[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 179 บทที่ 8 36
บทที่ 8 ตอนที่ 36
โนโซมุใส่พลังเวทย์ลงไปในตัวมิคาเอล และมุมหนึ่งของป่าก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาว ซอนเน่นั้นเฝ้าดูจากระยะไกล
เขาลอยอยู่บนอากาศในร่างมนุษย์ มองลงมาที่เขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ
「เริ่มแล้วยังงั้นเหรอ……」
ขณะที่พูดเช่นนั้นก็เริ่มใช้เวทย์บาเรียครอบคลุมพื้นที่รอบๆกระท่อมของชิโนะด้วยพลังของเขาเอง วงเวทย์ถูกซ้อนทับอยู่หลายชั้นและถูกห่อหุ้มด้วยบาเรีย
「จะให้ใครเข้ามารบกวนไม่ได้ เพราะงั้นขอทำประกันไว้สักหน่อย」
บาเรียที่สร้างโดยซอนเน่เป็นหนึ่งในมังกรผู้ทรงพลังที่สุด โดยทำให้มิติตรงนี้กลายเป็นอีกมิติหนึ่งแยกออกไป
ขอบเขตซึ่งบิดเบือนกาลเวลาทำให้โลกภายในอยู่ต่างการโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
「หลังจากนั้นก็ต้องพึ่งแม่สาวเอลฟ์……」
เมื่อพูดไปถึงในอาคาร์ซัม ซอนเน่พูดด้วยน้ำเสียงสลักสำคัญ
เขาปฏิเสธที่จะช่วยไอริส แล้วเขากังวลเกี่ยวกับตระกูลวาจาร์ต
「ในขณะนี้ประชาชนของจักรวรรดินั่นได้มาที่ประเทศแห่งนี้ นั่นหมายความว่ายังคงลังเลเกี่ยวกับพ่อหนุ่มนี่สินะ? หรือมีเหตุผลอื่น……」
ซอนเน่คิดอย่างลึกซึ้งถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง แต่เขาก็ต้องรีบบอกปัด พร้อมกับถอนหายใจออกมา
「แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว……」
มังกรเฒ่าเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยแววตาเศร้าๆ
ร่างที่ดูเหมือนจะจ้องไปไกลเกินเอื้อมนั้นเล็กและดูอ่อนแอมากจนยากจะเชื่อว่าเป็นเผ่ามังกร
「……ไอ้เจ้านั่นมันใครล่ะเนี่ย」
อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังเศร้าๆ ซอนเน่ก็กลับมาทำสีหน้าจริงจัง
เขาที่กำลังเงยหน้ามองทองฟ้าก็เห็นนกที่บินอยู่จ้องมองเขา
ปีกสีดำสนิทเหมือนอยู่ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด และดวงตาสีเลือด มีกรงเล็บขนาดใหญ่และจะงอยปากที่มีปลายโค้งหากเทียบกับอีกาธรรมดา
ทันทีที่เขาเห็นนั้นทำให้นึกถึงแร็พเตอร์มากกว่าจะเป็นอีกา ดวงตาของซอนเน่เบิกกว้างราวกับไม่ยากจะเชื่อภาพตรงหน้า
「นานแล้วนะท่านมังกรขาว ดูเหมือนจะยังคงสัมผัสดีไม่เปลี่ยนเลยนะ」
「ไม่มีทางน่าแก……」
「แต่ถึงเวลาที่ตาแก่คนนี้จะต้องลงโลงแล้ว ท้ายที่สุดแล้วพวกแกก็ต้องหายไปอยู่ดี」
วินาทีถัดมาหมอกสีดำอันน่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้นจากปีกของอีกา
หมอกสีดำวุ่นวายราวกับว่ามันถูกผสมกับสีจำนวนมากพุ่งเข้าหาซอนเน่
「ฮึ่ม!」
เมื่อเผชิญหน้ากับหมอกสีดำ ซอนเน่ยกไม้เท้าขึ้นในขณะที่ปล่อยแสงสีขาวออกมาจากร่างกายของเขา
หมอกแห่งความมืดและแสงสีขาวเข้าปะทะกัน การปะทะกันของพลังนั้นทำให้อากาศสั่นสะเทือน
หมอกสีดำและแสงสีขาวที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน อย่างไรก็ตาม เหงื่อเย็นๆพุ่งออกมาจากหน้าผากของซอนเน่ เห็นได้ชัดว่ากำลังตึงเครียด
「เปล่าประโยชน์น่าเจ้ามังกรขาว เจ้าไม่สามารถต้านทานพลังของข้าได้หรอก เพราะแกสละพลังวิญญาณโง่ๆเพื่อช่วยหลานชายของเจ้า จงยอมตายไปซะเถอะ」
「ตั้งแต่เมื่อไรกันเรืองนั้น……」
「แก่แล้วก็ควรลงโลง ไม่ต้องรู้อะไรน่ะดีแล้ว ทำหน้าที่เสร็จก็ควรกลับไปคุยกับรากมะม่วงได้แล้ว……」
ด้วยการประกาศของอีกา พลังแห่งความมืดยังรุนแรงมากขึ้นทำให้ขั้วพลังที่แตกต่างกันพลังทลายอย่างสิ้นเชิง
หมอกสีดำเข้ากลืนกินซอนเน่ และบรรจบกันเป็นจุดเดียว หายไปราวกับกลืนกินไปในความว่างเปล่า
「ลาก่อนไอ้โง้………..ก็อยากจะพูดแบบนั้นแต่เป็นถึงหัวหน้าของเผ่ามังกรขาว คงจะไม่ตายง่ายๆหรอกมั้ง? ยังไงก็ตามวันนี้ข้าเองก็ถึงขีดจำกัดแล้ว และเนื่องจากมีบาเรียของไอ้ตาแก่บ้านี่อีก ข้าเลยเข้าไปสอดมือไม่ได้……」
อีกาตาแดงเปลี่ยนรูปลักษณ์
ร่างกายของเขาซึ่งมีขนาดเท่าศีรษะของมนุษย์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นร่างกายของมนุษย์และมีผิวสีซีด
เป็นร่างของชายคนหนึ่งที่เคยแนะนำตัวเองกับโนโซมุว่า จอห์น สมิธ
「อ๊า ท้ายที่สุดแล้วพอกลับมาร่างนี้ก็ต้องกลับไปใช้น้ำเสียงแบบเดิม~」
ราวกับจะผ่อนคลายเขาเหยียดตัวเองออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และมองลงไปยังบาเรียของซอนเน่
「ฟุฟุ ฮะฮะ ก๊ากกกกกกกกกฮ่าฮ่าฮ่า………..เท่านี้ข้าก็ทำบทบาทหน้าที่ได้เรียบร้อย ในขณะนี้เม็กเลียจะได้ดำเนินแผนต่อไปได้อย่างปลอดภัย จะทำให้มันตื่นขึ้นตอนนี้เลยดีไหมนะ? อย่างไรก็ตาม ดราก้อนสเลเยอร์นอกรีตที่เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญจะแสดงท่าทีแบบไหนออกมากัน……」
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าอันบิดเบี้ยว เขาลอยอยู่บนกลางอากาศและหายไปราวกับว่าหายไปท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ตอนเช้าหลังจากอยู่ที่กระท่อมของชิโนะ มาร์กำลังรออยู่ที่สวนสาธารณะกลางเพื่อให้สมาชิกตามปกติมาถึงสถาบัน
ชายหนุ่มร่างใหญ่ในชุดนักเรียนและยืนถือดาบใหญ่บนหลังนั้นเด่นชัดมาก
นักเรียนระหว่างทางไปสถาบันก็เหลือบมองมาร์ แต่สายตาของพวกเขาก็จ้องไปที่แขนขวาของมาร์
แขนขวานั้นมีผ้าที่พันเป็นรูปสามเหลี่ยมรักษาอาการกระดูกหัก และผ้าพันแผลที่พันรอบตัวเขา
อย่างไรก็ตามมาร์ไม่ได้สนใจสายตาของคนรอบข้างและยืนมองราวกับรอใครสักคน
ในที่สุดเหล่าคนที่พวกเขารอคอยก็มาถึง ทิม่า ฟีโอ และ ทอม
มาร์และทั้งสามต่างทักทายกัน เดิมทีทอมและฟีโอนั้นอาศัยอยู่ในหอพักชาย ดูเหมือนว่าทิม่าเองจะมาเข้าร่วมระหว่างทางที่เดินมา
แต่ว่าเนื่องจากเห็นแค่ทอมและฟีโอทำให้มาร์แซวเล็กน้อย เพื่อนสนิทอีกคนที่น่าจะมากลับหายไป
「นี่ แล้วโนโซมุมันไปไหนของมัน?」
「เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับมาที่หอพัก ถึงจะเคาะห้องก็ไม่ได้่รับคำตอบกลับมาเลย」
ทอมพยักหน้ากับคำพูดของฟีโอ มีบางอย่างเข้ามากวนใจมาร์ ถ้ามองไปรอบๆก็เห็นทิม่าที่ทำหน้าเศร้าๆ
เธอมักจะมาสถาบันพร้อมกับเพื่อนสนิทของเธอไอริส แต่วันนี้เธอมาคนเดียว สีหน้าของเธอมืดมนและดวงตาก็ดูหดหู่
「ทิม่า ไอริส ล่ะ?」
「หาเธอไม่เจอเหมือนกันค่ะ วันนี้ฉันไปรับเธอที่คฤหาสน์ แต่โดนเมดมีน่าซังบอกว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ดังนั้น ไอ เองก็ดูเหมือนจะโดนงดมาที่สถาบันด้วย……」
「……อืม อืม สถานการณ์แปลกๆอีกแล้ว」
เมื่อได้ยินคำพูดของทิม่าฟีโอก็ถาม
「หมายความว่ายังไงรึเจ้าจิ้งจอก」
「เหตุผลที่เจ้าหญิงละเลยน้องสาวตัวเองและมาที่สถาบันก็เพื่อดึงโนโซมุไปเข้าร่วม แต่ก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องขาดเรียนเลย บางทีอาจเป็นปัญหาในตระกูลจริงๆ」
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทิม่าก็ก้มมองต่ำด้วยความกังวล ด้วยความกังวลเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของเธอ มาร์เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
「แล้วการเจรจาของตระกูลฟรานซิสเริ่มเมื่อไหร่?」
「ตั้งแต่เที่ยงวันพรุ่งนี้ สถานที่คือบ้านตระกูลฟรานซิส ตรวจสอบมาอย่างดีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสภาของอาคาร์ซัมตัดสินใจจะปิดกั้นพื้นที่โดยรอบให้เป็นเขตเฝ้าระวัง กลัวเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น」
ตามคำแนะนำเขตการปกครองนั้นเปรียบเหมือนมันสมองของอาคาร์ซัม การปิดหนึ่งในสี่ของสถาบันแม้ว่าจะชั่วคราวก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่าวิโทร่าเป็นตัวตนอันตรายมากแค่ไหน
「สถานะของเมืองไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่เบื้องหลังนี่คงจะโกลาหลกันแน่ๆ」
「คู่ต่อสู้คือแวมไพร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นประเทศที่มีอำนาจการปกครองพิเศษ ยึดความแข็งแกร่งเป็นหลักและคฤหาสน์ในเขตที่เจ้าหญิงวิโทร่าพักอยู่จะเป็นสถานที่ต้องห้ามด้วย」
ฟีโอพูดและทอมอธิบายต่อ
ด้วยความก้าวหน้าในการสร้างอาคาร์ซัมและการวิจัยทุกสาขา จึงมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแวมไพร์
หนึ่งในนั้นคือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแวมไพร์ที่ว่าแวมไพร์ไม่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดได้
ในตอนแรกหากเปลี่ยนศัตรูที่ดูดเลือดกลายเป็นสัตว์ประหลาดก็จะไม่มีแหล่งผลิตเลือดให้เขากินอีกแล้ว
「แล้วทำไมถึงพูดเรื่องการให้คนเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาด?」
「หลายสิ่งหลายอย่าเงปลี่ยนไปมาก เหตุผลหลักก็คือแวมไพร์ที่เปลี่ยนผู้คนหให้เป็นสัตว์ประหลาด แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นๆก็ดูเอา……」
ตอนที่ไปที่สถาบันกลอรัมว์และตรวจสอบ ทอมพูดพร้อมหยิบกระดาษวิจัยให้มาร์
ทั้งสองคนหยิบกองกระดาษเสนอให้พวกเขาและอ่านเนื้อหาอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากทอมคัดลอกมามันเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับแวมไพร์
「เมื่อแวมไพร์เปลี่ยนคนให้เป็นพันธมิตรก็จะไม่สามารถดูดเลือดได้ แต่ถ้าเอาเลือดของพวกเขาให้อีกฝ่ายดื่มอีกฝ่ายจะกลายเป็นแวมไพร์」
「……งั้นเหรอ?」
「นี่คือปัญหาที่ว่า เพียงเพราะโดนดูดเลือดไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นแวมไพร์เป็นจริงที่มนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่กลายเป็นแวมไพร์ แต่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่จะไล่โจมตีผู้คนจนกว่าจะหมดแรง」
「กูลยังงั้นเหรอ……」
กูลหรือที่เรียกอีกอย่างว่าผีปอป จะทำให้คนที่โดนกินกลายเป็นปีศาจและทวีเพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด
กูลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทุกคนรังเกียจแม้จะเป็นตัวที่ไม่สมประกอบ แต่ดูเหมือนมันจะสืบทอดความสามารถของแวมไพร์ และมันจะไม่หยุดเพียงเพราะแขนขาหายไป
วิธีเดียวที่จะฆ่าพวกมันคือการบดขยี้ศีรษะ ทำลายหัวใจ เผาทั้งร่างด้วยไฟ หรือให้พวกมันโดนแสงแดด อย่างไรก็ตาม ร่างกายที่เสริมความแข็.แกร่งในฐานะแวมไพร์ ไม่สามารถที่จะทำลายได้ง่ายๆ และเป็นการยากที่จะต้านทานคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถทางกายภาพที่เหนือกว่า
นอกจากนี้พวกกูลยังมีพลังแรงค์ B
หากเป็นแรงค์ B คนธรรมดาทั่วไปสู้ไม่ไหวแน่ และบุคคลที่เป็นกูลหากมีแรงค์สูงความสามารถก็จะสูงตามไปด้วย
หากทหารตามปกติมีแรงค์ D และความแข็งแกร่งของทหารที่มีประสบการณ์อยู่ที่แรงค์ C มันก็พอคาดเดาได้ง่ายๆเลย
หากสัตว์ประหลาดดังกล่าวถูกปลดปล่อยกลางเมืองพลเรือนที่เต็มไปด้วยความเปราะบางเต็มไปด้วยผู้คนที่รออยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็น
「เข้าใจว่ากูลเป็นที่มาความรังเกียจของแวมไพร์ แต่กูลนั่นก็เป็นอันตรายต่อตัวแวมไพร์เองด้วยใช่ไหม? ถ้าพวกนั้นมันอันตรายทำไมแวมไพร์ถึงไม่ทำลายกูลที่ตัวเองสร้างขึ้นมาล่ะ?」
ข้อสงสัยของมาร์นั้นสมเหตุสมผล เมื่อกูลอาละวาด ความผิดก็ต้องโทษที่แวมไพร์ และในความเป็นจริงก็ใช้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ในการกีดกันพวกแวมไพร์
ส่งผลให้แวมไพร์ลดจำนวนลงอย่างมาก ไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศเล็กๆที่มีอากาศหนาวจัดได้ หากต้องการแค่ดูดเลือด มันจะต้องไม่มีผลต่อทั้งแวมไพร์และคนที่ถูกดูด หากเป็นกรณีนี้ แวมไพร์คงไม่โดนกดขี่ข่มเหงมากเท่าทุกวันนี้
นอกจากทอมแล้วฟีโอยังช่วยอธิบาย
「ขณะที่สำรวจตำแหน่งที่ตั้งของเหล่าแวมไพร์ ก็พบสิ่งแปลกประหลาดมากมายบ่อยครั้ง แม้ว่าพวกกูลจะถูกกำจัด แต่แวมไพร์ดั้งเดิมก็ไม่เคยหนี」
「นอกจากนี้แวมไพร์ที่เมาเลือดและอาละวาดก็มี อย่างไรก็ตามหากแวมไพร์แบบนั้นปรากฏตัวขึ้นแวมไพร์ที่ตายไปก็จะทำให้กูลตายไปด้วย」
「นอกจากนี้ยังมีกรณีที่แวมไพร์ที่เป็นคนแพร่เชื้อฆ่าตัวตาย หมายความว่าครึ่งหนึ่งก็สามารถควบคุมได้เช่นกัน」
「กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีสินะ……」
「ก็ประมาณนั้นล่ะหากแวมไพร์ตนไหนเผลอสร้างกูลขึ้นมาก็เต็มใจที่จะตายด้วยตัวเอง และนั่นทำให้พวกเราต้องมองพวกแวมไพร์ใหม่」
ความกลัวต่อแวมไพร์ที่มาจากความสับสนระหว่างโศกนาฏกรรมของแวมไพร์ที่เมาเลือดจนให้กำเนิดกูล กับแวมไพร์ที่ห่วงใยคนธรรมดา
เมื่อทอมและฟีโออธิบายเสร็จ พวกเขาก็ยืดหลัง
หากมองใกล้ๆจะเห็นว่าทอมและฟีโอมีรอยคล้ำใต้ตา บางทีอาจจะอดหลับอดนอนเพื่อสืบเรื่องนี้
(TN:คนแปลก็อดหลับอดนอนเหมือนกันช่วงนี้ นอนไม่หลับ)
「แต่ทำวิจัยมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ」
「ถึงจะบอกว่าของในห้องสมุดมันล้าสมัย ดังนั้นก็เลยไปที่สถาบันวิจัยโดยตรงและขอให้พวกเขาโชว์ข้อมูลให้ดู เดิมทีก็ตั้งใจจะตีพิมพ์ เลยสามารถดูเนื้อหาได้ทันที」
「อย่างไรก็ตามเอาออกมาไม่ได้ก็เลยต้องคัดลอกออกมาแทน」
เมื่อธิบายเรื่องที่ตรวจสอบเสร็จแล้วทอมก็หันไปหาแขนขวาของมาร์ที่พันผ้าพันแผล
「แล้วแขนของนายล่ะ?」
「ก็ไม่เท่าไหร่ เริ่มเจ็บน้อยลงแล้ว」
「แต่ว่าใช้เวลานานนะกว่ากระดูกจะกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้นพักผ่อนบ้าง」
「โอ้ เข้าใจแล้ว ตราบใดที่พักได้ก็จะพัก」
ทอมยิ้มอย่างขมขื่นใส่มาร์ที่ตบแขนขวาที่พันผ้าพันแผลด้วยมือซ้าย
ในทางกลับกันฟีโอเป็นห่วงกับสถานะทั้งสองคน
เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าพวกเขามีความอยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติก็เริ่มกังวล
「อืม? มาร์ ขอให้ทอมทำอะไรมาเหรอ?」
「ก็ทดลองเล็กๆน้อยๆ ถ้าเป็นไปได้ด้วยดีก็จะดีมากเลยล่ะ……」
「เหหหหหหหหหห……」
ฟีโอมองด้วยความสงสัย ดวงตาของเขาเบิกกว้างและมาร์เองก็ตอบกลับ
ในขณะเดียวกันทอมจ้องมองไปที่ถนนกลาง นี่คือถนนที่ทอมและคนอื่นๆเดินผ่านมา แต่ก็เป็นถนนที่นำพาไปสู่หอพักหญิงด้วย
「ถึงเวลาแล้วนะมิมูรุและซีน่าช้าจัง……」
ทอมกังวลถึงแฟนสาวของเขาที่ยังไม่มาสักที
เป็นห่วงมากๆเพราะเธอมักจะเป็นคนแรกๆที่มาถึงก่อนเสมอ
แต่ไม่นานหลังจากที่เขาพูดเช่นนั้น ก็มีใครบางคนโผล่มาจากอีกฝากของถนน
ทอมยกมือขึ้นให้กับมิมูรุที่ปรากฏตัว
「นี่ ผมอยู่นี่…………เอ๊ะ?」
แต่แล้วคิ้วก็ขมวด
สีหน้าของมิมูรุมืดมนขณะเดินมา แม้ว่าฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามา แต่สีหน้านั้นก็มืดมนเกินไป บรรยากาศของเธอนั้นตึงเครียดผิดจากปกติ
「มิ มิมูรุ เกิดอะไรขึ้น ? แล้วซีน่าล่ะ?」
「ซีน่าดูเหมือนเธอจะลาหยุดวันนี้……」
「ลาหยุดเหรอ? เกิดอะไรขึ้น!?」
ทอมรีบไปหาคนรักของเขาด้วยความเป็นห่วง ท่าทางของเธอเปลี่ยนไปมาก
เขาคว้าไหล่ของเธอและพยายามมองหน้าเธอ แต่เธอก็หลบสายตา
ในขณะนั้นเสียงร่าเริงนั้นดังขึ้นตรงกันข้ามกับบรรยากาศอันมืดมน
「ยัตต้า~! อรุณสวัสดิ์ทุกคน」
「ลิซ่าและคามิลล่าเหรอ」
「อรุณสวัสดิ์ ทำไมบรรยากาศมืดมนจัง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?」
ลิซ่าและคามิลล่ามาถึง
เสียงของลิซ่าโบกมือขณะส่ายผมสีแดงทำให้มิมูรุที่กำลังก้มหน้าลง เงยหน้าขึ้น
ดวงตาของทอมเบิกกว้างเมื่อเห็นมิมูรุที่กำลังโกรธจัด
ในทางกลับกันลิซ่าขมวดคิ้วและยิ้มยั่วยุต่อมิมูรุและสาวเอลฟ์ที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
「หืม หืม ซีน่าหยุดงั้นเหรอคะเนี่ย? ดูเหมือนจะไม่สบายสินะคะ?」
「คิดว่าเป็นความผิดของใครล่ะ……」
คำยั่วยุที่ดังขึ้น บทสนทนาของลิซ่าที่ไม่พยายามปกปิดตัวตนทำให้ทอมยิ่งสับสนและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคน
เช่นเดียวกับคามิลล่าที่อยู่ถัดจากลิซ่า
「เอ่อ บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกันคะเนี่ย……」
เธอสับสนท่าทางระหว่างลิซ่าและมิมูรุซึ่งจู่ๆก็เริ่มสร้างบรรยากาศตึงเครียด และสายตาของเธอก็จ้องมองระหว่างพวกเธอ
เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่สับสนของทอมและคนอื่นๆลิซ่าจึงถอนรอยยิ้มยั่วยุบนใบหน้าและยักไหล่
「ไม่ต้องมองกันตาเขม็งแบบนั้นก็ได้ เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ฉันเองก็ไม่อยากยอมแพ้กับเรื่องในครั้งนี้หรอกนะ และฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่ฉันก็กังวลและเป็นห่วงเธอนะ……」
ซึ่งแตกต่างจากลิซ่าที่ถอนความเป็นปรปักษ์ต่อมิมูรุไม่ผ่อนคลายบรรยากาศ
แต่เธอกัดฟันแน่นและเผยเขี้ยวที่แหลมคมของเธอในขณะที่โจมตีลิซ่าด้วยความเป็นปรปักษ์ยิ่งขึ้น
「ไม่เป็นไร ยิ่งไปกว่านั้น ทอม ฉันมีบางอย่างที่อยากจะขอ ช่วยใช้เวทย์นั้นกับดาบนี้ได้ไหม?」
「อีกรอบงั้นเหรอ แต่มันไม่ใช่เวทย์ธรรมดานะ?」
「ขอร้องล่ะ ได้โปรด!」
「อ่าจะไม่เป็นไรงั้นเหรอ……..เอ๊ะ!?」
เมื่อรู้สึกว่ามิมูรุไม่ยอมฟัง ลิซ่าจึงหันมามองทอมอย่างกะทันหันและเริ่มถามเกี่ยวกับเวทย์ดาบเพลิง
ลิซ่าโน้มตัวไปข้างหน้าและก้มศีรษะพร้อมประสานมือต่อหน้าเขา และทอมก็เผลอตกลง แต่มิมูรุก็เข้ามาจากด้านหลัง
「อยู่ห่างๆจากทอมเลยนะ」
มิมูรุจ้องมองด้วยความเป็นปรปักษ์และความระมัดระวัง และลิซ่าก็เริ่มปวดหัว ดังนั้นเธอจึงเอานิ้วไปชี้ไปที่ขมับพร้อมกับครุ่นคิด
「โถ่วเอ้ยจะต้องเล่าจริงๆใช่ไหมเนี่ย………ฉันน่ะรักโนโซมุจริงๆนะ และทอมเองก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งเลย แต่ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ แต่เรื่องในครั้งนี้เองฉันก็ยอมแพ้ไม่ได้ แต่ฉันไม่ได้มีความโกรธแค้นต่อซีน่าเลย ถ้าเดินหมากไม่ดี มันก็จะมีปัญหาเอาน่ะสิ……」
「นี่ นี่ มิมูรุเกิดอะไรขึ้น……..ว๊ากกกกก!」
โดยไม่ตอบข้อโต้แย้งของลิซ่าหรือคำถามของทอม มิมูรุรีบเข้าไปในป่าของสวนสาธารณะกลาง พร้อมกับคนรักของเธอ
เสียงกรีดร้องของทอมที่ได้ยินผ่านช่องว่างบนต้นไม้จางหายไปอย่างรวดเร็ว
「เอ่อ….มันดูเลยเถิดไปหน่อยแล้ว……」
ขณะที่ทุกคนยกเว้นลิซ่ารวมถึงมาร์ต่างตกตะลึง ลิซ่าเอามือก่ายหน้าผากและเงยหน้ามองท้องฟ้า
「นี่ นี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? เกิดอะไรขึ้นระหว่างซีน่าและมิมูรุ……」
「อ๋อ เรื่องนั้นเหรอ? จริงๆแล้วฉันก็สารภาพรักกับโนโซมุอีกครั้งน่ะสิ ก็คนมันรักจะอดกลั้นไว้ทำไมจริงไหม?」
「……เอ๋?」
「เอออออออออออออ๋!?」
「โฮะโฮะ~~!」
ลิซ่าเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการออกเดทของเธอกับโนโซมุอย่างมีความสุข(เฉพาะตัวเอง)
มาร์ ทิม่า และ คามิลล่า ต่างก็ตกใจ ในขณะที่ฟีโอมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
บังเอิญพบกันที่ร้านช่างตีเหล็กดังนั้นเลยออกไปในเมืองกับเขา(ลากไปรอบๆ)ได้ทานขนมด้วยกัน(ค่าตอบแทนสำหรับช่วยหาของ)และสารภาพรักอย่างดูดดื่มอย่างใกล้ชิดกับเขา
มาร์และทิม่ารู้สึกว่ามีคำศัพท์แปลกๆอยู่เบื้องหลังคำพูดที่มีความสุข แต่ในขณะเดียวกันก็ส่ายหัวและกำลังงงกับคำพูดเหล่านั้น
「จากนั้น ซีน่าและมิมูรุก็มาเห็นฉากสวีทระหว่างฉันกับโนโซมุ……」
「ไม่ ไม่ คนที่เป็นคนสารภาพรักก็คือเธอไม่ใช่เหรอ……」
「ช่วยไม่ได้ทั้งไอริสและซีน่าค่อนข้างรักนวลสงวนตัว และดูเหมือนโนโซมุเองก็อึดอัดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะแทรกกลางระหว่างทั้งสาม」
รอยแตกร้าวเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอกล่าวเช่นนั้น พร้อมกับยักไหล่และแลบลิ้นออกมา
ลิซ่าพูดอย่างไม่สนใจ ขณะที่คนรอบข้างพูดอะไรไม่ออก
หลังจากฟื้นตัวได้แล้ว เธอก็กลับมาร่าเริงอย่างมาก และแม้ว่าจะสงสัยว่านี่คือลิซ่าจริงๆงั้นเหรอ แต่ในที่สุดก็ตระหนักได้แล้วว่าเธอเป็นคนที่ลงมือทำมากกว่าพูด
ในทางกลับกันฟีโอมีแนวโน้มที่จะเป็นศัตรูของมิมูรุ ไม่ว่าลิซ่าพยายามจะขัดจังหวะให้มากแค่ไหน แต่ดูเหมือนซีน่าก็ไม่ยอมรุกหนักขึ้นสักที
「สารภาพรักเหรอ……เฮ้อศัตรูของมิมูรุนี่เกินความคาดหมายจริงๆ แล้วมิมูรุจะเอายังไงล่ะทีนี้~~」
「อืม หลังจากนั้นฉันก็ชวนโนโซมุเข้าโรงแรมหากเขามีอารมณ์อยากจะทำ~~และฉันก็พยายามจูบโนโซมุและพาเขาไปพร้อมกับบรรยากาศที่เป็นใจ……」
「พะพร้อมทำเรื่องอย่างว่างั้นเหรอ~~~!?」
คำพูดของลิซ่าทำให้ทิม่ากรีดร้องออกมา มาร์ที่อยู่ข้างๆเองก็อ้าปากค้าง
ในทางกลับกันฟีโอพยักหน้าราวกับว่าเขาเข้าใจแล้ว
「ขณะที่กำลังจะจูบอยู่นั่นเองก็สังเกตเห็นซีน่าและมิมูรุกำลังแอบดูอยู่น่ะสิ เสียอารมณ์หมดเลยใช่ไหม?」
「อืม กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยแต่ถ้าพาโนโซมุเข้าโรงแรมระหว่างที่ซีน่ามองอยู่คงจะทำร้ายความรู้สึกมากๆเลย……」
ถ้าไม่มีใครแอบมองอยู่ละก็ลิซ่าบอกว่าคงเสร็จนางไปแล้ว และในขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ฟีโอก็เหลือบมองทิม่าที่กรีดร้อง
มีทิม่าที่จินตนาการเกี่ยวกับเรื่องระหว่างทั้งสองคน ในขณะที่ใบหน้าแดงจนเหมือนปลาหมึกต้ม
「มะมะมะมะโดนแอบดูงั้นเหรอ ! ว้าว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เฮือก」
「อะ เฮ้ ! ใจเย็น!」
มาร์ที่อยู่ข้างๆทิม่ากำลังประคองร่างเธอที่ทรุดลง
「หลังจากนั้นซีน่าก็ต่อว่าและโวยวายใส่ และเธอก็รู้สึกหดหู่………จากนั้นก็ซึมไปเลย เรื่องนี้ดูเหมือนจะไปแทงใจดำซีน่าสินะ~」
「หมายความว่าไง?」
มาร์ที่ซัพพอร์ตทิม่าอยู่ แต่ลิซ่าก็ได้แต่ยักไหล่ราวกับว่าไม่รู้รายละเอียดมากนัก
「หืม ซีน่าเองก็พอรู้อยู่หรอก ถ้าไปถามมิมูรุก็จะเข้าใจเอง แล้วโนโซมุอยู่ไหนล่ะ?」
「เอ๋ หมายความว่ายังไงกันแน่?」
「โนโซมุไม่ได้กลับหอพักตั้งแต่เมื่อวานด้วยซ้ำ เจ้าหญิงผมแดงได้ทำอะไรบางอย่างกับโนโซมุใช่ไหม? นั่นแหละคือสาเหตุหุหุ~~」
「อ๋อ นั่นสินะ ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากเกินไป ดังนั้นจึงแนะนำให้เขาพยายามทำหัวให้โล่ง……」
「เหหห….. แบบนั้นก็เรื่องใหญ่เลยน่ะสิ โนโซมุเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อยซะด้วยการจะทำให้เขาสมองโล่งได้นี่ลำบากน่าดูเลยนะ」
「ถ้าเป็นเขา คงจะฝึกดาบอยู่ที่ป่านั่นแหละ แน่ใจว่ากำลังเหวี่ยงดาบตามคำแนะนำ สถานที่น่าจะอยู่แถวนั้นล่ะ」
จากด้านข้างฟีโอ มาร์เริ่มคิด
เขารู้จักโนโซมุมาหนึ่งปีกว่าแล้ว เป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าจุดหมายปลายทางของโนโซมุคือกระท่อมของอาจารย์เขา
เพื่อตอบสนองต่อมาร์ ฟีโอเองก็พยักหน้าขณะที่บอก「เข้าใจแล้ว~」
「พวกสมองกล้ามล่ะ~」
「เหมือนกับต้นกำเนิดของเขา ฉันเองก็อยากรู้เรื่องราวของซีน่าและไอริส……」
สีหน้าของมาร์ยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่เฝ้ามองการกระทำของโนโซมุ
「จริงจังสินะเรื่องนี้」
「อืม ฉันเองก็รู้สึกแย่เหมือนกันนะในสถานการณ์แบบนี้?」
「ใช่ รู้สึกได้เลยว่ามีบรรยากาศไม่ชอบมาพากลกำลังคุกรุ่นในเงามืด」
ความรู้สึกวิตกกังวลนั้นมากขึ้นตั้งแต่เทศกาลเปิดสถาบัน ลางสังหรณ์ของความวุ่นวายที่ฝังแน่นยิ่งกว่าที่ผ่านมาหรือมากกว่านั้นอยู่ในใจของฟีโอและมาร์
「เดี๋ยวจะปรึกษาทอมกับมิมูรุก่อน ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะ……」
ขณะที่มาร์กำลังจะปลุกทิม่าที่สลบ ทอมและมิมูรุก็กลับมาหลังจากหายไปในป่า
「โอ้ ดูเหมือนจะกลับมากันแล้วสินะ…….เฮ้ย」
「ฮึกฮึก กระซิก กระซิก……」
ด้วยน้ำตาตลอ มาร์พูดไม่ออกเมื่อเห็นมิมูรุจูงมือทอมกลับมา
มิมูรุที่มักจะร่าเริงและมีชีวิตชีวาเหมือนกับม้ากำลังร้องไห้ และไม่เพียงแค่มาร์เท่านั้น ฟีโอและลิซ่าเองก็เบิกตากว้าง
「ทุกคนฉันมีบางอย่างอยากจะบอก」
ทอมซึ่งดึงมือของมิมูรุกำลังอ้าปากด้วยสีหน้าอันขมขื่น
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หนักหน่วงมาร์และฟีโอก็รู้สึกว่าความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น
「เข้าใจแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องร้ายแรงกว่าที่คิด ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลาหยุดกันทั้งหมด」
เพื่อปลุกทิม่าที่เป็นลมและเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งกลุ่มก็เริ่มเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทางที่กำลังจะไป
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เรื่องราวย้อนกลับไปเล็กน้อยหลังจากทอมถูกมิมูรุลากเข้ามาในพุ่ม เขาถูกกอดไว้ในอ้อมแขนของเธอ แต่เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการทำแบบนี้
「เอะ เอะ เฮ้ มิมูรุ หยุดก่อน!」
ในขณะที่มิมูรุกำลังวิ่งผ่านเข้าไปในป่าของสวนสาธารณะกลาง ทอมก็พยายามให้เธอหยุด แต่เหมือนมิมูรุจะไม่ยอมหยุดเลย
ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะทุกข์ใจอย่างมาก
ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดผ่านใบไม้ที่พัดผ่านแก้ม ทอมยังคงเรียกมิมูรุต่อไป
「เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ ว๊ากก!」
ในขณะที่มิมูรุหยุดอย่างกะทันหัน ทอมก็เผลอกรีดร้องออกมา อากาศในปอดออกไปทันที และทอมก็ไอออกมา
ในขณะนั้นมิมูรุยืนนิ่ง ทรุดตัวลงกับพื้นราวกับว่าเขาหมดแรง
ร่างของทอมก็ทรุดลงและทั้งมองคนก็กอดกัน
「……มิมูรุ」
「…………」
มิมูรุกอดแรงขึ้นกว่าเดิม
ในอ้อมกอดที่รู้สึกเจ็บปวดนี้ เขารู้ดีว่าเธอโกรธมากแค่ไหน พร้อมกับลมหายใจอันรุนแรงที่ลูบไล้ต้นคอ มิมูรุเริ่มสั่น
เธอกำลังร้องไห้
ทอมรู้สึกถึงคนรักของเธอที่กำลังร้องไห้และค่อยๆใช้มือขวาเพื่อปลอบโยนคนรักของเขาและลูบหัวมิมูรุ ในขณะที่กอดเธอเอาไว้
「ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร……」
พร้อมกับปลอบเธอความตึงเครียดของมิมูรุค่อยๆจางลง
ทอมเห็นแขนขอมิมูรุที่ผ่อนคลายลง และเธอก็เริ่มหันหลังให้กับทอม
เธอที่มักจะสดใสและร่าเริง และดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาในตอนนี้
「ทอม ฉัน ฉัน ฉันควรทำยังไงดีล่ะ?」
「เกิดอะไรขึ้น?」
เช็ดน้ำตาที่ไหลเหมือนกับเขื่อน ทอมฟังเรื่องราวของมิมูรุ
「ซีน่าจากไปแล้ว」
ทอมขมวดคิ้วกับคำพูดของมิมูรุซึ่งเธอเริ่มพูดถึง
สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ
ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นไม่มีภาพประกอบเพราะโดดดูดไปลงนั่นเอง
Comments