บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ 380 เตือน
ในตอนนี้ มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกครั้ง หลู่เจิ้งได้ยินและมองไป ก็พลันชะงักอยู่กับที่!
เขาเห็นเด็กกลุ่มใหญ่กำลังเล่นบาสในสนาม เล่นกันอย่างบ้าคลั่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลอยขึ้นทุ่มลูกสองมือพร้อมส่งเสียงตะโกน! หลู่เจิ้งรู้จักเขา นั่นคือหวังคุน เจ้านี่จะถูกด่าอยู่ใต้ตึกนี้ทุกวัน แต่ก็เล่นบาสได้เก่งมากจริงๆ
แทบเป็นขณะเดียวกัน เฉินเหว่ยที่สูงร้อยเก้าสิบกว่ากระโดดขึ้นตามพร้อมตะเบ็งเสียง โบกมือใหญ่เหมือนพัดใบปาล์มเข้าไปขวาง!
ทว่าหวังคุนหมุนตัวกลางอากาศ ส่งบอลไป เพื่อนในทีมรับบอลแล้วชู้ตไปที่ห่วง!
ปึก!
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ เพื่อนในทีมคนนั้นเพิ่งชู้ตบาสก็ถูกร่างสีขาวขวางไว้! พอมองดีๆ นั่นคือสุนัขตัวใหญ่สีขาว! มันกระโดดลอยขึ้นเอาหัวชนลูกบาสลอยไป
“บรู๊ว!” สุนัขตัวใหญ่สีขาวแหงนหน้าหอนเสียงลากยาว ราวกับกำลังร้องตะโกน
หวังคุนเห็นแบบนั้นก็โกรธ ทว่าก็จนปัญญาด้วย ด่าทอเสียงดังไปว่า “เจ้าหมาขาวแกใช่ตัวหมัดรึเปล่าเนี่ย? กระโดดสูงอะไรขนาดนั้น กินพลุจรวดเป็นอาหารรึไง?”
หลู่เจิ้งตาค้าง สุนัขเล่นบาสได้? นี่…มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ไม่มีมือยังเล่นบาสได้?
หลู่เจิ้งมองหวังคุนอีกที แววตาเขาเร่าร้อนอย่างยิ่ง แสลมดังก์เชียวนะ นั่นคือสิ่งที่เขาเฝ้าปรารถนามาตลอด น่าเสียดาย ต่อให้เป็นตอนที่ขาสองข้างยังดีก็ยังกระโดดไม่สูงขนาดนั้น เขารักการเล่นบาส แต่ไม่ได้รักถึงขั้นเล่นชำนาญ
หลู่เจิ้งไม่เดินหน้าต่อ แต่มองดูอยู่ในมุมเงียบๆ เขาชอบความรู้สึกที่ไม่มีใครสนใจเขา แต่ตัวเองได้ดูบาสอย่างจริงจัง
การแข่งขันบาสดำเนินต่อไป ครั้งนี้หลู่เจิ้งตะลึงค้างไปแล้ว หมาป่าเดียวดายไม่มีมือจริงๆ ทว่าเจ้านี่ไม่เลี้ยงบาสเลย แต่วิ่งไปมารอบๆ อาศัยความเร็วและแรงดีดตัวขวางการส่งบาสของทีมหลังคุนไว้ลูกแล้วลูกเล่า ทำให้ไม่อาจบุกได้อย่างเต็มที่ จนพวกหวังคุนร้องโอดครวญไม่หยุด
แต่ทีมของเฉินเหว่ยดีใจมาก บุกเป็นทีมหลายครั้งจนพวกหวังคุนได้แต่ถอยไปเรื่อยๆ
หลู่เจิ้งปิดปากไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าสุนัขตัวหนึ่งจะพลิกเกมได้
ทีมหวังคุนกับเฉินเหว่ยไม่ได้แข่งกันครั้งสองครั้ง ทุกครั้งจะสูสีกัน แต่ครั้งนี้เป็นแบบนี้ไปได้ เขาเลยรู้สึกเหลือเชื่อ
หลู่เจิ้งออกมาแล้ว ฟางเจิ้งทำหน้าส่งสัญญาณให้หวังคุน หวังคุนกับเฉินเหว่ยต่างเข้าใจในฉับพลัน
เริ่มส่งบอลอีกครั้ง หวังคุนเลี้ยงบาสอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง ผ่านคนไป กระโดดขึ้น “เฉินเหว่ย เก่งจริงก็มาบล็อกฉันอีกทีสิ!”
“มาก็มา!” เฉินเหว่ยกระโดดขึ้นตาม เหวี่ยงฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าไป!
ปัง!
เกิดเสียงดังสนั่น เฉินเหว่ยตบลูกบาสลอยสูงวิ่งเป็นเส้นโค้งสวยงามไกลออกไป สุดท้ายตกลงตรงหน้าหลู่เจิ้งดังปัง ก่อนกระเด้งอีกรอบ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพระเจ้าช่วยหรือไม่ ลูกบาสเด้งมาอยู่ในอ้อมอกหลู่เจิ้ง!
หลู่เจิ้งใช้สองมือคว้าลูกบาสไว้โดยไม่รู้ตัว มันเป็นความรู้สึกที่ห่างเหินมานาน! เมื่อสัมผัสผิวเว้านูนไม่ราบเรียบบนลูกบาส ได้กลิ่นยางนั้น หลู่เจิ้งทึ่มทื่อไป! ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะได้จับลูกบาสอีกครั้ง! วินาทีนั้นในหัวมีเพียงลูกบาส กระทั่งลืมเรื่องที่ตนเผยตัว ถูกคนพบเข้าแล้ว
ชั่วขณะที่หลู่เจิ้งกำลังตะลึงงัน มีเสียงดังแว่วมา “เฮ้! พวก จับได้แน่นมาก มาเล่นด้วยกันไหม?”
หลู่เจิ้งมึนงง เงยหน้าเหม่อมอง เห็นหวังคุนกับเฉินเหว่ยเดินเข้ามา หวังคุนถูๆ จมูกแล้วพูด “พวก เหม่ออะไร เล่นกันไหม?”
“หา…หา? ฉัน…” หลู่เจิ้งก้มหน้ามองสองขาตัวเอง โยนลูกบาสให้หวังคุนในฉับพลัน และหันตัวจะจากไป ขาเขาเป็นอย่างนี้จะเล่นบาสอย่างไร? นี่กำลังเย้ยเยาะเขาอยู่หรือ?
“หยุดก่อน! ถ้านายเป็นผู้ชายก็อย่าหนี! ก็แค่ขาขยับไม่ได้ชั่วคราวเองไม่ใช่เหรอ? เสียโอกาสเล่นบาสรึเปล่า?” หวังคุนพูด
เฉินเหว่ยเบะปาก “ช่างเถอะน่า เขาไม่ชอบเล่นบาสแล้ว ถ้าชอบจริงๆ อย่าว่าแต่มีสองขาเลย ต่อให้ไม่มีก็เล่นบาสได้เหมือนกัน!”
“อย่างนี้นี่เอง ที่แท้ก็ไม่ชอบเล่นบาส…ไปเถอะ เราไปเล่นกันต่อ เมื่อกี้นายกล้าบล็อกฉัน อีกเดี๋ยวจะให้นายได้เจอของจริง” หวังคุนตอบ
“บล็อกนายได้เป็นเรื่องปกติมากอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ระหว่างพูดอยู่นี้ หวังคุนกับเฉินเหว่ยหมุนตัวกลับเดินไปสนามบาส
หลู่เจิ้งหันหลังให้สองคนนี้ เขาไม่หนีอีก แต่มีคำพูดของสองคนนี้ดังในหัวไม่หยุด ถ้ารักจริงก็เล่นบาสได้? แต่ว่าเขาเล่นได้หรือ?
พอหันกลับไปมอง เห็นเพียงหวังคุนกับเฉินเหว่ยเดินไกลออกไปเรื่อยๆ…
ขณะนี้เอง ร่างสีขาวมาที่ข้างหลังหลู่เจิ้ง พลันเข็นรถเข็นของเขาไปข้างหน้า
หลู่เจิ้งตกใจสะดุ้ง หันไปมองเห็นคนที่เข็นรถเข็นเป็นสุนัขสีขาวตัวใหญ่!
“นายจะทำอะไร?” หลู่เจิ้งร้อนใจแล้ว
หมาป่าเดียวดายส่งสายตาให้กำลังใจเขา เหมือนกับตอนเขาลงตึก!
“ฉะ…ฉันไม่รู้จะเล่นบาสยังไง” หลู่เจิ้งพูด
“โฮ่งๆ!” หมาป่าเดียวดายเห่าสองที
เวลานี้เอง ฟางเจิ้งปรากฏตัวแล้ว “มันบอกว่าจะช่วยประสกเอง มันก็อยากเล่นบาสเหมือนกัน แต่ไม่มีมือ ประสกมีมือ มันมีขา ร่วมมือกันเป็นยังไง?”
“หา?” หลู่เจิ้งมึนงง
“โบร๊ว!” หมาป่าเดียวดายไม่ให้โอกาสหลู่เจิ้งปฏิเสธเลย มันหอนเหมือนกำลังประกาศศึก ขณะเดียวกันก็ใช้หัวดุนหลู่เจิ้งไปข้างหน้า
เฉินเหว่ยเห็นแบบนั้นจึงหัวเราะเสียงดัง “พวก รับบาส!”
เฉินเหว่ยพูดพร้อมกับส่งบาสให้หลู่เจิ้ง หลู่เจิ้งยื่นมือไปรับตามจิตใต้สำนึก แต่พลันมีคนเพิ่มมาข้างหน้าขวางหน้าเขาไว้ นั่นคือเด็กหนุ่มหน้าสิว เขาพูดเสียงดังว่า “อย่าคิดจะผ่านฉันไปได้!”
หลู่เจิ้งเห็นว่าแววตาอีกฝ่ายไม่มีการเหยียดหยาม ไม่มีการดูถูก ไม่มีความเห็นใจ มีเพียงความพร้อมในการรับมือศัตรูอย่างเต็มที่!
เขาชอบความรู้สึกนี้!
วินาทีนี้ หลู่เจิ้งเหมือนลืมเรื่องที่ตนไม่มีสองขา ในใจเขามีเพียงลูกบาส! มีเพียงอีกฝ่าย! มีเพียงความคิดเดียว ‘ผ่านเขาไป!’
หลู่เจิ้งตบลูกบาสโดยไม่รู้ตัว จากนั้นถูกเข็นข้างหลัง พุ่งเลี้ยวเข้าไป รถเข็นหมุน เด็กหนุ่มหน้าสิวขวางไว้ไม่ได้เลย หมาป่าเดียวดายเข็นหลู่เจิ้งพุ่งออกไปทางขวา เด็กหนุ่มหน้าสิวเพิ่งจะขวาง หมาป่าเดียวดายก็สะบัดหัวกลับ รถเข็นเลี้ยวโค้งอย่างรวดเร็ว ผ่านคนไปได้!
เด็กหนุ่มหน้าสิวมองแผ่นหลังของหลู่เจิ้งกับหมาป่าเดียวดายด้วยความคับอกคับใจ ร้องโวยว่า “ไม่ยุติธรรม เจ้านี่มันรถถัง! ลงมือไม่ได้เลย!”
ทุกคนได้ยินเข้าก็พลันหัวเราะเสียงดัง
ทว่า…
ปี๊ด!
เสียงนกหวีดดังลากยาว
“หลู่เจิ้ง นายวอร์คกิง[1] เตือนใบเหลือง” กรรมการพูด
หลู่เจิ้งอึ้งงัน แต่เขาไม่เพียงไม่ท้อใจ แต่กลับตื่นเต้นกว่าเดิม! เมื่อครู่ตอนรถเข็นข้ามอีกฝ่ายไปได้ เขาไม่ได้ตบบาสจริงๆ แต่อุ้มลูกบาสผ่านไป นี่ผิดกฎจริงๆ แม้จะถูกลงโทษ เขากลับดีใจ เขาชอบความรู้สึกยุติธรรมแบบนี้! ไม่มีใครดูแลเขาเพราะไม่มีขา ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครดูถูกเขาเพราะไม่มีขา!
“พวก อย่าเหม่อดิ นี่เพิ่งเริ่มต้น ฝีมือการเลี้ยงบอลของนายใช้ได้ เป็นมืออาชีพเลย พอร่วมมือกับเจ้านี่นายเป็นรถถังที่แกร่งที่สุดของพวกเราเลย บดขยี้พวกมัน! ฉันป้องกันแนวหลังเอง จัดการพวกมันเลย!” เฉินเหว่ยตบบ่าหลู่เจิ้ง
……………………………………………..
[1] วอร์คกิง หมายถึงการเคลื่อนขาหลักออกโดยไม่ส่งบาสหรือชู้ต หรือคือการถือลูกบาสวิ่งเกินสองก้าวโดยไม่เลี้ยงลูก
Comments