้อโต้แย้งของลิซ่าหรือคำถามของทอม มิมูรุรีบเข้าไปในป่าของสวนสาธารณะกลาง พร้อมกับคนรักของเธอ

 

เสียงกรีดร้องของทอมที่ได้ยินผ่านช่องว่างบนต้นไม้จางหายไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

「เอ่อ….มันดูเลยเถิดไปหน่อยแล้ว……」

 

 

 

ขณะที่ทุกคนยกเว้นลิซ่ารวมถึงมาร์ต่างตกตะลึง ลิซ่าเอามือก่ายหน้าผากและเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

 

 

「นี่ นี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? เกิดอะไรขึ้นระหว่างซีน่าและมิมูรุ……」

 

 

 

「อ๋อ เรื่องนั้นเหรอ? จริงๆแล้วฉันก็สารภาพรักกับโนโซมุอีกครั้งน่ะสิ ก็คนมันรักจะอดกลั้นไว้ทำไมจริงไหม?」

 

 

 

「……เอ๋?」

 

 

 

「เอออออออออออออ๋!?」

 

 

 

「โฮะโฮะ~~!」

 

 

 

ลิซ่าเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการออกเดทของเธอกับโนโซมุอย่างมีความสุข(เฉพาะตัวเอง)

 

มาร์ ทิม่า และ คามิลล่า ต่างก็ตกใจ ในขณะที่ฟีโอมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

บังเอิญพบกันที่ร้านช่างตีเหล็กดังนั้นเลยออกไปในเมืองกับเขา(ลากไปรอบๆ)ได้ทานขนมด้วยกัน(ค่าตอบแทนสำหรับช่วยหาของ)และสารภาพรักอย่างดูดดื่มอย่างใกล้ชิดกับเขา

 

มาร์และทิม่ารู้สึกว่ามีคำศัพท์แปลกๆอยู่เบื้องหลังคำพูดที่มีความสุข แต่ในขณะเดียวกันก็ส่ายหัวและกำลังงงกับคำพูดเหล่านั้น

 

 

 

「จากนั้น ซีน่าและมิมูรุก็มาเห็นฉากสวีทระหว่างฉันกับโนโซมุ……」

 

 

 

「ไม่ ไม่ คนที่เป็นคนสารภาพรักก็คือเธอไม่ใช่เหรอ……」

 

 

 

「ช่วยไม่ได้ทั้งไอริสและซีน่าค่อนข้างรักนวลสงวนตัว และดูเหมือนโนโซมุเองก็อึดอัดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะแทรกกลางระหว่างทั้งสาม」

 

 

 

รอยแตกร้าวเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอกล่าวเช่นนั้น พร้อมกับยักไหล่และแลบลิ้นออกมา

 

ลิซ่าพูดอย่างไม่สนใจ ขณะที่คนรอบข้างพูดอะไรไม่ออก

 

หลังจากฟื้นตัวได้แล้ว เธอก็กลับมาร่าเริงอย่างมาก และแม้ว่าจะสงสัยว่านี่คือลิซ่าจริงๆงั้นเหรอ แต่ในที่สุดก็ตระหนักได้แล้วว่าเธอเป็นคนที่ลงมือทำมากกว่าพูด

 

ในทางกลับกันฟีโอมีแนวโน้มที่จะเป็นศัตรูของมิมูรุ ไม่ว่าลิซ่าพยายามจะขัดจังหวะให้มากแค่ไหน แต่ดูเหมือนซีน่าก็ไม่ยอมรุกหนักขึ้นสักที

「สารภาพรักเหรอ……เฮ้อศัตรูของมิมูรุนี่เกินความคาดหมายจริงๆ แล้วมิมูรุจะเอายังไงล่ะทีนี้~~」

 

 

 

「อืม หลังจากนั้นฉันก็ชวนโนโซมุเข้าโรงแรมหากเขามีอารมณ์อยากจะทำ~~และฉันก็พยายามจูบโนโซมุและพาเขาไปพร้อมกับบรรยากาศที่เป็นใจ……」

 

 

 

「พะพร้อมทำเรื่องอย่างว่างั้นเหรอ~~~!?」

 

 

 

คำพูดของลิซ่าทำให้ทิม่ากรีดร้องออกมา มาร์ที่อยู่ข้างๆเองก็อ้าปากค้าง

 

ในทางกลับกันฟีโอพยักหน้าราวกับว่าเขาเข้าใจแล้ว

 

 

 

「ขณะที่กำลังจะจูบอยู่นั่นเองก็สังเกตเห็นซีน่าและมิมูรุกำลังแอบดูอยู่น่ะสิ เสียอารมณ์หมดเลยใช่ไหม?」

 

 

 

「อืม กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยแต่ถ้าพาโนโซมุเข้าโรงแรมระหว่างที่ซีน่ามองอยู่คงจะทำร้ายความรู้สึกมากๆเลย……」

 

 

 

ถ้าไม่มีใครแอบมองอยู่ละก็ลิซ่าบอกว่าคงเสร็จนางไปแล้ว และในขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ฟีโอก็เหลือบมองทิม่าที่กรีดร้อง

 

มีทิม่าที่จินตนาการเกี่ยวกับเรื่องระหว่างทั้งสองคน ในขณะที่ใบหน้าแดงจนเหมือนปลาหมึกต้ม

 

 

 

「มะมะมะมะโดนแอบดูงั้นเหรอ ! ว้าว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เฮือก」

 

 

 

「อะ เฮ้ ! ใจเย็น!」

 

 

 

มาร์ที่อยู่ข้างๆทิม่ากำลังประคองร่างเธอที่ทรุดลง

 

 

 

「หลังจากนั้นซีน่าก็ต่อว่าและโวยวายใส่ และเธอก็รู้สึกหดหู่………จากนั้นก็ซึมไปเลย เรื่องนี้ดูเหมือนจะไปแทงใจดำซีน่าสินะ~」

 

 

 

「หมายความว่าไง?」

 

 

 

มาร์ที่ซัพพอร์ตทิม่าอยู่ แต่ลิซ่าก็ได้แต่ยักไหล่ราวกับว่าไม่รู้รายละเอียดมากนัก

 

 

 

「หืม ซีน่าเองก็พอรู้อยู่หรอก ถ้าไปถามมิมูรุก็จะเข้าใจเอง แล้วโนโซมุอยู่ไหนล่ะ?」

 

 

 

「เอ๋ หมายความว่ายังไงกันแน่?」

 

 

 

「โนโซมุไม่ได้กลับหอพักตั้งแต่เมื่อวานด้วยซ้ำ เจ้าหญิงผมแดงได้ทำอะไรบางอย่างกับโนโซมุใช่ไหม? นั่นแหละคือสาเหตุหุหุ~~」

 

 

 

「อ๋อ นั่นสินะ ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากเกินไป ดังนั้นจึงแนะนำให้เขาพยายามทำหัวให้โล่ง……」

 

 

 

「เหหห….. แบบนั้นก็เรื่องใหญ่เลยน่ะสิ โนโซมุเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อยซะด้วยการจะทำให้เขาสมองโล่งได้นี่ลำบากน่าดูเลยนะ」

 

 

 

「ถ้าเป็นเขา คงจะฝึกดาบอยู่ที่ป่านั่นแหละ แน่ใจว่ากำลังเหวี่ยงดาบตามคำแนะนำ สถานที่น่าจะอยู่แถวนั้นล่ะ」

 

 

 

จากด้านข้างฟีโอ มาร์เริ่มคิด

 

เขารู้จักโนโซมุมาหนึ่งปีกว่าแล้ว เป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าจุดหมายปลายทางของโนโซมุคือกระท่อมของอาจารย์เขา

 

 เพื่อตอบสนองต่อมาร์ ฟีโอเองก็พยักหน้าขณะที่บอก「เข้าใจแล้ว~」

 

 

「พวกสมองกล้ามล่ะ~」

 

 

 

「เหมือนกับต้นกำเนิดของเขา ฉันเองก็อยากรู้เรื่องราวของซีน่าและไอริส……」

 

 

 

สีหน้าของมาร์ยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่เฝ้ามองการกระทำของโนโซมุ

 

 

 

「จริงจังสินะเรื่องนี้」

 

 

 

「อืม ฉันเองก็รู้สึกแย่เหมือนกันนะในสถานการณ์แบบนี้?」

 

 

 

「ใช่ รู้สึกได้เลยว่ามีบรรยากาศไม่ชอบมาพากลกำลังคุกรุ่นในเงามืด」

 

 

 

ความรู้สึกวิตกกังวลนั้นมากขึ้นตั้งแต่เทศกาลเปิดสถาบัน ลางสังหรณ์ของความวุ่นวายที่ฝังแน่นยิ่งกว่าที่ผ่านมาหรือมากกว่านั้นอยู่ในใจของฟีโอและมาร์

 

 

 

「เดี๋ยวจะปรึกษาทอมกับมิมูรุก่อน ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะ……」

 

 

 

ขณะที่มาร์กำลังจะปลุกทิม่าที่สลบ ทอมและมิมูรุก็กลับมาหลังจากหายไปในป่า

 

 

 

「โอ้ ดูเหมือนจะกลับมากันแล้วสินะ…….เฮ้ย」

 

 

 

「ฮึกฮึก กระซิก กระซิก……」

 

 

 

ด้วยน้ำตาตลอ มาร์พูดไม่ออกเมื่อเห็นมิมูรุจูงมือทอมกลับมา

 

มิมูรุที่มักจะร่าเริงและมีชีวิตชีวาเหมือนกับม้ากำลังร้องไห้ และไม่เพียงแค่มาร์เท่านั้น ฟีโอและลิซ่าเองก็เบิกตากว้าง

 

 

 

「ทุกคนฉันมีบางอย่างอยากจะบอก」

 

 

 

ทอมซึ่งดึงมือของมิมูรุกำลังอ้าปากด้วยสีหน้าอันขมขื่น

 

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หนักหน่วงมาร์และฟีโอก็รู้สึกว่าความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น

 

 

 

「เข้าใจแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องร้ายแรงกว่าที่คิด ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลาหยุดกันทั้งหมด」

 

 

 

เพื่อปลุกทิม่าที่เป็นลมและเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งกลุ่มก็เริ่มเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทางที่กำลังจะไป

 

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

 

เรื่องราวย้อนกลับไปเล็กน้อยหลังจากทอมถูกมิมูรุลากเข้ามาในพุ่ม เขาถูกกอดไว้ในอ้อมแขนของเธอ แต่เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการทำแบบนี้

 

 

 

「เอะ เอะ เฮ้ มิมูรุ หยุดก่อน!」

 

 

 

ในขณะที่มิมูรุกำลังวิ่งผ่านเข้าไปในป่าของสวนสาธารณะกลาง ทอมก็พยายามให้เธอหยุด แต่เหมือนมิมูรุจะไม่ยอมหยุดเลย

 

ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะทุกข์ใจอย่างมาก

 

ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดผ่านใบไม้ที่พัดผ่านแก้ม ทอมยังคงเรียกมิมูรุต่อไป

 

 

 

「เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ ว๊ากก!」

 

 

 

ในขณะที่มิมูรุหยุดอย่างกะทันหัน ทอมก็เผลอกรีดร้องออกมา อากาศในปอดออกไปทันที และทอมก็ไอออกมา

 

ในขณะนั้นมิมูรุยืนนิ่ง ทรุดตัวลงกับพื้นราวกับว่าเขาหมดแรง

 

ร่างของทอมก็ทรุดลงและทั้งมองคนก็กอดกัน

 

 

 

「……มิมูรุ」

 

 

 

「…………」

 

 

 

มิมูรุกอดแรงขึ้นกว่าเดิม

 

ในอ้อมกอดที่รู้สึกเจ็บปวดนี้ เขารู้ดีว่าเธอโกรธมากแค่ไหน พร้อมกับลมหายใจอันรุนแรงที่ลูบไล้ต้นคอ มิมูรุเริ่มสั่น

 

เธอกำลังร้องไห้

 

ทอมรู้สึกถึงคนรักของเธอที่กำลังร้องไห้และค่อยๆใช้มือขวาเพื่อปลอบโยนคนรักของเขาและลูบหัวมิมูรุ ในขณะที่กอดเธอเอาไว้

 

 

 

「ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร……」

 

 

 

พร้อมกับปลอบเธอความตึงเครียดของมิมูรุค่อยๆจางลง

 

ทอมเห็นแขนขอมิมูรุที่ผ่อนคลายลง และเธอก็เริ่มหันหลังให้กับทอม

 

เธอที่มักจะสดใสและร่าเริง และดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาในตอนนี้

 

 

 

「ทอม ฉัน ฉัน ฉันควรทำยังไงดีล่ะ?」

 

 

 

「เกิดอะไรขึ้น?」

 

 

 

เช็ดน้ำตาที่ไหลเหมือนกับเขื่อน ทอมฟังเรื่องราวของมิมูรุ

 

 

 

「ซีน่าจากไปแล้ว」

 

 

 

ทอมขมวดคิ้วกับคำพูดของมิมูรุซึ่งเธอเริ่มพูดถึง

 

 

 

 

สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ

 

ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นไม่มีภาพประกอบเพราะโดดดูดไปลงนั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด