บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 300 หรือข้าต้องเริ่มก่อน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 300 หรือข้าต้องเริ่มก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 300 หรือข้าต้องเริ่มก่อน

ความจริงเสิ่นเทียนก็คาดการณ์คำเชิญขององค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนได้จากในบางความหมายแล้ว

เพราะเขาเห็นภาพเกี่ยวกับอวี้เผียนเซียนเหนือศีรษะบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน นั่นคือโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียน

หากเมื่อครู่เขาไม่ออกมือ จากการดำเนินเรื่องแล้ว ฉีเซ่าเสวียนจะเกิดความขัดแย้งกับปี้เสวียนชิงและเอ้อทงเทียนจนไปถึงเกิดศึกใหญ่

แต่ผลสุดท้าย สองฝ่ายต่างแตกพ่าย ฉีเซ่าเสวียนบาดเจ็บสาหัส

จากนั้นองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนก็ชื่นชมในกำลังรบของฉีเซ่าเสวียน จึงเชิญเข้าหอมาพบกันเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์

แต่เสิ่นเทียนคิดว่าการจะให้บาดเจ็บทั้งตัวเพียงเพื่อพบองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนก็คงจะไม่ดีจริงๆ ดังนั้นเขาจึงขบคิด ตัดสินใจสู้กับเอ้อทงเทียนแทนฉีเซ่าเสวียน เพื่อไม่ให้ฉีเซ่าเสวียนบาดเจ็บสาหัสตามต้นฉบับเดิม

ทำบุญทำกุศล! ใจถึงก็พอ ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนรู้

ข้าก็คงเป็นคนที่ทำความดีไม่หวังชื่อเสียงเหมือนเดิม!

ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ ก็เป็นอย่างที่เสิ่นเทียนคาดการณ์ไว้คร่าวๆ จริงๆ

เพราะเสิ่นเทียนออกหน้ามาขวางโอรสสวรรค์เผ่าจระเข้เทพจักรพรรดิเอ้อทงเทียน ทำให้ฉีเซ่าเสวียนไม่ได้บาดเจ็บหนัก

เดิมทีต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อยมากกว่าครึ่งเดือน ตอนนี้ปรับพลังคืนเดียวก็คงหายเป็นปลิดทิ้ง

และบัตรเชิญขององค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียน ก็ข้ามหัวฉีเซ่าเสวียนมาถึงมือเสิ่นเทียนเพราะเหตุนี้เอง

สหายฉี ข้าแค่เกาะโชคลิขิตของเจ้า จะไม่แย่งชิงมาเด็ดขาด

ของที่ควรเป็นของเจ้า ก็ต้องเป็นของเจ้า!

……

“สหายฉีพักในห้องพิเศษของหอเสียงสวรรค์หน่อยเถอะ! แซ่เสิ่นไปสำรวจเส้นทางก่อน”

เสิ่นเทียนจ้องวงรัศมีเหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียน พิจารณาขั้นตอนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ถึงได้รับบัตรเชิญจากเด็กสาวเงือกมา

ภายใต้ประกายแสงส่องสะท้อน เสิ่นเทียนตามเด็กสาวเงือกเข้าไปในหอเสียงสวรรค์ จากนั้นว่ายไปยังห้องขององค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียน ทำให้คนอิจฉาจนหน้าม่วง

คุณชายเต่าดำอู่อู๋ตี๋ไม่รู้เอากระดองเต่าครึ่งส่วนมาจากที่ใด เขามอบให้เสิ่นเทียนตาปริบๆ “พี่ใหญ่บุตรศักดิ์สิทธิ์ พี่ใหญ่เสิ่น ท่านช่วยขอลายเซ็นของท่านหญิงเซียนเผียนเซียนให้ข้าได้หรือไม่ ข้า ข้ายินดีมอบสุดยอดวิชาของเผ่าข้าหมัดเทพราชันอหังการให้เป็นการแลกเปลี่ยน!”

หมัดเทพราชันอหังการเป็นมรดกวิชาสำคัญของเผ่าเต่าดำทะเลอุดร แม้จะไม่เหมือนบทต้องห้ามที่มีเพียงคนที่เจ้าเผ่าเลือกเท่านั้นที่ได้เรียน แต่ก็เก็บเป็นความลับไม่ถ่ายทอดให้ใคร

ปกติ เว้นแต่จะเป็นพันธมิตรที่เผ่าเทพเต่าดำยอมรับ ไม่เช่นนั้นเผ่ามนุษย์จะไม่มีสิทธิ์รับมรดกวิชานี้

แต่อู่อู๋ตี๋ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก เพราะเขามีฐานะไม่ธรรมดาในเผ่าเช่นกัน

เขามีสายเลือดเต่าดำหวนคืนสู่บรรพบุรุษ เป็นสายพันธุ์แปลกสองหน้า แม้อู่อู๋ตี๋จะยังเด็กในสี่คุณชายทะเลอุดร แต่ก็มีศักยภาพไม่อ่อนแอ

กล่าวได้ว่าในโอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันของทะเลอุดร นอกจากเอ๋าอูที่มีสายเลือดมังกรดำระดับแปดแล้ว คนที่มีพรสวรรค์เหนือกว่าอู่อู๋ตี๋แทบจะนับนิ้วได้เลย

เขาถ่ายทอดมรดกสู่ภายนอก อย่างมากสุดก็โดนลงโทษหันหน้าเข้ากำแพงสักช่วงเวลาหนึ่ง

แต่หากให้กับเสิ่นเทียน ดวงดีขึ้นมาบางทีอาจจะไม่ใช่แค่ไม่ถูกลงโทษ แต่ยังได้รับคำชมจากผู้อาวุโสในเผ่าอีก

ถึงอย่างไรการมอบของให้ไอ้พวกเพื่อนๆ กเฬวรากที่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว กับมอบของให้หัวหน้า คนใหญ่คนโตอัจฉริยะที่รู้จักรับมือกับสถานการณ์ก็คนละความหมายกันเลย

ตลอดหมื่นปีมานี้ เผ่าเทพเต่าดำกอดต้นขาเผ่ามังกรดำมาตลอด ยืนตำแหน่งอัครเสนาบดีอย่างเหนียวแน่น ก็เพราะได้อาศัยคุณความดีตรงนี้!

หมัดราชันอหังการรึ สมกับเป็นมรดกของเผ่าเทพเต่าดำ

เสิ่นเทียนนึกถึงชุดเกราะเต่าดำที่อาจารย์ให้ตนแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ดูฝืนๆ ไปทีละนิด

เขารับกระดองเต่าของอู่อู๋ตี๋มา ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นพี่น้องกัน แค่เรื่องเล็กๆ เอง หมัดราชันอหังการอะไรนี่ ช่างมันเถอะ!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็เดินไปหอชั้นบนที่อยู่ของอวี้เผียนเซียนโดยไม่หันมามองอีก

……..

ต้องบอกว่าทิวทัศน์บนยอดหอเสียงสวรรค์วิจิตรกว่าชั้นหนึ่งมาก

พืชทะเลหลากสีโยกไหวกลางทะเล แมงกะพรุนงดงามร่ายระบำเบาๆ บางครั้งจะแอบมองเสิ่นเทียนด้วยความเขินอาย

ผ่านเส้นทางแคบยาวไป เด็กสาวเงือกก็นำเสิ่นเทียนมาถึงหน้าประตูวิจิตรอันเงียบสงบ

มองผ่านประตูวิจิตรนั้นจะเห็นเงาแผ่นหลังรางๆ นางมีร่างเป็นคนหางเป็นปลาเหมือนกับเด็กสาวเงือก กำลังพิงอยู่ตรงขอบหน้าต่าง

แค่มองผ่านประตูวิจิตรก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดพิเศษที่แผ่กระจายมาจากหญิงคนนี้ นางเหมือนมีเวทมนตร์เฉพาะอย่างหนึ่ง ทำให้คนจมลงไปโดยไม่รู้ตัว

“องค์หญิงอยู่ในห้อง ขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องเขินอาย”

เด็กสาวเงือกมององค์หญิงเงือกด้วยความชื่นชมทีหนึ่ง ก่อนจะถอยไปด้านข้างด้วยความอาลัยอาวรณ์

ทหารยามของหอเสียงสวรรค์ที่เฝ้าอยู่ใกล้ๆ ก็ถูกเด็กสาวเงือกพาไป ทางเดินทั้งชั้นบนสุดไปกันหมด

ตอนนี้ ประตูวิจิตรเป็นประกายแวววาวนั้นถึงได้เปิดออกช้าๆ

องค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนตรงหน้าต่างหมุนตัวกลับมาช้าๆ ใบหน้าปิดด้วยผ้าขาวบาง ร่างปกคลุมอยู่กลางหมอกน้ำลึกลับ

เหมือนจริงเหมือนมายา เต็มไปด้วยกลิ่นอายลึกลับ

อวี้เผียนเซียนเงยหน้ามองเสิ่นเทียน แววตามีความตกใจเสี้ยวหนึ่งและไม่ชัดเจน

“ได้ยินมานานว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีความองอาจห้าวหาญ หล่อเหลาเหนือธรรมดา วันนี้ได้พบทำให้เผียนเซียนได้เปิดโลกกว้างจริงๆ”

เสียงของอวี้เผียนเซียนมีชีวิตชีวา แฝงไว้ด้วยท่วงทำนองลึกลับ ทำให้คนฟังรู้สึกใจโคลงเคลง อดเกิดความรู้สึกดีกับหญิงงามคนนี้ไม่ได้

แม้เสิ่นเทียนจะเคยเห็นภาพนี้ในภาพโชคลิขิตมาแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าปีศาจน้อยคนนี้ค่อนข้างร้ายกาจเลย

จิ๊ๆ ปีศาจระดับนี้ สารภาพตามตรง รับมือได้ยากเลย

ใครจะสน! ถึงอย่างไรก็เป็นไปตามบท!

……

เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย ป้องมือกล่าว “องค์หญิงกล่าวหนักไปแล้ว ใบหน้าของท่านต่างหากคือที่หนึ่งของทะเลอุดร!”

เขายิ้มพลางนำกระดองเต่าของอู่อู๋ตี๋ออกมา “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน คุณชายเผ่าเต่าดำไหว้วานให้แซ่เสิ่นมาขอลายเซ็นขององค์หญิง ไม่รู้ว่าองค์หญิง…”

อวี้เผียนเซียนปิดปากหัวเราะเบาๆ “แค่ลายเซ็นเท่านั้น พอให้กล่าวถึงรึ”

นางนำพู่กันหยกออกมาเขียนนามของตนบนกระดองเต่าเบาๆ แล้วส่งให้เสิ่นเทียน

จากนั้นอวี้เผียนเซียนก็หยิบหมายเลขหอยหยกออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหมายเลขหอยหยกด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหล

อวี้เผียนเซียนส่งหมายเลขหอยให้เสิ่นเทียนอย่างเบามือ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย “เผียนเซียนพบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเหมือนรู้จักกันมานาน ขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์รับหมายเลขหอยของเผียนเซียนไว้ด้วย ภายภาคหน้าหากบุตรศักดิ์สิทธิ์อยากพบเผียนเซียน ขอแค่เป่าหมายเลขหอย ต่อให้เผียนเซียนอยู่ห่างไปเป็นพันลี้หมื่นลี้ก็จะมาพบบุตรศักดิ์สิทธิ์”

ขณะพูดอยู่นั้น องค์หญิงเงือกหน้าแดงเล็กน้อย เหมือนเพิ่งตักออกมาจากหม้อ

นางถอดผ้าคลุมหน้าออกช้าๆ เผยใบหน้างดงามล่มเมือง ยามที่มองเสิ่นเทียนยังมีความเขินอายสามส่วน ขณะกะพริบตายังมีอารมณ์หลากหลายของสตรี

อืม~

เหตุใดถึงถอดผ้าคลุมหน้าออกล่ะ

พอเห็นหมายเลขหอยยื่นมาตรงหน้า เสิ่นเทียนก็อดขมวดคิ้วนิดๆ ไม่ได้

นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงรู้สึกว่าบทนี้ดูแปลกๆ! เจ้าฉีเซ่าเสวียนนั่นได้หมายเลขหอยหยกนี่ด้วยหรือ

หรือเพราะดวงชะตาของฉีเซ่าเสวียนแกร่งเกินไป ดังนั้นข้าจึงทำตามเงื่อนไขการเกาะโชคลิขิตนี้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ถึงได้เกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกขึ้น

ไม่น่าใช่แล้ว ข้าควบคุมไปตามภาพโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนเห็นๆ!

เสิ่นเทียนรับหมายเลขหอยมาด้วยความสงสัย คิดว่าตนจะเป็นฝ่ายถูกกระทำมากเกินไปไม่ได้

เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “แซ่ฉี…แซ่เสิ่นพอจะเข้าใจด้านดนตรีอยู่บ้าง เมื่อครู่ได้ฟังเสียงพิณกับเสียงเพลงขององค์หญิง สัมผัสได้ว่าในนั้นมีความทุกข์ใจอยู่บางๆ

อีกทั้งถึงองค์หญิงจะมีท่าทีเกรงใจแซ่เสิ่น แต่แววตาใสสะอาดไม่มีความรู้สึกอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีใจให้แซ่เสิ่น หากแซ่เสิ่นเดาไม่ผิด ครั้งนี้องค์หญิงเชิญแซ่เสิ่นขึ้นมาต่อหน้าทุกคน น่าจะเพราะมีคู่ต่อสู้ที่รับมือยากอยู่ อยากจะให้แซ่เสิ่นช่วยองค์หญิงกระมัง!”

เสิ่นเทียนพูดจบก็มององค์หญิงเงือกด้วยใบหน้ามั่นใจมาก

คาดไม่ถึงล่ะสิอวี้เผียนเซียน ถึงเจ้าจะมีฐานะสูงส่ง แต่ข้าอ่านบทมาก่อน!

จะให้ข้าช่วยหรือ เช่นนั้นก็มอบโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนมา แล้วให้ข้าเกาะฟรีๆ ด้วย!

คิดจะใช้ใบหน้างดงามมาขอข้าวข้ากินฟรี ไม่จ่ายเงินหรือ

เหอะๆ ไม่มีทางหรอก!

……

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นเสิ่นเทียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความ ‘มั่นใจ’ และ ‘ไม่ใส่ใจ’ แล้ว อวี้เผียนเซียนที่เดิมทีหน้าแดงก็ค่อยๆ หน้าดำขึ้นมา

ความรู้สึกติดลบ +999

เจ้านี่จะทำเกินไปแล้ว ได้ยินความทุกข์ที่ซ่อนไว้หยั่งลึกจากในเสียงพิณของข้าได้

แต่ข้าแสดงไมตรีชัดเจนเช่นนี้ เจ้ากลับไม่เข้าใจรึ

แล้วยังมีแววตาใสสะอาด ไม่มีใจให้อีก

นี่ข้าถอดกระทั่งผ้าคลุมหน้าแล้วยังไม่พอหรือ หรือต้องให้ข้าถอดอาภรณ์ด้วยตัวเองก่อน

ไม่ถูกใจข้าก็บอกมาตรงๆ!

มาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สารเลว!

สารเลว!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 300 หรือข้าต้องเริ่มก่อน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 300 หรือข้าต้องเริ่มก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 300 หรือข้าต้องเริ่มก่อน

ความจริงเสิ่นเทียนก็คาดการณ์คำเชิญขององค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนได้จากในบางความหมายแล้ว

เพราะเขาเห็นภาพเกี่ยวกับอวี้เผียนเซียนเหนือศีรษะบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน นั่นคือโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียน

หากเมื่อครู่เขาไม่ออกมือ จากการดำเนินเรื่องแล้ว ฉีเซ่าเสวียนจะเกิดความขัดแย้งกับปี้เสวียนชิงและเอ้อทงเทียนจนไปถึงเกิดศึกใหญ่

แต่ผลสุดท้าย สองฝ่ายต่างแตกพ่าย ฉีเซ่าเสวียนบาดเจ็บสาหัส

จากนั้นองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนก็ชื่นชมในกำลังรบของฉีเซ่าเสวียน จึงเชิญเข้าหอมาพบกันเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์

แต่เสิ่นเทียนคิดว่าการจะให้บาดเจ็บทั้งตัวเพียงเพื่อพบองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนก็คงจะไม่ดีจริงๆ ดังนั้นเขาจึงขบคิด ตัดสินใจสู้กับเอ้อทงเทียนแทนฉีเซ่าเสวียน เพื่อไม่ให้ฉีเซ่าเสวียนบาดเจ็บสาหัสตามต้นฉบับเดิม

ทำบุญทำกุศล! ใจถึงก็พอ ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนรู้

ข้าก็คงเป็นคนที่ทำความดีไม่หวังชื่อเสียงเหมือนเดิม!

ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ ก็เป็นอย่างที่เสิ่นเทียนคาดการณ์ไว้คร่าวๆ จริงๆ

เพราะเสิ่นเทียนออกหน้ามาขวางโอรสสวรรค์เผ่าจระเข้เทพจักรพรรดิเอ้อทงเทียน ทำให้ฉีเซ่าเสวียนไม่ได้บาดเจ็บหนัก

เดิมทีต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อยมากกว่าครึ่งเดือน ตอนนี้ปรับพลังคืนเดียวก็คงหายเป็นปลิดทิ้ง

และบัตรเชิญขององค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียน ก็ข้ามหัวฉีเซ่าเสวียนมาถึงมือเสิ่นเทียนเพราะเหตุนี้เอง

สหายฉี ข้าแค่เกาะโชคลิขิตของเจ้า จะไม่แย่งชิงมาเด็ดขาด

ของที่ควรเป็นของเจ้า ก็ต้องเป็นของเจ้า!

……

“สหายฉีพักในห้องพิเศษของหอเสียงสวรรค์หน่อยเถอะ! แซ่เสิ่นไปสำรวจเส้นทางก่อน”

เสิ่นเทียนจ้องวงรัศมีเหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียน พิจารณาขั้นตอนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ถึงได้รับบัตรเชิญจากเด็กสาวเงือกมา

ภายใต้ประกายแสงส่องสะท้อน เสิ่นเทียนตามเด็กสาวเงือกเข้าไปในหอเสียงสวรรค์ จากนั้นว่ายไปยังห้องขององค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียน ทำให้คนอิจฉาจนหน้าม่วง

คุณชายเต่าดำอู่อู๋ตี๋ไม่รู้เอากระดองเต่าครึ่งส่วนมาจากที่ใด เขามอบให้เสิ่นเทียนตาปริบๆ “พี่ใหญ่บุตรศักดิ์สิทธิ์ พี่ใหญ่เสิ่น ท่านช่วยขอลายเซ็นของท่านหญิงเซียนเผียนเซียนให้ข้าได้หรือไม่ ข้า ข้ายินดีมอบสุดยอดวิชาของเผ่าข้าหมัดเทพราชันอหังการให้เป็นการแลกเปลี่ยน!”

หมัดเทพราชันอหังการเป็นมรดกวิชาสำคัญของเผ่าเต่าดำทะเลอุดร แม้จะไม่เหมือนบทต้องห้ามที่มีเพียงคนที่เจ้าเผ่าเลือกเท่านั้นที่ได้เรียน แต่ก็เก็บเป็นความลับไม่ถ่ายทอดให้ใคร

ปกติ เว้นแต่จะเป็นพันธมิตรที่เผ่าเทพเต่าดำยอมรับ ไม่เช่นนั้นเผ่ามนุษย์จะไม่มีสิทธิ์รับมรดกวิชานี้

แต่อู่อู๋ตี๋ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก เพราะเขามีฐานะไม่ธรรมดาในเผ่าเช่นกัน

เขามีสายเลือดเต่าดำหวนคืนสู่บรรพบุรุษ เป็นสายพันธุ์แปลกสองหน้า แม้อู่อู๋ตี๋จะยังเด็กในสี่คุณชายทะเลอุดร แต่ก็มีศักยภาพไม่อ่อนแอ

กล่าวได้ว่าในโอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันของทะเลอุดร นอกจากเอ๋าอูที่มีสายเลือดมังกรดำระดับแปดแล้ว คนที่มีพรสวรรค์เหนือกว่าอู่อู๋ตี๋แทบจะนับนิ้วได้เลย

เขาถ่ายทอดมรดกสู่ภายนอก อย่างมากสุดก็โดนลงโทษหันหน้าเข้ากำแพงสักช่วงเวลาหนึ่ง

แต่หากให้กับเสิ่นเทียน ดวงดีขึ้นมาบางทีอาจจะไม่ใช่แค่ไม่ถูกลงโทษ แต่ยังได้รับคำชมจากผู้อาวุโสในเผ่าอีก

ถึงอย่างไรการมอบของให้ไอ้พวกเพื่อนๆ กเฬวรากที่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว กับมอบของให้หัวหน้า คนใหญ่คนโตอัจฉริยะที่รู้จักรับมือกับสถานการณ์ก็คนละความหมายกันเลย

ตลอดหมื่นปีมานี้ เผ่าเทพเต่าดำกอดต้นขาเผ่ามังกรดำมาตลอด ยืนตำแหน่งอัครเสนาบดีอย่างเหนียวแน่น ก็เพราะได้อาศัยคุณความดีตรงนี้!

หมัดราชันอหังการรึ สมกับเป็นมรดกของเผ่าเทพเต่าดำ

เสิ่นเทียนนึกถึงชุดเกราะเต่าดำที่อาจารย์ให้ตนแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ดูฝืนๆ ไปทีละนิด

เขารับกระดองเต่าของอู่อู๋ตี๋มา ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นพี่น้องกัน แค่เรื่องเล็กๆ เอง หมัดราชันอหังการอะไรนี่ ช่างมันเถอะ!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็เดินไปหอชั้นบนที่อยู่ของอวี้เผียนเซียนโดยไม่หันมามองอีก

……..

ต้องบอกว่าทิวทัศน์บนยอดหอเสียงสวรรค์วิจิตรกว่าชั้นหนึ่งมาก

พืชทะเลหลากสีโยกไหวกลางทะเล แมงกะพรุนงดงามร่ายระบำเบาๆ บางครั้งจะแอบมองเสิ่นเทียนด้วยความเขินอาย

ผ่านเส้นทางแคบยาวไป เด็กสาวเงือกก็นำเสิ่นเทียนมาถึงหน้าประตูวิจิตรอันเงียบสงบ

มองผ่านประตูวิจิตรนั้นจะเห็นเงาแผ่นหลังรางๆ นางมีร่างเป็นคนหางเป็นปลาเหมือนกับเด็กสาวเงือก กำลังพิงอยู่ตรงขอบหน้าต่าง

แค่มองผ่านประตูวิจิตรก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดพิเศษที่แผ่กระจายมาจากหญิงคนนี้ นางเหมือนมีเวทมนตร์เฉพาะอย่างหนึ่ง ทำให้คนจมลงไปโดยไม่รู้ตัว

“องค์หญิงอยู่ในห้อง ขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องเขินอาย”

เด็กสาวเงือกมององค์หญิงเงือกด้วยความชื่นชมทีหนึ่ง ก่อนจะถอยไปด้านข้างด้วยความอาลัยอาวรณ์

ทหารยามของหอเสียงสวรรค์ที่เฝ้าอยู่ใกล้ๆ ก็ถูกเด็กสาวเงือกพาไป ทางเดินทั้งชั้นบนสุดไปกันหมด

ตอนนี้ ประตูวิจิตรเป็นประกายแวววาวนั้นถึงได้เปิดออกช้าๆ

องค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนตรงหน้าต่างหมุนตัวกลับมาช้าๆ ใบหน้าปิดด้วยผ้าขาวบาง ร่างปกคลุมอยู่กลางหมอกน้ำลึกลับ

เหมือนจริงเหมือนมายา เต็มไปด้วยกลิ่นอายลึกลับ

อวี้เผียนเซียนเงยหน้ามองเสิ่นเทียน แววตามีความตกใจเสี้ยวหนึ่งและไม่ชัดเจน

“ได้ยินมานานว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีความองอาจห้าวหาญ หล่อเหลาเหนือธรรมดา วันนี้ได้พบทำให้เผียนเซียนได้เปิดโลกกว้างจริงๆ”

เสียงของอวี้เผียนเซียนมีชีวิตชีวา แฝงไว้ด้วยท่วงทำนองลึกลับ ทำให้คนฟังรู้สึกใจโคลงเคลง อดเกิดความรู้สึกดีกับหญิงงามคนนี้ไม่ได้

แม้เสิ่นเทียนจะเคยเห็นภาพนี้ในภาพโชคลิขิตมาแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าปีศาจน้อยคนนี้ค่อนข้างร้ายกาจเลย

จิ๊ๆ ปีศาจระดับนี้ สารภาพตามตรง รับมือได้ยากเลย

ใครจะสน! ถึงอย่างไรก็เป็นไปตามบท!

……

เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย ป้องมือกล่าว “องค์หญิงกล่าวหนักไปแล้ว ใบหน้าของท่านต่างหากคือที่หนึ่งของทะเลอุดร!”

เขายิ้มพลางนำกระดองเต่าของอู่อู๋ตี๋ออกมา “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน คุณชายเผ่าเต่าดำไหว้วานให้แซ่เสิ่นมาขอลายเซ็นขององค์หญิง ไม่รู้ว่าองค์หญิง…”

อวี้เผียนเซียนปิดปากหัวเราะเบาๆ “แค่ลายเซ็นเท่านั้น พอให้กล่าวถึงรึ”

นางนำพู่กันหยกออกมาเขียนนามของตนบนกระดองเต่าเบาๆ แล้วส่งให้เสิ่นเทียน

จากนั้นอวี้เผียนเซียนก็หยิบหมายเลขหอยหยกออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหมายเลขหอยหยกด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหล

อวี้เผียนเซียนส่งหมายเลขหอยให้เสิ่นเทียนอย่างเบามือ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย “เผียนเซียนพบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเหมือนรู้จักกันมานาน ขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์รับหมายเลขหอยของเผียนเซียนไว้ด้วย ภายภาคหน้าหากบุตรศักดิ์สิทธิ์อยากพบเผียนเซียน ขอแค่เป่าหมายเลขหอย ต่อให้เผียนเซียนอยู่ห่างไปเป็นพันลี้หมื่นลี้ก็จะมาพบบุตรศักดิ์สิทธิ์”

ขณะพูดอยู่นั้น องค์หญิงเงือกหน้าแดงเล็กน้อย เหมือนเพิ่งตักออกมาจากหม้อ

นางถอดผ้าคลุมหน้าออกช้าๆ เผยใบหน้างดงามล่มเมือง ยามที่มองเสิ่นเทียนยังมีความเขินอายสามส่วน ขณะกะพริบตายังมีอารมณ์หลากหลายของสตรี

อืม~

เหตุใดถึงถอดผ้าคลุมหน้าออกล่ะ

พอเห็นหมายเลขหอยยื่นมาตรงหน้า เสิ่นเทียนก็อดขมวดคิ้วนิดๆ ไม่ได้

นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงรู้สึกว่าบทนี้ดูแปลกๆ! เจ้าฉีเซ่าเสวียนนั่นได้หมายเลขหอยหยกนี่ด้วยหรือ

หรือเพราะดวงชะตาของฉีเซ่าเสวียนแกร่งเกินไป ดังนั้นข้าจึงทำตามเงื่อนไขการเกาะโชคลิขิตนี้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ถึงได้เกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกขึ้น

ไม่น่าใช่แล้ว ข้าควบคุมไปตามภาพโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนเห็นๆ!

เสิ่นเทียนรับหมายเลขหอยมาด้วยความสงสัย คิดว่าตนจะเป็นฝ่ายถูกกระทำมากเกินไปไม่ได้

เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “แซ่ฉี…แซ่เสิ่นพอจะเข้าใจด้านดนตรีอยู่บ้าง เมื่อครู่ได้ฟังเสียงพิณกับเสียงเพลงขององค์หญิง สัมผัสได้ว่าในนั้นมีความทุกข์ใจอยู่บางๆ

อีกทั้งถึงองค์หญิงจะมีท่าทีเกรงใจแซ่เสิ่น แต่แววตาใสสะอาดไม่มีความรู้สึกอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีใจให้แซ่เสิ่น หากแซ่เสิ่นเดาไม่ผิด ครั้งนี้องค์หญิงเชิญแซ่เสิ่นขึ้นมาต่อหน้าทุกคน น่าจะเพราะมีคู่ต่อสู้ที่รับมือยากอยู่ อยากจะให้แซ่เสิ่นช่วยองค์หญิงกระมัง!”

เสิ่นเทียนพูดจบก็มององค์หญิงเงือกด้วยใบหน้ามั่นใจมาก

คาดไม่ถึงล่ะสิอวี้เผียนเซียน ถึงเจ้าจะมีฐานะสูงส่ง แต่ข้าอ่านบทมาก่อน!

จะให้ข้าช่วยหรือ เช่นนั้นก็มอบโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนมา แล้วให้ข้าเกาะฟรีๆ ด้วย!

คิดจะใช้ใบหน้างดงามมาขอข้าวข้ากินฟรี ไม่จ่ายเงินหรือ

เหอะๆ ไม่มีทางหรอก!

……

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นเสิ่นเทียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความ ‘มั่นใจ’ และ ‘ไม่ใส่ใจ’ แล้ว อวี้เผียนเซียนที่เดิมทีหน้าแดงก็ค่อยๆ หน้าดำขึ้นมา

ความรู้สึกติดลบ +999

เจ้านี่จะทำเกินไปแล้ว ได้ยินความทุกข์ที่ซ่อนไว้หยั่งลึกจากในเสียงพิณของข้าได้

แต่ข้าแสดงไมตรีชัดเจนเช่นนี้ เจ้ากลับไม่เข้าใจรึ

แล้วยังมีแววตาใสสะอาด ไม่มีใจให้อีก

นี่ข้าถอดกระทั่งผ้าคลุมหน้าแล้วยังไม่พอหรือ หรือต้องให้ข้าถอดอาภรณ์ด้วยตัวเองก่อน

ไม่ถูกใจข้าก็บอกมาตรงๆ!

มาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สารเลว!

สารเลว!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+