บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 311: สาเหตุ

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 311: สาเหตุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 311: สาเหตุ
ตอนที่ 311: สาเหตุ

คลื่นดาบร้อยจั้งพุ่งสูงแผ่ปกคลุมท้องฟ้าราวกับกลางคืน

ดาบนั้นทรงพลังราวกับสายฟ้า มันสามารถทำลายภูเขาและแม่น้ำได้

มีพลังลึกลับไหลวนอยู่ในนั้น และทันทีที่ดาบเล่มนี้ปรากฏออกมาก็ราวกับจะเขย่าหัวใจผู้คน คล้ายว่ามันสามารถทะยานข้ามจักรวาลและแบ่งแยกความชั่วดีได้

ตูม!

ในแม่น้ำชิงหลาน เกิดคลื่นปั่นป่วนราวกับฟองสบู่เนื่องจากถูกปราณดาบที่ไม่มีใครเทียบบดขยี้ มองจากระยะไกลราวกับว่าแม่น้ำทั้งสายได้พังทลายลง

ในอากาศที่ว่างเปล่า เมื่อปราณดาบพุ่งผ่านก็ทิ้งรอยแตกที่น่าตกใจไว้เบื้องหลัง

เมื่อเหตุการนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ทุกคนบนเรือต่างก็ตื่นตกใจ

ขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับและขี่นกกระเรียนออกไป ฉือเฟิงหลิวก็ชะงักในทันใด

ฟิ้ว!

ที่ข้างหลังนั้น ดาบวิญญาณที่เจิดจ้าราวหิมะได้พุ่งออกมาจากท้องฟ้า เงาดาบแผ่ปกคลุมไปทั่ว และฟันออกไปพร้อมโทสะ

ดาบเล่มนี้เปรียบเสมือนธารน้ำแข็งที่ตกลงมาจากท้องฟ้า คมดาบส่องสะท้อนไปทั่ว

ตู้ม!

ปราณดาบที่ปล่อยออกมาทั้งสองปะทะกัน ทำให้พื้นผิวแม่น้ำและอากาศส่งเสียงครวญครางในทันใด

ขณะที่ลมพัดผ่าน ปราณดาบของซูอี้ก็ตัดผ่านเป็นแนวตรงราวกับกรวยแหลมคมที่ขุดผ่านธารน้ำแข็ง

ภาพตรงหน้านั้นทำให้ดวงตาของฉือเฟิงหลิวฉายแววประหลาดใจ

คนหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่ง!

แขนเสื้อของเขาปลิวไสว

ดาบวูบวาบหมุนวนอยู่ในอากาศ ม่านดาบกลมสีขาวราวหิมะบดบังทัศนวิศัย

เคร้ง!!

เมื่อดาบทั้งสองเข้ากระทบกัน ทำให้เกิดกระแสปราณดาบพร่างพราย

มองด้วยตาเปล่าจึงเห็นได้ชัดว่าดาบของซูอี้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ปรากฏรอยร้าวขึ้นที่ม่านดาบกลมอีกด้วย

จนกระทั่งในท้ายที่สุด ทั้งปราณดาบและม่านดาบแตกสลาย เกิดกระแสน้ำเชี่ยวกรากราวกับฝนที่ตกลงมา และบริเวณโดยรอบของแม่น้ำก็ปรากฏรอยแยกอันน่าตกใจ

เต่าชราไม่ได้เห็นสถานการณ์นี้มานานแล้ว และเมื่อได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ดาบของท่านซูอี้ผู้ยิ่งใหญ่ ยอดเยี่ยมมาก!”

เสียงชื่นชมดังมาอย่างไม่ขาดสาย

บนเรือที่อยู่ไกลออกไป ทุกคนต่างตกตะลึง

ปราณดาบของซูอี้ถึงกับทำให้เทพเซียนเดินดินอย่างฉือเฟิงหลิวต้องหันกลับมารับมือ และจำต้องใช้เพลงดาบของตนเข้าต้าน!

ฟิ้ว!

โดยไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง ซูอี้ก็ได้ก้าวขึ้นไปในอากาศแล้วมุ่งหน้าไปทางฉือเฟิงหลิว

ร่างผอมบางในชุดคลุมสีเขียว ลอยข้ามแม่น้ำพร้อมปราณดาบอีกเล่มหนึ่งฟันไปทางฉือเฟิงหลิว

“ฮึ!”

ไอความเย็นชาปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วของฉือเฟิงหลิว เขายืนขึ้นบนหลังนกกระเรียนขนอัคคี ถือดาบวิญญาณอยู่ในมือ ก่อนที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นเหมือนรุ้งสวรรค์ที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและแผ่ออก

มือซ้ายไพล่หลัง มือขวาแกว่งดาบ “ไป!”

ตูม!

ในแม่น้ำชิงหลานใต้ฝ่าเท้าของเขา กระแสน้ำจำนวนมากพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ราวกับมังกรน้ำทะยานขึ้นไปบนฟ้า และคำรามออกมาพร้อมกับดาบของฉือเฟิงหลิว

พลังแห่งสวรรค์ โลกมนุษย์ และน้ำต่างหลอมรวมอยู่ในเพลงดาบนี้!

พลังเช่นนี้มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปสิ้นหวัง

เนื่องจากดาบนี้ผสานพลังฟ้าดินและ ‘ภาวะดาบวารี’ เข้าด้วยกัน!

ภาวะดาบระดับสูงเช่นนี้ย่อมเพียงพอที่จะสังหารผู้คนที่ไม่เข้าใจมัน!

แม้แต่คนอย่างหลี่ฉางหนิงก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกับพลังของดาบเล่มนี้

ตูม!

ปราณดาบของซูอี้แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ส่วนดาบของฉือเฟิงหลิวยังคงไม่ลดละ ราวกับมังกรน้ำคลุ้มคลั่ง มันวิ่งตรงเข้ามาหาซูอี้ด้วยแรงกระตุ้นที่ปะทุขึ้น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูอี้ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด ร่างของเขาจึงถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีดำ และความเร็วในการพุ่งไปข้างหน้าก็ยังพุ่งสูงขึ้น

ร่างทั้งหมดราวกับเป็นสายฟ้าสีดำวาบผ่านอากาศ

ทันใดนั้น ภาพปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน——

ภาวะดาบที่แปรเปลี่ยนกระแสน้ำนับพันพลันกลับกลายคล้ายดั่งผืนผ้าใบที่ถูกสายฟ้าสีดำฉีกเป็นชิ้น ๆ!

ซู่~~

น้ำกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้าและแสงก็สลายไป

ทันใดนั้น ร่างของซูอี้ก็มาถึงจุดที่ฉือเฟิงหลิวอยู่ซึ่งสูงกว่าพื้นดินนับสิบจั้ง ดาบของเขาราวกับส่วนหนึ่งของร่างกาย ฟันออกด้วยกระบวนท่า ‘ตัดสมุทรผ่าขุนเขา’!

“หืม?”

สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของฉือเฟิงหลิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าปราณดาบของตนจะถูกซูอี้กำจัดไปได้ง่าย ๆ เช่นนั้น

สิ่งนี้เกินความคาดหมายของเขา!

ในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าซูอี้เหวี่ยงดาบมาเพื่อสังหาร เขาไม่กล้าที่จะลังเลอีกต่อไป กล่าวว่า “ไป!”

ปราณในร่างฉือเฟิงหลิวเดือดพล่าน ฉับพลันนั้นได้เหวี่ยงดาบในมือออกไป!

เกิดการกระทบกันจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ปราณที่น่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้นและกระจายไประหว่างทั้งสอง ทำให้บริเวณใกล้เคียงปั่นป่วน น้ำสาดกระเซ็น

ทุกคนบนเรือต่างรู้สึกว่าโลกกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ร่างกายพวกเขาโซเซ และเกือบจะล้ม

เสียงอุทานด้วยความสับสนดังขึ้น

ในระยะไกล ร่างของฉือเฟิงหลิวและซูอี้ถูกกระแทกถอยหลัง แต่ละคนถอยห่างออกไปหลายสิบจั้ง ทำให้มีช่องว่างระหว่างพวกเขากว้างขึ้น

เสมอกัน!

แต่เมื่อนึกได้ว่าซูอี้เป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นสี่เท่านั้น ขณะที่ตนเองเป็นถึงเทพเซียนเดินดิน เช่นนั้นฉือเฟิงหลิวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

“นี่คือแสงเบญจธาตุ! เจ้าใช้มหาวิถีของขอบเขตปรมาจารย์ได้หรือ?”

ใบหน้าของฉือเฟิงหลิวฉายแววสงสัย ดูไม่อยากเชื่อ และสีหน้าของเขาก็ไม่อาจสงบนิ่งได้อีกต่อไป

ขอบเขตปรมาจารย์ การขัดเกลาอวัยวะภายในทั้งห้า ตั้งแต่อดีตจนถึงบัดนี้ มีเพียงไม่กี่คนในโลกสามัญที่สามารถไปถึงจุดนั้นได้!

ในที่สุดฉือเฟิงหลิวก็เข้าใจว่าทำไมปราณดาบของซูอี้จึงสามารถทำลายปราณดาบของเขาได้

ผู้ที่มี ‘แสงเบญจธาตุ’ ย่อมสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของน้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวการโจมตีของภาวะดาบวารีนี้!

“ที่แท้เจ้าก็คือผู้สิงสถิตนี่เอง”

ในขณะนี้ซูอี้ยังคงแสดงออกดั่งเดิม

ธาตุวิถีของฉือเฟิงหลิวนั้นสูงส่งกว่าหลี่ฉางหนิงมากนัก เขาไม่เพียงสืบทอดการฝึกฝนที่สมบูรณ์มาเท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมภาวะดาบขั้นปฐพีได้ และยังรับรู้ ‘แสงเบญจธาตุ’ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉือเฟิงหลิวไม่ใช่ผู้ฝึกตนจากมหาทวีปคังชิง

“น่าตลกนัก แล้วตัวเจ้าเล่า?”

ฉือเฟิงหลิวกะพริบตา ใบหน้าของเขาดูมืดมนและน่ากลัว “ในอีกโลกหนึ่ง การที่เจ้าจะสามารถขัดเกลามหาวิถีในขอบเขตปรมาจารย์ได้ เกรงว่านั่นคงเป็นสิ่งที่หายากยิ่ง?”

“อา”

ซูอี้จะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าชายผู้นี้กำลังทดสอบตัวเขาอยู่?

แต่เขาคร้านเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระ …ฆ่าทิ้งเสียเลยจะได้หมดปัญหา!

ชิ้ง!

คราวนี้ซูอี้นำดาบนิลกาฬกลืนฟ้าออกมา ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาฉายแววเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน

ชายหนุ่มค่อนข้างสงสัยว่าผู้ที่ครอบครองร่างของฉือเฟิงหลิวมาจากที่ใด และมีสิ่งใดน่าสนใจติดตัวมาด้วยหรือไม่?

ว่าแล้วดาบในมือพลันเกิดการแปรเปลี่ยน ปราณไหลท่วมส่วนคม ก่อนส่งออกหมายตัดผ่านทุกสิ่งอย่างให้ขาดเป็นสอง

ฉือเฟิงหลิวแสดงท่าทางสง่าผ่าเผย

เขาดูออกว่าซูอี้วางแผนจะสังหารตัวเอง

แต่ในเวลานี้ เขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับซูอี้

“หึ!”

เมื่อฉือเฟิงหลิวกำลังจะถอนตัวถอยหนี เสียงที่คลุมเครือพลันดังก้องอยู่ในหู ทำให้ร่างกายของฉือเฟิงหลิวหยุดนิ่ง

ในจิตวิญญาณ ราวกับว่ามีภูเขาโบราณสูงตระหง่านทับลงมาและพลังที่หาที่เปรียบมิได้นั้นทำให้จิตวิญญาณของเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

“ไม่ดีแล้ว!”

สีหน้าของฉือเฟิงหลิวเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาสัมผัสได้ถึงความอันตราย

ในขณะนั้น เขาพลันส่งเสียงคำรามออกมา ใช้ทักษะต้องห้าม เปลี่ยนเลือดให้แผดเผาราวกับไฟลุกโชน บังคับปิดกั้นการโจมตีทางจิตวิญญาณ

กึก!

ตามด้วยการสั่นไหวของร่างกาย จากนั้นเขาจึงหายตัวไปจากนกกระเรียนขนเพลิงในฉับพลัน

เกือบจะในเวลาเดียวกัน ปราณดาบที่ราวกับกลางคืนก็ฟาดฟันลงมา ร่างของนกกระเรียนขนเพลิงไม่ทันที่จะตอบสนองพลันขาดครึ่ง เลือดสาดกระเซ็นไปในอากาศ

เมื่อเห็นฉากนี้จากระยะไกล ฉือเฟิงหลิวก็ตกตะลึงกับเหงื่อไหลท่วมตัว หากเขาไม่ต้านทานการโจมตีทางจิตวิญญาณนั่นได้ทันเวลา ชะตากรรมของตัวเขาก็คงเหมือนกับนกกระเรียนตัวนั้น!

ฟิ้ว!

ด้วยปราณดาบที่ลอยอยู่กลางอากาศ ซูอี้โจมตีอีกครั้งโดยไม่พูดให้มากความ

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉือเฟิงหลิวจะกล้าลังเลได้อย่างไร? ทันใดนั้นเขาก็บดขยี้ยันต์หยกสีทองแปลกประหลาดในมือ

ตูม!

หมอกสีทองปกคลุมร่างกายจนมิด

“ซูอี้ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงของจริง!!”

เสียงโห่ร้องด้วยความโกรธดังก้องไปทั่ว

และร่างของฉือเฟิงหลิวก็พลันหายไปในในหมอกสีทอง

“ไม่นึกเลยว่าชายผู้นี้จะมี ‘ยันต์หลบหลีก’ อยู่ในมือของเขา…”

ซูอี้ถอนหายใจ

น่าเสียดายที่ไม่สามารถรั้งฉือเฟิงหลิวไว้ได้

พลังของยันต์หลบหลีกนั้นต่างกัน อย่างแรกขึ้นอยู่กับวัสดุ อย่างที่สองขึ้นอยู่กับวิธีขัดเกลายันต์ และอย่างที่สามขึ้นอยู่กับระดับผู้สร้าง

ยันต์ทำให้ฉือเฟิงหลิวหลบหนีไปได้ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ยันต์

ธรรมดา

นี่คือพลังของผู้สิงสถิต

พลัง สมบัติ และแม้แต่ความลับของการฝึกฝนที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญนั้นนับได้ว่ามากกว่าผู้คนในมหาทวีปคังชิงแห่งนี้

ถ้าเป็นหลี่ฉางหนิงในการต่อสู้ครั้งนี้ ชายหนุ่มคงชนะไปนานแล้ว

แม่น้ำชิงหลานอันยิ่งใหญ่ค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิม

ผู้คนบนเรือต่างตกตะลึง และแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความตกใจ

ในการต่อสู้เมื่อสักครู่ ปราณดาบถูกฟาดฟันไปทั่ว และการต่อสู้ที่ไม่คาดคิดนี้ก็เป็นเหมือนการต่อสู้ของเหล่าเทพเจ้า!

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่านั้นคือฉือเฟิงหลิวรองเจ้าสำนักดาบมังกรเร้น ผู้เป็นเทพเซียนเดินดิน ตัวตนที่เหนือธรรมชาติ …ในท้ายที่สุด เขากลับเป็นฝ่ายหลบหนีด้วยความอับอายภายใต้เงื้อมมือของซูอี้

นกกระเรียนขนอัคคีที่มากับเขาก็ถูกฆ่า!

หากการต่อสู้ดังกล่าวถูกแพร่ออกไป โลกหล้าจะสั่นสะท้านและศักดิ์ศรีของฉือเฟิงหลิวจะเสียหายอย่างหนัก!

“ขอบคุณท่านซูอี้ที่ปราบฉือเฟิงหลิวและช่วยชีวิตข้าได้ในพริบตา!”

ในที่ไกลออกไป คลื่นน้ำซัดสาด เต่าชราที่มีรูปร่างใหญ่โตราวกับภูเขาว่ายอยู่เหนือน้ำ เหยียดขาหน้าคู่ที่ใหญ่โตเท่าราวกับเสาหิน และขอบคุณซูอี้

ดวงตาของมันโตราวกับทะเลสาบเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความกตัญญูและความเคารพอย่างจริงใจ

ชึ้บ!

ซูอี้เก็บดาบของเขาและพูดอย่างเฉยเมย “ข้าขอถามเจ้า ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าจึงยืนหยัดเพื่อข้า?”

เต่าชราย่อมไม่กล้าปิดบัง มันกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ท่านซูอี้ผู้ยิ่งใหญ่ไม่รู้อะไรเสียแล้ว เมื่อนานมาแล้วข้าได้ยินสหายเต๋าจำนวนหนึ่งพูดถึงดาบที่ตัดหัวอูหวนสุ่ยจวินและทำลายล้างเมืองเก้าคดใต้แม่น้ำต้าฉาง ข้าชื่นชมมาก ต่อมาข้าก็โชคดีที่ได้พบกับเถาชิงซาน และฟังเขาเล่าถึงพฤติกรรมที่ไร้เทียมทานของท่าน… ”

เขาพูดมาก และทุกคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม

ในท้ายที่สุดซูอี้ก็เข้าใจ

เถาชิงซานผู้ดูแลต้นท้อไฟหยางบริสุทธิ์แทนเก๋อฉางหลิง ราชากลืนสมุทร ได้ ‘รู้แจ้ง’ แล้ว และมันก็เป็นปกติที่เขาจะภูมิใจในตนเอง

และหลังจากที่เต่าชรารู้เรื่องนี้แล้ว เขาก็หวังว่าวันหนึ่งตนเองจะสามารถ ‘รู้แจ้ง’ ได้เหมือนเถาชิงซาน!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *