บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]บทที่ 1148 ราชาวิญญาณหน้าศิลา

Now you are reading บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] Chapter บทที่ 1148 ราชาวิญญาณหน้าศิลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1148 ราชาวิญญาณหน้าศิลา

บทที่ 1148 ราชาวิญญาณหน้าศิลา

เคร้ง!

เฉินซีเหวี่ยงกระบี่ออกไป เพื่อสลายการโจมตีตรงหน้า กระบี่ของทั้งสองปะทะกันจนบังเกิดเสียงโครมครามสะท้านสวรรค์ทั้งเก้า และเสียดแทงแก้วหูของทุกคน มันปะทุพร้อมกับปราณกระบี่ลุกโชน

หลังจากทนทุกข์กับการโจมตีครั้งนี้ หลินเฉียนหุยอาศัยพลังปะทะเพื่อล่าถอยกลับมา และเคลื่อนไหวในมุมที่แปลกประหลาด ฉีกผ่านอากาศ และหายไปอย่างรวดเร็วภายในท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไร้ขอบเขต

“เนตรเทวะแห่งความจริงนั้นล้ำลึกเหมือนที่ตำนานกล่าวไว้จริง ๆ หากเจ้ามีโอกาส ข้ายินดีต้อนรับเจ้าเพื่อเยี่ยมเยี่ยนตระกูลหลินของข้า ผู้อาวุโสของข้าจะต้อนรับเจ้าอย่างสุภาพแน่นอน” เสียงของหลินเฉียนหุยดังขึ้นในหู และทำให้เฉินซีที่ตั้งใจจะไล่ตามหลินเฉียนหุยหยุดชะงัก ชายหนุ่มพลันขมวดคิ้วแน่น เพราะการแสดงของหลินเฉียนหุยแปลกประหลาดยิ่ง

เขารู้สึกราง ๆ ว่า หลินเฉียนหุยดูให้ความสำคัญกับเนตรเทวะแห่งความจริงอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะเหตุนี้ หลินเฉียนหุยจึงหยุดมือและจากไป

เหตุผลนั้นคาดเดาได้ง่ายมาก ไม่ว่าเคล็ดวิชาเทวะราตรีนิรันดร์จะลึกล้ำเพียงใด แม้จะสามารถผสานเข้ากับความมืด และสามารถปกปิดพลังชีวิตได้อย่างสมบูรณ์เท่าไหร่ มันก็จะถูกเปิดเผย เมื่ออยู่ภายใต้การจ้องมองของเนตรเทวะแห่งความจริง ดังนั้นหลินเฉียนหุยจึงไม่สามารถทำอะไรเฉินซีได้มากนัก

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การหันหลังกลับและจากไปจึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดสำหรับมือสังหาร

ในไม่ช้า เฉินซีก็ส่ายศีรษะและหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชายหนุ่มหันกลับไปมองข้างหลัง ในขณะที่เนตรเทวะแห่งความจริงเปิดออก ลำแสงสีดำสนิทสาดส่องไปทั่ว และเผยความลับมากมาย

“ดูเหมือนความวุ่นวายที่เกิดจากการต่อสู้ของข้ากับหลินเฉียนหุยก่อนหน้านี้ ได้ดึงดูดความสนใจจากหลาย ๆ คน… เจ้านี่มันสารเลวจริง ๆ! ยังกล้าเชื้อเชิญข้าให้เยี่ยมเยียนตระกูลของเจ้าอีกหรือ? นับว่าบุญแล้วที่ข้าไม่ฆ่าเจ้า!” ไม่รอช้า เฉินซีก็ถอนหายใจก่อนจะทะยานหายลับเข้ากลีบเมฆ

“มันเป็นกลิ่นอายของเจ้าเด็กนั้นจริง ๆ!”

ไม่นานหลังจากนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็บินเข้ามาเป็นขบวนเกือบสองร้อยคน เป็นจั่วชิวอินและพวกพ้อง

ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเทาก้มลงดมกลิ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างเร่งรีบ “เป้าหมายเพิ่งจากไปเมื่อไม่นาน มันกำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ส่วนกลาง”

จั่วชิวอินพยักหน้าด้วยสีหน้าอาฆาตแค้น ชายหนุ่มโบกมือและกล่าวว่า “ไป! ติดตามต่อไป!”

ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเทาคือ จั่วชิวถิง เขามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาและมีประสาทที่ไวต่อกลิ่นมาก ชายหนุ่มสามารถแยกแยะกลิ่นอายอย่างที่ไม่มีใครเหมือนในฟ้าดิน จึงเป็นนักตามรอยที่ยอดเยี่ยม

กลุ่มของจั่วชิวอินออกเดินทางอีกครั้ง และพุ่งเข้าหาพื้นที่ส่วนกลาง

ที่ชายแดนของพื้นที่ส่วนกลางเป็นป่าหินขนาดใหญ่ และก้อนหินเปล่าเปลือยจำนวนมากตั้งตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกมันดูเหมือนดาบ กระบี่ ขวาน ง้าว… พวกมันมีรูปร่างและขนาดต่างกัน อีกทั้งยังดูเหมือนทะเลหิน

สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าป่าศิลาวินาศ และมีสัตว์อสูรจักรวาลประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ‘วิญญาณหน้าศิลา’ อาศัยอยู่ภายในนั้น พวกมันเคลื่อนที่ไปมาเป็นฝูง อาศัยกินหินและโลหะ มีนิสัยโหดเหี้ยมและเลือดเย็น

ความแข็งแกร่งของวิญญาณหน้าศิลาทุกตัวเทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูง ตามข่าวลือ ราชาวิญญาณหน้าศิลาอาศัยอยู่ในป่าศิลาวินาศ และเป็นตัวตนที่ขอบเขตเซียนทองคำ!

ชู่ว!

เงาดำพุ่งมาแต่ไกล ราวสายฟ้าฟาดหายไปภายในป่าหินทึบทันที

“เร็วเข้า! เจ้าเด็กนั่นบาดเจ็บแล้ว เป็นโอกาสอันดีในการสังหารมัน!”

“ระวังไว้หน่อยก็ดี มีผู้เยี่ยมยุทธ์กว่าสามสิบคนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของมัน”

“ถูกต้อง อย่าได้แตกตื่น เพื่อป้องกันไม่ให้มันได้ฉวยโอกาสลงมือ!”

ไม่นานหลังจากที่เงาดำหายไป กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งก็รุมล้อมเข้ามาอย่างน่ากลัว คนประมาณสามสิบกว่าคน พวกเขาทั้งหมดต่างเผยกลิ่นอายที่ดุดัน

หลังจากสนทนากันสั้น ๆ ก็แยกออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มละสิบกว่าคน และกระจายตัวเข้าไปในป่าหิน

ในส่วนลึกของป่าศิลาวินาศ เป็นภูเขาที่สั้นและไม่เด่น ภูเขาถูกปกคลุมด้วยหินประหลาดมีทุกรูปร่างและขนาด อีกทั้งยังรกร้าง ในขณะนี้กำแพงภูเขาถูกขุดจนกลายเป็นถ้ำ

ที่ทางเข้าถ้ำถูกวางด้วยค่ายกลลวงตา เพื่อหลีกเลี่ยงการสังเกตเห็น

เฉินซีหอบหายใจขณะอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกาย ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิแล้วหายใจเข้าลึก และรักษาอาการบาดเจ็บของตนด้วยกำลังทั้งหมด

หลังจากขับไล่หลินเฉียนหุยออกไป ร่างสูงใหญ่ก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ส่วนกลาง แต่ไม่คาดคิดว่าตลอดทางนั้นไม่สงบสุขเลย เขาถูกโจมตีเป็นระยะ

คู่ต่อสู้เหล่านี้มาเป็นกลุ่มอย่างน้อยสามถึงห้าคน และมีมากถึงสิบกว่าคน แต่ละคนมีความแข็งแกร่งแตกต่างกัน ผู้ที่อ่อนแอเทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ในอันดับที่ห้าร้อยในการจัดอันดับ ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งนั้นสามารถอยู่ในร้อยอันดับแรกได้

แน่นอนว่าการลอบโจมตีเหล่านี้ ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ต่อ เฉินซี แต่เขาไม่สามารถทำอะไรกับจำนวนของศัตรูได้ เพราะทันทีที่ฆ่าไปกลุ่มหนึ่ง กลุ่มอื่นจะรีบรุดเข้ามา น่ารำคาญเหมือนแมลงวันที่ได้กลิ่นเลือด

ทว่าสิ่งที่ทำให้เฉินซีต้องกัดฟันด้วยความเกลียดชังที่สุด คือทุกครั้งที่กำลังจะฆ่าคู่ต่อสู้ พวกมันจะใช้ตราดาราม่วงหลบหนีไป สิ่งนี้ทำให้เขาได้รับแต้มดาราเพียงสองพันสองร้อยกว่าดวง ทั้งที่กำจัดคู่ต่อสู้ไปสี่สิบคน

แม้นี่จะถือว่าเป็นกำไรอันยอดเยี่ยม เพราะเมื่อช่วงหลังของการทดสอบรอบที่สองได้เริ่มขึ้น ก็ไม่มีใครโง่เขลาถึงขั้นแจกแต้มดาราที่ตนครอบครอง ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ตราดาราม่วงทันทีที่เผชิญอันตราย และถอนตัวจากการทดสอบไป

ทำให้ความยากลำบากในการได้รับแต้มดารายากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ผลจากการฆ่าคู่ต่อสู้สำเร็จก็ค่อนข้างน่าตกใจเช่นกัน

‘คนที่ไล่ล่าข้าไม่ใช่ศิษย์ของเหล่ามหาอำนาจ จึงไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อันใด แต่ปัญหาคือจั่วชิวอินและคนอื่น ๆ ต่างหาก และมันก็ยากที่จะหลีกหนีจากพวกมัน…’

‘บางทีพวกมันอาจกังวลว่าข้าจะใช้ตราดาราม่วงออกจากการทดสอบเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยวิธีนี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ศัตรูของข้าได้จากไปอย่างง่ายดาย กล้าไล่ล่าข้า พวกมันจะต้องชดใช้…’

‘ข้าได้ยินมาว่าราชาวิญญาณหน้าศิลาที่ขอบเขตเซียนทองคำอาศัยอยู่ที่นี่ มันคงเป็นความคิดที่ไม่เลวถ้าข้าสามารถชักนำความโชคร้ายมาสู่พวกมันได้ทั้งหมด…’

สายตาของเฉินซีลึกล้ำ จิตใจเย็นเยียบดุจหิมะ ชายหนุ่มวิเคราะห์สถานการณ์ที่เผชิญอยู่ตอนนี้อย่างระมัดระวังและละเอียดถี่ถ้วน ในขณะที่อาการบาดเจ็บกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

อันที่จริง อาการบาดเจ็บไม่ได้หนักหนาอะไร แต่ปัญหาคือเขามักถูกลอบโจมตีหลายครั้ง ทำให้จิตวิญญาณและดวงจิตแห่งเต๋าอ่อนล้าจนไม่อาจทนไหว อีกทั้งพละกำลังก็ถูกใช้มากเกินไป

หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เพียงอาศัยการเกื้อหนุนจากต้นอ่อนเงาทมิฬ ก็คงทำให้เขาไม่ต้องตกอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก และไม่ต้องวิ่งหนีไปทั่วเหมือนหนูตามท้องถนนเช่นนี้

ตู้ม!

ในขณะนี้ คลื่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก็มาจากทางเข้าถ้ำ ภูเขาทั้งลูกก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้หินโปรยปรายขณะถล่มลงมา

เฉินซียืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหยิบยันต์ศัสตราและพุ่งตัวออกไป

ฟิ้ว!

ฝนปราณกระบี่ล่องลอยไปทั่วบริเวณโดยรอบ ทั้งคมกริบและเต็มไปด้วยพลังสังหาร มันโปรยปรายลงมาดั่งละอองฝนในยามค่ำคืนพร้อมกับสายลม และผ่าทุกสิ่งที่ขวางกั้น!

พรวด! พรวด! พรวด!

เลือดสาดกระจายไปในอากาศ พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่ดังก้อง

เฉินซีไม่แม้แต่จะเหลือบมองสิ่งนี้ ชายหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เมื่อพุ่งตัวออกจากถ้ำ ร่างสูงใหญ่ก็ทะยานออกไปราวกับสายฟ้าสีดำ

“ไล่ตามมันไป!”

“บัดซบ! มันหนีไปอีกแล้ว!”

“มารดามัน! ร่างกายของเจ้าเด็กนี้ทำจากเหล็กไหลหรืออย่างไร? เหตุใดมันถึงไม่อ่อนแรงเลย!”

คลื่นคำสาปแช่งดังก้องไปทั่ว แต่ร่างของเฉินซีได้หายไปแล้ว

ป่าศิลาวินาศมีขนาดใหญ่มาก ร่างสูงใหญ่โผทะยานมาราวหนึ่งก้านธูป แต่ก็ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดเลยสักนิด

ยิ่งเข้าไปในป่าลึกเท่าใด พลังฟ้าดินก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น มันเผยให้เห็นพลังที่กดดัน ซึ่งดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง อีกทั้งยังปกคลุมท้องฟ้า และบดบังพระอาทิตย์

การเคลื่อนไหวภายในป่านั้น เป็นเหมือนการเข้าไปในสุสานที่ปกคลุมไปด้วยความมืด ภูเขาหินอันแห้งแล้ง ทั้งน่ากลัว เวิ้งว้าง เคร่งขรึม กดดัน อีกทั้งยังน่าสยดสยองอย่างสุดขั้ว

เมื่อมาถึงที่นี่ เฉินซีก็สังเกตเห็นว่าตนทิ้งห่างศัตรูที่อยู่ข้างหลังแล้ว ชายหนุ่มจึงชะลอความเร็วลง และเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ตามสิ่งที่รู้มา พื้นที่ส่วนกลางเป็นพื้นที่ที่น่ากลัวที่สุดในแดนโลหิต ไม่เพียงแต่มีสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังเต็มไปพายุห้วงเวลา รอยแยกมิติ ผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพ และสัตว์อสูรจักรวาลที่เทียบเท่ากับขอบเขตเซียนทองคำกระจัดกระจายอยู่ทั่ว

ป่าศิลาวินาศเต็มไปด้วยวิญญาณหน้าศิลาจำนวนมาก สัตว์อสูรจักรวาลประเภทนี้เคลื่อนไหวเป็นฝูงเหมือนกองทัพ และมีพละกำลังน่าเกรงขาม ดังนั้นบุคคลทั่วไปจึงไม่กล้าเข้ามาที่นี่เพียงลำพัง

แต่จนถึงตอนนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงพายุห้วงเวลา เฉินซีไม่เจอสัตว์อสูรจักรวาลเลยแม้แต่ตัวเดียว เป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างยิ่ง

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ในขณะที่เฉินซีกำลังครุ่นคิดอยู่ คลื่นเสียงกัมปนาทก็ดังก้องมาจากระยะไกล ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าใด เสียงกัมปนาทก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น และในตอนท้าย เสียงกัมปนาทก็เหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ หรือการปะทะของพระอาทิตย์และพระจันทร์ พร้อมกับพลังทำลายล้างอันน่าตกใจ

“เสียงดังอะไรขนาดนี้!” เฉินซีรู้สึกตกตะลึง และไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป ชายหนุ่มใช้เนตรเทวะแห่งความจริงเพื่อตรวจสอบแทน และได้เห็นสิ่งที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง

ที่นั่นเป็นที่ราบกว้างขวาง ซึ่งในขณะนี้ สัตว์อสูรจักรวาลกว่าพันตัวที่มีร่างกายใหญ่โตราวกับภูเขาที่ทำจากหิน และมีรูปลักษณ์ดุร้ายกำลังอาละวาดอยู่ตรงนั้น พวกมันเป็นเหมือนกระแสหินที่ไหลเชี่ยว และทุกที่ที่พวกมันผ่านไป ภูเขาก็พังทลาย พื้นดินก็แตกออก!

ที่น่าตกใจพวกมันคือ วิญญาณหน้าศิลากว่าพันตัว!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าสยดสยองที่สุด ที่ใจกลางของพวกมันทั้งหมด คือวิญญาณหน้าศิลา ขนาดมหึมาที่สูงกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบจั้ง มันปกคลุมไปด้วยหมอกอันน่าสะพรึงกลัว มีรูปลักษณ์ที่น่าสยดสยอง และมีเขี้ยวสีเขียวแวววาว ดวงตาของมันเหมือนทะเลสาบโลหิตที่ปะทุเป็นประกายแวววาวอันน่าสะพรึง อีกทั้งยังกระหายเลือด แผ่กลิ่นอายน่าสยดสยองออกมา แม้แต่เฉินซีที่อยู่ห่างออกไปไกลยังสัมผัสถึงมันได้

ราชาวิญญาณหน้าศิลา!

การดำรงอยู่ที่น่าเกรงขามที่เทียบได้กับขอบเขตเซียนทองคำ!

เมื่อเห็นฉากนี้เข้า หัวใจของชายหนุ่มก็บีบรัดอย่างช่วยไม่ได้ และรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในบริเวณนั้นอย่างผลีผลาม มิฉะนั้นตนคงใช้ตราดาราม่วงเพื่อหลบหนีโดยไม่ลังเล

แต่เมื่อสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีร่างจำนวนมากลอยขึ้นและทะยานไปมาอยู่ตรงนั้น ซึ่งกำลังต่อสู้กับราชาวิญญาณหน้าศิลา!

หลังจากจดจ้องอย่างระมัดระวัง มีร่างกว่าร้อยร่างอยู่ตรงนั้น และถูกแบ่งออกเป็นสามกองกำลัง ทุกกองกำลังล้วนมีผู้นำ

จ้าวเมิ่งหลีแห่งภพวิหคอมตะ! จี้เซวียนปิงแห่งตระกูลจี้! เซวียนหยวนอวิ่นแห่งตระกูลเซวียนหยวน!

คิ้วของเฉินซีขมวดแน่น เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว “ไม่แปลกใจเลย ที่กองกำลังทั้งสามร่วมมือกัน และตั้งใจสังหารราชาวิญญาณหน้าศิลา ช่างน่าประทับใจอย่างแท้จริง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด