บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 310 กระบี่นี้ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 310 กระบี่นี้ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 310 กระบี่นี้ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์!

น้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ด คือทรัพย์สินมหาศาลที่ยากจะจินตนาการได้

หากไหลไปอยู่ในตลาดทั้งหมด ก็มากพอจะทำให้ทั้งทะเลอุดรสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

แน่นอน ไม่มีเผ่าใดขายน้ำตาดาวเทพสมุทรไปอย่างโจ่งแจ้ง

ถึงอย่างไรของหายากก็มีราคาแพง หากขายน้ำตาดาวเทพสมุทรไปในปริมาณมาก ราคาก็จะลดลงอย่างมากด้วย

สู้เก็บไว้ใช้ฝึกบำเพ็ญเอง ที่เหลือให้กับคนใกล้ชิด หรือให้สำนักแลกเป็นแต้มคุณูปการดีกว่า

“ได้ยินมานานว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีสวรรค์ดูแล เป็นบุตรแห่งโชคสูงสุดของห้าดินแดน ตอนนี้แซ่ไป๋ยอมแล้ว”

คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์ได้แบ่งน้ำตาดาวเทพสมุทรไปไม่น้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มเจิดจรัส

เขารู้ดีว่าครั้งนี้ตนอาศัยบารมีของเสิ่นเทียน

หากไม่เช่นนั้น ด้วยศักยภาพของเขา แม้จะเดินทางในเขตทะเลเบิกฟ้าหนึ่งปีก็อาจจะไม่ได้โชคลิขิตยิ่งใหญ่เช่นนี้มา

ได้แบ่งน้ำตาดาวเทพสมุทรสิบสองเม็ด ต่อให้ตอนนี้ออกจากเขตทะเลเบิกฟ้า พวกเขาก็ไม่ขาดทุนเลย

คุณชายเซี่ยแห่งเผ่าปูเทพทองคำก็กวัดแกว่งกล้ามปูเช่นกัน พูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้โชคดีที่มีบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอยู่ หากไม่เช่นนั้นต่อให้หาเจอน้ำตาดาว ก็เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ได้มาง่ายๆ แน่นอน องค์หญิงเผียนเซียนก็มีคุณูปการหาน้ำตาดาวเช่นกัน พวกเรานี่สิต้องหน้าด้านขออาศัยบารมี”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งใจของสี่คุณชายที่มีต่อตนแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกหน้าร้อนนิดๆ

แค่กๆ เขาจะบอกได้หรือว่าจริงๆ แล้วเขาแค่เกาะโชคลิขิตเฉยๆ

สิ่งมงคล บุตรแห่งโชคอะไรนั่น…

เหอะๆ ละอายใจมิกล้ารับไว้จริงๆ!

……..

สุดท้าย น้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ดก็แบ่งให้เสิ่นเทียนไปสองร้อยเม็ด

หลังจากทุกคนได้น้ำตาดาวแล้ว ยังต่างเจอว่านแปลกหายากบนเกาะทะเลอีกไม่น้อย

แม้ว่านแปลกพวกนี้จะไม่ล้ำค่าเท่าน้ำตาดาวเทพสมุทรเลย แต่ก็เป็นว่านวิญญาณระดับสูงสุดหายากในโลกภายนอก

พูดได้ว่าผู้สูงศักดิ์ส่วนใหญ่พบแล้วยังต้องใจสั่นไหว กระทั่งอาจจะลงมือต่อสู้แย่งชิงกัน

มีสิ่งเดียวที่ทุกคนเสียดายคือ เขตใจกลางเกาะนี้ถูกหมอกเบิกฟ้าปกคลุมทั้งหมด หารอยแยกเข้าไปไม่ได้เลย ไม่เช่นนั้นอาจจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในนั้นก็ได้

ถึงอย่างไรลำพังแค่รอบนอกเกาะก็เจอน้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยกว่าเม็ดแล้ว เกาะดารานี้พิเศษและมหัศจรรย์มากจริงๆ

“โชคลิขิตมาไม่ถึง ได้แต่บอกว่าเขตใจกลางไร้วาสนากับพวกเรา”

เสิ่นเทียนมองกว้างมาก ในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะทุกคนไม่มีภาพของเขตใจกลางเกาะนี้เลย

เห็นได้ชัดว่าใจกลางนี้ไม่เปิดให้นักผจญภัยเลย อยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีความหมาย

กรงหมอกเบิกฟ้าเหนือศีรษะแยกออกช้าๆ เสิ่นเทียนจึงตัดสินใจออกไป

แปดคนพุ่งขึ้นฟ้าไปนอกรอยแยกพร้อมกัน เบียดผ่านรอยแยกออกไปอย่างราบรื่น

จนเมื่อพวกเขามาถึงบนฟ้าเกาะทะเลเบิกฟ้าอีกครั้ง ก็เผชิญหน้ากับโอรสสวรรค์เผ่าทะเลอื่นที่เตรียมพร้อมจะบุกทุกเมื่อหลายคน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาน่าจะมารอนอกเกาะดาราหลายวันแล้ว

กว่ากรงหมอกเบิกฟ้าจะเกิดรอยแยกไม่ใช่ง่ายๆ ขณะกำลังจะเข้าไปกวาดล้างครั้งใหญ่ ก็เจอกับพวกเสิ่นเทียนออกมาจากข้างใน พวกเขาน้ำตาแทบไหล

ถึงอย่างไรเจ้าพวกนี้ก็ไม่มีใครล่วงเกินได้ ในเมื่อพวกเขามุดออกมาจากในนั้น ก็คงจะไม่เหลือแม้แต่เส้นขนในนั้นกระมัง!

หรือก็คือ พวกเขารอที่นี่หลายวันอย่างเปล่าประโยชน์!

“ขอคารวะองค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ด บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง แล้วก็องค์หญิงเผียนเซียน”

โอรสสวรรค์เผ่าทะเลพวกนั้นโค้งตัวให้พวกเสิ่นเทียนอย่างเคารพนบนอบ จากนั้นพุ่งทะยานไปทางอื่นเหมือนจะหนี

ไม่ใช่เพราะกลัวโดนเสิ่นเทียนเล่นงาน แต่การผจญภัยเกาะดาราเดือนแรกจะหาโชคลิขิตเจอง่ายที่สุด หลังผ่านไปหนึ่งเดือน เกาะรอบนอกส่วนใหญ่และเกาะที่ค่อนข้างปลอดภัยจะถูกนักผจญภัยจำนวนมากกวาดล้างจนเกลี้ยง

ถึงตอนนั้นการจะหาโชคลิขิตที่มากกว่า ก็ต้องเสี่ยงอันตรายไปยังเขตทะเลที่ลึกกว่า อันตรายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

พวกเขารออยู่หน้าเกาะนี้มาหลายวัน เท่ากับเสียเวลาไปสามวันเต็มๆ

คิดๆ ดูแล้ว ถ้าปัดเศษก็จะเท่ากับเสียไปหนึ่งร้อยล้าน!

แล้วยังไม่รีบเปลี่ยนที่อีกหรือ

……

“เป็นปีศาจที่มีมารยาทมาก”

เมื่อเห็นโอรสสวรรค์ที่รีบร้อนลนลานจากไปพวกนั้นแล้ว เสิ่นเทียนอดทำเสียงจิ๊ๆ พลางถอนหายใจไม่ได้

ไฉนต้องทำถึงขนาดนี้!

แค่พลาดไปเกาะเดียวเองไม่ใช่หรือ ไฉนต้องจริงจังอะไรเช่นนั้น! บางครั้งการหาโชคลิขิตก็จะรีบร้อนไม่ได้ ใจร้อนจะกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้

เจ้าดูข้าสิไม่รีบร้อนเลย กระทั่งยังอยากกลับไปพักผ่อนในเมืองสุขาวดีสองวันแล้วค่อยว่ากัน

อืม รู้ว่าทุกโชคลิขิตจะปรากฏขึ้นเมื่อไร

ก็เลยทำตัวตามสบายได้เช่นนี้ไง

เอ๋าอูโยนน้ำตาดาวเทพสมุทรเม็ดหนึ่งใส่ปาก เคี้ยวกรุบๆ เหมือนน้ำตาล ทั่วร่างเปล่งแสงสีฟ้า

เขามองเสิ่นเทียน “พี่เสิ่นเทียน เราจะไปที่ใดต่อ ท่านนำทางเลย!”

ฉีเซ่าเสวียนด้านข้างรู้สึกปวดร้าวนิดๆ เห็นอยู่ว่านี่คือสหายทำสัญญาของเขา!

อีกทั้ง จะให้แซ่ฉีลองนำทางดูสักครั้งไม่ได้หรือ

ความจริงแซ่ฉีก็อาจจะมีความสามารถเหนือชั้นในการนำทางพวกเขาก็ได้!

เสิ่นเทียนไม่รู้สึกถึงความคับแค้นใจในส่วนลึกแววตาของฉีเซ่าเสวียน

เขาหลับตาลงช้าๆ นึกถึงภาพที่เห็นเหนือศีรษะโอรสสวรรค์บางคน

ทว่าในสายตาพวกอวี้เผียนเซียน เอ๋าอูและฉีเซ่าเสวียน เสิ่นเทียนในตอนนี้ดูลึกลับไม่อาจคาดเดา

เขาเหมือนกำลังสำแดงวิชาสัมผัสอะไรบางอย่าง บนใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มลึกลับ เหมือนจะส่องความลับสวรรค์ได้

สหายเสิ่นหาน้ำตาดาวเทพสมุทรพบไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงๆ

บุตรศักดิ์สิทธิ์ลึกลับคนนี้มีวิธีการหาสมบัติที่ลึกลับคาดเดาไม่ได้อยู่จริงๆ

แต่ทุกคนไม่ถามเสิ่นเทียน เพราะทุกคนในโลกบำเพ็ญเซียนต่างก็มีความลับของตน เคารพความลับที่คนอื่นเขาไม่อยากเปิดเผย คือเงื่อนไขพื้นฐานของการรักษามิตรภาพกับสหายไว้

อย่างอื่นไม่ว่า ฉีเซ่าเสวียน เอ๋าอูไปจนถึงอวี้เผียนเซียนกับสี่คุณชายสามารถเป็นโอรสสวรรค์ได้ ใครบ้างที่ไม่มีความลับ!

……..

เสิ่นเทียนลืมตาขึ้นช้าๆ ภายใต้สายตาเฝ้ามองของทุกคน

เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปยังส่วนลึกยิ่งกว่าของเขตทะเลเบิกฟ้า “ถ้าไม่เช่นนั้นก็เข้าไปลึกอีกแล้วกัน”

ทุกคนมองเสิ่นเทียนลึกๆ ภายในใจเหมือนกับกระจกใส

หากครั้งนี้ยังเป็นมหาโชคลิขิต จะต้องมีคำถามแน่

ได้ยินมาว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แห่งดินแดนบูรพามีกลุ่มสวรรค์พิทักษ์อยู่ ก่อนหน้านี้มีชื่อว่าลัทธิปรมาจารย์สวรรค์ นับถือปรมาจารย์สวรรค์เสิ่น

และข้อสอนดั้งเดิมสุดของลัทธิปรมาจารย์สวรรค์คือเชื่อว่าปรมาจารย์จะได้โชคลิขิต อีกทั้งยังเล่าลือว่าแม่นยำทุกครั้ง

เดิมทีตอนที่ได้ยินข่าวพวกนี้ ทุกคนไม่คิดเช่นนั้นเลย

แต่วันนี้ พวกเขาเริ่มสั่นคลอนนิดๆ แล้ว

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็ให้ไปเยอะมาก

ระหว่างทางเงียบมาตลอด ทุกคนพุ่งทะยานตามเสิ่นเทียนเข้าไปยังส่วนลึกของทะเลอุดรต่อ

ก็ยังเหมือนตอนแรกสุด ระหว่างทางเจอเกาะทะเลเสิ่นเทียนจะไม่แยแสเลย ราวกับรู้เป้าหมายของตนชัดเจน

บางครั้งก็เจอกลุ่มหมอกเบิกฟ้าบ้าง ทุกคนก็อ้อมไปไกล ไม่เจออันตรายอะไร

ภายใต้การกดดันจากยอดค่ายกลเบิกฟ้า ทุกคนใช้เวลาไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเพิ่งจะบินไปได้หมื่นลี้ และตอนนี้หมอกเบิกฟ้าในเขตทะเลหนากว่าก่อนหน้านี้หลายเท่ามาก โดยเฉพาะกรงหมอกบนหมู่เกาะ

หากบอกว่าหมอกเบิกฟ้าที่วนเวียนรอบเกาะทะเลพวกนั้นรอบนอกเขตทะเลเบิกฟ้าเป็นเพียงมุ้งบางๆ เช่นนั้นกรงหมอกที่พวกเสิ่นเทียนเห็นอยู่ตอนนี้ก็เหมือนกับผ้านวมผืนใหญ่

มันห่อหุ้มหมู่เกาะพวกนั้นและหมุนม้วนไม่หยุด เห็นแล้วยังทำให้คนรู้สึกขนพองสยองเกล้า นั่นคือการกดดันในด้านต้นกำเนิดชีวิต

……

ในที่สุดเสิ่นเทียนก็หยุดลง

ทุกคนลงมาหน้าหมู่เกาะยักษ์แห่งหนึ่ง

“ระวัง!”

ทันใดนั้นเองมีหนวดหมึกยักษ์เส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากส่วนลึกมหาสมุทรหน้าเกาะ

หนวดหมึกนั้นมีความยาวหลายร้อยจั้งเหมือนกับทวนเทพค้ำฟ้า ฟันใส่ศีรษะอวี้เผียนเซียน

การโจมตีนี้หมุนม้วนคลื่นทะเลสามพันจั้ง อานุภาพมหาศาลพอๆ กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพ ทำให้อวี้เผียนเซียนหน้าซีดขาวทันที

ถึงอย่างไรระดับพลังของนางก็มีเพียงดวงจิตดรุณขั้นต้น อีกทั้งยังไม่ชำนาญการต่อสู้ ศักยภาพแท้จริงพอๆ กับสี่คุณชาย เทียบไม่ได้แม้แต่เอ๋าอูในระดับกายทอง

เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่มีกำลังรบเทียบเท่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพ นางแทบจะไม่มีกำลังต่อต้านเลย

“เดรัจฉานไม่เจียมตัว!”

แสงสว่างจากง้าวมังกรสวรรค์ของฉีเซ่าเสวียนเพิ่มขึ้น ไอม่วงวนเวียนทั่วร่าง พริบตาเดียวก็กวัดแกว่งประกายง้าวหลายสิบจั้งฟันใส่หนวดหมึกนั้น

ทว่าประกายแสงง้าวในมือเขาเพิ่งฟันออกไป พลันมีหนวดที่สองพุ่งมาจากด้านหลังพร้อมกับกลิ่นคาวรุนแรง มัดตัวฉีเซ่าเสวียนไว้

หนวดนี้มีสีแดงกับเขียวตัดสลับกันทุกส่วน ทั้งยังมีจุดชัดเจน ดูน่าสยดสยองและแปลกประหลาดยิ่ง

หากโดนหนวดนี้มัดเข้าจริงๆ ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกว่าต่อให้ไม่ตาย ตนก็คงขยะแขยงไปอีกมากกว่าครึ่งปี

ฉีเซ่าเสวียนจึงได้แต่หันกลับมาตั้งรับด้วยความจำใจ ฟันหนวดที่สองเปิดเป็นรูใหญ่กระเด็นถอยไป

ขณะเดียวกัน หนวดที่สาม สี่และห้าก็พุ่งมาจากส่วนลึกก้นทะเลเช่นกัน เหมือนกับปรากฏขึ้นจากอากาศ

น้ำทะเลของเขตทะเลเบิกฟ้าที่นี่ตัดขาดประสาทสัมผัส ทำให้สัตว์ร้ายแข็งแกร่งมากมายอำพรางตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ การบินในเขตทะเลเช่นนี้จึงไม่ปลอดภัย

“ระยำ ไอ้ปลาแปดหนวดสุนัข กล้าจับข้ารึ ดูหมัดราชันอหังการของข้า รัวต่อเนื่อง~!”

“ไอ้ปลาแปดหนวดนี่แข็งแกร่งมาก ใช่บรรพบุรุษของเผ่าเทพหมึกยักษ์หรือไม่ เหล่าไป๋เจ้าไม่ลองทักทายบรรพบุรุษหน่อยรึ บางทีอาจจะขอร้องได้”

“ไปให้พ้นๆ นี่ถ้าผู้อาวุโสโดนหมอกเบิกฟ้ากัดกร่อนจะกลายเป็นสัตว์ทะเลน้อยน่ารักนะ จะไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่น่าอัปลักษณ์เช่นนี้หรอก! สีกับหน้าตาหนวดนี่ น่าอัปลักษณ์ชะมัด”

“ดูกรงเล็บมังกรสวรรค์ของข้า บรู้วๆๆ!”

……

หนึ่งหนวดรับมือกับศัตรูหนึ่งคน ปลาแปดหนวดที่ซ่อนในทะเลนั่นแข็งแกร่งมาก

ต่อให้เป็นกำลังรบของฉีเซ่าเสวียนก็ไม่อาจเอาชนะได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้อวี้เผียนเซียนต้านไม่ไหวแล้ว

วิชาป้องกันพังทลายลง ในสายตาตื่นกลัวของอวี้เผียนเซียน หนวดน่าขยะแขยงนั่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ…

จะตายด้วยหนวดสัตว์ประหลาดน่าขยะแขยงเช่นนี้หรือ

ถึงตายข้าก็ไม่ยอม!

ขณะที่หนวดหมึกนั้นจะมัดอวี้เผียนเซียนนั้น ตอนนี้เองเกิดแสงทองสว่างวาบ

ทันใดนั้นเองอวี้เผียนเซียนรู้สึกว่าร่างตนเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่น กลิ่นอายที่ทำให้คนสุขสบายใจลอยโชยเข้ามา

นางเงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง สิ่งที่เห็นคือใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาถึงขีดสุด

เป็นเขา เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ!

อวี้เผียนเซียนหน้าแดงขึ้นมา ได้อยู่ในอ้อมกอดเขา เกือบตายก็คุ้มค่าแล้ว

“องค์หญิงเผียนเซียน ตอนแรกเจ้ายังติดค้างน้ำตาดาวเทพสมุทรแซ่เสิ่นอีกสองเม็ด ครั้งนี้ช่วยชีวิตเจ้าไว้อีก ติดเพิ่มอีกเม็ดคงไม่เกินไปกระมัง!”

อวี้เผียนเซียนพูดไม่ออก

ดังนั้นเจ้าช่วยข้าก็เพื่อให้ข้าใช้หนี้?

บุรุษเผ่ามนุษย์ไม่รู้จักธรรมเนียมเช่นนี้เลยรึ

อวี้เผียนเซียนโกรธจนใบหน้าเล็กพองขึ้น ดูเหมือนจะพ่นน้ำได้ตลอดเวลา

อืม นางสนมปลาทองบนผิวทะเล

……

ซ่า~

เหมือนว่าที่เสิ่นเทียนแย่งเหยื่อไปจะเป็นการยั่วโทสะ พลันเกิดคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้าขึ้นบนผิวทะเลมหึมานั้น

ปลาหมึกมหึมาขนาดหลายร้อยจั้งปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน ทั่วร่างมันอยู่ระหว่างสีแดงและเขียว มีดวงตาสีโลหิตคู่หนึ่ง

หนวดทุกเส้นมีความยาวหลายร้อยจั้ง ดูแล้วบดบังฟ้าบังดวงตะวันน่าสะพรึงมาก แค่พลิกทีก็เกิดคลื่นลูกใหญ่สูงเทียมฟ้า เรียกได้ว่าเป็นราชาในเขตทะเล

“ระดับพลังแท้จริงของเจ้านี่คงจะเกือบถึงระดับหลอมรวมเทพแล้ว สหายเสิ่น ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”

ดวงตาสีม่วงตรงระหว่างคิ้วฉีเซ่าเสวียนเปล่งแสงเทพวาววับ ทั้งตัวเขาถูกไอม่วงหมื่นจั้งปกคลุม ราวกับเทพสวรรค์มาเยือนโลกมนุษย์

“ง้าวมังกรแปดรกร้าง…เมฆมังกรสะท้านฟ้า!”

ฉีเซ่าเสวียนตะโกนเสียงดัง ง้าวมังกรสวรรค์ในมือกลายเป็นเงาง้าวไร้ที่สิ้นสุด เมื่อเขากวัดแกว่งง้าวมังกรในมือ ไอม่วงหมื่นจั้งนั้นก็เริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน ไอม่วงหมื่นจั้งหดเป็นมังกรเทพไอม่วงร้อยจั้งตัวหนึ่ง ทุกเกล็ดสมจริงราวกับมีชีวิต แผ่อำนาจมังกรรุนแรง

แม้ขนาดจะเล็กลงหลายร้อยเท่า แต่ตอนนี้อานุภาพที่มังกรเทพนี้แผ่ออกมาก็หมุนม้วนแปดทิศหกประสาน

ฉีเซ่าเสวียนหลอมรวมเข้าไปอยู่ในมังกรม่วงทั้งตัว ก่อนจะพุ่งกระโจนใส่หมึกยักษ์นั่น

แม้ขนาดของมังกรม่วงจะอยู่ราวๆ หนึ่งส่วนสามของหมึกยักษ์ แต่เวลาสู้จริงกลับสูสีกัน

ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังเอาไม่ลง

“รีบสู้รีบจบ เดี๋ยวสัตว์ทะเลแข็งแกร่งตัวอื่นจะมา”

เสิ่นเทียนพึมพำกับตัวเอง สองมือประสานมุทรา พลันเปล่งแสงสว่างขึ้น

กระบี่ยาวสามฉื่อที่เปล่งแสงสีครามราวกับน้ำวูบไหวทั้งเล่มปรากฏขึ้นในมือเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนยืนถือกระบี่ ชุดผ้าแพรมังกรขาวคล่องแคล่วว่องไวดั่งเซียน มีกลิ่นอายลึกลับยิ่งลอยขึ้นมาทั้งตัว

เหนือชั้น เหนือธรรมดา ไม่จมธุลีดิน

ชิ้ง~

เสิ่นเทียนออกกระบี่แล้ว

กระบี่นี้ดูเหมือนง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว เพียงแค่แทงไปข้างหน้าเบาๆ

ทว่าในนั้นแฝงด้วยกระบวนท่ากระบี่มากมาย ทุกกระบวนท่าซับซ้อนเข้าใจยาก ทำให้คนไม่เข้าใจและจดจำไม่ได้เลย

ใช่ แม้พวกเขาจะเห็นเสิ่นเทียนออกกระบี่ แต่ในความคิดไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับกระบวนท่ากระบี่นี้เลย

ตอนนี้เสิ่นเทียนหายไปต่อหน้าทุกคน แทนที่ด้วยแสงกระบี่เซียนปกคลุมหนาทึบสายหนึ่ง

มันเปล่งแสงเรืองรองโบราณกาล เหมือนไหลลงมาจากแม่น้ำกาลเวลา ทอดยาวจากโบราณถึงปัจจุบัน

เหมือนช่วงหนึ่งในกาลเวลาฟันดวงชะตาเหตุและผลขาด

ชิ้ง~

กระบี่วารีครามเข้าฝักอีกครั้ง

ทันใดนั้น มังกรม่วงร้อยจั้งเงยหน้าขึ้นช้าๆ

พวกเอ๋าอูสั่นศีรษะ ได้สติกลับมาจากอาการเหม่อลอย

ซ่า~!

หนวดหมึกยาวร้อยจั้งแปดเส้นขาดพร้อมกัน ตกลงกลางทะเลไร้พรมแดน โลหิตเหม็นคาวย้อมทั้งเขตทะเลเป็นสีแดง

โจมตีทีเดียว หมึกยักษ์ที่มีศักยภาพแทบจะเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์อ่อนแอ สิ้นชีพลงทันที

ท่วงท่าของกระบี่นี้ มากพอจะสั่นสะเทือนห้าดินแดน

…..

“กระบี่นั้นมาอีกแล้ว”

ฉีเซ่าเสวียนเก็บปรากฏการณ์ไอม่วง ดวงตาขยับประกายแปลกประหลาด

สารภาพตามตรง กระบี่นั้นของเสิ่นเทียนแทบจะกลายเป็นยอดเขาสูงที่ไม่อาจข้ามผ่านได้ในใจเขาแล้ว

แต่ขอแค่เขาก้าวข้ามยอดเขาสูงนี้ได้ เอาชนะปราการเลือนรางในใจได้ ก็จะไม่อาจจำกัดความสำเร็จในอนาคตได้

ส่วนคนอื่นๆ ตอนนี้เพิ่งเคยเห็น ‘เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า’ ของเสิ่นเทียนเป็นครั้งแรก ตอนนี้ในใจมีเพียงความคิดเดียว

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือเซียนกระบี่ลงมาเยือนโลกจริงๆ กระบี่เล่มนี้…

ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์!

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 310 กระบี่นี้ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 310 กระบี่นี้ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 310 กระบี่นี้ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์!

น้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ด คือทรัพย์สินมหาศาลที่ยากจะจินตนาการได้

หากไหลไปอยู่ในตลาดทั้งหมด ก็มากพอจะทำให้ทั้งทะเลอุดรสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

แน่นอน ไม่มีเผ่าใดขายน้ำตาดาวเทพสมุทรไปอย่างโจ่งแจ้ง

ถึงอย่างไรของหายากก็มีราคาแพง หากขายน้ำตาดาวเทพสมุทรไปในปริมาณมาก ราคาก็จะลดลงอย่างมากด้วย

สู้เก็บไว้ใช้ฝึกบำเพ็ญเอง ที่เหลือให้กับคนใกล้ชิด หรือให้สำนักแลกเป็นแต้มคุณูปการดีกว่า

“ได้ยินมานานว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีสวรรค์ดูแล เป็นบุตรแห่งโชคสูงสุดของห้าดินแดน ตอนนี้แซ่ไป๋ยอมแล้ว”

คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์ได้แบ่งน้ำตาดาวเทพสมุทรไปไม่น้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มเจิดจรัส

เขารู้ดีว่าครั้งนี้ตนอาศัยบารมีของเสิ่นเทียน

หากไม่เช่นนั้น ด้วยศักยภาพของเขา แม้จะเดินทางในเขตทะเลเบิกฟ้าหนึ่งปีก็อาจจะไม่ได้โชคลิขิตยิ่งใหญ่เช่นนี้มา

ได้แบ่งน้ำตาดาวเทพสมุทรสิบสองเม็ด ต่อให้ตอนนี้ออกจากเขตทะเลเบิกฟ้า พวกเขาก็ไม่ขาดทุนเลย

คุณชายเซี่ยแห่งเผ่าปูเทพทองคำก็กวัดแกว่งกล้ามปูเช่นกัน พูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้โชคดีที่มีบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอยู่ หากไม่เช่นนั้นต่อให้หาเจอน้ำตาดาว ก็เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ได้มาง่ายๆ แน่นอน องค์หญิงเผียนเซียนก็มีคุณูปการหาน้ำตาดาวเช่นกัน พวกเรานี่สิต้องหน้าด้านขออาศัยบารมี”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งใจของสี่คุณชายที่มีต่อตนแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกหน้าร้อนนิดๆ

แค่กๆ เขาจะบอกได้หรือว่าจริงๆ แล้วเขาแค่เกาะโชคลิขิตเฉยๆ

สิ่งมงคล บุตรแห่งโชคอะไรนั่น…

เหอะๆ ละอายใจมิกล้ารับไว้จริงๆ!

……..

สุดท้าย น้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ดก็แบ่งให้เสิ่นเทียนไปสองร้อยเม็ด

หลังจากทุกคนได้น้ำตาดาวแล้ว ยังต่างเจอว่านแปลกหายากบนเกาะทะเลอีกไม่น้อย

แม้ว่านแปลกพวกนี้จะไม่ล้ำค่าเท่าน้ำตาดาวเทพสมุทรเลย แต่ก็เป็นว่านวิญญาณระดับสูงสุดหายากในโลกภายนอก

พูดได้ว่าผู้สูงศักดิ์ส่วนใหญ่พบแล้วยังต้องใจสั่นไหว กระทั่งอาจจะลงมือต่อสู้แย่งชิงกัน

มีสิ่งเดียวที่ทุกคนเสียดายคือ เขตใจกลางเกาะนี้ถูกหมอกเบิกฟ้าปกคลุมทั้งหมด หารอยแยกเข้าไปไม่ได้เลย ไม่เช่นนั้นอาจจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในนั้นก็ได้

ถึงอย่างไรลำพังแค่รอบนอกเกาะก็เจอน้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยกว่าเม็ดแล้ว เกาะดารานี้พิเศษและมหัศจรรย์มากจริงๆ

“โชคลิขิตมาไม่ถึง ได้แต่บอกว่าเขตใจกลางไร้วาสนากับพวกเรา”

เสิ่นเทียนมองกว้างมาก ในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะทุกคนไม่มีภาพของเขตใจกลางเกาะนี้เลย

เห็นได้ชัดว่าใจกลางนี้ไม่เปิดให้นักผจญภัยเลย อยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีความหมาย

กรงหมอกเบิกฟ้าเหนือศีรษะแยกออกช้าๆ เสิ่นเทียนจึงตัดสินใจออกไป

แปดคนพุ่งขึ้นฟ้าไปนอกรอยแยกพร้อมกัน เบียดผ่านรอยแยกออกไปอย่างราบรื่น

จนเมื่อพวกเขามาถึงบนฟ้าเกาะทะเลเบิกฟ้าอีกครั้ง ก็เผชิญหน้ากับโอรสสวรรค์เผ่าทะเลอื่นที่เตรียมพร้อมจะบุกทุกเมื่อหลายคน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาน่าจะมารอนอกเกาะดาราหลายวันแล้ว

กว่ากรงหมอกเบิกฟ้าจะเกิดรอยแยกไม่ใช่ง่ายๆ ขณะกำลังจะเข้าไปกวาดล้างครั้งใหญ่ ก็เจอกับพวกเสิ่นเทียนออกมาจากข้างใน พวกเขาน้ำตาแทบไหล

ถึงอย่างไรเจ้าพวกนี้ก็ไม่มีใครล่วงเกินได้ ในเมื่อพวกเขามุดออกมาจากในนั้น ก็คงจะไม่เหลือแม้แต่เส้นขนในนั้นกระมัง!

หรือก็คือ พวกเขารอที่นี่หลายวันอย่างเปล่าประโยชน์!

“ขอคารวะองค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ด บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง แล้วก็องค์หญิงเผียนเซียน”

โอรสสวรรค์เผ่าทะเลพวกนั้นโค้งตัวให้พวกเสิ่นเทียนอย่างเคารพนบนอบ จากนั้นพุ่งทะยานไปทางอื่นเหมือนจะหนี

ไม่ใช่เพราะกลัวโดนเสิ่นเทียนเล่นงาน แต่การผจญภัยเกาะดาราเดือนแรกจะหาโชคลิขิตเจอง่ายที่สุด หลังผ่านไปหนึ่งเดือน เกาะรอบนอกส่วนใหญ่และเกาะที่ค่อนข้างปลอดภัยจะถูกนักผจญภัยจำนวนมากกวาดล้างจนเกลี้ยง

ถึงตอนนั้นการจะหาโชคลิขิตที่มากกว่า ก็ต้องเสี่ยงอันตรายไปยังเขตทะเลที่ลึกกว่า อันตรายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

พวกเขารออยู่หน้าเกาะนี้มาหลายวัน เท่ากับเสียเวลาไปสามวันเต็มๆ

คิดๆ ดูแล้ว ถ้าปัดเศษก็จะเท่ากับเสียไปหนึ่งร้อยล้าน!

แล้วยังไม่รีบเปลี่ยนที่อีกหรือ

……

“เป็นปีศาจที่มีมารยาทมาก”

เมื่อเห็นโอรสสวรรค์ที่รีบร้อนลนลานจากไปพวกนั้นแล้ว เสิ่นเทียนอดทำเสียงจิ๊ๆ พลางถอนหายใจไม่ได้

ไฉนต้องทำถึงขนาดนี้!

แค่พลาดไปเกาะเดียวเองไม่ใช่หรือ ไฉนต้องจริงจังอะไรเช่นนั้น! บางครั้งการหาโชคลิขิตก็จะรีบร้อนไม่ได้ ใจร้อนจะกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้

เจ้าดูข้าสิไม่รีบร้อนเลย กระทั่งยังอยากกลับไปพักผ่อนในเมืองสุขาวดีสองวันแล้วค่อยว่ากัน

อืม รู้ว่าทุกโชคลิขิตจะปรากฏขึ้นเมื่อไร

ก็เลยทำตัวตามสบายได้เช่นนี้ไง

เอ๋าอูโยนน้ำตาดาวเทพสมุทรเม็ดหนึ่งใส่ปาก เคี้ยวกรุบๆ เหมือนน้ำตาล ทั่วร่างเปล่งแสงสีฟ้า

เขามองเสิ่นเทียน “พี่เสิ่นเทียน เราจะไปที่ใดต่อ ท่านนำทางเลย!”

ฉีเซ่าเสวียนด้านข้างรู้สึกปวดร้าวนิดๆ เห็นอยู่ว่านี่คือสหายทำสัญญาของเขา!

อีกทั้ง จะให้แซ่ฉีลองนำทางดูสักครั้งไม่ได้หรือ

ความจริงแซ่ฉีก็อาจจะมีความสามารถเหนือชั้นในการนำทางพวกเขาก็ได้!

เสิ่นเทียนไม่รู้สึกถึงความคับแค้นใจในส่วนลึกแววตาของฉีเซ่าเสวียน

เขาหลับตาลงช้าๆ นึกถึงภาพที่เห็นเหนือศีรษะโอรสสวรรค์บางคน

ทว่าในสายตาพวกอวี้เผียนเซียน เอ๋าอูและฉีเซ่าเสวียน เสิ่นเทียนในตอนนี้ดูลึกลับไม่อาจคาดเดา

เขาเหมือนกำลังสำแดงวิชาสัมผัสอะไรบางอย่าง บนใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มลึกลับ เหมือนจะส่องความลับสวรรค์ได้

สหายเสิ่นหาน้ำตาดาวเทพสมุทรพบไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงๆ

บุตรศักดิ์สิทธิ์ลึกลับคนนี้มีวิธีการหาสมบัติที่ลึกลับคาดเดาไม่ได้อยู่จริงๆ

แต่ทุกคนไม่ถามเสิ่นเทียน เพราะทุกคนในโลกบำเพ็ญเซียนต่างก็มีความลับของตน เคารพความลับที่คนอื่นเขาไม่อยากเปิดเผย คือเงื่อนไขพื้นฐานของการรักษามิตรภาพกับสหายไว้

อย่างอื่นไม่ว่า ฉีเซ่าเสวียน เอ๋าอูไปจนถึงอวี้เผียนเซียนกับสี่คุณชายสามารถเป็นโอรสสวรรค์ได้ ใครบ้างที่ไม่มีความลับ!

……..

เสิ่นเทียนลืมตาขึ้นช้าๆ ภายใต้สายตาเฝ้ามองของทุกคน

เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปยังส่วนลึกยิ่งกว่าของเขตทะเลเบิกฟ้า “ถ้าไม่เช่นนั้นก็เข้าไปลึกอีกแล้วกัน”

ทุกคนมองเสิ่นเทียนลึกๆ ภายในใจเหมือนกับกระจกใส

หากครั้งนี้ยังเป็นมหาโชคลิขิต จะต้องมีคำถามแน่

ได้ยินมาว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แห่งดินแดนบูรพามีกลุ่มสวรรค์พิทักษ์อยู่ ก่อนหน้านี้มีชื่อว่าลัทธิปรมาจารย์สวรรค์ นับถือปรมาจารย์สวรรค์เสิ่น

และข้อสอนดั้งเดิมสุดของลัทธิปรมาจารย์สวรรค์คือเชื่อว่าปรมาจารย์จะได้โชคลิขิต อีกทั้งยังเล่าลือว่าแม่นยำทุกครั้ง

เดิมทีตอนที่ได้ยินข่าวพวกนี้ ทุกคนไม่คิดเช่นนั้นเลย

แต่วันนี้ พวกเขาเริ่มสั่นคลอนนิดๆ แล้ว

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็ให้ไปเยอะมาก

ระหว่างทางเงียบมาตลอด ทุกคนพุ่งทะยานตามเสิ่นเทียนเข้าไปยังส่วนลึกของทะเลอุดรต่อ

ก็ยังเหมือนตอนแรกสุด ระหว่างทางเจอเกาะทะเลเสิ่นเทียนจะไม่แยแสเลย ราวกับรู้เป้าหมายของตนชัดเจน

บางครั้งก็เจอกลุ่มหมอกเบิกฟ้าบ้าง ทุกคนก็อ้อมไปไกล ไม่เจออันตรายอะไร

ภายใต้การกดดันจากยอดค่ายกลเบิกฟ้า ทุกคนใช้เวลาไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเพิ่งจะบินไปได้หมื่นลี้ และตอนนี้หมอกเบิกฟ้าในเขตทะเลหนากว่าก่อนหน้านี้หลายเท่ามาก โดยเฉพาะกรงหมอกบนหมู่เกาะ

หากบอกว่าหมอกเบิกฟ้าที่วนเวียนรอบเกาะทะเลพวกนั้นรอบนอกเขตทะเลเบิกฟ้าเป็นเพียงมุ้งบางๆ เช่นนั้นกรงหมอกที่พวกเสิ่นเทียนเห็นอยู่ตอนนี้ก็เหมือนกับผ้านวมผืนใหญ่

มันห่อหุ้มหมู่เกาะพวกนั้นและหมุนม้วนไม่หยุด เห็นแล้วยังทำให้คนรู้สึกขนพองสยองเกล้า นั่นคือการกดดันในด้านต้นกำเนิดชีวิต

……

ในที่สุดเสิ่นเทียนก็หยุดลง

ทุกคนลงมาหน้าหมู่เกาะยักษ์แห่งหนึ่ง

“ระวัง!”

ทันใดนั้นเองมีหนวดหมึกยักษ์เส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากส่วนลึกมหาสมุทรหน้าเกาะ

หนวดหมึกนั้นมีความยาวหลายร้อยจั้งเหมือนกับทวนเทพค้ำฟ้า ฟันใส่ศีรษะอวี้เผียนเซียน

การโจมตีนี้หมุนม้วนคลื่นทะเลสามพันจั้ง อานุภาพมหาศาลพอๆ กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพ ทำให้อวี้เผียนเซียนหน้าซีดขาวทันที

ถึงอย่างไรระดับพลังของนางก็มีเพียงดวงจิตดรุณขั้นต้น อีกทั้งยังไม่ชำนาญการต่อสู้ ศักยภาพแท้จริงพอๆ กับสี่คุณชาย เทียบไม่ได้แม้แต่เอ๋าอูในระดับกายทอง

เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่มีกำลังรบเทียบเท่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพ นางแทบจะไม่มีกำลังต่อต้านเลย

“เดรัจฉานไม่เจียมตัว!”

แสงสว่างจากง้าวมังกรสวรรค์ของฉีเซ่าเสวียนเพิ่มขึ้น ไอม่วงวนเวียนทั่วร่าง พริบตาเดียวก็กวัดแกว่งประกายง้าวหลายสิบจั้งฟันใส่หนวดหมึกนั้น

ทว่าประกายแสงง้าวในมือเขาเพิ่งฟันออกไป พลันมีหนวดที่สองพุ่งมาจากด้านหลังพร้อมกับกลิ่นคาวรุนแรง มัดตัวฉีเซ่าเสวียนไว้

หนวดนี้มีสีแดงกับเขียวตัดสลับกันทุกส่วน ทั้งยังมีจุดชัดเจน ดูน่าสยดสยองและแปลกประหลาดยิ่ง

หากโดนหนวดนี้มัดเข้าจริงๆ ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกว่าต่อให้ไม่ตาย ตนก็คงขยะแขยงไปอีกมากกว่าครึ่งปี

ฉีเซ่าเสวียนจึงได้แต่หันกลับมาตั้งรับด้วยความจำใจ ฟันหนวดที่สองเปิดเป็นรูใหญ่กระเด็นถอยไป

ขณะเดียวกัน หนวดที่สาม สี่และห้าก็พุ่งมาจากส่วนลึกก้นทะเลเช่นกัน เหมือนกับปรากฏขึ้นจากอากาศ

น้ำทะเลของเขตทะเลเบิกฟ้าที่นี่ตัดขาดประสาทสัมผัส ทำให้สัตว์ร้ายแข็งแกร่งมากมายอำพรางตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ การบินในเขตทะเลเช่นนี้จึงไม่ปลอดภัย

“ระยำ ไอ้ปลาแปดหนวดสุนัข กล้าจับข้ารึ ดูหมัดราชันอหังการของข้า รัวต่อเนื่อง~!”

“ไอ้ปลาแปดหนวดนี่แข็งแกร่งมาก ใช่บรรพบุรุษของเผ่าเทพหมึกยักษ์หรือไม่ เหล่าไป๋เจ้าไม่ลองทักทายบรรพบุรุษหน่อยรึ บางทีอาจจะขอร้องได้”

“ไปให้พ้นๆ นี่ถ้าผู้อาวุโสโดนหมอกเบิกฟ้ากัดกร่อนจะกลายเป็นสัตว์ทะเลน้อยน่ารักนะ จะไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่น่าอัปลักษณ์เช่นนี้หรอก! สีกับหน้าตาหนวดนี่ น่าอัปลักษณ์ชะมัด”

“ดูกรงเล็บมังกรสวรรค์ของข้า บรู้วๆๆ!”

……

หนึ่งหนวดรับมือกับศัตรูหนึ่งคน ปลาแปดหนวดที่ซ่อนในทะเลนั่นแข็งแกร่งมาก

ต่อให้เป็นกำลังรบของฉีเซ่าเสวียนก็ไม่อาจเอาชนะได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้อวี้เผียนเซียนต้านไม่ไหวแล้ว

วิชาป้องกันพังทลายลง ในสายตาตื่นกลัวของอวี้เผียนเซียน หนวดน่าขยะแขยงนั่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ…

จะตายด้วยหนวดสัตว์ประหลาดน่าขยะแขยงเช่นนี้หรือ

ถึงตายข้าก็ไม่ยอม!

ขณะที่หนวดหมึกนั้นจะมัดอวี้เผียนเซียนนั้น ตอนนี้เองเกิดแสงทองสว่างวาบ

ทันใดนั้นเองอวี้เผียนเซียนรู้สึกว่าร่างตนเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่น กลิ่นอายที่ทำให้คนสุขสบายใจลอยโชยเข้ามา

นางเงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง สิ่งที่เห็นคือใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาถึงขีดสุด

เป็นเขา เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ!

อวี้เผียนเซียนหน้าแดงขึ้นมา ได้อยู่ในอ้อมกอดเขา เกือบตายก็คุ้มค่าแล้ว

“องค์หญิงเผียนเซียน ตอนแรกเจ้ายังติดค้างน้ำตาดาวเทพสมุทรแซ่เสิ่นอีกสองเม็ด ครั้งนี้ช่วยชีวิตเจ้าไว้อีก ติดเพิ่มอีกเม็ดคงไม่เกินไปกระมัง!”

อวี้เผียนเซียนพูดไม่ออก

ดังนั้นเจ้าช่วยข้าก็เพื่อให้ข้าใช้หนี้?

บุรุษเผ่ามนุษย์ไม่รู้จักธรรมเนียมเช่นนี้เลยรึ

อวี้เผียนเซียนโกรธจนใบหน้าเล็กพองขึ้น ดูเหมือนจะพ่นน้ำได้ตลอดเวลา

อืม นางสนมปลาทองบนผิวทะเล

……

ซ่า~

เหมือนว่าที่เสิ่นเทียนแย่งเหยื่อไปจะเป็นการยั่วโทสะ พลันเกิดคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้าขึ้นบนผิวทะเลมหึมานั้น

ปลาหมึกมหึมาขนาดหลายร้อยจั้งปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน ทั่วร่างมันอยู่ระหว่างสีแดงและเขียว มีดวงตาสีโลหิตคู่หนึ่ง

หนวดทุกเส้นมีความยาวหลายร้อยจั้ง ดูแล้วบดบังฟ้าบังดวงตะวันน่าสะพรึงมาก แค่พลิกทีก็เกิดคลื่นลูกใหญ่สูงเทียมฟ้า เรียกได้ว่าเป็นราชาในเขตทะเล

“ระดับพลังแท้จริงของเจ้านี่คงจะเกือบถึงระดับหลอมรวมเทพแล้ว สหายเสิ่น ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”

ดวงตาสีม่วงตรงระหว่างคิ้วฉีเซ่าเสวียนเปล่งแสงเทพวาววับ ทั้งตัวเขาถูกไอม่วงหมื่นจั้งปกคลุม ราวกับเทพสวรรค์มาเยือนโลกมนุษย์

“ง้าวมังกรแปดรกร้าง…เมฆมังกรสะท้านฟ้า!”

ฉีเซ่าเสวียนตะโกนเสียงดัง ง้าวมังกรสวรรค์ในมือกลายเป็นเงาง้าวไร้ที่สิ้นสุด เมื่อเขากวัดแกว่งง้าวมังกรในมือ ไอม่วงหมื่นจั้งนั้นก็เริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน ไอม่วงหมื่นจั้งหดเป็นมังกรเทพไอม่วงร้อยจั้งตัวหนึ่ง ทุกเกล็ดสมจริงราวกับมีชีวิต แผ่อำนาจมังกรรุนแรง

แม้ขนาดจะเล็กลงหลายร้อยเท่า แต่ตอนนี้อานุภาพที่มังกรเทพนี้แผ่ออกมาก็หมุนม้วนแปดทิศหกประสาน

ฉีเซ่าเสวียนหลอมรวมเข้าไปอยู่ในมังกรม่วงทั้งตัว ก่อนจะพุ่งกระโจนใส่หมึกยักษ์นั่น

แม้ขนาดของมังกรม่วงจะอยู่ราวๆ หนึ่งส่วนสามของหมึกยักษ์ แต่เวลาสู้จริงกลับสูสีกัน

ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังเอาไม่ลง

“รีบสู้รีบจบ เดี๋ยวสัตว์ทะเลแข็งแกร่งตัวอื่นจะมา”

เสิ่นเทียนพึมพำกับตัวเอง สองมือประสานมุทรา พลันเปล่งแสงสว่างขึ้น

กระบี่ยาวสามฉื่อที่เปล่งแสงสีครามราวกับน้ำวูบไหวทั้งเล่มปรากฏขึ้นในมือเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนยืนถือกระบี่ ชุดผ้าแพรมังกรขาวคล่องแคล่วว่องไวดั่งเซียน มีกลิ่นอายลึกลับยิ่งลอยขึ้นมาทั้งตัว

เหนือชั้น เหนือธรรมดา ไม่จมธุลีดิน

ชิ้ง~

เสิ่นเทียนออกกระบี่แล้ว

กระบี่นี้ดูเหมือนง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว เพียงแค่แทงไปข้างหน้าเบาๆ

ทว่าในนั้นแฝงด้วยกระบวนท่ากระบี่มากมาย ทุกกระบวนท่าซับซ้อนเข้าใจยาก ทำให้คนไม่เข้าใจและจดจำไม่ได้เลย

ใช่ แม้พวกเขาจะเห็นเสิ่นเทียนออกกระบี่ แต่ในความคิดไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับกระบวนท่ากระบี่นี้เลย

ตอนนี้เสิ่นเทียนหายไปต่อหน้าทุกคน แทนที่ด้วยแสงกระบี่เซียนปกคลุมหนาทึบสายหนึ่ง

มันเปล่งแสงเรืองรองโบราณกาล เหมือนไหลลงมาจากแม่น้ำกาลเวลา ทอดยาวจากโบราณถึงปัจจุบัน

เหมือนช่วงหนึ่งในกาลเวลาฟันดวงชะตาเหตุและผลขาด

ชิ้ง~

กระบี่วารีครามเข้าฝักอีกครั้ง

ทันใดนั้น มังกรม่วงร้อยจั้งเงยหน้าขึ้นช้าๆ

พวกเอ๋าอูสั่นศีรษะ ได้สติกลับมาจากอาการเหม่อลอย

ซ่า~!

หนวดหมึกยาวร้อยจั้งแปดเส้นขาดพร้อมกัน ตกลงกลางทะเลไร้พรมแดน โลหิตเหม็นคาวย้อมทั้งเขตทะเลเป็นสีแดง

โจมตีทีเดียว หมึกยักษ์ที่มีศักยภาพแทบจะเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์อ่อนแอ สิ้นชีพลงทันที

ท่วงท่าของกระบี่นี้ มากพอจะสั่นสะเทือนห้าดินแดน

…..

“กระบี่นั้นมาอีกแล้ว”

ฉีเซ่าเสวียนเก็บปรากฏการณ์ไอม่วง ดวงตาขยับประกายแปลกประหลาด

สารภาพตามตรง กระบี่นั้นของเสิ่นเทียนแทบจะกลายเป็นยอดเขาสูงที่ไม่อาจข้ามผ่านได้ในใจเขาแล้ว

แต่ขอแค่เขาก้าวข้ามยอดเขาสูงนี้ได้ เอาชนะปราการเลือนรางในใจได้ ก็จะไม่อาจจำกัดความสำเร็จในอนาคตได้

ส่วนคนอื่นๆ ตอนนี้เพิ่งเคยเห็น ‘เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า’ ของเสิ่นเทียนเป็นครั้งแรก ตอนนี้ในใจมีเพียงความคิดเดียว

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือเซียนกระบี่ลงมาเยือนโลกจริงๆ กระบี่เล่มนี้…

ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์!

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด