[นิยายแปล] Game of the World Tree 98 อูลร์พิโรธ

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 98 อูลร์พิโรธ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

     แดนสวรรค์ อาณาจักรแห่งเทพ ทุ่งน้ำแข็งสีเงิน 

     กลุ่มเมฆดำทะมึนเคลื่อนตัวผ่านผืนฟ้า เกล็ดหิมะเบาบางโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง สายลมหนาวกรรโชกแรง เกิดเป็นเสียงหวีดหวิว…

     เบื้องล่าง ดวงวิญญาณในอาณาจักรแห่งเทพจำนวนนับไม่ถ้วนหมอบราบลงกับพื้น ภาวนาอย่างต่อเนื่องด้วยความเคารพยำเกรง

     สภาพอากาศภายในอาณาจักรแห่งเทพ สะท้อนถึงสภาพอารมณ์ของเทพผู้เป็นเจ้าของ

     เทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า อูลร์ กำลังอยู่ในห้วงโทสะ!

     …

     พักหลังมานี้ ดวงชะตาของอูลร์อยู่ในช่วงอับเฉาอย่างหนัก หรืออย่างน้อยที่สุด เทพหนุ่มก็เชื่อว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น

     ไม่นานมานี้ อูลร์ได้พยายามรวบรวมคริสตัลพระโลหิตของต้นไม้โลกอย่างลับ ๆ 

     แต่ด้วยสาเหตุบางประการ เรื่องกลับแดงขึ้นมาในหมู่เทพ ทำให้เขาถูกตักเตือนอย่างหนักโดย ลอยด์ ผู้เป็นเทพที่เขาอยู่ในสังกัด

     หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าสาวกของเขาก็ถูกลอบโจมตีโดยกองกำลังไม่ทราบฝ่ายในป่าเอลฟ์… กระทั่งร่างจุติที่เขาส่งลงไป ก็ยังถูกทำลายลงโดยสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่คาดว่าน่าจะเป็นพวกผู้ติดตามของเทพธิดาแห่งความตาย! 

     หากมีเพียงแค่การตักเตือนจากลอยด์ อูลร์ยังพอทนได้ แต่การที่ร่างจุติถูกทำลายโดยสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ… มันไม่ต่างอะไรกับการถูกตบหน้ากลางมหาวิหารแห่งเทพ! 

     เกียรติและศักดิ์ศรีของเทพ เป็นสิ่งที่ไม่อาจถูกดูหมิ่น!

     หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า คงไม่ต่างอะไรกับตัวตลกในสายตาของเหล่าเทพ!

     และสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง คือการที่เรื่องราวเหล่านี้น่าจะเกิดจากการวากหมากของ เฮลา เทพธิดาแห่งความตาย!

     แต่ถึงอูลร์จะสงสัยเฮลาเพียงใด เขาก็ทำได้เพียงอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เจียมเนื้อเจียมตัว เพราะพลังของเขากับเทพธิดาแห่งความตายนั้นต่างกันมากเกินไป…

     แม้ทั้งคู่จะเป็นเทพเหมือนกัน แต่เฮลาเป็นถึงมัชฌิมเทพ ที่ทรงพลังจนอูลร์ไม่อาจเทียบเคียงได้

     เทพขั้นกลางอย่างเฮลา ไม่ต้องเข้าเวรเฝ้ามหาวิหารเหมือนเทพขั้นต้นแบบเขาด้วยซ้ำ!

     แถมคราวเคราะห์ของเขายังไม่หมดแค่นั้น ภายหลังจากเหตุการณ์อัปยศในป่าเอลฟ์ อยู่ ๆ เหตุการณ์ประหลาดก็ได้เกิดขึ้นที่มหาวิหารแห่งเทพ…

     ด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบ จู่ ๆ ก็มีสิ่งมีชีวิตที่สามารถยกระดับสถานะขึ้นเป็นเทพได้สำเร็จโดยไม่มีเทพองค์ใดระแคะระคายมาก่อน! 

     การเตรียมตัวเพื่อยกระดับขึ้นเป็นเทพในดินแดนซากัสไม่ใช่เรื่องง่าย

     การเผยแผ่ศรัทธาเป็นสิ่งที่ไม่อาจกระทำอย่างหลบซ่อน และความผันผวนของคลื่นพลังที่เกิดจากการยกระดับสถานะขึ้นเป็นเทพก็รุนแรงจนไม่อาจหลบเลี่ยงจากสายตาของผู้อื่นได้เช่นกัน

     โดยทั่วไปเหล่าเทพจึงทราบล่วงหน้าเมื่อมีตัวตนใดกำลังจะยกระดับขึ้นเป็นเทพ และดำเนินการแจ้งให้เทพองค์ใหม่มารายงานตัวที่มหาวิหารเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการยกระดับ

     แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่มีผู้ใดทราบถึงการปรากฏตัวของเทพองค์ใหม่ จนกระทั่งมหาวิหารแห่งเทพได้อัญเชิญเทพองค์นั้นขึ้นมา 

     กรรมจึงมาตกอยู่กับเทพที่เข้าเวรเฝ้ามหาวิหารแห่งเทพในช่วงนี้ ซึ่งก็คืออูลร์ ผู้ถูกตำหนิและคาดโทษเนื่องจากความล้มเหลวในการนำเทพองค์ใหม่มารายงานตัว 

     และแน่นอนว่าภารกิจตามหาเทพองค์ใหม่ก็ตกมาที่เขาเช่นกัน…

     แต่ถึงอูลร์จะส่งอัครสาวกไปจนแทบจะทั่วจักรวาลซากัส เขาก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของเทพองค์ดังกล่าว…

     เรื่องนี้ทำให้อูลร์หดหู่มากยิ่งขึ้นทุกขณะ

     ในปัจจุบัน บริเวณที่อูลร์ยังไม่เริ่มการสำรวจก็เหลือเพียงโลกใต้พิภพ กับเขตแดนซากัสเท่านั้น

     และเมื่อพิจารณาถึงการที่เทพลึกลับองค์นี้รับรู้ถึงการมีอยู่ของมหาวิหารแห่งเทพ และยังเข้ามาในวิหารได้อย่างง่ายดาย ผนวกกับการที่ปริมาณพลังเวทของเขตแดนซากัสได้เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้…

     อูลร์ก็มั่นใจว่าเทพองค์นี้มีที่มาจากเขตแดนซากัส!

     ทว่าสิ่งนี้กลับสร้างความประหลาดใจให้กับอูลร์ไม่น้อย

     เพราะไม่ว่าจะพิจารณาอย่างไร ระดับพลังเวทของเขตแดนซากัสในปัจจุบันก็ต่ำเกินกว่าจะรองรับการกำเนิดเทพองค์ใหม่ได้

     ยิ่งไปกว่านั้น สาวกจำนวนมากของเทพต่างอยู่ในเขตแดนซากัส มันจึงเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่ความผันผวนของพลังจากการกำเนิดเทพองค์ใหม่ จะรอดพ้นจากสายตาของเหล่าเทพไปได้

     และนี่ยังไม่กล่าวถึงการอำพราง อาณาจักรแห่งเทพ ให้รอดพ้นจากสายตาผู้อื่น!

     นอกเสียจากว่า…

     “นอกจากว่าจะมีเทพองค์อื่นคอยหนุนหลังมันอยู่!”

     และจากการสอบปากคำจากหลาย ๆ แหล่ง เกี่ยวกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในเขตแดนซากัส อูลร์ก็ได้คำตอบในทำนองเดียวกัน

     เขตแดนซากัสยังคงสงบสุขเหมือนที่ผ่านมา…

     ยกเว้นที่ป่าเอลฟ์!

     แถมในช่วงที่พลังเวทเพิ่มสูงขึ้น สถานที่ที่มีระดับพลังเวทเพิ่มขึ้นมากที่สุดก็คือป่าเอลฟ์!

     ป่าเอลฟ์เป็นหนึ่งในแหล่งพลังเวทมนตร์ที่สำคัญของเขตแดนซากัส เนื่องจากเป็นสถานที่ประทับของมหาพฤกษา เมื่อระดับพลังเวทของทั้งเขตแดนเพิ่มขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แหล่งพลังเวทมนตร์ที่สำคัญจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากเป็นพิเศษไปด้วย

     แต่เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสาวกของตนในป่าเอลฟ์ และการปรากฏตัวของเอลฟ์ประหลาดพวกนั้น อูลร์ก็คาดเดาบางสิ่งขึ้นมา

     “หรือว่า… ใครสักคนจะฉวยเอาพันธกิจศักดิ์สิทธิ์แห่งธรรมชาติและชีวิตไปแล้ว?”

     ใบหน้าของอูลร์บิดเบี้ยว

     หากตัวตนใดยกระดับเป็นเทพผ่านการได้รับพันธกิจศักดิ์สิทธิ์ กระบวนการยกระดับจะมีความยุ่งยากที่น้อย และความผันผวนของพลังในกระบวนการดังกล่าวก็จะเบาบางลง 

     เมื่อนำข้อสันนิษฐานในข้างต้น มาประกอบกับการที่อูลร์ไม่ได้รับพันธกิจศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตจากการศึกษาคริสตัลพระโลหิตของต้นไม้โลก อูลร์ก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่ตนคาดเดานั้นถูกต้อง!

     คำสาปของต้นไม้โลกได้หายไปแล้ว เวทมนตร์ที่ซ่อนเร้นคริสตัลพระโลหิตไว้ก็เสื่อมลงไปแล้วเช่นกัน 

     อูลร์จึงสามารถลอบศึกษาคริสตัลพระโลหิตของต้นไม้โลกได้

     และถ้าเขาทำได้ เหตุใดผู้อื่นจะทำไม่ได้?

     ในวินาทีนี้ ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นในความคิดของอูลร์ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก…

     เฮลา!

     เพราะทุกปัจจัยล้วนชี้ชัดว่าขุมอำนาจลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าเอลฟ์ น่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเฮลา!

     และอูลร์ก็มั่นใจว่าเทพธิดาแห่งความตาย เฮลา มีความสนใจในพันธกิจแห่งชีวิตอย่างแน่นอน

     เมื่ออูลร์ได้ข้อสรุปว่าเทพองค์ใหม่ต้องเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเฮลา อารมณ์ของเขาก็ยิ่งขุ่นมัวยิ่งขึ้น

     อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดวงอับของเขาดูจะยังไม่จบลงง่าย ๆ …

     อูลร์เพิ่งสัมผัสได้ถึงความตายของเหล่าสาวกจำนวนมากกว่า 300 ชีวิต!

     แน่นอนว่าถ้าแค่สาวกเผ่าออร์ค 300 ชีวิตสิ้นชีพลงไปเฉย ๆ ก็คงไม่ทำให้เขาโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงถึงเพียงนี้ 

     เพราะถึงอย่างไร สาวกที่กลายสภาพเป็นวิญญาณประจำอาณาจักรแห่งเทพ ก็มอบพลังศรัทธาให้กับเทพได้มากกว่าสมัยที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่

     แต่สิ่งที่ทำให้ความโกรธของอูลร์พุ่งขึ้นถึงขีดสุด คือภาพที่เขาเห็นจากความทรงจำของนักบวชในหมู่สาวกที่เพิ่งตายไป…

     ภาพของร่างในชุดคลุมสีดำ พลังอันอำมหิตและเย็นเยียบของเทพธิดาแห่งความตาย และ… การกวาดล้างที่ไร้ความปรานี!

     ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!

     คนร้ายไม่มีวันเป็นคนอื่น!!

     คนร้ายก็คือ… เฮลา เทพธิดาแห่งความตายผู้ครองโลกใต้พิภพ และผู้ติดตามของหล่อน!

     แถมไอ้ร่างนั่นมันอาจจะเป็นบุตรีแห่งเทพที่เฮลาจับตามองเป็นพิเศษ

     เทพธิดาแห่งความตาย!

     เป็นฝีมือของเทพธิดาแห่งความตายจริง ๆ !!

     ยิ่งถ้าเอาไปรวมกับเรื่องที่เริ่มมีเอลฟ์โผล่หัวมาในช่วงนี้ล่ะก็…

     ภายในใจของอูลร์ไม่มีร่องรอยของความสงสัยหลงเหลืออยู่อีกต่อไป 

     ขุมกำลังในป่าเอลฟ์ต้องเป็นของเฮลาแน่ ๆ !

     ดีไม่ดี ไอ้เทพหน้าใหม่องค์นั้นก็อาจจะอยู่ในป่าเอลฟ์!

     เพราะการสืบทอดพันธกิจชิ้นนั้น คือหนทางเดียวที่จะล่อพวกเอลฟ์ให้กลับป่า!

     แถมมันคงจะเป็นเทพเชื่อง ๆ ที่เฮลาปั้นขึ้นมาเพื่อควบคุมพลังแห่งชีวิต!

     “เฮลา——!”

     เสียงตะโกนกึกก้องด้วยความพิโรธของอูลร์แผดลั่นออกมาจากวิหารสีเงินบนเทือกเขาหิมะ 

     …

     เมืองฟลอเรนซ์ 

     คณะเดินทางของเอลฟ์เผ่าเฟลมที่รายล้อมไปด้วยเหล่าผู้เล่น ได้กลับมาสู่สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ของเอลฟ์

     บรรดาเอลฟ์เผ่าเฟลมต่างจ้องมองไปยังซากโบราณสถานด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะทะยอยคุกเข่าลงเพื่อภาวนาต่อพระมารดาแห่งธรรมชาติ

     ทันทีที่ทราบข่าว นักบุญแห่งธรรมชาติ อลิซ และโอ๊กการ์ด เบอร์เซิร์กเกอร์ พร้อมด้วยผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมภารกิจ ต่างเร่งฝีเท้าเข้ามาต้อนรับผู้มาเยือน

     เอลฟ์เผ่าเฟลมทวีความตื่นเต้นเมื่อเห็นนักบุญแห่งธรรมชาติและโอ๊กการ์ด ผู้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจของพระมารดา 

     “พวกเรากลับมาแล้ว!”

     ใบหน้าของอลิซเต็มไปด้วยความชื่นมื่น เธอกล่าวทักทายเหล่าเอลฟ์ด้วยน้ำเสียงที่แสนบริสุทธิ์และอ่อนโยน

     “ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ!”

     และหลังจากที่คณะเดินทางของเอลฟ์เผ่าเฟลมได้กลับมาสู่ฟลอเรนซ์ เหล่าผู้เล่นทุกคนที่เข้าร่วมภารกิจก็ได้รับรางวัลจากระบบ

     สายตาของพวกเขาหยุดลงที่ค่าประสบการณ์และแต้มผลงานจำนวนมหาศาล แววตาของผู้เล่นทุกคนล้วนเผยประกายแห่งความสุข

     ในเวลาเดียวกัน อลิซก็สังเกตเห็นร่างขนาดมหึมาที่ถูกนำกลับมาพร้อมกับคณะเดินทางเผ่าเฟลม…

     “มังกรดำ… เหรอคะ?”

     นักบุญสาวตื่นตะลึง

     “เป็นเชลยศึกของพระมารดาครับ”

     อัลตอบอลิซด้วยความตื่นเต้น

     เหล่าผู้เล่นที่ไม่เคยเห็นมังกรดำมาก่อน ยิ่งดูตื่นเต้นยิ่งกว่า

     พวกเขาไม่เกรงกลัวมังกรดำเหมือนกับเอลฟ์ที่ถือกำเนิดในดินแดนซากัส การแสดงออกของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ราวกับเด็กที่พบของเล่นชิ้นใหม่

     บรรดาผู้เล่นต่างกรูกันเข้าไปล้อมมังกรดำที่ถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา บ้างก็ลองสัมผัส บ้างก็ทอดสายตาชื่นชม บ้างก็รวมกลุ่มกันถ่ายรูป บ้างก็ปรี่ตัวเข้ามาลูบคลำเกล็ดของมังกรดำ จนดวงใจน้อย ๆ ของไมเรลที่กำลังแกล้งตายแทบจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว…

     อีกด้านหนึ่ง บรรดาเอลฟ์เผ่าเฟลมก็กำลังรวมกลุ่มกันเข้ามาแจ้งความประสงค์ต่ออลิซ พวกเขาต้องการเดินทางสู่ใจกลางป่าเพื่อสักการะต้นไม้โลก

     แม้ว่ามหาพฤกษาจะงดงามเพียงใด แต่เพราะอาณาเขตคุ้มกันของเทพธิดาที่ขวางไว้ ทำให้ภาพของต้นไม้โลกที่มองเห็นได้จากฟลอเรนซ์แตกต่างไปจากรูปร่างที่แท้จริงของมหาพฤกษา

     และการได้สักการะต้นไม้โลก คือความใฝ่ฝันของสาวกแห่งธรรมชาติ!

     …

     …

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

     T/N: ติดเรียนและติดงานค่ะ… 

     …

     แดนสวรรค์ เป็นเขตแดนค่ะ

     ส่วนอาณาเขตคุ้มกันถ้ายังจำได้ อันนี้เป็นของที่อีฟใช้ป้องกันการโดนจับได้ว่าคืนชีพแล้วค่ะ 

     …

     อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413  

     ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ 

     Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด