บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 990: บดขยี้

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 990: บดขยี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 990: บดขยี้

…………………………………………………..

ตอนที่ 990: บดขยี้

สี่ยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำต่างผวาหวาด

พวกเขาเคยล้อมโจมตีซูอี้มาก่อน จะไม่กระจ่างแก่ใจได้เช่นไรว่าภัยพิบัติประหลาดซึ่งเกิดขึ้นในพิภพยมราชฝังวิถีน่าจะเป็นฝีมือซูอี้?

ยามนี้ เมื่อพวกเขาคิดถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินซึ่งดูเหมือนตำนานแล้ว หัวใจของยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่ต่างหดหู่อย่างยิ่ง

คนเหมือนเงาของต้นไม้

แม้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นร่างเวียนวัฏสงสารของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน แม้อีกฝ่ายจะเพิ่งขึ้นเป็นจักรพรรดิ แต่ใครเล่าจะกล้าประเมินเขาต่ำ?

เมื่อได้ยินวาจาของซูอี้ ฮั่วเหยาก็ถอนหายใจโล่งอก

แววตาของเขาวูบไหวขณะจ้องมองซูอี้ “ศิษย์ผู้นี้ไร้ฝีมือ แต่เต็มใจประลองมหาวิถีกับอาจารย์!”

นี่คือส่วนลึกของถ้ำสวรรค์หกวิถี มีเย่ลั่วยืนมองอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งทำให้ฮั่วเหยาตระหนักว่าหากต้องการมีชีวิตรอด เขาต้องพยายามทุกวิถีทางในการเอาชนะอาจารย์!

และวาจาเรียบเฉยของซูอี้ก็แสดงความมั่นใจและดูแคลนอย่างไร้กังขา

เสียงครวญดาบสะท้อนก้อง

แววตาของเขาวูบไหวขณะจ้องมองซูอี้ “ศิษย์ผู้นี้ไร้ฝีมือ แต่เต็มใจประลองมหาวิถีกับอาจารย์!”

สีหน้าของฮั่วเหยาเปลี่ยนสีฉับพลัน “อาจารย์ ท่านคิดกลับคำหรือไร?”

เคร้ง!

สีหน้าของฮั่วเหยาบิดเบี้ยวเสียจนน่าเกลียด เขารีบโคจรปราณเตรียมโจมตี ทว่าก็ต้องอึ้งไปเมื่อพบว่าดาบเมฆาแดงลอยนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาสามจั้ง

ซูอี้สะบัดแขนเสื้อ และดาบเมฆาแดงก็ทะยานสู่อากาศ

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าใช้ดาบเล่มนี้”

ดวงตาของซูอี้ฉายประกายดูแคลน เขาโยนดาบเล่มนั้นขึ้นไป แล้วดาบเมฆาแดงก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาฮั่วเหยา

ใบหน้าของฮั่วเหยาถมึงทึง ดูเดาความคิดได้ยาก

สำหรับเขา วาจานั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยามดูแคลน เหยียบย่ำความภาคภูมิในตนเองของเขา

แต่ในสายตาเย่ลั่ว การกระทำของอาจารย์นั้นซุกซ่อนปริศนา!

หากฮั่วเหยารับดาบไป นั่นหมายความว่าในใจเขาเต็มไปด้วยความกลัวต่อผู้เป็นอาจารย์ และไม่กล้าประชันด้วยมือเปล่า

หากเขาปฏิเสธดาบ เขาก็คงเสียตัวช่วยอันใหญ่หลวงไป!

เพราะถึงอย่างไร ตลอดห้าร้อยปีที่ผ่านมา ฮั่วเหยาก็ถือว่าดาบเมฆาแดงเป็นดาบคู่ชีวิตของเขามาโดยตลอด ขัดเกลาทะนุถนอมมันด้วยใจ และหากมีสมบัตินี้ช่วยเขา ก็เพียงพอจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้

เมื่อตระหนักเช่นนี้ ในใจของเย่ลั่วก็อดนึกถึงคำสี่คำขึ้นมาไม่ได้ ‘ทัณฑ์ประหารใจ’!

อาจารย์ไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อสังหารฮั่วเหยา แต่ยังมาเพื่อทำลายจิตใจของฮั่วเหยาให้แหลกเละด้วย

จากเรื่องนี้ก็เห็นได้ว่าอาจารย์ผิดหวังในตัวศิษย์คนนี้เพียงไร!

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฮั่วเหยาพลันกล่าวขึ้น “อาจารย์เก็บดาบนี้ไปได้เพียงหนึ่งขยับมือ หากศิษย์ใช้มัน เกรงว่าคงถูกดาบนี้ทรยศเอาได้”

การแพ้พ่ายด้วยน้ำมือของซูอี้เมื่อครั้งก่อน ทำให้ฮั่วเหยาตื่นตัวหวาดระแวงเป็นพิเศษ

ทว่าวาจาเหล่านี้ทำให้เย่ลั่วกล่าวอย่างเดือดดาล “ฮั่วเหยา เจ้ากำลังดูหมิ่นการกระทำของอาจารย์อยู่หรือไร!? หากอาจารย์อยากฆ่าเจ้าโดยเมินทุกสิ่งจริง ๆ ท่านก็ย่อมทำลายเจ้าโดยไม่ต้องรับปากใด ๆ เลยก็ยังได้!”

เขาเสียใจนัก ไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าเหตุใดฮั่วเหยาจึงเป็นเช่นนี้ไปได้

ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหูทวนลมเมินเฉย

“อย่าห่วงเลย ต่อให้เจ้าแพ้ข้าก็จะไม่นำดาบเมฆาแดงกลับไปหรอก”

สีหน้าของซูอี้ไม่แยแส ไร้อารมณ์ใด ๆ

การกระทำของฮั่วเหยาก็ทำให้เขาใจเสีย ผิดหวังโดยสมบูรณ์เช่นกัน

“ได้! ศิษย์รู้ว่าคำพูดของอาจารย์ต้องน้อมทำตาม และไม่มีทางบิดพลิ้ว”

ฮั่วเหยาสูดหายใจลึก ๆ และเอื้อมมือหยิบดาบเมฆาแดง

เคร้ง!

ดาบคำรามดุจกระแสคลื่น ระเบิดอัคคีพลิ้วไหว

ปราณของฮั่วเหยาเองก็เปลี่ยนแปรกะทันหัน เพลิงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าราววงแหวนทิพย์ปกคลุมรอบร่างเขา

อำนาจร้ายกาจทำให้ยอดฝีมือทั้งสี่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำอึดอัด

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

พวกเขาก็อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเช่นกัน แต่อำนาจของฮั่วเหยาทำให้พวกเขาทั้งตัวสั่นและรู้สึกหดหู่

และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้เพิ่งเลื่อนขอบเขตเป็นจักรพรรดิคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ฮั่วเหยาหากไม่ใช้สมบัติวิเศษกระมัง?

เย่ลั่วดูสุขุม

เขาไม่กังวลว่าอาจารย์ตนจะแพ้แม้เพียงน้อย

มันคือความเชื่ออันหยั่งรากฝังลึกถึงกระดูกของเขามาช้านาน!

ซูอี้ไม่พูดพร่ำ จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปใกล้ฮั่วเหยา บรรยากาศรอบกายสูงส่งเฉยเมยขึ้นทุกขณะ

ทุกย่างก้าวแผ่วเบาเยือกเย็น ราวกำลังเดินในสวน

ทว่าเมื่อซูอี้เข้ามาใกล้ ฮั่วเหยากลับรู้สึกกระวนกระวาย

“อาจารย์ ล่วงเกินแล้ว!”

ฮั่วเหยาตะโกน และชิงโจมตีโดยไร้ลังเล

ตู้ม!

ดาบเมฆาแดงปะทุเพลิงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า สร้างปราณดาบพร่างพรายราวเผยภาพหมู่ดาราดาษ ปราณฆ่าฟันสะท้านนภาสะเทือนแดนดินราวแผดเผาทุกสิ่ง

ดวงตาของซูอี้ยังคงเฉยเมยเช่นก่อน ทว่าในร่างของเขาวังวนแห่งมหาวิถึลึกล้ำหมุนคว้าง การก้าวย่างของเขาสอดคล้องกับปราณลึกล้ำแห่งมหาวิถี ส่งผลถึงพลังทั้งกายและวิญญาณ

พลังแห่งวิถีดาบระเบิดออกอย่างไร้ใดต้านจากร่างสูงของซูอี้

เขายกมือขวาชี้ดุจดาบ ฟาดฟันไปบนอากาศ

ฉัวะ!

ปราณดาบอันเจิดจรัสดุจทองเทวะสายหนึ่งพุ่งออกมา ผ่าอากาศฉีกขาดเยี่ยงกระดาษ

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออก

สองปราณดาบอันมีอำนาจแตกต่างสิ้นเชิงปะทะกันกลางอากาศ

ต่างฝ่ายต่างประชันกันซึ่งหน้าไม่ยอมผู้ใด ไม่มีสิ่งใดพิเศษ

จากนั้น ภายใต้สายตาตะลึงงันของผู้มอง ปราณดาบของซูอี้ก็ทำลายปราณดาบของฮั่วเหยาด้วยอำนาจทำลายล้างสูงส่ง

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ปราณดาบของฮั่วเหยาแหลกระเบิด โปรยปรายเป็นพิรุณแสง

ปราณดาบของซูอี้ยังคงไม่สึกหรอ และมันยังคงพุ่งเข้าหาฮั่วเหยา

ไร้ต้านตลอดทาง!

ดวงตาของฮั่วเหยาเบิกกว้าง ก่อนจะฟาดฟันดาบของเขาออกไป

ในพริบตานั้น เพลิงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน กฎเกณฑ์แผ่ขยาย ปราณดาบไร้ใดเปรียบระเบิดออก รุนแรงเสียจนสามารถสังหารจักรพรรดิในขอบเขตเดียวกันได้โดยง่าย!

ท้ายที่สุด แม้ว่าฮั่วเหยาจะปัดป้องปราณดาบของซูอี้ได้ เขาก็ยังถูกผลักถอยหลังไปสองสามก้าว

เขาคาดไว้นานแล้วว่าในเมื่ออาจารย์ผ่านมหาภัยพิบัติเป็นจักรพรรดิได้ ความแข็งแกร่งของเขาต้องห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับก่อนหน้าเป็นแน่

แต่เขาไม่คาดเลยว่าเพียงหนึ่งปราณดาบของอาจารย์จะสามารถทำลายท่าไม้ตาย และผลักเขาถอยหลังได้!

“นี่…”

สี่ยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำต่างผวาหวาด

นี่คือพลังต่อสู้แห่งขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นจะมีได้หรือ?

ยิ่งกว่านั้น ร่างเวียนวัฏสงสารของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินยังคงมือเปล่า ไม่ได้ใช้สมบัติใด ๆ ด้วย!

น่ากลัวอย่างไม่อาจปฏิเสธ

“ระหว่างขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นและขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลางมีความแตกต่างใหญ่หลวง ทว่าดาบของซูอี้กลับเปี่ยมอำนาจ และภาวะดาบก็เลิศล้ำเหนือใดเทียบ!”

ดวงตาของเย่ลั่วทอประกายระคนตกตะลึง

แม้แต่เขาก็ยังไม่อาจจินตนาการได้ว่าอาจารย์ของเขาสามารถสำแดงปราณดาบอันแข็งแกร่งเพียงนี้ได้เช่นไร

ในสนามรบ ฮั่วเหยาตะโกนลั่น จากนั้นเขาก็ฟาดฟันดาบสังหาร

ดวงตาของเขาเปี่ยมจิตฆ่าฟัน บรรยากาศป่าเถื่อนดุร้ายขึ้นทุกที

เขาไม่กล้ายั้งมือเลย!

เมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีเช่นนี้ ซูอี้ย่อมไม่อาจปรานี

ในอดีต แม้เขาจะบรรลุพันเคล็ดหมื่นวิชา แต่พวกมันล้วนถูกจำกัดด้วยการฝึกฝนของเขาเอง จนมิอาจสำแดงอำนาจวิเศษของพวกมันได้มากนัก

แต่ยามนี้ต่างออกไป เพราะเขาเลื่อนขอบเขตเป็นจักรพรรดิไปแล้ว!

พลังและขอบเขตใหม่นี้ทำให้เขาสามารถแสดงพลังทั้งหมดที่สั่งสมมาในอดีตชาติได้อย่างเต็มที่เสียที!

อาภรณ์ของซูอี้พลิ้วไหว เส้นผมยาวพัดไหวตามกระแสลม ขณะที่เขาก้าวเดินไปเบื้องหน้า และแต่ละการกระทำของเขาล้วนก่อให้เกิดปราณดาบหนึ่งสาย เสียงครวญดาบสะท้านทั่วนภาหล้า

มีทั้งปราณดาบอันเจิดจ้าเยี่ยงตะวัน พลิ้วพัดบนเวหา

บ้างดูราวธารดาราพลิ้วโรยจากสรวงสวรรค์ชั้นเก้า จันทราลอยขึ้นเหนือทะเลคราม

บ้าง…

ทุกดาบล้วนเต็มไปด้วยปริศนาใหญ่หลวงและอำนาจวิเศษเกินคะเน มองแล้วดูเหมือนเทพดาบจุติกล้า ฟาดฟันดาบใส่โลกา

ช่างสง่างามสูงส่ง แต่ก็ดุร้ายเกรี้ยวกราด!

สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ไม่ว่าการโจมตีของฮั่วเหยาจะรุนแรงเพียงใด ทุกวิชาดาบที่เขาใช้ล้วนถูกซูอี้ทำลายโดยตรง

เพียงไม่กี่อึดใจ ชายหนุ่มก็ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตจนมิอาจส่งเสียงร้องได้

การโจมตีของเขาเปลี่ยนเป็นต้านรับ ฝืนการสังหารฝ่ายเดียวของซูอี้

สถานการณ์แปรเปลี่ยนเช่นนี้

เมื่อเผชิญกับวิชาดาบของซูอี้ ฮั่วเหยาดูไม่อาจต้านทานและถูกสยบอย่างต่อเนื่อง แม้เขาจะพยายามใช้ดาบเมฆาแดงต่อต้านสุดกำลังก็ตามที

สีหน้าของซูอี้เฉยเมยตั้งแต่ต้นจนจบ ภาวะดาบพลุ่งพล่านทั่วกายราวพลังชีวิตไร้จุดจบ

ทว่าทุกครั้งที่เขาโจมตี สถานการณ์ของฮั่วเหยาก็ยิ่งย่ำแย่

หลังชั่วสิบดีดนิ้ว

ฮั่วเหยาบาดเจ็บสาหัส อาภรณ์ขาดวิ่น ผิวกายปรากฏรอยดาบบาดทั่วไปหมด โลหิตไหลลงมาจากปากแผล

หลังชั่วสามสิบดีดนิ้ว

เส้นผมของฮั่วเหยากระเซอะกระเซิง เขากระอักเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าซีดเซียวดุจกระดาษ ดวงตาแดงก่ำแฝงความสยดสยอง

เขาสิ้นหวังจนกรีดร้องไม่หยุดเยี่ยงคนบ้า และต่อสู้เยี่ยงสัตว์ร้ายจนตรอก

นอกสนามรบ ยอดฝีมือทั้งสี่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเห็นเช่นนี้ มือเท้าของพวกเขาต่างเย็นเยียบ หัวใจระรัวกลัวสั่น

ร่างเวียนวัฏสงสารของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินแข็งแกร่งเกินไป!

นับแต่เริ่มสงครามจวบยามนี้ มีแต่ฮั่วเหยาที่ถูกสยบราบคาบจนแทบบ้า กระทบจิตใจร้ายแรงจนแทบไม่เหลือแรงสู้!

และนับแต่ต้นจนจบ ซูอี้ไม่เคยได้รับบาดเจ็บใด ๆ ไม่เคยใช้สมบัตินอกกาย แม้แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงเฉยเมยไม่เปลี่ยนแปลง

ทว่าการบดขยี้อย่างไร้เทียมทานนี้ทำให้ทุกคนตะลึงอย่างลึกล้ำ!

“พื้นฐานการฝึกฝนของฮั่วเหยา อาจารย์คือผู้ชี้นำ และวิชาดาบกับการฝึกฝนของเขา อาจารย์ก็เป็นผู้สอน หากเป็นเช่นนี้ เขาจะเป็นคู่ต่อสู้อาจารย์ได้เช่นไร?”

สายตาคมกริบของเย่ลั่วจับจ้องสนามรบโดยไม่กะพริบตา “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบนวิถีแห่งดาบ ทั่วเก้ามหาแดนดิน ไร้ผู้ใดเทียบอาจารย์ แต่ฮั่วเหยายังคิดว่าตนแข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าอาจารย์ในวิถีการฝึกฝน แล้วเขาจะปราบอาจารย์ได้ ช่างน่าขันราวความฝันของคนโง่จริงแท้!”

ทว่าเมื่อเขาได้เห็นพลังวิถีดาบของซูอี้ หัวใจของเย่ลั่วเองก็ตกใจถึงขั้นที่ไม่อาจมากไปกว่านี้เช่นกัน

ตัวตนในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นก็แข็งแกร่งได้เพียงนี้เชียวหรือ?

หลังจากเวียนวัฏสงสารฝึกฝนใหม่ อาจารย์ได้เดินทางไปบนวิถีดาบร้ายกาจใดกัน?

“พวกเจ้ามัวทำอันใดอยู่ เร็วเข้าสิ! หากข้าตาย พวกเจ้าก็ไม่รอดเช่นกันนะ!!”

ทันใดนั้น เสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของฮั่วเหยาก็ดังก้องสนามรบ

ยอดฝีมือขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่คนสะดุ้งราวเพิ่งตื่นจากฝัน

พวกเขามองหน้ากันและกัดฟันทะยานสู่สนามรบทันที

จริงเช่นฮั่วเหยาว่า ในศึกวันนี้ หากพวกเขาไม่ร่วมมือ ก็จะไม่มีผู้ใดรอดความตาย!

กระทั่งหนียังทำไม่ได้ เพราะห่างออกไปยังมีเย่ลั่วอยู่!

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด