บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]บทที่ 1186 กระบี่ของหัวเจี้ยนคง

Now you are reading บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] Chapter บทที่ 1186 กระบี่ของหัวเจี้ยนคง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1186 กระบี่ของหัวเจี้ยนคง

บทที่ 1186 กระบี่ของหัวเจี้ยนคง

ชะตากรรม!

พลังลึกลับนั้นมาจากเต๋าแห่งสวรรค์ เหมือนจับต้องไม่ได้ แต่กลับส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวในสามภพ

ทุกสิ่งอย่างในใต้หล้ามีวิญญาณเป็นของตน เกิดขึ้นมาเพราะโชคชะตา ชะตากรรมนั้นก็คือโชคชะตาเต๋าแห่งสวรรค์นั่นเอง!

ประโยชน์ของชะตากรรมที่ว่านี้มีอยู่นับไม่ถ้วน ผู้มีชะตากรรมดีมักเป็นบุคคลมีชื่อเสียงซึ่งเลือกเดินหนทางแห่งเต๋า เหมือนเป็นคนที่สวรรค์โปรด

ผู้อยู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นนั้น การจะขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียนเต็มขั้นได้ก็เหมือนกับการต่อสู้กับเต๋าแห่งสวรรค์ สู้เพื่อชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์!

นี่คือความหมายของคำว่า ‘หากไร้ชะตากรรมก็ไม่อาจขึ้นเป็นราชัน’

ทว่าเฉินซีเองก็มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับชะตากรรม เพราะเขามีอสูรมงคลปี่เซียะมาตั้งนานแล้ว หลายปีที่มีไป๋คุยข้างกาย เขาได้พบเจอโชคมากมายในเส้นทางการบ่มเพาะพลัง จากร้ายกลายเป็นดี นับว่าเป็นประสบการณ์ขั้นตำนานก็ว่าได้

และในตอนนี้ เส้นชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์ที่หลั่งไหลออกจากหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำก็เหมือนสมบัติล้ำค่าชิ้นใหญ่ ทำให้ทุกคนที่เข้าร่วมการซ่อมแซมหม้อสมบัติได้รับประโยชน์ไปด้วย

โดยเฉพาะเซวียนหยวนพัวจวิน เสิ่นฮ่าวเทียน หลีเป่ย และคนอื่น ๆ ที่อยู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น เมื่อสัมผัสได้ว่าตนเองได้รับกระแสชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์ แม้มีดวงจิตแห่งเต๋าแกร่งกล้าแต่ก็ยังรู้สึกยินดี

เพราะมันคือชะตากรรม!

มันมีผลต่อการขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียน! จะไม่ให้ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร?

แต่ก็ยังมีผู้ที่ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเช่นกัน ไม่มีใครคิดว่าหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำจะแบ่งชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์ และมอบรางวัลให้พวกเขาเช่นนี้ สิ่งนี้ล้ำค่ากว่าการได้รับสมบัติอมตะระดับว่างเปล่า เป็นโชคดีที่ได้มาเพราะความบังเอิญเท่านั้น!

ชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์… เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้… เหตุใดข้าจึงไม่ได้เลย? จั่วชิวเซิงเองก็สัมผัสได้ถึงชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์เช่นกัน แต่ก็ต้องรู้สึกเสียใจเพราะเขาไม่สามารถรับมันได้แม้แต่เส้นเดียว!

หรือก็คือได้แต่มองแล้วสัมผัสถึงมันแต่ไม่อาจครอบครองได้

จั่วชิวเซิงสีหน้าผันเปลี่ยนไปเป็นซับซ้อน

บรรยากาศในห้องโถงดูเคร่งขรึม เป็นบรรยากาศความเงียบที่ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง

“ขอบใจ” เป็นหัวหน้าผู้คุมกฎหลีเป่ยที่เอ่ยทำลายความเงียบนั้น เขาหันไปมองเฉินซีก่อนเอ่ยแสดงความขอบคุณอย่างไม่เหนียมอาย ใช้เพียงแค่สองคำ แต่ทุกคนก็รู้ได้แล้วว่าเขารู้สึกขอบคุณเพียงใด

ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจยิ่ง ทั้งยังพิศวงอยู่เล็กน้อย

เฉินซียิ้มเอ่ย “ผู้อาวุโสสมควรได้รับแล้ว”

“หากมีเวลาก็สามารถเข้ามาที่โถงผู้คุมกฎได้” หลีเป่ยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนส่งสายตาลึกล้ำไปทางเฉินซี จากนั้นหันหลังโบกมือให้กับผู้คุมกฎคนอื่น ๆ “ไปเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเซวียนหยวนพัวจวิน”

อึดใจต่อมา เขาก็พาผู้คุมกฎทุกคนออกจากห้องโถงไป

ออกไปอย่างกะทันหัน โดยไม่มีใครคาดคิด

เมื่อทุกคนเห็นเหล่าผู้คุมกฎมือเปื้อนเลือดเดินออกไป ก็พากันถอนหายใจยาวจนร่างกายผ่อนคลายลงมาก

“เหตุใด…จึงจากไปเช่นนั้น?” เซวียนหยวนถงถามด้วยความตกตะลึง

“กระทั่งหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำยังมอบเส้นชะตากรรมให้ มีหรือจะเอาเรื่องข้าต่อได้?” เซวียนหยวนพัวจวินมองออกและกล่าวว่า “อีกทั้งหากไม่ใช่เพราะเฉินซี พวกเขาก็คงไม่ได้รับชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์ นับว่าเป็นโชคโดยแท้”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาไม่เพียงไม่กล้ายกเรื่องนี้มาพูดต่อ แต่ยังขอบคุณเด็กคนนี้ที่เชิญพวกเขามาเข้าร่วมการซ่อมแซมหม้อสมบัติด้วย ไม่เช่นนั้นการจะได้รับชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์สักเล็กน้อยก็คงทำได้เพียงฝัน”

ได้ฟังดังนั้นเซวียนหยวนถงจึงได้เข้าใจ ก่อนหันมองเฉินซีด้วยสีหน้าแปลกประหลาด คิดในใจขึ้นว่า หรือสหายน้อยจะเตรียมการมาตั้งแต่ต้นแล้ว?

คนอื่น ๆ ก็คาดเดาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน สายตาพวกเขาที่มองเฉินซีจึงเปลี่ยนไป เผยแววประหลาดใจ และชื่นชมไว้ภายใน

ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้าสำนักจะสามารถแก้ไขสถานการณ์น่าปวดหัวของเซวียนหยวนพัวจวิน และยังแก้ปัญหาเรื่องหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำได้อย่างไร้ที่ติ

ไม่เพียงเท่านั้น หากเขาไม่ชวนคนทั้งหลายมาเข้าร่วมด้วย มีหรือจะได้รับชะตากรรมที่หม้อสมบัติมอบให้เช่นนี้?

มันเหมือนจะเป็นรางวัลที่หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำมอบให้ก็จริง แต่หากไม่มีเฉินซีพวกเขาก็คงไม่ได้รับมันแน่!

จึงกล่าวได้ว่าเฉินซีสามารถสานสัมพันธ์และทำให้ผู้อาวุโสยอมรับได้ในคราวเดียว ด้วยเหตุการณ์นี้ หากใครคิดลงมือกับเฉินซี อย่างน้อยก็ต้องดูความคิดเห็นของเหล่าผู้อาวุโสก่อน

โดยเฉพาะหัวหน้าผู้คุมกฎหลีเป่ย ดูท่าจะชอบใจเขามาก เมื่อคิดถึงตรงนี้ ศิษย์พี่หลายคนก็เริ่มรู้สึกอิจฉาเฉินซีขึ้นมาเล็กน้อย

สหายน้อยผู้นี้มีฝีมือไม่เลว เมื่อมีผู้คุมกฎคอยปกป้องคงไม่ต้องกลัวถูกอาจารย์คนไหนหาเรื่องอีก เพราะอย่างไรผู้คุมกฎก็เป็นกลุ่มที่ดูแลอาจารย์ด้วยกันในสำนักอยู่แล้ว!

“เฉินซี มานี่สิ” ทันใดนั้น น้ำเสียงเย็นชาเหินห่างก็ดังขึ้น ทำให้ใจทุกคนถึงกับกระตุก พวกเขาหันหน้าไปทางต้นเสียง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหัวเจี้ยนคงยืนอยู่ที่มุมห้องโถง ข้างกายมีจั่วชิวเซิงร่างอ้วนเตี้ยยืนอยู่ด้วย

ทว่าไม่มีใครสนใจจั่วชิวเซิง เพราะทุกสายตาล้วนมองไปทางหัวเจี้ยนคงด้วยความประหลาดใจ

ประหนึ่งไม่คิดว่าหัวเจี้ยนคงที่เป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักจะปรากฏตัวเช่นนี้ เขามาตั้งแต่เมื่อใดกัน?

ไม่มีใครตอบได้

แต่นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือหัวเจี้ยนคงดูท่าจะไม่ได้มาเรื่องหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ คล้ายจะมาหาเฉินซีโดยเฉพาะ!

ทำไมต้องมาหาเฉินซีด้วย? ทุกคนต่างมึนงง

เฉินซีเองก็ชะงักไปเช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ก็เหมือนภาพตรงหน้ากะพริบทีหนึ่ง พริบตาต่อมาเขาก็เข้ามาอยู่ในพื้นที่แปลกประหลาดแล้ว

เป็นโลกที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง มีแต่หิมะให้เห็นทั่วทุกหนทุกแห่ง

หัวเจี้ยนคงเจ้าของผมสีขาวดุจหิมะในชุดสีเทายืนอยู่บนก้อนน้ำแข็ง ร่างสูงยืนเด่นเป็นสง่าราวกับเป็นราชันย์แห่งใต้หล้า ปลดปล่อยบรรยากาศสูงส่งจองหองออกมา

“ที่นี่มีกระบี่อยู่สามเล่ม ข้าเคยใช้งานเมื่อครั้งยังเป็นปรมาจารย์กระบี่ ปรมาจารย์กระบี่ขั้นสุดยอด และเซียนกระบี่ เจ้าเลือกมาเล่มหนึ่ง จากนั้น…” หัวเจี้ยนคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกเสียยิ่งกว่าหิมะ เผยกลิ่นอายเหินห่าง เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อ “ทิ้งกระบี่ของเจ้าเอาไว้”

ทันทีที่พูดจบ เฉินซีก็สังเกตเห็นหินก้อนหนึ่งตรงหน้า บนหินมีกระบี่สามเล่มฝังอยู่

กระบี่เล่มแรกมีสีขาวเงินดั่งหิมะ ยาวราวสามฉื่อ มีปลายแหลมคม เผยกลิ่นอายดุดันเยือกเย็นรุนแรงออกมา คล้ายกับสามารถแช่แข็งเลือดในกายคนได้

มีชื่อหนึ่งสลักไว้บนหิน ‘ลายเหมันต์’

กระบี่เล่มที่สองมีสีดำสนิทเหมือนปีกจักจั่น ดูไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่เมื่อมองแล้วก็สัมผัสได้ถึงกระแสสีแดงเลือดกำลังคุกรุ่น หวีดร้อง เดือดพล่านอยู่ภายใน! รุนแรงจนแทบหลั่งไหลออกมาจากตัวกระบี่และอาบทั้งโลกให้เป็นสีแดงฉาน!

กระบี่นั้นมีนามว่า ‘เหมันต์โลหิต’

เมื่อเฉินซีมองกระบี่เล่มที่สามหัวใจพลันสั่นสะท้าน มันคือกระบี่แสนธรรมดาเล่มหนึ่ง กะพริบตาหนึ่งทีก็เหมือนได้เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดาราพร่างพราวประดับอยู่ภายใน ปลดปล่อยอำนาจกว้างใหญ่จนทำให้ใจสั่นสะท้านไม่หยุด

กระบี่นั้นมีนามว่า ‘ตะขอดารา’

ประสานดวงดาราในเก้าสวรรค์เข้าด้วยกัน!

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วขมวดคิ้วแน่น จากนั้นมองไปทางหัวเจี้ยนคงด้วยความประหลาดใจเป็นล้นพ้น

จนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่าหัวเจี้ยนคงหมายความว่าอย่างไรกันแน่ เลือกกระบี่แล้วทิ้งกระบี่ของตนไว้อย่างนั้นหรือ? เพราะอะไรล่ะ?

ตอนนี้เฉินซีมีกระบี่เซียนอยู่สามเล่ม คือกระบี่ต้องห้ามสังหารปราชญ์จากเผ่าหยาจื้อ กระบี่เต๋าวิบัติจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่มาจากถ้ำกระบี่ และยันต์ศัสตราที่ตนสร้างขึ้นเอง

กระบี่ต้องห้ามสังหารปราชญ์เป็นอาวุธต้องห้ามที่เขาวิญญาณนิรันดร์เคยริษยาอยากได้ ส่วนกระบี่เต๋าวิบัติก็เป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เกี่ยวข้องกับความลับของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล

ไม่ว่าอย่างไรก็มอบสองเล่มนี้ให้ใครไม่ได้

แต่ยันต์ศัสตราเองก็เกี่ยวข้องกับสิ่งสืบทอดจากเขาเทพพยากรณ์เช่นกัน เป็นสมบัติที่ติดตัวเฉินซีมาจนถึงทุกวันนี้ ย่อมไม่สามารถมอบให้ใครได้เช่นกัน

ถึงกระบี่ทั้งสามของหัวเจี้ยนคงจะล้ำค่าหายากเพียงใด แต่เขาก็ไม่สนใจสักนิด

“ทำไมเล่า?” เฉินซีเอ่ย เขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าหัวเจี้ยนคงคงไม่ยอมปราณีหากตนไม่ทำตาม ที่สำคัญคือ เขาไม่รู้ว่ากระบี่เล่มไหนที่หัวเจี้ยนคงอยากให้เขาทิ้งไว้กันแน่

“เป็นคำสั่งของท่านเจ้าสำนัก” หัวเจี้ยนคงตอบง่าย ๆ เหมือนรู้แล้วว่าเฉินซีจะต้องถามเช่นนี้

เจ้าสำนัก… นัยน์ตาเฉินซีจริงจังขึ้นมา คิดในใจว่าเจ้าสำนักผู้นี้ไม่ทำตามกรอบ สั่งห้ามไม่ให้อาจารย์คนอื่นรับตนเป็นศิษย์สายตรงตอนที่เพิ่งเข้าสำนักศึกษามาใหม่ ๆ แต่ตอนนี้กลับส่งหัวเจี้ยนคงมาริบกระบี่ไป มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

“หากเลือกไม่ได้ ให้ข้าช่วยเลือกดีหรือไม่?” หัวเจี้ยนคงหันมาจ้องตานิ่ง

“เดี๋ยวก่อน! หากข้าไม่เห็นด้วยเล่า?” เฉินซีขมวดคิ้ว

หัวเจี้ยนคงไม่ตอบ แต่กลับยื่นมือออกมา ใช้นิ้วแทนกระบี่แล้วแทงออกไปยังช่องว่างตรงหน้า

ฟึบ!

ห้วงอากาศด้านหน้าถูกกรีดออกจากกันดั่งชิ้นผ้า กระแสปราณกระบี่คมกริบกรีดผ่านฟ้าด้วยท่วงท่าเฉียบคม!

เหมือนเป็นการออกท่าไปอย่างนั้น แต่กลับมีแรงพลังหนาแน่น ให้ความรู้สึกน่าหวาดผวาออกมา หากฟ้าดินกล้าขวางก็คงถูกทะลวงจนเป็นรู

แนวทางใจหลอมรวมกระบี่! อำนาจปรมาจารย์กระบี่!

เฉินซีหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่าเมื่อครู่ไม่ได้มีพลังแห่งกฎอะไรเลย และเป็นกระแสปราณกระบี่ที่บริสุทธิ์ยิ่ง แต่กลิ่นอายดุดันรวดเร็วของมันถึงระดับปรมาจารย์เต๋าแห่งกระบี่แล้ว!

ฟึบ!

แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเฉินซี พริบตาต่อมา ชายหนุ่มก็ใช้นิ้วต่างกระบี่ ซัดท่าออกไปเช่นเดียวกัน ปราณกระบี่อันน่าเกรงขามระดับปรมาจารย์ดีดตัวออกไป

ตูม!

ปราณกระบี่สองสายเข้าปะทะกันกลางอากาศ ก่อนจะกลายเป็นกระแสพลังน้อย ๆ กระจายตัวออกรอบทิศ ทำลายห้วงอากาศและหิมะในรัศมีหมื่นลี้ ดีดตัวกวาดไปทั่วชั้นฟ้า!

“ปรมาจารย์กระบี่หรือ… ไม่เลวเลย” หัวเจี้ยนคงยังคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยน ยามพูดก็ยกมือเรียวขึ้นอีกครั้ง

—————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด