บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 672: จะโทษผู้ใดได้

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 672: จะโทษผู้ใดได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 672: จะโทษผู้ใดได้

จบที่นี่?

ทันทีที่ฉู่อวิ๋นเคอพูดจบ ไม่เพียงคนจากคีรีดาบเมฆาเร้นข้างกายเขาเท่านั้นที่ตะลึง

กระทั่งเยว่สิงซาน ซุนซ่างหลิ่วและคนอื่น ๆ ก็ตะลึงค้าง

นี่หมายความว่า ฉู่อวิ๋นเคอ ผู้มีชื่อเสียงก้องโลกในทำเนียบดาราประกาศยอมแพ้แล้วหรือ?

“ขลาดกลัวเพียงนั้นเชียวหรือ!?”

เย่ซุ่นก่นด่าอย่างหัวเสีย “เจ้าจะบอกว่าตนเป็นศิษย์คีรีดาบเมฆาเร้นผู้ทรงเกียรติได้เช่นไร? ไม่เห็นหรือว่าศิษย์ร่วมสำนักของเจ้าถูกฆ่า? ไม่มีความกล้าหรือไร? ไม่รับผิดชอบใด ๆ เลย? หรือเจ้าไม่ใช่นักดาบ?”

เขาก่นด่า ก่อนจะปิดหน้าด้วยสีหน้าใจสลาย

ทุกคน “…”

สีหน้าของพวกฉู่อวิ๋นเคอย่ำแย่ลงทุกที

ครานี้ ซูอี้เอ่ยขึ้นว่า “กล่าวยอมก็ไม่เป็นไร จากกฎการต่อสู้ชิงสมบัติ ส่งสมบัติบนตัวเจ้ามาให้หมด แล้วข้าจะมอบโอกาสไว้ชีวิต”

เฮือก!

มีเสียงสูดหายใจเฮือกดังขึ้นในบริเวณ

ดวงตาของเย่ซุ่นทอประกาย เตรียมกล่าวบางอย่าง

ซูอี้ยกมือของเขาขึ้นเล็กน้อย

ปากของเย่ซุ่นถูกอำนาจบางอย่างอุดไว้ทันที ไม่อาจเอ่ยวาจาใด

“รังแกกันเกินไปแล้ว!”

ชายชราผมขาวหน้าซีด ก่อนกล่าวอย่างเดือดดาล “ศิษย์หลานฉู่ เจ้าเห็นหรือไม่ว่ายิ่งเจ้ายอมผ่อนปรน ศัตรูยิ่งได้คืบเอาศอก!!”

“ศิษย์พี่ฉู่ ศิษย์พี่หานถูกฆ่าตาย ยามนี้อีกฝ่ายยังไม่ยอมรามือ จะทนได้เช่นไร?”

คนบางผู้มีโทสะ

ฉู่อวิ๋นเคอถอนหายใจยาว

เขามองกลับมามองซูอี้ สีหน้าสงบนิ่งอย่างผิดปกติ ก่อนกล่าวว่า “ข้าและเจ้า สู้วัดเป็นตายกัน”

วาจาเฉยเมย แต่เด็ดเดี่ยว

รอบข้างเงียบลงทันที

เคร้ง!

ในขณะเดียวกัน เสียงครวญดาบก็สะท้อนออกมาราวเสียงมังกรคำรณบนร่างของฉู่อวิ๋นเคอ

บุคคลผู้โด่งดังทั่วหล้าแห่งคีรีดาบเมฆาเร้น มีชื่ออยู่ในอันดับเจ็ดสิบหกแห่งทำเนียบดาราบรรยากาศเปลี่ยนกะทันหัน

อำนาจของเขาประดุจดั่งตะวันเคลื่อนขึ้น โทสะพลุ่งพล่านราวกระทิงพร้อมชน!

สายภาวะดาบสีม่วงพวยพุ่งจากร่างของเขา สยายออกเยี่ยงคลื่นน้ำ ย้อมนภาเปลี่ยนสีแดนดิน วายุเมฆาปั่นป่วน

อากาศในรัศมีหลายพันจั้งส่งเสียงกรีดร้องวุ่นวาย

ผู้คนต่างหน้าถอดสี

แข็งแกร่งยิ่งนัก!!

พลังระดับนี้ห่างไกลหากจะเทียบกับหานเฟยกวน เพียงบรรยากาศก็เพียงพอให้ผู้คนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณหายใจลำบากได้

“คีรีดาบเมฆาเร้น ฉู่อวิ๋นเคอ โปรดชี้แนะข้าด้วย!”

ฉู่อวิ๋นเคอกล่าวอย่างเยือกเย็น

ขณะกล่าว ดาบบินเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมาจากเหนือหัว สว่างไสวราววารียามสารทฤดู เจือด้วยแสงสีม่วงอ่อนราวกับควัน

ดาบบินสารทม่วง!

สมบัติวิญญาณคู่กายของฉู่อวิ๋นเคอ!

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็พลันกล่าวขึ้นได้ว่า “เจ้าเคยอยู่บนทำเนียบดาราหรือไม่?”

ฉู่อวิ๋นเคอกล่าว “ยามนี้อยู่ในอันดับเจ็ดสิบหก”

ซูอี้แค่นเสียงกล่าว “พวกเจ้าควรเข้ามาด้วยกันนะ”

ลึก ๆ ในใจ ซูอี้ผิดหวังเล็กน้อยกับ ‘ทำเนียบดารา’ ที่หอเมฆาเขียวจัดขึ้น

ยอดฝีมือติดอันดับเจ็ดสิบหกมีดีเพียงเท่านี้หรือ?

บางที ผู้ที่ควรค่าให้สนใจมีเพียงสิบอันดับแรกเท่านั้นหรือ?

และเมื่อซูอี้กล่าววาจาเหล่านี้ ทุกคนก็ตะลึงงัน

เข้ามาด้วยกัน?

นี่เป็นการเมินฉู่อวิ๋นเคอแบบซึ่งหน้า!

“เช่นนั้นก็ลุยด้วยกันเลย!”

ชายชราผมขาวตะโกน

แต่เดิม เขาไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดดวลแลกชีวิตของฉู่อวิ๋นเคอกับซูอี้โดยลำพังอยู่แล้ว

เพราะถึงอย่างไร บุคคลผู้สามารถสังหารหานเฟยกวนด้วยดัชนีเดียวต้องเป็นศัตรูที่ร้ายกาจสุดขีดเป็นแน่

ยามนี้ หนทางอันสมเหตุสมผลที่สุดก็คือผนึกกำลังของทุกคนเพื่อสังหารอีกฝ่ายในทันที

“ได้!”

สองชายหนึ่งหญิงที่เหลือต่างเห็นควร

ฉู่อวิ๋นเคอขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยคำใด

เมื่อเห็นเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็ต่างเว้นระยะถอยจากพวกเขา ไม่ปล่อยให้ตนเองถูกลูกหลงในศึกถัดไป

ตู้ม!

อากาศพลันคำรามก้องด้วยเสียงดาบคลั่งสะท้านเยี่ยงคลื่น

ไม่ว่าจะเป็นชายชราผมขาวหรือคนอื่น ๆ ทั้งสี่ ทุกคนต่างชักดาบของตนออกมา ร่างแผ่อำนาจของขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณออกมา

เมื่อผนวกพลังของพวกเขารวมกับผู้นำอย่างฉู่อวิ๋นเคอ ทำให้โลกาปั่นป่วน

จิตสังหารไร้ผู้เทียบและภาวะดาบปกคลุมทั่วนภาและตะวัน!

“ฆ่า!”

ชายชราผมขาวออกนำ

เขามีวิถีเต๋าในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบ เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของคีรีดาบเมฆาเร้น และมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนยิ่งนัก

พรึ่บ! พรึ่บ!

แขนเสื้อของชายชราผมขาวขยับไหว ดาบวิถีสีดำสี่เล่มทะยานออกมา

‘วสันต์คำนึง’ ‘เพลิงคิมหันต์’ ‘สารทวารี’ และ ‘เมฆาเหมันต์’ ถูกสลักที่ด้ามดาบแต่ละเล่ม เมื่อสี่ดาบวิถีร่วมกันฟันออกไป นิมิตอันตระการตาของการผันเปลี่ยนสี่ฤดู ทั้งความรุ่งเรืองและเหี่ยวเฉาก็ฉายออกมาทันที

ในขณะเดียวกัน คนอื่นก็ลงมือเช่นกัน โนเวล-พีดีเอฟ

ตู้ม!

สารพัดวีถีดาบอันตระการตาซึ่งมีภาวะดาบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก่อตัวรวมกันเป็นพิรุณดาบ ดาบอสนี ดาบวายุ หมอกดาบ…

อำนาจกดดันรุนแรงเพียงพอจะทำให้เทพเซียนตะลึง!

โดยเฉพาะฉู่อวิ๋นเคอ เขาใช้ดาบวิถีสีแดงฟาดฟันลงมาจากอากาศด้วยความสูงหลายพันจั้งราวกับเพลิงเวหาระเบิดสู่หล้า อำนาจแผดเผานภาทลายปฐพี

วิชาดาบประหารเทพ!

เมื่อกลุ่มผู้ฝึกตนจากคีรีดาบเมฆาเร้นลงมือร่วมกัน พลังที่สำแดงก็นับว่าเกินธรรมดา

ผู้คนรายล้อมเว้นระยะห่างไปไกลล่วงหน้า ทว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็ตะลึงเสียจนรีบเว้นระยะห่างไกลออกไปอีก

เย่ซุ่นไม่ใช่ข้อยกเว้น ด้วยกลัวจะถูกลูกหลง เขาจึงไถลหลบออกไปอยู่ห่าง ๆ

และเมื่อเห็นเช่นนี้

สีหน้าของซูอี้เฉยเมยเช่นกาลก่อน ดวงตาสีเข้มไร้ความหวั่นไหว

เขาก้าวออกมาโดยไม่หลบ

ตู้ม!

ดาบวิถีทั้งสี่ซึ่งแทนการหมุนเวียนสี่ฤดูกัดกร่อนความรุ่งเรืองพุ่งหมายสังหารเขาก่อนใคร

มือขวาของซูอี้เอื้อมออกมา ห้านิ้วขยับราวดีดพิณ

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

เสียงระเบิดสะเทือนเลือนลั่น พิรุณแสงสาดกระเซ็น ดาบวิถีทั้งสี่ถูกดีดปลิวอันแล้วอันเล่าราวต้องค้อนเทวะ

ชายชราผมขาวกระอักเลือดคำโต สีหน้าหวาดหวั่น

ตู้ม!

ในขณะเดียวกัน การโจมตีของพวกฉู่อวิ๋นเคอก็โอบล้อมซูอี้ราวคลื่นอันแกร่งกล้า

ยามนี้ จู่ ๆ ร่างของซูอี้ก็ขยับ เขาฟาดนิ้วลงมาเยี่ยงดาบ

ตู้ม!

พิรุณดาบปกคลุมนภากลายเป็นแสงสีไร้ลักษณ์พร่างพราวราวจะฉีกกระชากนภาสะบั้นสิ้น ทะลวงเข้าใส่คลื่นพลังราวกับจะตัดรากถอนโคนทุกสิ่ง

บังเกิดเสียงระเบิดสะท้านโลกา

วิชาดาบขั้นสูงสุดต่าง ๆ รวมถึงดาบวิถีอันเปี่ยมจิตวิญญาณไม่ธรรมดาต่างถูกหนึ่งการโจมตีของซูอี้ขยี้สิ้น

ตู้ม!

โลกนี้ดูราวถูกหนึ่งปราณดาบสะบั้นขาด

ภายใต้คลื่นพลังทำลายล้าง พวกฉู่อวิ๋นเคอเดินเซถอยหลังราวถูกคลื่นทะเลคลั่งซัดใส่

“เป็นเช่นนี้ได้เช่นไร?!”

ใครสักคนกรีดร้อง

การประสานโจมตีของพวกเขาถูกทำลายในดาบเดียว พูดไปใครเล่าจะเชื่อ?

“หรือเขาจะเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดท้าทายอำนาจสวรรค์ หนึ่งในสิบอันดับแรกของทำเนียบดารา!?”

ใครบางคนตกใจ

จากคำร่ำลือ บุคคลที่อยู่ในสิบอันดับแรกของทำเนียบดาราแห่งหอเมฆาเขียวต่างมีอำนาจต่อสู้ไร้เทียบทานเทียบเท่ากัน

กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสในโลกหล้ายังห่างไกลจะเป็นคู่ต่อกรของสัตว์ประหลาดท้าทายอำนาจสวรรค์เหล่านี้!

ยามนี้ ความแข็งแกร่งไม่น่าเชื่อของซูอี้ทำให้พวกฉู่อวิ๋นเคอตระหนักแล้วว่าท่าไม่ดี สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง

“ไฉนจึงแข็งแกร่งเพียงนี้…?”

ฉู่อวิ๋นเคอรู้สึกเย็นเยียบทั้งกายใจ เขาประจักษ์แล้วว่าอำนาจต่อสู้ของซูอี้น่ากลัวยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงเลือกถอยกลับเมื่อตอนก่อนหน้า

ไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของซูอี้จะยังสูงล้ำเหนือความคาดหมายของเขายามสู้กันจริง ๆ!

“ในฐานะนักดาบ ยามเมื่อเราต้องประมือ เจ้าควรมองความเป็นความตายโดยไร้กังวล ไร้ความกลัวสำเร็จหรือผิดพลาด เจ้า… ใจร้อนเกินไป”

เสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้น

เขาเห็นซูอี้ก้าวมาเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ยกมือขึ้นเล็กน้อย

ปุ้ง!

ร่างของชายชุดดำผู้หนึ่งซึ่งห่างออกไปสิบจั้งเศษระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ

เขาเองก็เป็นบุคคลในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ มีวิถีเต๋าเพียงพอกับหานเฟยกวน ทว่ากลับตายทันทีด้วยหนึ่งการโจมตีของซูอี้ ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย

ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นให้พวกฉู่อวิ๋นเคอหนังหัวชายิบ

“ไปกันเถิด ข้าจะรั้งเขาไว้!”

จู่ ๆ ชายชราผมขาวก็กู่คำราม พุ่งเข้าสังหารซูอี้ราวพร้อมตายตกตามกัน

“ก็แค่คนยื่นแขนหยุดรถม้า จะเอาชีวิตแลกช่วยผู้อื่นได้เช่นไร?”

ซูอี้สะบัดแขนเสื้อ

ปราณดาบสายหนึ่งพุ่งออกมา

ฉับ!

ชายชราผมขาวเพิ่งพุ่งมาได้ครึ่งทาง ร่างของเขาก็พลันขาดกลางตัว

เขาก้มลงมองอย่างไม่เชื่อสายตา “วิชาดาบอันใดกันนี่?”

ซูอี้กล่าว “ไม่มีสิ่งใดนอกจากแค่ฟันดาบเฉย ๆ”

“อย่างนั้นหรือ…”

ชายชราผมขาวตะลึงค้าง แววตาเลือนหาย สิ้นสติโดยสมบูรณ์

ร่างทั้งสองท่อนของเขาร่วงสู่พื้น

ทั่วอาณาเขตเงียบสนิท

ทุกผู้ต่างตื่นกลัว

กระทั่งเย่ซุ่นยังอดปาดเหงื่อกาฬของตนไม่ได้

‘แม้ระดับฝึกฝนของพี่เขยข้าจะยังห่างไกลจากจุดสูงสุดยามอดีตชาติ แต่พลังต่อสู้ระดับนี้ช่างบ้าคลั่งเกินไปนัก…’

“หากข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ส่งสมบัติของข้าให้ จะสายเกินไปหรือไม่?”

ไกลออกไป น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นเคอหนักอึ้ง

พวกเขาวางแผนจะฉวยโอกาสหลบหนี ทว่าพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าชายชราผมขาวจะตายไวเสียจนไม่มีเวลาให้พวกเขาหนี

“เป็นเช่นนี้แล้ว ยอมแพ้หรือไม่ก็มีค่าเท่ากัน”

ซูอี้กล่าวลอยชาย

“เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับคีรีดาบเมฆาเร้นของเราจริง ๆ หรือ? เจ้าน่าจะรู้นะว่าผลที่ตามมาร้ายแรงเพียงไร!”

สตรีในชุดกระโปรงสีดำกล่าวเสียงแข็ง

“หากไม่ฆ่าเจ้าเสียยามนี้ พวกเจ้าจะไม่มาล้างแค้นข้าหรือไร? คิดตื้น ๆ”

เสียงเฉยเมยของเขายังไม่ทันสิ้น ซูอี้ก็ฟาดผ่ามือใส่อากาศ

ตู้ม!

พื้นที่บริเวณที่สตรีในชุดกระโปรงสีหมึกยืนอยู่พลันพังทลาย คลื่นปราณดาบหนึ่งปรากฏฟาดฟันเข้าใส่ทั่วร่างของนาง

พริบตานั้น ร่างของสตรีในชุดกระโปรงสีดำแตกเป็นเสี่ยง กลายเป็นธุลีหายไป!

นับแต่การสังหารหานเฟยกวนในคราแรก จวบจนจัดการชายชราผมขาวและสตรีในชุดกระโปรงสีดำในยามนี้… พวกเขาตายตกคนแล้วคนเล่า!

ภาพการตายอันน่าสยดสยองทำให้ฉู่อวิ๋นเคอและอีกหนึ่งสตรีในชุดหลากสีที่เหลืออยู่รู้สึกราวร่วงลงสู่ถ้ำน้ำแข็ง ร่างของพวกเขาเย็นเฉียบ

“แต่เดิมวันนี้ ข้ามาเพื่อหาสมบัติในเขามารทมิฬ ไม่คิดเลยว่าแค่เพราะชิ้นส่วนสมบัติชิ้นเดียวจะทำให้ข้าต้องประสบหายนะเช่นนี้…”

สตรีในชุดหลากสีกล่าวอย่างขมขื่น สีหน้าหมดอาลัย

“จะโทษผู้ใดได้?”

สีหน้าของซูอี้เยือกเย็น

เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น ปราณดาบสายหนึ่งก็ปรากฏจากอากาศธาตุ บั่นหัวสตรีในชุดหลากสีลงทันที

ภาพการนองเลือดนี้ดูไม่เหมือนการสังหารมหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเลย แต่กลับดูง่ายดายราวบี้มดให้ตาย

ฉู่อวิ๋นเคอร่างสั่นมองซูอี้ ก่อนกล่าวว่า “ก่อนลงมือ ขอใต้เท้าขานนามให้ข้าทราบก่อนได้หรือไม่?”

“ซูอี้”

“ซูอี้?”

ฉู่อวิ๋นเคอสะดุ้ง จากนั้นก็ดูราวตระหนักบางอย่างขึ้นได้ เขาโพล่งขึ้น “ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”

เสียงยังไม่ทันหาย พิรุณดาบอันรุนแรงก็สาดซัดใส่เขาจากทั่วสารทิศ

ศิษย์เอกแห่งคีรีดาบเมฆาเร้นผู้อยู่ในอันดับเจ็ดสิบหกในทำเนียบดารา จู่ ๆ ก็กลายเป็นหมอกเลือด วิญญาณแตกสลาย

ยามนี้ หกยอดฝีมือจากคีรีดาบเมฆาเร้น หนึ่งในเจ็ดมหาอำนาจโบราณได้ถูกสังหารสิ้นด้วยมือซูอี้!

ทุกผู้รอบข้างต่างตะลึงจนไม่อาจเปล่งวจีใด!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด