[นิยายแปล] Hell mode 159: งานพิธี

Now you are reading [นิยายแปล] Hell mode Chapter 159: งานพิธี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

                ผ่านมาแล้ว 6 วันหลังจากที่ผู้กล้าเฮลมิออสชนะอเลน ที่ต่างโลกนี้ 1 สัปดาห์มี 6 วัน เท่ากับว่าผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์

                ต่อให้จบงานประลองโรงเรียนแล้ว อเลนก็ยังไปโรงเรียนตามปกติ หลังงานประลองรู้สึกได้เลยว่าการเข้าหาของเหล่านักเรียนเปลี่ยนไป ถึงจะมีนักเรียนที่กลัวจนไม่กล้าเข้ามาทัก แต่สัดส่วนของนักเรียนที่เข้ามาทักก็เพิ่มขึ้นไปด้วย

                สำหรับโลกที่พลังคือความถูกต้อง การที่ต่อสู้กับผู้กล้าได้ถึงขนาดนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่อยู่

                มีขอให้ช่วยผ่านดันเจี้ยนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนด้วย

                งานประลองโรงเรียนในปีนี้มีสิ่งที่ยังไม่ได้จัดเหมือนปีก่อน

                สิ่งนั้นคืองานพิธีหลังงานประลอง

                งานพิธีนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางของราชอาณาจักรจะเข้าร่วมด้วย เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้ชนะเลิศ

                ซึ่งผู้ที่เข้ารอบ 16 คนสุดท้ายกับเหล่าแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศก็เข้าร่วมด้วย

                ได้ยินมาว่าช่วงเวลานี้เหล่าขุนนางเสร็จจากหน้าที่ในสนามรบแล้ว เลยมาชักชวนไปเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ปีที่แล้วคุเรนะก็โดนชวนเยอะอยู่ แต่ตอบปฏิเสธไปว่าต้องกลับไปที่ฐานเพื่อรับประทานอาหาร

                แต่ไม่มีงานพิธีนั้น

                นั่นก็เพราะอเลนกับเฮลมิออสต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงในงาน ทำให้ลานประลองพังเสียหายยับเยินไม่รู้ว่าจะทันใช้ปีหน้าหรือเปล่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางราชวังวุ่นวายยกใหญ่

                นั่นก็เพราะว่า แขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศถามมาไม่หยุดหย่อนว่าอเลนเป็นใครกันแน่ ทำไมราชอาณาจักรถึงปิดบังเรื่องของอเลนเอาไว้ เพราะในสัญญาพันธมิตรห้าทวีปได้บอกเอาไว้ว่าถามีการคงอยู่ที่เหนือกว่ายอดนักดาบแล้วละก็ต้องแจ้งให้แต่ละประเทศทราบ

                แขกผู้ทรงเกียรติมาในฐานะเป็นตัวแทนของประเทศ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้

                ทางราชวังเองก็สับสนไม่รู้ว่าจะรับมือและตอบอย่างไร เลยว่าจะไม่จัดงานพิธี

                แต่ยังไงก็ต้องจัดงานพิธี แต่ละประเทศเลยถือโอกาสดูว่าราชอาณาจักรจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปด้วย

                เรื่องความความวุ่นวายที่ราชวังได้ยินมาจากริโฟล เลยสงสัยว่าไปเอาข้อมูลในราชวังมาตอนไหนกันแน่

                หลังจากที่ฟังสถานการณ์ภายในราชวังแล้ว อเลนก็ตอบกลับมาไปว่า “งั้นเหรอ” ด้วยท่าทางที่ไร้ความสนใจ เพราะได้แหวนมาแล้ว ถือว่าจบๆกันไป

                โดยงานพิธีอันยืดยาวในวันนี้จัดขึ้นที่โรงแรมสุดหรูในเมืองแห่งการศึกษา

                เนื่องจากเวลาไม่น่าทัน เลยขอเลิกเรียนก่อนแล้วมุ่งหน้าไปโรงแรมนั้นพร้อมกับคุเรนะ

                (กะแล้วเชียว โรงแรมเดียวกับที่มาพบมกุฎราชกุมารเมื่อปีที่แล้ว ที่นี่เป็นโรงแกรมสำหรับพวกมกุฎราชกุมารงั้นเหรอ?)

                พอถึงโรงแรมที่มารับประทานอาหารเย็นกับมกุฎราชกุมารเมื่อปีที่แล้ว ก็ถูกพาไปยังห้องรับรอง

                เหล่านักเรียนที่เข้ารอบ16 คนสุดท้ายรออยู่ตรงห้องรับรอง ซึ่งมีนักเรียนหลายคนมารอแล้ว คงรอให้งานพิธีเริ่ม ไม่รู้ทำไมเหล่านักเรียนปีสูงกว่าถึงเข้ามาทักทาย เลยทักทายกลับไปอย่างสุภาพ

                หลังจากนั้นสักพักคนดูแลก็มาบอกว่า “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” ก่อนจะเริ่มอธิบายข้อควรระวังในงานพิธี เช่นห้ามมองมกุฎราชกุมารโดยตรง หรือห้ามตอบเสียงดังเกินไป

                เขาบอกว่าห้ามพกอาวุธเข้าไป การเข้าร่วมงานพิธีห้ามพกอาวุธโดยเด็ดขาดเลยต้องตรวจร่างกายว่าแอบพกอาวุธอะไรไว้หรือเปล่า ซึ่งอเลนโดนตรวจสอบโดยคนถึง 2 คน

                อีกไม่นานงานพิธีจะเริ่มแล้ว ซึ่งมีนักเรียนบางคนกลัวเหมือนกันเรื่องที่ห้ามเสียมารยาทกับแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศ เพราะโดนขู่ว่าถ้าเสียมารยาทจะต้องโดนลงโทษ

                พอเวลาผ่านไปพอสมควรเจ้าหน้าที่ก็มานำทางไป โดยให้ผู้ชนะเลิศอย่างอเลนเป็นคนเดินนำเข้าห้องจัดพิธี

                (ที่นี่ ที่กินอาหารกับมกุฎราชกุมารนี่ แค่เก็บโต๊ะก็กลายเป็นห้องจัดงานแล้วเหรอ?)

                ประตูบานคู่เปิดออกและเข้าไปยังสถานที่จัดงานพิธี

                ก่อนอื่นมกุฎราชกุมารจะพูดเกริ่นก่อน โดยทั้ง 16 คนจะต้องเดินเข้าไปตรงกลางห้องขนาบด้วยขุนนางและแขกผู้ทรงเกียรติ ถึงจะห้ามมองไปรอบๆ แต่เท่าที่เห็นน่าจะมีเกิน 100 คน

                “ถึงผมสีดำจะหายาก แต่พอมองใกล้ๆยังเป็นเด็กอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

                “เรียกมังกรออกมาสู้ได้จริงเหรอ?”

                “ใช่แล้วอย่าพูดเสียงดังไปสิ”

                (จริงๆเลย พูดเบาๆกันหน่อยสิ ได้ยินหมดแล้ว)

                เหล่าขุนนางส่วนใหญ่พูดเกี่ยวกับอเลน ถึงจะได้ยินแต่ไม่ตอบสนองอะไร

                พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นมกุฎราชกุมารนั่งอยู่ตรงด้านในสุดของห้อง โดยพอทั้ง 16 คนคุกเข่ามกุฎราชกุมารถึงจะพูดออกมา

                (โอ๊ะ? ไวเคานต์แกรนเวลมาด้วย)

                เห็นไวเคานต์อยู่ตรงมุมสายตา ไวเคานต์เองก็บอกไว้ว่าจะเข้าร่วมงานพิธีด้วย

                “ยะ หยุดอยู่ตรงนั้น! ใกล้เกินไปแล้ว!!”

                ในระหว่างที่คิดอย่างนั้นและเคลื่อนที่อยู่ห่างจากมกุฎราชกุมาร 5 เมตร เขาก็ส่งเสียงออกมาอย่างดัง ดูเหมือนจะเข้าใกล้เขาเกินไป

                ดูเหมือนจะต่างกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่อธิบายเอาไว้ก่อนหน้า เขาอธิบายมาว่าบนพรมห่างจากมกุฎราชกุมาร 5 เมตรจะมีสัญลักษณ์กลมๆอยู่ ให้ไปคุกเข่าตรงนั้น

                เลยหยุดพร้อมกับคุกเข่าลง โดยไม่โต้เถียงอะไร

                “ท่านมกุฎราชกุมาร อย่ากระตุ้นมากเกินไปสิครับ การป้องกันของที่นี่ไม่ได้สมบูรณ์แบบนะครับ”

                “ระ รู้แล้วน่า”

                (พูดเบาๆกันหน่อยเถอะ ได้ยินหมดแล้ว แล้วบอกว่าป้องกันงั้นเหรอ)

                อัศวินที่คอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังพูดเบาๆกับมกุฎราชกุมาร จะว่าไปรู้สึกว่าอัศวินที่คอยคุ้มกันจะเยอะกว่าปีที่แล้ว

                (เร็วๆหน่อยเหอะ อยากจะเพิ่มเลเวลอัญเชิญแล้ว จะได้ไปแก้แค้นมังกรสักที)

                อเลนพออัญเชิญขึ้นสู่เลเวล 7 ก็ได้สเตตัสจากพรคุ้มครองเพิ่มขึ้น และได้สัตว์อัญเชิญใหม่ๆมา บอสชั้นล่างสุดระดับ A เจอมังกรครั้งล่าสุดตอนเดือนมกราคมของปีนี้หลังจากนั้นก็ยังไม่เคยโผล่ออกมาอีกเลยซึ่งอยากจะลองสู้อีกสักครั้ง

                ครั้งนี้อยากจะลองโดยไม่ต้องให้คุเรนะใช้เอ็กซ์ตร้าสกิล

                เนื่องจากมกุฎราชกุมารพูดอยู่ เลยก้มศีรษะตามที่ได้รับการอธิบายไว้

                “ทุกคนประลองกันได้อย่างยอดเยี่ยม ราชอาณาจักรราตาชูเองรู้สึกดีใจที่มีผู้แข็งแกร่งเช่นพวกเจ้า หลังจากนี้จงฝึกฝนเพื่อรับใช้ราชอาณาจักรต่อไป”

                “““ครับ!”””

                (เอาละ จบแล้วกลับได้สินะ ดีนะเนี่ยที่พูดสั้นไม่เหมือนกับผู้อำนวยการสมัยมัธยมต้น)

                มันต่างกับโลกก่อน ราชวงศ์จะไม่พูดกับคนเบื้องล่างนานสักเท่าไร

                แล้วในห้องก็เกิดความเงียบขึ้น

                (หือ? นานอะไรอย่างนี้? รออะไรอยู่? ในเวลาอย่างนี้)

                เพราะไม่รู้ว่ารออะไรอยู่ ทำให้ความอยากกลับเพิ่มมากขึ้น ถึงอเลนจะไม่ได้มองแต่ดูเหมือนแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศรวมไปถึงเหล่าขุนนางกำลังรอคำพูดต่อไปของมกุฎราชกุมารอยู่

                “อเลนเอ๋ย เจ้าต่อสู้ได้ยอดเยี่ยมมาก”

                มกุฎราชกุมารพูดต่อราวกับโดนเร่งเร้าจากรอบๆ แต่ละประเทศคงอยากเห็นว่าราชอาณาจักรจะมีท่าทีอย่างไรกับผู้ชนะเลิศอย่างอเลน

                “ขอบพระคุณมากครับ เพราะอยากจะแสดงให้ท่านมกุฎราชกุมารเห็นเลยตื่นเต้นมากไปหน่อยครับ”

                (ยังไงก็พูดแก้ตัวเรื่องทำลานประลองพังไว้ก่อนดีกว่า)

                “งะ งั้นเหรอ แกรนเวลเองถ้ามีลูกน้องอย่างนี้น่าจะรีบๆมาบอกกันหน่อยนะ”

                มกุฎราชกุมารโบ้ยความผิดว่าที่ราชอาณาจักรไม่รู้เรื่องนี้เพราะไวเคานต์

                “ละ ลูกน้องหรือครับ?”

                ไวเคานต์ที่ยืนอยู่ในห้องโถงถึงกับส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย

                “หือ? ไม่ใช่ลูกน้องเหรอ?”

                มกุฎราชกุมารจำได้ว่าปีที่แล้วอเลนแต่งตัวเป็นคนรับใช้แล้วตามไวเคานต์มาที่นี่ เขาเลยคิดว่าน่าจะเป็นลูกน้อง

                เกิดความคลาดเคลื่อนของการสนทนา มกุฎราชกุมารที่อยากจะจบการสนทนาลงเร็วๆเลยมองไวเคานต์

                “ครับ อเลนเป็นแขกของตระกูลแกรนเวลครับ”

                “แขกงั้นหรือ เรื่องจริงเหรออเลน?”

                เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอเลนถึงแต่งตัวเป็นคนรับใช้เลยถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

                “ใช่แล้วครับ อยู่ในตำแหน่งของแขกตระกูลแกรนเวลครับ เนื่องจากได้รับการต้อนรับจากไวเคานต์เป็นอย่างดี บางครั้งเลยเสนอตัวขอช่วยงานแทนค่าที่พักครับ”

                ““งาน?””

                ตอนนั้นเองที่มกุฎราชกุมารกับไวเคานต์ประสานเสียงออกมาพร้อมกัน ไวเคานต์นึกไม่ออกว่าขอให้ช่วยงานอะไร

                “งานงั้นเหรอ แล้วเป็นงานแบบไหนล่ะ?”

                “เป็นบอดี้การ์ดครับ ในช่วงหลายปีนี้ไวเคานต์เจอปัญหาเยอะพอควรเลยครับ”

                “พรวด!”

                ไวเคานต์ถึงกับสำลักออกมา ตอนรับประทานอาหารเย็นครั้งก่อนเคยโดนเตือนไปแล้ว แต่ครั้งนี้มกุฎราชกุมารกลับไม่ตำหนิไวเคานต์

                พอบอกไปว่าบอดี้การ์ดทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ไม่มีขุนนางในราชสำนักคนไหนไม่รู้เรื่อง “การเปลี่ยนแปลงของตระกูลแกรนเวล”

                แต่แขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากไม่รู้การเมืองภายในราชอาณาจักรเลยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปต่อดี

                การเปลี่ยนแปลงของตระกูลแกรนเวล เหล่าขุนนางในราชสำนักรู้ดีกันว่าเป็นเรื่องที่ไวเคานต์ใช้สิทธิ์ในการขุดเหมืองแร่มิธริลเพื่อการกำจัดราชฑูตและขุนนางที่มาหาเรื่อง

                อเลนตั้งใจจะบอกว่าถูกจ้างมาเป็น “บอดี้การ์ด” มันไม่จบแค่ปกป้องไวเคานต์ แต่รวมไปถึงใช้กำลังในการกำจัดคนที่มาขัดขวางด้วย

                มกุฎราชกุมารกลืนน้ำลายดังเฮือก

                เท่ากับว่างานเลี้ยงอาหารค่ำปีที่แล้วอเลนแต่งกายเป็นคนรับใช้เพื่อรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด

                อัศวินหลายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมกุฎราชกุมาร เริ่มถอยร่นแม้จะมีหน้าที่ที่ต้องคอบปกป้องเขาก็ตาม

                ถ้าถามว่าเป็นบอดี้การ์ดเพื่อป้องกันจากใครก็ต้องบอกว่าจากมกุฎราชกุมาร และคนที่ต้องสู้กับอเลนก็คือเหล่าอัศวิน บางทีคงคิดว่าถ้าหากปีที่แล้วต้องต่อสู้อาจจะต้องตายก็ได้เลยตัวสั่นไม่หยุด

                “งะ งั้นเหรอ ลำบากหน่อยนะการที่ต้องคุ้มครองขุนนางคนสำคัญที่ช่วยเหลือราชอาณาจักรของเราเนี่ย”

                “ครับ คิดว่าหลังจากนี้คงต้องปกป้องไวเคานต์ที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอดจากอีกหลายคนอยู่ครับ”

                มกุฎราชกุมารพอได้ยินคำว่า “หลายคน” ถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดก็พูดต่อ

                แล้วงานพิธีของงานประลองโรงเรียน ก็จบลงด้วยการที่อเลนแสดงจุดยืนของตัวเองกับมกุฎราชกุมาร

                ไวเคานต์น่าจะรับประทานอาหารเย็นอยู่กับเซซิล แต่โดนเหล่าขุนนางในราชสำนักล้อมและพาไปที่ไหนไม่รู้ วันนั้นเลยไม่ได้พบกับเซซิล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Hell mode 159: งานพิธี

Now you are reading [นิยายแปล] Hell mode Chapter 159: งานพิธี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

                ผ่านมาแล้ว 6 วันหลังจากที่ผู้กล้าเฮลมิออสชนะอเลน ที่ต่างโลกนี้ 1 สัปดาห์มี 6 วัน เท่ากับว่าผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์

                ต่อให้จบงานประลองโรงเรียนแล้ว อเลนก็ยังไปโรงเรียนตามปกติ หลังงานประลองรู้สึกได้เลยว่าการเข้าหาของเหล่านักเรียนเปลี่ยนไป ถึงจะมีนักเรียนที่กลัวจนไม่กล้าเข้ามาทัก แต่สัดส่วนของนักเรียนที่เข้ามาทักก็เพิ่มขึ้นไปด้วย

                สำหรับโลกที่พลังคือความถูกต้อง การที่ต่อสู้กับผู้กล้าได้ถึงขนาดนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่อยู่

                มีขอให้ช่วยผ่านดันเจี้ยนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนด้วย

                งานประลองโรงเรียนในปีนี้มีสิ่งที่ยังไม่ได้จัดเหมือนปีก่อน

                สิ่งนั้นคืองานพิธีหลังงานประลอง

                งานพิธีนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางของราชอาณาจักรจะเข้าร่วมด้วย เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้ชนะเลิศ

                ซึ่งผู้ที่เข้ารอบ 16 คนสุดท้ายกับเหล่าแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศก็เข้าร่วมด้วย

                ได้ยินมาว่าช่วงเวลานี้เหล่าขุนนางเสร็จจากหน้าที่ในสนามรบแล้ว เลยมาชักชวนไปเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ปีที่แล้วคุเรนะก็โดนชวนเยอะอยู่ แต่ตอบปฏิเสธไปว่าต้องกลับไปที่ฐานเพื่อรับประทานอาหาร

                แต่ไม่มีงานพิธีนั้น

                นั่นก็เพราะอเลนกับเฮลมิออสต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงในงาน ทำให้ลานประลองพังเสียหายยับเยินไม่รู้ว่าจะทันใช้ปีหน้าหรือเปล่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางราชวังวุ่นวายยกใหญ่

                นั่นก็เพราะว่า แขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศถามมาไม่หยุดหย่อนว่าอเลนเป็นใครกันแน่ ทำไมราชอาณาจักรถึงปิดบังเรื่องของอเลนเอาไว้ เพราะในสัญญาพันธมิตรห้าทวีปได้บอกเอาไว้ว่าถามีการคงอยู่ที่เหนือกว่ายอดนักดาบแล้วละก็ต้องแจ้งให้แต่ละประเทศทราบ

                แขกผู้ทรงเกียรติมาในฐานะเป็นตัวแทนของประเทศ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้

                ทางราชวังเองก็สับสนไม่รู้ว่าจะรับมือและตอบอย่างไร เลยว่าจะไม่จัดงานพิธี

                แต่ยังไงก็ต้องจัดงานพิธี แต่ละประเทศเลยถือโอกาสดูว่าราชอาณาจักรจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปด้วย

                เรื่องความความวุ่นวายที่ราชวังได้ยินมาจากริโฟล เลยสงสัยว่าไปเอาข้อมูลในราชวังมาตอนไหนกันแน่

                หลังจากที่ฟังสถานการณ์ภายในราชวังแล้ว อเลนก็ตอบกลับมาไปว่า “งั้นเหรอ” ด้วยท่าทางที่ไร้ความสนใจ เพราะได้แหวนมาแล้ว ถือว่าจบๆกันไป

                โดยงานพิธีอันยืดยาวในวันนี้จัดขึ้นที่โรงแรมสุดหรูในเมืองแห่งการศึกษา

                เนื่องจากเวลาไม่น่าทัน เลยขอเลิกเรียนก่อนแล้วมุ่งหน้าไปโรงแรมนั้นพร้อมกับคุเรนะ

                (กะแล้วเชียว โรงแรมเดียวกับที่มาพบมกุฎราชกุมารเมื่อปีที่แล้ว ที่นี่เป็นโรงแกรมสำหรับพวกมกุฎราชกุมารงั้นเหรอ?)

                พอถึงโรงแรมที่มารับประทานอาหารเย็นกับมกุฎราชกุมารเมื่อปีที่แล้ว ก็ถูกพาไปยังห้องรับรอง

                เหล่านักเรียนที่เข้ารอบ16 คนสุดท้ายรออยู่ตรงห้องรับรอง ซึ่งมีนักเรียนหลายคนมารอแล้ว คงรอให้งานพิธีเริ่ม ไม่รู้ทำไมเหล่านักเรียนปีสูงกว่าถึงเข้ามาทักทาย เลยทักทายกลับไปอย่างสุภาพ

                หลังจากนั้นสักพักคนดูแลก็มาบอกว่า “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” ก่อนจะเริ่มอธิบายข้อควรระวังในงานพิธี เช่นห้ามมองมกุฎราชกุมารโดยตรง หรือห้ามตอบเสียงดังเกินไป

                เขาบอกว่าห้ามพกอาวุธเข้าไป การเข้าร่วมงานพิธีห้ามพกอาวุธโดยเด็ดขาดเลยต้องตรวจร่างกายว่าแอบพกอาวุธอะไรไว้หรือเปล่า ซึ่งอเลนโดนตรวจสอบโดยคนถึง 2 คน

                อีกไม่นานงานพิธีจะเริ่มแล้ว ซึ่งมีนักเรียนบางคนกลัวเหมือนกันเรื่องที่ห้ามเสียมารยาทกับแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศ เพราะโดนขู่ว่าถ้าเสียมารยาทจะต้องโดนลงโทษ

                พอเวลาผ่านไปพอสมควรเจ้าหน้าที่ก็มานำทางไป โดยให้ผู้ชนะเลิศอย่างอเลนเป็นคนเดินนำเข้าห้องจัดพิธี

                (ที่นี่ ที่กินอาหารกับมกุฎราชกุมารนี่ แค่เก็บโต๊ะก็กลายเป็นห้องจัดงานแล้วเหรอ?)

                ประตูบานคู่เปิดออกและเข้าไปยังสถานที่จัดงานพิธี

                ก่อนอื่นมกุฎราชกุมารจะพูดเกริ่นก่อน โดยทั้ง 16 คนจะต้องเดินเข้าไปตรงกลางห้องขนาบด้วยขุนนางและแขกผู้ทรงเกียรติ ถึงจะห้ามมองไปรอบๆ แต่เท่าที่เห็นน่าจะมีเกิน 100 คน

                “ถึงผมสีดำจะหายาก แต่พอมองใกล้ๆยังเป็นเด็กอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

                “เรียกมังกรออกมาสู้ได้จริงเหรอ?”

                “ใช่แล้วอย่าพูดเสียงดังไปสิ”

                (จริงๆเลย พูดเบาๆกันหน่อยสิ ได้ยินหมดแล้ว)

                เหล่าขุนนางส่วนใหญ่พูดเกี่ยวกับอเลน ถึงจะได้ยินแต่ไม่ตอบสนองอะไร

                พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นมกุฎราชกุมารนั่งอยู่ตรงด้านในสุดของห้อง โดยพอทั้ง 16 คนคุกเข่ามกุฎราชกุมารถึงจะพูดออกมา

                (โอ๊ะ? ไวเคานต์แกรนเวลมาด้วย)

                เห็นไวเคานต์อยู่ตรงมุมสายตา ไวเคานต์เองก็บอกไว้ว่าจะเข้าร่วมงานพิธีด้วย

                “ยะ หยุดอยู่ตรงนั้น! ใกล้เกินไปแล้ว!!”

                ในระหว่างที่คิดอย่างนั้นและเคลื่อนที่อยู่ห่างจากมกุฎราชกุมาร 5 เมตร เขาก็ส่งเสียงออกมาอย่างดัง ดูเหมือนจะเข้าใกล้เขาเกินไป

                ดูเหมือนจะต่างกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่อธิบายเอาไว้ก่อนหน้า เขาอธิบายมาว่าบนพรมห่างจากมกุฎราชกุมาร 5 เมตรจะมีสัญลักษณ์กลมๆอยู่ ให้ไปคุกเข่าตรงนั้น

                เลยหยุดพร้อมกับคุกเข่าลง โดยไม่โต้เถียงอะไร

                “ท่านมกุฎราชกุมาร อย่ากระตุ้นมากเกินไปสิครับ การป้องกันของที่นี่ไม่ได้สมบูรณ์แบบนะครับ”

                “ระ รู้แล้วน่า”

                (พูดเบาๆกันหน่อยเถอะ ได้ยินหมดแล้ว แล้วบอกว่าป้องกันงั้นเหรอ)

                อัศวินที่คอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังพูดเบาๆกับมกุฎราชกุมาร จะว่าไปรู้สึกว่าอัศวินที่คอยคุ้มกันจะเยอะกว่าปีที่แล้ว

                (เร็วๆหน่อยเหอะ อยากจะเพิ่มเลเวลอัญเชิญแล้ว จะได้ไปแก้แค้นมังกรสักที)

                อเลนพออัญเชิญขึ้นสู่เลเวล 7 ก็ได้สเตตัสจากพรคุ้มครองเพิ่มขึ้น และได้สัตว์อัญเชิญใหม่ๆมา บอสชั้นล่างสุดระดับ A เจอมังกรครั้งล่าสุดตอนเดือนมกราคมของปีนี้หลังจากนั้นก็ยังไม่เคยโผล่ออกมาอีกเลยซึ่งอยากจะลองสู้อีกสักครั้ง

                ครั้งนี้อยากจะลองโดยไม่ต้องให้คุเรนะใช้เอ็กซ์ตร้าสกิล

                เนื่องจากมกุฎราชกุมารพูดอยู่ เลยก้มศีรษะตามที่ได้รับการอธิบายไว้

                “ทุกคนประลองกันได้อย่างยอดเยี่ยม ราชอาณาจักรราตาชูเองรู้สึกดีใจที่มีผู้แข็งแกร่งเช่นพวกเจ้า หลังจากนี้จงฝึกฝนเพื่อรับใช้ราชอาณาจักรต่อไป”

                “““ครับ!”””

                (เอาละ จบแล้วกลับได้สินะ ดีนะเนี่ยที่พูดสั้นไม่เหมือนกับผู้อำนวยการสมัยมัธยมต้น)

                มันต่างกับโลกก่อน ราชวงศ์จะไม่พูดกับคนเบื้องล่างนานสักเท่าไร

                แล้วในห้องก็เกิดความเงียบขึ้น

                (หือ? นานอะไรอย่างนี้? รออะไรอยู่? ในเวลาอย่างนี้)

                เพราะไม่รู้ว่ารออะไรอยู่ ทำให้ความอยากกลับเพิ่มมากขึ้น ถึงอเลนจะไม่ได้มองแต่ดูเหมือนแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศรวมไปถึงเหล่าขุนนางกำลังรอคำพูดต่อไปของมกุฎราชกุมารอยู่

                “อเลนเอ๋ย เจ้าต่อสู้ได้ยอดเยี่ยมมาก”

                มกุฎราชกุมารพูดต่อราวกับโดนเร่งเร้าจากรอบๆ แต่ละประเทศคงอยากเห็นว่าราชอาณาจักรจะมีท่าทีอย่างไรกับผู้ชนะเลิศอย่างอเลน

                “ขอบพระคุณมากครับ เพราะอยากจะแสดงให้ท่านมกุฎราชกุมารเห็นเลยตื่นเต้นมากไปหน่อยครับ”

                (ยังไงก็พูดแก้ตัวเรื่องทำลานประลองพังไว้ก่อนดีกว่า)

                “งะ งั้นเหรอ แกรนเวลเองถ้ามีลูกน้องอย่างนี้น่าจะรีบๆมาบอกกันหน่อยนะ”

                มกุฎราชกุมารโบ้ยความผิดว่าที่ราชอาณาจักรไม่รู้เรื่องนี้เพราะไวเคานต์

                “ละ ลูกน้องหรือครับ?”

                ไวเคานต์ที่ยืนอยู่ในห้องโถงถึงกับส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย

                “หือ? ไม่ใช่ลูกน้องเหรอ?”

                มกุฎราชกุมารจำได้ว่าปีที่แล้วอเลนแต่งตัวเป็นคนรับใช้แล้วตามไวเคานต์มาที่นี่ เขาเลยคิดว่าน่าจะเป็นลูกน้อง

                เกิดความคลาดเคลื่อนของการสนทนา มกุฎราชกุมารที่อยากจะจบการสนทนาลงเร็วๆเลยมองไวเคานต์

                “ครับ อเลนเป็นแขกของตระกูลแกรนเวลครับ”

                “แขกงั้นหรือ เรื่องจริงเหรออเลน?”

                เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอเลนถึงแต่งตัวเป็นคนรับใช้เลยถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

                “ใช่แล้วครับ อยู่ในตำแหน่งของแขกตระกูลแกรนเวลครับ เนื่องจากได้รับการต้อนรับจากไวเคานต์เป็นอย่างดี บางครั้งเลยเสนอตัวขอช่วยงานแทนค่าที่พักครับ”

                ““งาน?””

                ตอนนั้นเองที่มกุฎราชกุมารกับไวเคานต์ประสานเสียงออกมาพร้อมกัน ไวเคานต์นึกไม่ออกว่าขอให้ช่วยงานอะไร

                “งานงั้นเหรอ แล้วเป็นงานแบบไหนล่ะ?”

                “เป็นบอดี้การ์ดครับ ในช่วงหลายปีนี้ไวเคานต์เจอปัญหาเยอะพอควรเลยครับ”

                “พรวด!”

                ไวเคานต์ถึงกับสำลักออกมา ตอนรับประทานอาหารเย็นครั้งก่อนเคยโดนเตือนไปแล้ว แต่ครั้งนี้มกุฎราชกุมารกลับไม่ตำหนิไวเคานต์

                พอบอกไปว่าบอดี้การ์ดทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ไม่มีขุนนางในราชสำนักคนไหนไม่รู้เรื่อง “การเปลี่ยนแปลงของตระกูลแกรนเวล”

                แต่แขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากไม่รู้การเมืองภายในราชอาณาจักรเลยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปต่อดี

                การเปลี่ยนแปลงของตระกูลแกรนเวล เหล่าขุนนางในราชสำนักรู้ดีกันว่าเป็นเรื่องที่ไวเคานต์ใช้สิทธิ์ในการขุดเหมืองแร่มิธริลเพื่อการกำจัดราชฑูตและขุนนางที่มาหาเรื่อง

                อเลนตั้งใจจะบอกว่าถูกจ้างมาเป็น “บอดี้การ์ด” มันไม่จบแค่ปกป้องไวเคานต์ แต่รวมไปถึงใช้กำลังในการกำจัดคนที่มาขัดขวางด้วย

                มกุฎราชกุมารกลืนน้ำลายดังเฮือก

                เท่ากับว่างานเลี้ยงอาหารค่ำปีที่แล้วอเลนแต่งกายเป็นคนรับใช้เพื่อรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด

                อัศวินหลายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมกุฎราชกุมาร เริ่มถอยร่นแม้จะมีหน้าที่ที่ต้องคอบปกป้องเขาก็ตาม

                ถ้าถามว่าเป็นบอดี้การ์ดเพื่อป้องกันจากใครก็ต้องบอกว่าจากมกุฎราชกุมาร และคนที่ต้องสู้กับอเลนก็คือเหล่าอัศวิน บางทีคงคิดว่าถ้าหากปีที่แล้วต้องต่อสู้อาจจะต้องตายก็ได้เลยตัวสั่นไม่หยุด

                “งะ งั้นเหรอ ลำบากหน่อยนะการที่ต้องคุ้มครองขุนนางคนสำคัญที่ช่วยเหลือราชอาณาจักรของเราเนี่ย”

                “ครับ คิดว่าหลังจากนี้คงต้องปกป้องไวเคานต์ที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอดจากอีกหลายคนอยู่ครับ”

                มกุฎราชกุมารพอได้ยินคำว่า “หลายคน” ถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดก็พูดต่อ

                แล้วงานพิธีของงานประลองโรงเรียน ก็จบลงด้วยการที่อเลนแสดงจุดยืนของตัวเองกับมกุฎราชกุมาร

                ไวเคานต์น่าจะรับประทานอาหารเย็นอยู่กับเซซิล แต่โดนเหล่าขุนนางในราชสำนักล้อมและพาไปที่ไหนไม่รู้ วันนั้นเลยไม่ได้พบกับเซซิล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+