บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 408 บิดาแห่งหุ่นเหล็กวิถีเซียน ฉินอวิ๋นตี๋!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 408 บิดาแห่งหุ่นเหล็กวิถีเซียน ฉินอวิ๋นตี๋! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 408 บิดาแห่งหุ่นเหล็กวิถีเซียน ฉินอวิ๋นตี๋!

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หน้ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

สองร่างเงากลายเป็นประกายสายฟ้ากระโดดขึ้นๆ ลงๆ กลางฟ้าดิน ทำทุกอย่างรอบตัวเละไปหมด

ศิษย์เทพสวรรค์พากันออกมา เมื่อเห็นสองคนนี้แล้วก็อดถอนหายใจมิได้

เจ้าสองคนนี้ ไม่อยู่สุขเลยสักช่วงเลยจริงๆ!

ไม่นึกเลยว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่งออกไปได้ครึ่งวันก็จะสู้กันอีกแล้ว

ศิษย์รอบๆ กำลังมองดูอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าสอดมือ

พวกเขารู้ว่าเจ้าสองคนนี้ มีเพียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเท่านั้นที่เอาอยู่!

สองร่างเงาไล่ตามกัน แผ่พลังแก่กล้า สายรุ้งเทพทะลวงอากาศ แทงท้องนภาแตกเป็นรู

……

คนที่ถูกไล่ตามสวมจีวรเต๋า เป็นนักพรตอ้วนหน้าตามอมแมม และคนที่ไล่ตามเขาเป็นสีขาวใสทั้งตัว สวมกระดองเต่าใหญ่ กางเกงใหญ่สีสันหลากสี

นักพรตอ้วนมีสภาพสะบักสะบอม จีวรเต๋าขาดวิ่น บนศีรษะยังปูดเป็นก้อนใหญ่ เป็นเขางอกขึ้นมา

ทว่าถึงเขากำลังหนี แต่ปากกลับโวยวายเสียงดังไม่หยุด “เจ้าเต่าขนขาว ตามข้ามาอีกสิ เชื่อหรือไม่ว่ากุมอัสนีทีเดียวก็ย่างเจ้าได้แล้ว”

เจ้าสองคนนี้ก็คือไป๋ตี้กับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อ

หลังการผจญภัยเกาะมหานที คนกับเต่าก็ถูกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พากลับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เพราะเจ้าสองคนนี้ก่อเรื่องเก่งมากจริงๆ

คนหนึ่งปล้นสุสานเป็นอาชีพหลัก กระทั่งยังเคยขุดหลุมศพบรรพบุรุษของแดนศักดิ์สิทธิ์บางแห่งในดินแดนกลาง เกือบก่อมหาสงครามแดนศักดิ์สิทธิ์

ส่วนเต่าก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน อาศัยความเร็วสูงสุดปล้นโอสถวิญญาณฟ้าดินมาตลอด ไม่ทำให้ใครสบายใจเลยจริงๆ

เหลืออีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงพิธีใหญ่แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ ถึงตอนนั้นจะมีแขกมาจากทั่วทุกสารทิศ บุคคลสำคัญของทุกแดนศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เกิดถึงตอนนั้นมีคนมาร้องเรียน ก็คงจะขายหน้ายับเยินแล้ว

เพื่อความปลอดภัย เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จึงให้เจ้าสองคนนี้อยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่ให้ไปก่อเรื่องอะไร แต่ถึงจะอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ คนกับเต่าก็ยังไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ง่าย

เจ้าสองคนนี้เดิมทีไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว หลังจากเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พาพวกผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าสองคนนี้ก็สู้กันอีกครั้ง!

ไป๋ตี้กลายเป็นแสงสีทองตามก้นของเยวี่ยอวิ๋นเต๋อไปติดๆ

มันตะโกนเสียงดัง “เจ้านักพรตอ้วน กล้าชิงโลงศพของข้า ยังไม่รีบส่งออกมาอีก!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง สภาพดูจนตรอกนิดๆ “โลงศพนั่นเป็นโบราณวัตถุที่ข้าศึกษาได้มา ใครว่าเป็นของเจ้ากัน ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ลองเรียกมันดู ดูว่ามันจะตอบเจ้าหรือไม่”

ไป๋ตี้ได้ยินดังนั้นก็โกรธจัด “หากไม่มีข้า คนอ้วนอย่างเจ้าจะได้ของมาเยอะขนาดนี้รึ”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อถามกลับ “ไม่มีข้า เต่าดำแก่อย่างเจ้าก็ไม่ได้มาเหมือนกันไม่ใช่รึ”

เมื่อเอ่ยจบ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็เรียกสมบัติออกมาทีละชิ้น ปาใส่ไป๋ตี้!

อาวุธวิเศษทุกชิ้นเปล่งประกายแสง มองทีแรกก็รู้ไม่ใช่ของธรรมดา เป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงสุด

…..

เมื่อเห็นเยวี่ยอวิ๋นเต๋อยังซ่อนสมบัติไว้มากขนาดนี้ ไป๋ตี้ก็โกรธจัด

“เจ้าอ้วนบ้า ไม่มีคุณธรรมเลยสักนิด ไม่อยากเชื่อว่าจะซ่อนสมบัติไว้มากขนาดนี้! กล้าทำชั่วเช่นนี้ ข้าจะกัดเจ้าให้ตาย!”

ไป๋ตี้พลันเร่งความเร็ว แสงสีทองสว่างวาบ ก่อนงับเข้าที่ก้นของเยวี่ยอวิ๋นเต๋อ!

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อพลันกระโดดขึ้น “พระผู้เป็นเจ้าหาที่สิ้นสุดมิได้ เจ้าเต่าแก่เป็นสุนัขรึ ถึงกล้ากัดข้าจริงๆ”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อเปล่งแสงที่ก้น กฎเกณฑ์วนเวียน เห็นได้ชัดว่ามีสมบัติล้ำค่ากันสะโพก ไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ

นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าเยวี่ยอวิ๋นเต๋อมีศักยภาพไม่ธรรมดาจริงๆ!

พึงรู้ไว้ว่าไป๋ตี้เป็นเต่าอสนีบาตสุญญะ เป็นอดีตผู้แข็งแกร่งสุดยอด แม้จะนิพพานเกิดใหม่ ศักยภาพกลับมาผู้สูงศักดิ์สวรรค์ แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ธรรมดาก็เทียบไม่ได้

ทว่าเยวี่ยอวิ๋นเต๋อกลับเสีบเปรียบให้ไป๋ตี้เล็กน้อย นี่มากพอจะยืนยันว่าเขาก็ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในผู้สูงศักดิ์สวรรค์เช่นกัน เพียงแต่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อไม่เป็นไร แต่กางเกงกัดฟันของไป๋ตี้ไม่ได้

ฉึก~

ทันใดนั้น จีวรเต๋าของเยวี่ยอวิ๋นเต๋อถูกฉีกเป็นรูใหญ่ เผยกางเกงในสีแดง

บิดไปบิดมา นั่นเรียกว่าน่ารันทดอย่างสุดหัวใจ!

ศิษย์เทพสวรรค์ที่มุงดูอยู่รอบๆ เห็นกางเกงในสีแดงตัวใหญ่นั้นแล้วก็อดแอบหัวเราะกันไม่ได้

แน่นอน แค่แอบหัวเราะเท่านั้น

ดีเลวอย่างไรเยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นก่อนๆๆๆ ก็ต้องให้เกียรติเขาบ้าง

นักพรตอ้วนหน้าดำมืด มุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง “พระผู้เป็นเจ้าหาที่สิ้นสุดมิได้ ข้าขายหน้าหมดแล้ว จากนี้จะมีหน้าไปเจอศิษย์หญิงเทพสวรรค์อย่างไร!”

คำนั้นเรียกว่าอะไรนะ การสิ้นชีพทางสังคม!

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อรู้สึกว่าการสิ้นชีพทางสังคมของตนอยู่ไม่ไกลแล้ว

แต่ไป๋ตี้ก็ไม่คิดจะเลิกรา มันกระตุ้นย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตพุ่งใส่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อต่อ

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อโมโหขึ้นสมอง ร้องโวยวายว่า “เต่าดำแก่ ถ้ากัดข้าอีก ข้าจะระเบิดหัวเต่าของเจ้า!

อ๊าก!

อย่า อย่านะ!

เบาหน่อยๆ ตรงนั้นจะกัดไม่ได้นะ!

อ๊าก~!”

ชั่วครู่เดียว เยวี่ยอวิ๋นเต๋อจีวรเต๋าขาดเละเทะ ทั้งตัวมีแต่รอยถูกกัด น่าสงสารมาก!

…..

บึ้ม!

ทันใดนั้นห้วงอากาศบิดเบี้ยว เกิดแสงสว่างจ้า!

เส้นทางความว่างเปล่าข้ามมาจากมิติ มีร่างเงาหลายร่างเดินออกมา

นั่นคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับพวกเสิ่นเทียน

หลังจากทุกคนทะลวงพลัง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็สร้างเส้นทางมิติพาทุกคนกลับมา แน่นอน องค์หญิงหลิงหลงก็ตามติดมาด้วยเช่นกัน

ความคิดนางง่ายมาก พี่เสิ่นเทียนไปที่ใด ข้าก็จะไปที่นั่นด้วย!

จางอวิ๋นซีย่อมค้านอย่างเต็มที่กับเรื่องนี้ แต่ก็จนปัญญาเพราะสองคนมีกำลังสูสีกัน ไม่มีใครยอมใคร หาเหตุผลอะไรไม่ได้ด้วย

ระหว่างทางมานี้ สองสาวเพียงแค่ปะทะคารมกัน ไม่ได้สู้กันจริงๆ

จนเมื่อทุกคนปรากฏกายก็มีศิษย์เทพสวรรค์พบ จึงทำหน้าดีใจและเลื่อมใส กระทั่งศิษย์บางคนน้ำตาคลอ

“พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว!”

“แล้วยังมีศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์!”

“ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์กลับมาได้อย่างปลอดภัย เป็นเรื่องน่ายินดีของเทพสวรรค์จริงๆ!”

“หายไปหนึ่งเดือนกว่า ในที่สุดศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้อุทิศตัวเพื่อคนอื่นก็กลับมาอย่างปลอดภัย สวรรค์ปกป้องจริงๆ!”

“ตามที่ลุงกุ้ยบอก พระสนมหลานปกป้องต่างหาก”

……

เวลานี้ ทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คึกคักขึ้นมา

เมื่อพวกเสิ่นเทียนปรากฏกาย เห็นภาพนี้แล้วยังอึ้งไปเล็กน้อย

ไป๋ตี้ยังคงไล่ตามกัดเยวี่ยอวิ๋นเต๋อ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็จู่โจมสวนกลับเช่นกัน กระตุ้นพลังสายฟ้ารวมเป็นสุนัขเทพสีทองพุ่งกระโจนใส่ไป๋ตี้

จากนั้นไป๋ตี้ออกหมัดเทพราชันอหังการ ระเบิดสุนัขใหญ่สีทองนั่น!

พลังแห่งราชันอหังการอัดแน่นไปทั่วท้องนภา!

ไป๋ตี้เก็บหมัดกลับมาช้าๆ ก่อนจะพูดเย้ยเยาะ “แค่นี้รึ เจ้าอ้วน วิชาสายฟ้าของเจ้ายังใช้ไม่ได้!”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ ทนดูต่อไปไม่ได้จริงๆ

เขาโบกแขนเสื้อ แยกสองคนออกจากกัน

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกมือ ในที่สุดคนกับเต่าก็ตั้งสติกลับมาได้ ไม่ได้ก่อเรื่องต่อไปอีก

ช่วยไม่ได้ ถ้าก่อเรื่องอีกก็ต้องถูกจัดการ ไม่มีใครได้ผลดี

ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เชื่อฟัง~

…..

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อพบเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้วก็ดีใจ รีบวิ่งเข้ามา

สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไป ร้องโอดครวญว่า “อาจารย์ ท่านต้องจัดการให้ข้านะ เจ้าเต๋าขนขาวนั่นไร้คุณธรรม รังแกผู้อ่อนแอกว่า ลอบโจมตีคนหนุ่มอายุไม่กี่ร้อยปีอย่างข้าตอนที่ยังไม่รู้ตัว!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อน้ำตาไหลน้ำมูกไหล ดูน่าสงสารมาก

ไป๋ตี้มุมปากกระตุก “เจ้าอ้วนนี่ใส่ร้ายป้ายสี ทำลายชื่อเสียงของข้ารึ กินหมัดเทพราชันอหังการข้าอีกหมัด!”

ไป๋ตี้ตะโกนเสียงดังพลางยื่นหมัดเต่าออกมา รวมเป็นเงาหมัดยักษ์จะทุบใส่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อ

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อหดคอ รีบหลบหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหว “ผู้อาวุโสไป๋ตี้ ไว้หน้าข้าด้วย ให้เรื่องนี้จบลงตรงนี้เถอะ”

ก่อนจะโบกแขนเสื้อ เงาหมัดหายไปทั้งหมด

ไป๋ตี้เก็บมือด้วยความแค้นใจ “เห็นแก่หน้าเจ้าหนูอย่างเจ้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าอ้วนนี่ไปก่อนแล้วกัน!”

ทว่าไป๋ตี้กลับหวาดกลัวอยู่ในใจ แม้มันจะอยู่มานาน แต่หลังจากนิพพานฝึกบำเพ็ญใหม่ ศักยภาพก็กลับมาเพียงผู้สูงศักดิ์สวรรค์

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นผู้อริยะฝ่าด่านเคราะห์ พลังบำเพ็ญลึกล้ำไม่อาจคาดเดา หากมันอวดดีต่อหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เกรงว่าคงถูกทุบตีไม่น้อย

จุดนี้ ไป๋ตี้รู้ดีมาก!

“ขอบคุณมากขอรับอาจารย์!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อขอบคุณอย่างหน้าด้านๆ

แค่จากนั้นนัยน์ตาเขาก็ฉายแววตื่นกลัว ถึงกับร้องตกใจ

“นี่…เป็นไปได้อย่างไร ไม่ได้เจอมาครึ่งเดือน เหตุใดพลังบำเพ็ญพวกเจ้าถึงเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อตาพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนเขาเห็นว่าพวกจางอวิ๋นซีอยู่เพียงระดับดวงจิตดรุณตอนต้น ปรากฏว่าออกไปครั้งเดียวก็กลายเป็นดวงจิตดรุณตอนปลายรึ

นี่ข้าเจออยู่กับอะไร

……

“พระผู้เป็นเจ้าว่านอนสอนง่ายหาที่สิ้นสุดมิได้ พวกเจ้าได้สูบเลือดไก่กันรึ เหตุใดพลังบำเพ็ญถึงเพิ่มเร็วเช่นนี้”

เลือดไก่อะไรโหดเช่นนี้ หากข้าได้สักเข็ม จะไม่ทุบตีเต่าขนขาวนั่นได้เลยรึ ซี้ด อยากได้มาก!

ฟางฉางอธิบายด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ใหญ่ เราไม่ได้สูบฉีดเลือดไก่ ทุกอย่างมาจากโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์”

“โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า มันคืออะไร”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อสงสัยเล็กน้อย

ต่อให้เสิ่นเทียนจะเป็นบุตรแห่งโชคที่สุดนับตั้งแต่โบราณกาลมา ก็คงไม่สุดยอดขนาดนั้นหรอกกระมัง!

โอสถใดกันที่ทำให้คนเยอะขนาดนี้ทะลวงพลังได้ กระทั่งรู้สึกเหมือนว่ากลิ่นอายพลังของอาจารย์กับอาจารย์ลุงจะแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีก

ขณะที่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อกำลังสงสัย ไป๋ตี้ก็เดินหน้ามา กลายเป็นแสงทองมาปรากฏตรงหน้าเสิ่นเทียน “เจ้าหนูเด็กดี ไม่ได้เจอกันหลายวัน พลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยนะ!

ข้าเห็นเจ้าองอาจห้าวหาญ มองทีแรกก็รู้ว่ามั่งคั่งและสูงส่ง เส้นทางเซียนยิ่งใหญ่! ไม่รู้ว่าโอสถฟ้าอะไรนั่น จะให้ข้าลองสักสองสามเม็ดได้หรือไม่ บางทีข้าอาจจะอารมณ์ดี มอบยอดพลังวิเศษสูงสุดให้แก่เจ้า!”

ไป๋ตี้เห็นทุกคนพลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงตาร้อนไม่ไหวแล้ว

ดังนั้น เขาจึงไม่สนใจสามเจ็ดยี่สิบเอ็ดอะไรแล้ว ตรงเข้าไปพูดยกยอ อยากจะขอลองโอสถ

เสิ่นเทียนงุนงง

เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นภาพนี้ที่ใดมาก่อน!

ด้านข้าง ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตขยับหน้าไปข้างๆ อย่างเงียบเชียบ

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็ตั้งสติกลับมาได้เช่นกัน จึงตะโกนเสียงดัง “เจ้าเต่าแก่นี่ ลอบจู่โจมตอนที่ข้ายังไม่พร้อม!”

พอพูดจบ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็เดินเข้ามาเช่นกัน กอดต้นขาเสิ่นเทียนไว้ “ศิษย์น้อง! ศิษย์พี่น่าสงสารจะตาย โดนเต่าดำแก่นี่รังแกมาตลอดเลย ศิษย์น้อง เจ้าให้โอสถข้าสักสองสามเม็ดเถอะ รอศิษย์พี่เพิ่มพลังบำเพ็ญแล้ว จะสั่งสอนเต่าดำแก่นี่แน่นอน!”

ไป๋ตี้พูดไม่ออก

“เจ้าอ้วนนี่ กล้าแย่งงานของข้ารึ กินหมัดเทพราชันอหังการของข้า!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อกระโดดขึ้นมา ตะโกนเสียงดัง “เต่าดำแก่เจ้าอย่าเสแสร้งเลย รอข้าได้โอสถก่อน จะแขวนเจ้าทุบตีให้เละ!”

ศิษย์น้องเสิ่นเทียนกลับมาแล้ว ข้าจึงมีความมั่นใจขึ้นมา เดี๋ยวจะตุ๋นเจ้าเสีย

แน่นอน เงื่อนไขคือต้องได้โอสถอะไรนั่นมาก่อน!

เสแสร้งเสร็จแล้ว เยวี่ยอวิ๋นเต๋อพลันหมุนตัวกลับมา คิดจะกอดต้นขาเสิ่นเทียนขอโอสถ

ไป๋ตี้ด้านข้างก็เช่นกัน คนกับเต่าพากันวิ่งมากอดต้นขาเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย อดใจไม่ไหวอยากจะถีบเจ้าสองคนนี้ออกไป

แต่ดีที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตออกมือก่อน

พวกเขาใช้มือใหญ่คว้าไก่หิ้วหลังคอเสื้อดวงชะตาของเยวี่ยอวิ๋นเต๋อกับไป๋ตี้กลับมา

“พวกเจ้าสองคนนี่ ทำขายหน้าข้ามากจริงๆ!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตอดส่ายหน้าไม่ได้ ไม่ได้จำเลยว่าก่อนหน้านี้เขาก็ถูกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หิ้วกลับมาเช่นนี้เหมือนกัน

หลังถูกหิ้วหลังคอเสื้อแห่งดวงชะตา ไป๋ตี้กับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็ดิ้นไม่หลุดเลย แต่พวกเขาก็ยังคงร้องเสียงดัง “พวกเราแค่อยากชิมรสชาติ แค่ชิมเท่านั้น!”

ฟางฉางพูดงึมงำ “เหตุใดถึงคุ้นคำพูดนี้จัง”

เสิ่นเทียนกับทุกคนพูดไม่ออก

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตหน้าดำกว่าเดิม!

……

เปรี้ยง!

ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่น พลังอำนาจแก่กล้าอัดแน่นท้องนภา!

ท้องฟ้าขยับแสงเรืองรองวูบวาบ แสงสว่างจ้าเหมือนดวงตะวัน บดบังแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้ทั้งหมด!

แสงเงามหึมาร่างหนึ่งขยับวูบไหว ตกลงมาสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว พลังอำนาจหนักหน่วง เหมือนกับพยัคฆ์ร้ายลงเขา

บึ้ม!

ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย

ทุกคนมองไป เห็นพยัคฆ์ขาวยักษ์ปรากฏขึ้นกลางแดนศักดิ์สิทธิ์

นั่นคือพยัคฆ์ขาวขนาดพันจั้ง เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าละลานตาเหมือนถูกสร้างด้วยทองคำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นอายพลังจากตัวพยัคฆ์ขาวนี้เทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์!

“นี่มันอะไรกัน”

พวกฟางฉางพลันเตรียมพร้อมรบ มีสีหน้าระมัดระวังขึ้นมา!

หากไม่ใช่เพราะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ พวกเขาคงคิดว่าเป็นเผ่าอสูรดินแดนทักษิณบุกมา

แต่เสิ่นเทียนกลับมุมปากกระตุก มองพยัคฆ์ขาว “ทรานฟอร์เมอร์ก็ทะลุมิติมาด้วยรึ”

ใช่ นี่ไม่ใช่พยัคฆ์ขาวอะไรเลย!

แต่เป็นหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นจากทองคำวิญญาณ หรืออาจจะเรียกว่ากันดั้ม

ตอนนี้เอง หุ่นพยัคฆ์ขาวพลันปรากฏร่างคนขึ้นบนศีรษะ “ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ รีบมาดูผลการวิจัยใหม่สุดของข้าเร็ว”

คนนี้ผมสีทองตาตี่ ใบหน้าหล่อเหลาสุภาพ เขาคือฉินอวิ๋นตี๋!

ฉินอวิ๋นตี๋เป็นศิษย์สายตรงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ไม่มีใจอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ เอาแต่ศึกษาของแปลกประหลาดมาตลอด

ก่อนหน้านี้ด้วยการชี้แนะของเสิ่นเทียน เขาศึกษาได้เป็นยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางและปืนปทุมฆาตเทพ รวมถึงปืนหยินหยางพิฆาตอสูร

ไม่นึกเลยว่าไม่ได้เจอมาสักพัก ฉินอวิ๋นตี๋จะสร้างหุ่นทรานฟอร์เมอร์ออกมาได้!

ฉินอวิ๋นตี๋กระโดดลงมาจากหุ่นพยัคฆ์ขาวธาตุทอง มองเสิ่นเทียนด้วยแววตาเร่าร้อน

“ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าฝึกวิชาหุ่นกระบอกพันโชคถึงขั้นสูงแล้ว นี่คือหุ่นที่ข้าสร้างขึ้น พยัคฆ์ขาวอัสนี! มันสร้างขึ้นจากทองคำวิญญาณ ใช้อัสนีเทพกำเนิดฟ้าเป็นพลังงาน ขอแค่กระตุ้นหุ่นพวกนี้ ก็จะระเบิดกำลังรบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้! อีกอย่างหนึ่ง หุ่นพวกนี้ก็ควบคุมง่ายมาก แม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทองยังควบคุมได้ง่าย!”

ฉินอวิ๋นตี๋อธิบายผลการวิจัยของเขาด้วยใบหน้าตื่นเต้น

ทุกคนได้ยินดังนั้นถึงกับตื่นตกใจ

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าพยัคฆ์ขาวธาตุทองที่ดูทรงพลังอย่างยิ่งนี้จะเป็นเพียงหุ่นกระบอก และที่สำคัญกว่านั้นคือนี่ยังเป็นหุ่นกระบอกที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์

มิหนำซ้ำ ผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทองยังควบคุมได้ง่ายอีก

นี่ไม่ได้หมายความว่าผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทองจะใช้พลังของหุ่นกระบอกสู้กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้หรือ

มารดาข้าเถอะ!

ทำให้ผู้บำเพ็ญแก่นพลังทองระเบิดกำลังรบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้รึ

สิ่งนี้จะโหดไปหน่อยแล้วกระมัง!

…….

ถึงหุ่นกระบอกนี่จะมีกำลังรบเพียงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ไม่อาจคุกคามถึงผู้แข็งแกร่งระดับอริยะเลย แต่ก็ชนะในเรื่องปริมาณการผลิต!

ขอแค่ผลิตหุ่นกระบอกออกมาเยอะกว่า นี่จะทำให้กำลังรบชนชั้นสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เพิ่มขึ้นไม่ใช่หรือ

ต้องรู้ว่าผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ไม่ใช่ผักกาดขาวที่วางอยู่บนถนน

ต่อให้เป็นในแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ล้วนเป็นระดับผู้อาวุโส มีฐานะสูงส่ง

การใช้พลังของหุ่นกระบอกยกระดับศักยภาพของศิษย์ระดับแก่นพลังทองให้สู้กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้ นี่ยืนยันได้ว่าสิ่งนี้สุดยอดเพียงใด!

ต่อให้หุ่นกระบอกพวกนี้ได้แค่สู้กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์และก็อาจจะไม่ชนะอย่างแน่นอน ต่อให้การสร้างหุ่นกระบอกพวกนี้จะต้องใช้ทรัพยากรทองคำวิญญาณจำนวนมาก กระทั่งรวมพลังสายฟ้าจำนวนมหาศาลเป็นพลังงาน ก็ยังกำไรเลือดสาดไม่มีขาดทุน

ถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ถือว่าเป็นกำลังชั้นสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งนับได้ว่าเป็นความมั่นใจและศักยภาพแฝง

ฉินอวิ๋นตี๋พูดด้วยใบหน้าเฝ้ารอคอย “ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดว่าหุ่นกระบอกนี่เป็นอย่างไร”

เมื่อได้ฟังฉินอวิ๋นตี๋อธิบายด้วยใบหน้าบานเป็นกระด้งแล้ว เสิ่นเทียนถึงกับมึนงง

สุดยอด สุดยอดเลยศิษย์น้อง!

สร้างกันดั้มระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ออกมาได้เร็วขนาดนี้ ถ้าให้เวลาเจ้าอีกหน่อย จะไม่สร้างยานอวกาศออกมาเลยรึ

ถึงตอนนั้นบินขึ้นโลกเซียนได้เลย ยังต้องมาฝ่าด่านเคราะห์บ้าอะไรอีก!

แค่กๆ นี่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

โลกเซียนมีกฎเกณฑ์ปกคลุม ไม่ได้อยู่ในโลกนี้

ต่อให้มียานอวกาศก็ไม่มีทางข้ามผ่านกฎเกณฑ์เข้าไปในโลกเซียนได้

อีกอย่าง บินขึ้นโลกเซียนด้วยศักยภาพแค่นี้ จะไม่ไปรนหาที่ตายรึ

……

ต่อให้เสิ่นเทียนจะมีความรู้ประสบการณ์มากมาย ก็ยังอดปลงอนิจจังมิได้ “ไม่เลว!”

การได้เห็นหุ่นยนต์ในโลกนี้ ทำให้เขาปลื้มใจนิดๆ

เพราะก็ยังยืนยันคำนั้น หุ่นยนต์คือความฝันของบุรุษ!

“แต่ข้าว่าจะเรียกมันว่าหุ่นกระบอกก็ดูจะไม่เผยความอหังการของมัน ไม่รู้ว่าศิษย์พี่มีอะไรจะแนะนำหรือไม่”

ฉินอวิ๋นตี๋กังวลเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว แต่ยังคิดไม่ออกว่าควรจะใช้ชื่อว่าอะไร

ในวิชาหุ่นกระบอกพันโชคได้บันทึกมรดกในการสร้างหุ่นกระบอกไว้

หุ่นพยัคฆ์ขาวที่ฉินอวิ๋นตี๋สร้างขึ้น ยังรวมความรู้การระเบิดที่เสิ่นเทียนสอนให้ด้วย รวมถึงความรู้ในการแปรเปลี่ยนสายฟ้า

พูดอย่างจริงจังคือ พยัคฆ์ขาวอัสนีนี่ แท้จริงไม่ถือว่าเป็นหุ่นกระบอกทั้งหมด น่าจะเป็นระบบใหม่มากกว่า

ดังนั้น ฉินอวิ๋นตี๋จึงอยากถามเสิ่นเทียนว่ามีคำแนะนำที่ดีกว่าหรือไม่

เสิ่นเทียนตอบนิ่งๆ “เช่นนั้นก็เรียกว่าหุ่นเหล็กแล้วกัน!”

ฉินอวิ๋นตี๋พลันตกอยู่ในห้วงความคิด ปากพูดงึมงำ “หุ่นเหล็ก…หุ่นเหล็ก! เป็นนามที่อวดดีมาก หุ่นกระบอกพยัคฆ์ขาวสร้างจากทองคำ มีความคล่องตัวระดับสูง ทั้งยังแข็งแรงเหมือนชุดเกราะ มีการป้องกันแข็งแกร่ง!

เรียกว่าหุ่นเหล็กก็เหมาะสมที่สุด ดีมาก เช่นนั้นหุ่นกระบอกพยัคฆ์ขาวนี่ จากนี้จะเรียกมันว่าหุ่นเหล็กพยัคฆ์ขาวทอง!”

ฉินอวิ๋นตี้ยิ้มหน้าบาน ความจริงจะเรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้น

หลักๆ คือศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นคนตั้งชื่อหุ่นเหล็กนี้

ชื่อที่ศิษย์พี่ตั้งให้ย่อมต้องสมบูรณ์แบบแน่นอน!

…….

เสิ่นเทียนมองฉินอวิ๋นตี๋ มุมปากกระตุกเล็กน้อย

เจ้าว่าอะไรก็ว่าตามนั้นเถอะ!

ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนสร้างขึ้นมา!

ปัญหาคือแค่ตั้งชื่อให้หุ่นเหล็กนี่เท่านั้นเอง

เจ้าตื่นเต้นไม่เท่าไร แต่หน้าแดงทำเพื่อ!

บุรุษเล่นหุ่นทรานเฟอเมอร์ ไม่เห็นจะต้องดีใจขนาดนี้เลย!

เสิ่นเทียนมองเด็กหนุ่มผมทองตาตี่ที่ตื่นเต้นตรงหน้า พลางเกิดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ

คนตาตี่ล้วนเป็นสัตว์ประหลาด เจ้านี่พัฒนาถึงช่วงท้ายแล้วคงไม่เอาอย่างโอโรจิมารุหมู่บ้านข้างๆ หรอกนะ!

ซี้ด~

น่าจะไม่กระมัง ถึงอย่างไรโอโรจิมารุก็ศึกษาพวกสิ่งมีชีวิต

แต่ฉินอวิ๋นตี๋ศึกษาหุ่นเหล็กสายฟ้า

คิดมาก น่าจะคิดมากไปเอง

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด