[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 152 บทที่ 8 9
บทที่ 8 ตอนที่ 9
เมื่อโนโซมุนำอาหารมาส่งที่ห้องของวิคเตอร์ก็เจอมาดามพัลรีนยื่นเครื่องดื่มให้กับเขา
ตอนนี้เขาถือถ้วยแก้วที่ถูกตกแต่งเอาไว้ในมือ
ถ้วยแก้วที่สามารถบอกได้ว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ทำโดยช่างฝีมือ โนโซมุกังวลเกี่ยวกับวิคเตอร์ที่ลงไปหมอบกราบตรงหน้ามาดามพัลรีนมากกว่า
「ฮึก……ฮึก ……ฮึก……」
สำหรับโนโซมุแล้วสภาพวิคเตอร์ตอนนี้ดูไม่ได้เลย
โดยเฉพาะตามปกติแล้วโนโซมุจะเห็นวิคเตอร์มีท่าทีสง่างามและมีมารยาท แถมยังเข้มงวด แต่สภาพตอนนี้คือสภาพเมาหัวทิ่มเลย
มาดามพัลรีนต่างจากโนโซมุที่กำลังตกตะลึงมองเขาพร้อมกับถอนหายใจ
「เฮ้ นี่เธอจะทำสีหน้าแบบนั้นอีกนานแค่ไหน? สภาพแบบนั้นมันดูไม่ได้เลยนะ?」
「อย่ามาพูดน่า ถ้าข้าโมโหเดี๋ยวก็เรียกพวกทหารมาจับซะเลยーーー!」
ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาซึ่งเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกที่เต็มโต๊ะ วิคเตอร์โวยวาย
ดูเหมือนว่าเขาจะเซ็งมากที่โดนลูกสาวจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อเห็นเขาเจ็บปวดทรมานขนาดนี้ โนโซมุก็เสียใจ
แต่ว่ามันเป็นความผิดในอดีตของเขาและเป็นความผิดของเขาเองโดยสิ้นเชิง โนโซมุจึงหาทางช่วยไม่ได้
(ที่วิคเตอร์เป็นแบบนี้เพราะคงให้ความสำคัญกับเหล่าลูกสาวมากๆ……)
ความผิดหวังเป็นอารมณ์มักจะเกิดขึ้นหากไม่เป็นไปตามที่หวังไว้
สำหรับไอริสและโซเมียที่สูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาจึงมีความสำคัญต่อพวกเธอมาก
แน่นอนว่าพวกเธอชื่นชมเขาอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเธอถึงมองแรงกับประวัติศาสตร์อันดำมืดของพ่อเธอ
「เอ่อ ท่านวิคเตอร์ ไม่เป็นไรหรอกนะ? ไม่คิดว่าไอริสและโซเมียจะไม่ชอบคุณจริงๆหรอกนะ แค่ว่าพวกเธอสับสนหลังจากได้ยินเรื่องราวที่ไม่คาดคิดแบบนั้น」
「เอ๊ะจริงเหรอ?」
「ใช่แล้ว ดังนั้นต้องเป็นพ่อที่เข้มแข็งและดีต่อหน้าพวกเขา……」
「จากประสบการณ์ของฉันนะคะ ลูกสาวในวัยนั้นต้องการแยกจากพ่อ……」
「ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」
「คุณมีน่า!」
「ขอโทษนะคะ ฉันก็แค่พูดความจริง……」
จะจบสวยอยู่แล้ว แต่มีน่าก็เอามีดจิ้มหลังใส่วิคเตอร์ และแทงกรีดหัวใจเขา
อึ๊บ ! มีน่าเอามือปิดปากของเธอ แต่มันสายเกินไปแล้ว วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกับนั่งเฝ้าพระอินทร์ไปแล้ว
「อืมลูกสาวต้องเกลียดข้าแน่ๆ….ถ้าไม่มีลูกสาวข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แน่……」
「โอ้ย ผู้ชายอะไรน่าหมั่นไส้ชะมัด นี่ พ่อหนุ่มมัวทำอะไรอยู่ มาดื่มกันดีกว่า ปล่อยตาแก่นี่ไปเหอะ」
「ครับ ! ……」
มาดามพัลรีนรินสาเกลงในแก้วของโนโซมุ ปล่อยวิคเตอร์ไว้ตามลำพังขณะที่เขากำลังล่องลอยเหมือนวิญญาณออกจากร่าง
สิ่งที่เทลงไปคือไวน์สีเหลืองอำพันซึ่งแตกต่างจากไวน์ที่มาดามดื่ม
นอกจากกลิ่นไม้ที่เข้มข้นแล้ว จมูกของโนโซมุยังได้กลิ่นเหล้าหึ่งเลย
โนโซมุอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับวิคเตอร์ที่กำลังตายอยู่ข้างๆเขา
แต่ไม่สามารถเพิกเฉยต่อคำกระตุ้นของมาดามพัลรีนได้ โนโซมุจึงกระดกเข้าไปรวดเดียว
ในเวลาเดียวกันความร้อนที่แผดเผาก็เข้าโจมตีลำคอของโนโซมุ
โนโซมุอดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมาเพราะกลิ่นที่แรงกระทบจมูกและแรงกระตุ้นจากเหล้าที่ทำให้อวัยวะถูกเผาไหม้
「แค่ก แค่ก!」
「อ๊ะ เหล้าของวิคเตอร์คงจะแรงเกินไปสินะ」
「แค่ก แค่ก มันเป็นเหล้าแบบไหนกันครับเนี่ย」
「เป็นเหล้าที่หมักจากข้าวบาร์เลย์และกลั่นออกมา มันค่อนข้างแรงหากเทียบกับไวน์ผลไม้ ดังนั้นห้ามดิ่มรวดเดียวหมดแก้ว……」
「ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะเอาอะไรแบบนี้ให้เด็กอย่างผมดื่ม……」
「แต่ว่านายเป็นคนดื่มหมดแก้วเองนะ? ไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อย」
ต่อหน้าโนโซมุที่กำลังสะอื้น มาดามพัลรีนถอนหายใจ แต่ก็ยิ้มออกมา
ในฐานะที่เป็นมาดาม เธอคิดว่าโนโซมุจะค่อยๆจิบมัน แต่น่าตกใจที่เขาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
「ท่านโนโซมุ เชิญรับสิ่งนี้ไปด้วยค่ะ」
「เอ่อขอบคุณมากครับ……」
โนโซมุค่อยๆจิบน้ำที่มีน่ายื่นมาให้เขา
โนโซมุรู้สึกโล่งคอเมื่อเห็นว่าน้ำเย็นช่วยระบายความร้อนในลำคอที่ลุกไหม้ได้
ในทางกลับกัน มาดามพัลรีนหันไปหามีน่าซึ่งยื่นอยู่ข้างๆโนโซมุ และยื่นแก้วเปล่าให้เธอ
「มีน่า เธอเองก็มาดื่มด้วยกันสิ」
「ไม่ได้ค่ะ ดิฉันเป็นเมด ไม่สามารถร่วมโต๊ะกับเหล่านายท่านได้……」
「แต่ว่าเธอกับฉันก็เหมือนเพื่อนสนิทกัน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสถานะหรอกนะ ก่อนอื่นเลยตอนที่เราสองคนพบกันฉันมีฐานะต่ำกว่าเธออีกนะ」
「เอ่อคือ……เข้าใจแล้วค่ะ ให้ตายสิมาเธอร์แรงใช่เล่นเลยนะคะ……」
มาดามพัลรีนที่ถูกเรียกว่ามาเธอร์ยิ้มกว้าง
มีน่าถอนหายใจและนั่งลงข้างมาดามพัลรีน อย่างไม่เต็มใจ
มาดามพัลรีนเทไวน์ลงในแก้วของมีน่าด้วยมือของเธอและมีน่าเองก็ค่อยๆจิบมัน
โนโซมุเบิกตากว้างเมื่อเห็นท่าทางผ่อนคลายที่สนิทกับมาดามพัลรีนเหมือนกับเพื่อนแถมยังยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
เห็นได้ชัดเลยว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนเก่ากัน นอกจากนี้ยังสนิทกันมากๆ
ในเวลานั้นโนโซมุจำได้ว่าไอริสเล่าให้ฟังมีน่าและวิคเตอร์เป็นเพื่อนเก่ากันในสถาบัน
「แด่เพื่อนสนิทที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง คัมปาย……」
「คัมปาย……」
จากนั้นทั้งสองคนก็ชนแก้วและดื่มไวน์
ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม ผมถอนหายใจกับสถานการณ์ที่นุ่มนวลในตอนนี้
「นานแล้วนะที่พวกเราไม่ได้ดื่มด้วยกันสองคนแบบนี้ สามปีได้แล้วมั้ง?」
「ถ้าให้พูดตรงๆ คือ สามปี สองเดือน สิบสามวันค่ะ」
「แม้ว่าฉันจะพยายามจะชวน แต่มีน่าก็ไม่ยอมอ่อนข้อเลยนี่……」
「ไม่จริงหรอกค่ะ อย่างที่ฉันบอกตอนนี้ฉันเป็นเมดแล้วก็เลยทำให้ไปพบปะกับคุณไม่ได้……」
บางทีอาจนึกถึงช่วงเวลาที่คำเชิญของเธอถูกปฏิเสธ มาดามพัลรีนเม้มริมฝีปากและดูไม่พอใจ
ในขณะเดียวกันมีน่า ก็เทไวน์ลงในแก้วเปล่าของมาดามพัลรีนพร้อมรอยยิ้มเสียใจบนใบหน้าเธอ
จากนั้นเธอก็หยิบขวดคืนมีน่า แล้วหยิบชีสชิ้นหนึ่งจากจานตรงหน้าเธอแล้วนำเข้าปากของเธอ
「เดิมทีเธอน่าจะได้รับรางวัลผู้นำแห่งเมอร์ริสแทนไอ้หมอนั่น……」
「ก็ช่วยไม่ได้นี่น่า มันไม่มีทางอื่นเลย」
มาดามเคี้ยวชีสจนรู้สึกไม่สบายใจ ดูเหมือนเขาจะโกรธมาก เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
ในทางกลับกัน มีน่า บุคคลที่ถูกสงสัยยังคงยิ้มอย่างสงบความเฉียบแหลมตามปกติลดลงและแสดงเสน่ห์วัยสาวให้เห็น
「นอกจากนี้ดิฉันชอบชีวิตในตอนนี้ค่ะ นายท่านเองก็สบายดี และการได้เห็นสาวๆเติบโตทำให้ฉันมีความสุขจริงค่ะ」
「เมื่อได้ยินว่าเธอที่ถูกไล่ออกจากหน่วยอัศวิน และวิคเตอร์รับเธอมาก็คิดว่าจะรับมาเป็นภรรยาคนที่สองซะอีก……」
「หลังจากได้รับการจ้างจากตระกูลฟรานซิส ก็บุกเข้าไปในบ้านพักหลักเลยค่ะ……」
「ก็ช่วยไม่ได้นี่น่า เพราะเพื่อนสนิทของเธอผู้เก่งรอบด้านเองก็เกือบจะสู่ขิตเพราะหน่วยลอบสังหารนั่นนะ」
ฟังดูโหดร้ายนะ
ผู้เก่งรอบด้าน(口八丁手八丁)น่าจะหมายถึงวิคเตอร์นั่นแหละ
เมื่อได้ยินคำพูดของมาดามพัลรีน ร่างของวิคเตอร์ที่กำลังห้อยศีรษะอยู่ก็สะดุ้ง เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ข้ามแม่น้ำไป
「เรื่องนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้นายท่านของดิฉันรักเดียวใจเดียวคือท่านฟีลาน่าค่ะ」
「ตั้งแต่ตกหลุมรักฟีลาน่าสินะ」
「อืม ค่ะ」
ผู้หญิงทั้งสองยิ้มอย่างไม่แยแสขณะนึกถึงความทรงจำที่คิดถึง
ในบรรยากาศที่คนอื่นๆท้อใจจากแลกเปลี่ยนกันของมีน่าและมาดาม
ในทางกลับกันโนโซมุโดนทิ้งเอาไว้
ทั้งสองคนที่เหมือนผู้ใหญ่พูดคุยกัน ไม่มีทางที่นักเรียนชายจะไปแทรกได้
โนโซมุรู้สึกว่าเขาอยู่อีกด้านหนึ่งของกระจกขณะที่ซดคราบในแก้ว
「เอ่อ ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์แบบไหนเหรอครับ?」
「โอ๊ะ ขอโทษนะพ่อหนุ่มน้อย พอดีฉันไม่ได้คุยเรื่องในอดีตมาสักพักแล้ว」
「ท่านโนโซมุ มาซาริเน็ตและดิฉันและท่านหญิงฟีลาน่า ผู้เป็นท่านแม่ของไอริส เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันในประเทศฟอร์ซิน่าค่ะ」
จากข้อมูลของมีน่า ประมาณ ยี่สิบปีที่แล้ว ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันก้าวข้ามสถานะทางสังคมของพวกเขา
「ฟีลาน่าซึ่งเป็นทายาทของเคานต์ ฉันซึ่งมาจากตระกูลขุนนางผู้มีเกียรติ และมาซาริเน็ตผู้ซึ่งได้รับการยอมรับจากสติปัญญาอันหลักแหลมของเธอโดยเคานต์พัลรีน แม้ว่าเธอจะเป็นคนธรรมดาสามัญ แม้ว่าสถานะทางสังคมและต้นกำเนิดพวกเราจะแตกต่างกัน แต่พวกเราก็สนิทกันมากค่ะ」
「หลังจากเรียนจบมีน่าที่เข้าไปอยู่ในกลุ่มอัศวินของประเทศฟอร์ซิน่า เธอมีทักษะมาก และเป็นมีน่าที่สอนวิชาดาบให้ ไอริสและวิคเตอร์ถึงวิธีการใช้ดาบ」
「มีน่าซังเหรอครับ?」
ขณะที่ส่งเสียงชื่นชม โนโซมุก็หันสายตาไปที่มีน่าซึ่งนั่งตรงกันข้าม
เธอทำท่าเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
「ทำให้ท่านโนโซมุได้เห็นในด้านที่ไม่ควรซะแล้วค่ะ……」
「พูดอะไรกัน แม้แต่หัวหน้าหน่วยอัศวินประจำราชวงศ์ ที่ท้าเธอดวลยังโดนเธอตบยับด้วยการใช้ดาบแค่มือเดียวเลยนี่
นอกจากนี้ ตอนที่ยังเป็นนักเรียน มีน่าเองก็หึงฟีลาน่ามากจนขนาดเอาดาบไล่จ้วงวิคเตอร์?」
มาดามพัลรีนกล่าวเช่นนั้น ว่าเธอเป็นคนที่แข็งกระด้างพอสมควร
「เอ๊ะ? แม้หลังจากจะเรียนจบแล้วเธอก็ยังคงนิสัยทอมบอยเชียวนะ」
ในทางกลับกันมีน่ายิ้มให้มาซาริเน็ต แล้วจ้องมองอย่างเย็นชาอีกครั้งและตอบโต้ว่า “การที่คุณแอบบุกเข้าบ้านหลักของนายท่านนั่นก็แย่พอๆกันเลยไม่ใช่เหรอคะ”
แต่ว่าในมุมมองของโนโซมุทั้งสองไม่ต่างกันเลย
สงสัยว่าในโลกนี้จะมีสามัญชนสักกี่คนที่ขึ้นไปเป็นขุนนางได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าตระกูลรึเปล่า
ประการแรกเป็นไปได้ไหมที่พวกเธอจะอาศัยอยู่ในประเทศเดิมในฐานะขุนนาง
ด้วยความสงสัยของโนโซมุ ก็ได้แต่ปล่อยมันเอาไว้ และทั้งสองคนยังคงสนุกกันต่อไป
สิ่งที่น่ากลัวคือผู้หญิง คำพูดเหล่านั้นเข้ามาในใจของโนโซมุ
「ลองคิดดูว่าต้องมีเส้นสายในรัชทายาทของฟอร์ซิน่ามากแค่ไหน?」
สติสัมปชัญญะของโนโซมุฟื้นคืนสู่ความเป็นจริงในทันทีโดยคำถามกะทันหันของมาดามพัลรีน
แม้ว่าโนโซมุจะไม่ได้มาจากประเทศฟอร์ซิน่า แต่เขามีความรู้เกี่ยวกับระบบชนชั้นทั่วไปอยู่บ้าง
「พูดกว้างๆกับขุนนางธรรมดากับขุนนางชั้นสูง สามารถเป็นเจ้าของอาณาเขตได้มากแค่ไหนกันล่ะ?……。
นอกจากนี้ส่วนใหญ่มันจะมีขุนนางชั้นสูงที่ได้สิทธิ์เป็นแค่ “เจ้าของตระกูล” เท่านั้นเอง」
ในประเทศฟอร์ซิน่า ไม่มีชนชั้นสูงที่มีรายละเอียด เช่น เคานต์หรือไวเคานต์ (ยศต่ำกว่าจะไม่มีสิทธิ์) ครอบครัวที่มีอำนาจมักถูกเรียกว่า “เจ้าของตระกูล”และมีความโดดเด่นในหมู่ชนชั้นสูง
ตระกูลฟรานซิส ตระกูลเฟบูรัน และตระกูลพัลรีน ได้รับการจัดให้เป็น “เจ้าของตระกูล”
「เข้าใจแล้ว คิดว่าคงต้องคุยกันสักหน่อย」
ผู้สืบทอดตำแหน่งดยุค
เป็นตำแหน่งที่ขุนนางดั้งเดิมที่ถือของในประเทศฟอร์ซิน่าและเป็นคำทั่วไปที่เรียกได้ว่าขุนนางตั้งแต่กำเนิด
หลายคนเป็นลูกหลานของผู้ก่อตั้งประเทศ และมักเรียกกันด้วย “ชื่อ-สกุล” เช่น ตระกูลฟรานซิส ตระกูลเฟบูรัน ตระกูลพัลรีน
โดยพื้นฐานแล้ว สถานะของผู้สืบทอดตำแหน่งเอิร์ลจะสืบทอดโดยหัวหน้าครอบครัว และครอบครัวรองสามารถสร้างครอบครัวใหม่ได้และสร้างสถานะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเอิร์ลได้ หากแจ้งให้กษัตริย์ทรงทราบ
ในทางกลับกัน อัศวินนักบุญ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามอัศวิน เป็นคำทั่วไปสำหรับผู้เข้าแคนดิเดตขุนนาง
เมื่อเปรียบเทียบกับทายาทแล้ว อำนาจของพวกเขามีจำกัดและโดยพื้นฐานแล้วมีเพียงรุ่นที่สามเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เรียกตัวเองว่าขุนนางชั้นสูง
(TN:คนที่ได้ตำแหน่งอัศวิน ต้องมีลูกผ่านไป 3 รุ่น ถึงจะได้ตำแหน่งขุนนางชั้นสูงมาครอง)
อย่างไรก็ตามหากรุ่นลูกรุ่นที่สามสามารถแสดงผลงานในฐานะอัศวินได้อีกครั้ง สถานะก็จะได้รับการปกป้องมากขึ้นไปอีก
「อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ผู้คนหยุดเรียกตัวเองด้วยตำแหน่งก็เพราะว่าผู้คนเริ่มบิดเบือนสถานะของคนโดยใช้เงินหรือของประดับตกแต่ง」
ในประเทศฟอร์ซิน่าไม่มีความวุ่นวายเช่นสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านมาเกือบร้อยปี
เงินออมของประเทศจะไม่ถูกใช้มากเกินไปเนื่องจากความวุ่นวายและเศรษฐกิจจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
จากนั้น ขุนนางและสามัญชนที่เหมือนกับถูกหวยจะได้รับเงินจำนวนมากและลงเอยด้วยการสะสมเงินมากกว่าที่พวกเขาสะสมไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
(TN:ทำระบบขุนนางเป็นระบบอุปถัมภ์ ทำให้เกิดขุนนางมากมายเกินความจำเป็นเพราะเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างโฟลว์)
ในช่วงเวลานี้ผู้คนเริ่มบิดเบือนตัวตนของตัวเอง และทำให้ หลายๆคนเป็นขุนนาง “แค่ในนาม”มากมายตามท้องถนน
เป็นผลให้กษัตริย์ในเวลานั้นตัดสินใจรีเซ็ตสถานะของขุนนางและยกเลิกตำแหน่งดยุคและเอิร์ลลง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอำนาจแท้จริงของขุนนางไม่เปลี่ยนแปลงเลย มันเพียงแต่มีผลให้ยับยั้งการฉ้อโกงในแบบอัตลักษณ์ (อัตลักษณ์หมายถึงกลุ่มก้อนที่ทำให้สิ่งหนึ่งดูเปล่งประกายขึ้น เช่น พลังใน มายฮีโร่นั่นแหละ) และคราวนี้การฉ้อโกงก็ปะทุขึ้นจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่งโดยกล่าวว่า “ฉันเป็นเจ้าของบ้านนี้” เดาว่าอาจพูดได้ว่ามันไม่สมเหตุสมผลมากนัก
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขายึดอำนาจที่แท้จริงไป ขุนนางในสถานที่ต่างๆจะต้องลุกกฮือขึ้นและปะทุเข้าสู่สงครามกลางเมืองอย่างแน่นอน
แล้วก็มีสถาบันขุนนางฟอร์ซิน่าขึ้นมา
ตามชื่อเลย เป็นสถาบันที่ให้ขุนนางเข้าเรียนและเป็นสถาบันฝึกอบรมบุคคลสำคัญในประเทศ ทำให้เป็นสถาบันสูงสุดในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ประตูนี้ไม่ได้เปิดรับเพียงขุนนางแต่ยังรับคนสามัญชนอีกด้วย และหากได้รับการแนะนำจากทายาทของขุนนางหรืออัศวินผ่านการทดสอบ จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมได้
มาตราฐานในการจบการศึกษาค่อนข้างสูง และมีสามัญชนเพียงไม่กี่คนที่เข้าเรียนได้ในแต่ละปี
「แล้วมาดามพัลรีนเป็นคนธรรมดางั้นเหรอครับ!?」
「อืม ตอนที่เป็นนักเต้น มีโอกาสได้พบกับหัวหน้าตระกูลพัลรีน และตอนนั้นได้รับการทาบทามให้เข้าเรียนน่ะ」
ดวงตาของโนโซมุเบิกกว้างเมื่อเห็นความจริงที่น่าตกใจ
จากสามัญชนสู่ขุนนาง ยิ่งไปกว่านั้น สถานะปัจจุบันของมาซาริเน็ตคือการเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งตระกูล “พัลรีน”
ไม่ว่าประเทศฟอร์ซิน่าจะอดทนต่อคนธรรมดาสามัญเพียงใดก็ตาม นี่เป็นความก้าวหน้าที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
「ต่อมาก็พบว่าหัวหน้าตระกูลพัลรีนค้นพบไหวพริบในตัวมาเธอร์และตกหลุมรักเธอตั้งแต่นั้นมา」
「เฮ้อ….นอกจากนี้จะพูดอะไรได้อีกล่ะ……」
ดูเหมือนหัวหน้าตระกูลพัลรีนจะขอแต่งงานกับมาซาริเน็ตในเวลาเดียวกันที่เธอสำเร็จการศึกษา
นอกจากนี้เขายังเสนอที่จะรับเธอมาเป็นภรรยาตามกฏหมาย
ขณะนั้นหัวหน้าตระกูลพัลรีนอายุประมาณ สี่สิบปีและโสดอยู่ มาซาริเน็ตอายุ สิบแปดปี โนโซมุอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจต่อการแต่งงานข้ามรุ่น
「การแต่งงานที่อายุต่างกันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่หมู่ขุนนาง
ตอนนั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันถูกขอแต่งงานเหมือนกัน แต่ตอนนี้สับสนไปหมด ไม่ว่ายังไงก็ตามได้โปรดล่ะมาเป็นภรรยาของฉันที! เขาพูดแบบนั้นกับฉันจะให้ฉันทำไงได้ล่ะโถ่ว……」
แม้ว่าจะจบจากสถาบันขุนนางฟอร์ซิน่า แต่มาซาริเน็ตก็ไม่ใช่อัศวินที่มีเกียรติในเวลานั้นด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้หัวหน้าตระกูลพัลรีนได้ขอแต่งงานกับเธอโดยต้องการรับเธอเป็นภรรยาตามกฏหมาย
มาซาริเน็ตในขณะนั้นปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างแข็งขัน เธอพัฒนาธุรกิจของตัวเอง สร้างตำแหน่งที่มั่นคง ด้วยความพยายามของตัวเอง และได้รับตำแหน่งขุนนางผู้เลอค่า
หัวหน้าตระกูลพัลรีน ซึ่งปฏิเสธข้อเสนอการแต่งงานอย่างแข็งขัน ก็สงบลงหลังจากนั้นและค่อยๆกระชับมิตรภาพของพวกเขาให้แน่นแฟ้นมากขึ้นในขณะที่เฝ้าดูมาซาริเน็ต อย่างเงียบๆ
「ในที่สุดมาเธอร์ก็ยอมตอบตกลงแต่งงาน」
「เป็นเรื่องจริงที่ฉันตกหลุมรักเขา แต่ยิ่งกว่านั้น เขาเป็นสุภาพบุรุษมาก ฉันไม่เคยเห็นสุภาพบุรุษเช่นนี้มาก่อนเลยล่ะ……」
“สุดท้ายก็เป็นฝ่ายมาดามที่ตกหลุมรักเขาซะเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น พวกเธอก็ทำท่าเขินอาย
มีแก้มแดงเล็กน้อยในรอยยิ้มของพวกเธอ
เป็นเพราะเหล้ารึเปล่าถึงทำให้นึกถึงวันวานอันแสนหวาน
หลังจากนั้นมาซาริเน็ตที่แต่งงานกับหัวหน้าตระกูลพัลรีนในฐานะภรรยาตามกฏหมาย เขาเข้าร่วมในตำแหน่งทายาท
นับเป็นเรื่องราวความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่ผู้หญิงทั่วโลกใฝ่ฝันอย่างแน่นอน
「แม้จะไม่ได้มีลูกด้วยกัน แต่ก็มีความสุขมากๆ」
ดูเหมือนว่าช่วงเวลาแห่งความสุขของมาดามจะอยู่ได้ไม่นาน
หัวหน้าตระกูลพัลรีนใกล้วัยชราสุขภาพไม่ดี แต่เมื่อแต่งงานกลับติดโรคติดต่อและเสียชีวิตไป
ครอบครัวพัลรีนซึ่งสูญเสียหัวหน้าตระกูล ตกอยู่ในความสับสน
มาซาริเน็ตที่แต่งงานเข้ามาตามกฏหมาย ก็แสดงความสามารถให้ทุกคนเห็นและจัดการกับฐานะทางตระกูลได้
เป็นผลให้เธอได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเธอเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลพัลรีน
「มันเป็นช่วงเวลาก่อนที่หัวหน้าคนก่อนจะถึงแก่กรรม คุณหนูไอริสก็เกิดมาเพราะนายท่านกับท่านหญิงฟีลาน่า……」
「เมื่อเห็นไอริสครั้งแรกเธอยังตัวเล็กอยู่เลยนะ」
ขณะที่พูดอย่างนั้นมาซาริเน็ตก็หยิบภาพของวิคเตอร์ที่ฟูมฟายอยู่ตรงเฟอร์นิเจอร์
สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในภาพคือผู้หญิงผมสีดำนอนอยู่บนเตียงสีขาว อุ้มเด็กทารกไว้บนอกและยิ้มอย่างมีความสุข
เธอมีใบหน้าที่งดงามมากและรูปลักษณ์ที่สวยงามราวกับเทพธิดา แต่เหนือสิ่งอื่นใดเธอประทับใจในตัวคุณแม่ของไอริสที่อุ้มเธอด้วยท่าทางมีความสุข
วันนี้ขอเท่านี้พอ ไม่ไหวจริงอากาศร้อนมาก ถ้าอากาศไม่ร้อนน่าจะได้อีกตอนงะ
สนับสนุนได้ที่ 097-005-6950 ภารดร บุญมา พร้อมเพย์//True Wallet
Comments