[นิยายแปล] Akuyaku Reijou no Naka no Hito ~Danzai sareta Tenseisha no Tame Usotsuki Heroine ni Fukushuu Itashimasu~ 23 อัศวินผู้ทรงเกียรติ 2
อัศวินผู้ทรงเกียรติ 2
วันแรกของการเป็นข้ารับใช้ของท่านเรมิเลียเริ่มต้นด้วยเช้าอันสดใส ถึงอย่างนั้น ท่านเรมิเลียก็ไม่อยู่ให้ข้าได้รับใช้…
ฤดูหนาวใกล้เข้ามา เธอต้องเตรียมเครื่องสวมใส่และอุปกรณ์ป้องกันความหนาวเย็นให้เพียงพอกับผู้อยู่อาศัยภายในหมู่บ้าน ดังนั้นจึงออกไปผจญภัยเพื่อหาเงิน ข้าไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเธอจึงต้องเสียแรงเสียเวลามากมายไปกับเรื่องแค่นี้ ราวกับท่านเรมิเลียแทบจะป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับพวกเขา ข้าเคยถามไปและเธอก็ตอบอย่างง่ายๆมาว่า ‘คล้ายๆกับการลงทุนล่ะมั้ง?’ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอออกไปเสี่ยงอันตรายเพื่อประชาชนในดินแดนอีกเช่นเคย
ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ มีท่านเรมิเลียเป็นเจ้าของดินแดน… จะเห็นเป็นแบบนั้นกันไหม? อา…ท่านเรมิเลียลดตัวลงไปมากเหลือเกิน
ข้าพยายามขอ ‘ติดตามไปด้วย!’ หลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผล ‘แม้หมู่บ้านจะมีรั้วและแนวกำแพง แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กที่ปกป้องตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้น ข้าจะออกไปอย่างหมดห่วงถ้ารู้ว่ามีโซเฟียอยู่ที่นี่’ และ ‘ข้าอยากให้มีคนทีไว้ใจได้ คอยปกป้องที่แห่งนี้ในตอนที่ข้าไม่อยู่’ ด้วยสีหน้าที่ดูกังวลของเธอทำให้ข้าตอบกลับได้ลำบาก แต่หมู่บ้านก็เติบโตขึ้นเรื่องๆ มีผู้อพยพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีคนที่แข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องหมู่บ้าน! ถึงข้าจะไม่อยู่อีกสักคน ข้าก็เชื่อว่ากำลังรบของหมู่บ้านก็ไม่เปลี่ยนไปมากนัก! ได้โปรดเถอะ… ท่านเรมิเลียควรคำนึงถึงสุขภาพของตัวเองด้วย…! ข้าได้แต่คิดวนเวียนอยู่เช่นนี้ ต่อให้พูดออกไปก็คงได้รับคำตอบไม่ต่างกัน
พวกเราต้องทำงานให้สมกับน้ำใจที่ได้รับจากนายท่าน…!
ชาวบ้านทุกคนล้วนคิดไปในทางเดียวกัน
เพราะฉะนั้น ข้าจึงตื่นแต่เช้าเพื่อการนั้น… หลังทานอาหารเช้าที่ทำอย่างง่ายๆก็ได้เวลาทำความสะอาดคฤหาสน์…หรืออันที่จริงมันก็คือบ้าน 2 ชั้นธรรมดา แต่มันเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าของดินแดน ชาวบ้านจึงเรียกมันว่าคฤหาสน์ ยิ่งไปกว่านั้น ระยะนี้ในหมู่บ้านนี้มีการสร้างบ้านใหม่หลายหลังเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น มันจึงยิ่งดู ‘เก่าซอมซ่อ’ มากขึ้นไปอีก
ตั้งแต่ข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ก็เริ่มทำการบูรณะใหม่ตั้งแต่พื้นทางเดิน… เธอมัธยัสถ์กับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป…! จัดลำดับความสำคัญให้ความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นเรื่องหลัก เรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องรอง… ทั้งที่ข้าได้แนะนำกับเธอไปแล้วแต่ก็ยังไม่มีการจัดหาโต๊ะทำงานดีๆหรือเตียงนอนนุ่มๆไว้ใช้งาน ดังนั้น ชาวบ้านจึงวางแผนรวบรวมเงินเก็บของแต่ละคนเพื่อซื้อของขวัญให้กับเธอ ผู้เสนอความคิดนี้คือคุณธอร์น ที่เป็นตัวแทนหัวหน้าหมู่บ้าน
ของขวัญสำหรับท่านเรมิเลียนั้นยากที่จะหาของที่ลงตัว ของที่ดูหรูหราสมเป็นของขวัญให้ท่านเรมิเลียอาจไม่ใช่ของขวัญที่เหมาะสมเสมอไป…
ขณะคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ข้าก็ทำงานบ้านทั้งหมดจนเสร็จ แม้จะเป็นบ้านที่ใหญ่โตเมื่อเทียบกับหลังอื่นๆ แต่ก็ถือว่าเล็กมากสำหรับคฤหาสน์เจ้าของดินแดน ดังนั้นข้าจึงทำงานบ้านได้ด้วยตัวคนเดียวโดยใช้เวลาไม่นาน
กว่าจะถึงมื้อกลางวัน ข้าใช้เวลาเดินตรวจตรารอบหมู่บ้าน ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทักทายผู้ที่พบเจอและถามว่ามีปัญหาหรือต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า
“อยากได้อะไร…งั้นเหรอ? นอกจากอยากเจอท่านเรมิเลียแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ… ตอนนี้ผมเขียนตัวหนังสือเป็นแล้วนะ นี่ๆ เดี๋ยวเขียนจดหมายให้คุณโซเฟียด้วยก็แล้วกัน”
“โห เก่งจังเลย!”
เด็กคนนี้เป็นเด็กกำพร้าที่มากับผู้อพยพรุ่นแรก หลังจากมาถึงได้ไม่นานก็ล้มป่วยมีไข้ขึ้นสูง และได้ท่านเรมิเลียช่วยดูแลตลอดทั้งคืน เขาจึงรู้สึกผูกพันกับท่านเรมิเลียเป็นอย่างมาก
ในตอนแรก ข้าไม่ทันได้สังเกต ว่ามีเผ่าปีศาจจำนวนมากปะปนมากับผู้อพยพ ข้ารู้จักเผ่าปีศาจแต่เพียงในเรื่องเล่าเท่านั้น ไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาอยู่ท่ามกลางสังคมของมนุษย์โดยไม่ถูกรับรู้ ในบางตำนาน พวกเขาถูกเล่าว่าเป็นเผ่าเดียวกับมาร แต่เท่าที่เห็น ข้าบอกได้ว่าพวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และเนื่องจากความหวาดกลัวในสิ่งที่เผ่ามารเคยทำไว้ในอดีต ทำให้เผ่าปีศาจที่ถูกเข้าใจผิดต้องอยู่อย่างหลบซ่อน ทำให้การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะสาเหตุนั้น
เด็กที่ถูกท่านเรมิเลียช่วยเอาไว้คนนี้ก็เช่นเดียวกัน ข้าได้ยินมาว่าเขาป่วยเป็นโรคเฉพาะของปีศาจ ท่านเรมิเลียไม่คุ้นเคยกับลักษณะทางกายภาพของปีศาจ ทำให้เวทมนตร์รักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร เธอจึงเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งคืน แม้กระทั้งตอนหลับก็ยังจับมือเอาไว้ตลอด น่าอิจฉา…ไม่สิ น่ายินดีที่เขาได้รับความเมตตาจากท่านเรมิเลียมากมายถึงเพียงนี้…!
ข้าเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนนี้ดี การที่เขา ‘นับวันรอที่จะได้เจอ’ อย่างใจจดใจจ่อ เพราะท่านเรมิเลียเป็นเจ้านายที่ทำงานหนักเพื่อทุกคน เพราะฉะนั้นเธอจึงมักออกไปข้างนอกอยู่บ่อยๆ…
หมู่บ้านนี้ยังไม่พัฒนาถึงระดับทำการอุตสาหกรรมได้ มีเพียงไร่นาขนาดเล็ก คุณธอร์นเคยเป็นพ่อค้าขายสินค้าเวทมนตร์ในเมืองหลวง เขามีความสามารถปรุงยาอย่างง่ายๆ บางครั้งเขาก็หาสินค้าจากที่ไหนสักแห่งและออกเดินทางไปขายในเมืองใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป แต่ภาษีที่ทางนี้ได้รับก็เรียกว่าเล็กน้อย หากพยายามมอบส่วนแบ่งกำไรให้กับท่านเรมิเลียโดยตรง เธอจะไม่เต็มใจรับมัน เพราะฉะนั้น เขาจึงเรียกใช่งานเด็กในหมู่บ้าน และแจกจ่ายอาหารให้เป็นการตอบแทน
ถึงอย่างนั้น ค่าใช้จ่ายสำหรับหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับรายได้ของท่านเรมิเลียในฐานะนักผจญภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มั่นคง
แต่เผ่าปีศาจก็เป็นนักเวทระดับสูงกันทุกคน แม้จะเป็นแค่เด็กแต่พวกเขามีศักยภาพในการทำไร่ที่ให้ผลผลิตเกินกำลังของมนุษย์อย่างเทียบไม่ติด… ตอนนี้พวกเรากำลังทดลองหลายๆอย่างกันอยู่ทุกวัน ด้วยความรู้ที่ข้าได้รับการบอกเล่ามา หากพวกเราสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตอาหารให้กับหมู่บ้านได้มากกว่านี้ ก็จะเป็นการลดภาระให้กับท่านเรมิเลีย
หมู่บ้านจะพัฒนาได้เร็วกว่านี้หากสอนให้พวกเขาสร้างเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่างๆที่ท่านเรมิเลียคิดค้นขึ้นมาในสมัยก่อน แต่น่าเสียดายที่สิทธิ์ในการจัดการทั้งหมดถูกดยุกกราปเนอร์ยึดไป และเขาก็หวงทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านั้นมากๆ ดังนั้น ต่อให้พวกเรามีคนที่คิดค้นมันขึ้นมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่สามารถผลิตมันออกมาวางจำหน่ายได้
และแล้ว หลังจากที่ข้าได้ถามผู้คนรอบหมู่บ้าน ความต้องการที่พวกเขาพูดถึงกันมากที่สุดคือ ‘อยากให้ท่านเรมิเลียทำอะไรเพื่อตนเองบ้าง’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด จากนั้นข้าก็กลับไปจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับออกล่าสัตว์ต่อไป
เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยก็ไปต่อที่คอกม้าเพื่อขอยืมม้าที่ใช้สำหรับไถนาไปลากเหยื่อที่ข้าจะล่าได้ ระหว่างทางก็เห็นชายคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับนักเดินทาง เขาไม่ใช่คนของหมู่บ้าน ข้ารู้ว่าเขาคือคนที่ทางวังหลวงส่งมาจับตาดูท่านเรมิเลีย
ในช่วงแรกๆจะมีอัศวินที่ได้รับการแนะนำโดยพีน่ามารับหน้าที่นี่ด้วย พวกเขาค่อนข้างโดดเด่นในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ด้วยทัศนคติ ‘ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ทำเรื่องชั่วร้ายกับหญิงสาวแห่งดวงดาวได้อีก!’ พวกเขาตามติดท่านเรมิเลียไปทุกที่ รวมถึงตอนที่เธอไปหาซื้อเสบียงที่เมืองข้างเคียง และตอนที่เธอเข้าท้าทายดันเจี้ยนในฐานนักผจญภัยเพื่อหาเงิน ฟังดูน่ารำคาญ
ในตอนที่ข้าเป็นสมาชิกของหมู่บ้านอย่างเต็มตัว การเฝ้าระวังเต็มรูปแบบก็จบลงไปเฉยๆ เหลือเพียงการพักในโรงแรมถูกๆในเมืองใกล้ๆ และมาที่หมู่บ้านเป็นครั้งคราวเพื่อถามกับชาวบ้านว่าท่านเรมิเลียทำอะไรอยู่ที่ไหน พวกเขาทำได้เพียงแค่นั้นเพราะข้ารู้ว่าพวกเขาไม่มีความสามารถพอที่จะตามท่านเรมิเลียเข้าไปในดันเจี้ยนได้
…แม้แต่ตัวข้าเองก็เริ่มรู้สึกว่าตามฝีมือของเธอไม่ทัน ไม่เช่นนั้นท่านเรมิเลียก็อาจจะฝากการปกป้องหมู่บ้านให้ข้าอย่างสบายใจไม่ได้ ไม่ดีเลย
ก่อนหน้านี้ หนึ่งในคนพวกนั้นเคยเข้ามาต่อว่าด้วยความไม่พอใจ ‘แอบไปทำอะไรในดันเจี้ยนที่ลับตาคนกันแน่!’ และคนอื่นๆที่รับรู้ในความเมตตาของท่านเรมิเลียก็ช่วยตอบ ‘รวบรวมสิ่งจำเป็นในการสร้างที่อยู่อาศัยให้กับชุมชน’ จะว่าไป ระยะหลังๆนี้ข้าไม่เห็นคนจับตาดูที่ทำตัวน่ารำคาญคนนั้นอีกเลย คงจะย้ายไปทำอย่างอื่นกันแล้ว แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับข้า
ทุกวันนี้ พวกเขาจะทำหน้าที่คล้ายทหารยามให้กับหมู่บ้าน ทุกคนได้เห็นกับตาแล้วว่าท่านเรมิเลียที่ราชวงศ์สั่งให้เฝ้าระวังนั้นไม่ใช่ ‘เรมิเลียผู้ชั่วร้าย’ อย่างที่คนอื่นพูดกันในวังหลวง พวกเขาเคยบอกกับข้าว่า ‘ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครเชื่อข่าวลือแล้วก็จริง แต่พวกเราก็ไม่มีปากเสียงไปโต้แย้งเบื้องบน’
ข้าเข้าใจความอึดอัดที่ไม่สามารถประกาศความจริงออกมาได้… ข้าเข้าใจดี…!
ข้าไม่ได้บ้าถึงขั้นกล้าขัดคำสั่งราชวงศ์ซึ้งๆหน้า หากต่อต้านอย่างไร้กำลัง ก็จะมีแต่ถูกบดขยี้ซ้ำ และการเฝ้าระวังก็จะเข็มงวดมากขึ้น
ตอนนี้ต้องปล่อยวางไปก่อน ตั้งเป้าไปที่การเพิ่มจำนวนประชากร สนับสนุนให้เกิดอุตสาหกรรม จัดเก็บภาษีอย่างจริงจัง พัฒนาดินแดนให้รุ่งเรือง!
“เท่านี้ก็น่าจะผ่านฤดูหนาวได้อย่างไม่มีปัญหา…”
ท่านเรมิเลียจัดหาเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับรับมือฤดูหนาวมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านได้สำเร็จ และธอร์นได้สินวิธีก่อกองไฟตามบ้านให้แต่ละครอบครัว
ส่วนข้าก็ต้องจัดเตรียมผ้าห่มกับที่นอนอุ่นๆทำหรับบ้านที่มีแต่เด็กๆ… ต้องคำนวณเวลาตากไม้ทำฟืนให้ดีๆ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ แม้จะต้องทำงานจนเหนื่อยอยู่ทุกวันก็ยังเรียกไม่ได้ว่ามีชีวิตที่มั่นคง แต่ชาวบ้านทุกคนรวมถึงตัวข้า ไม่มีใครรู้สึกว่ามันลำบาก
Comments