บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 423 มังกรสวรรค์ทรงอำนาจ ท่านกษิติครรภ์โพธิสัตว์!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 423 มังกรสวรรค์ทรงอำนาจ ท่านกษิติครรภ์โพธิสัตว์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 423 มังกรสวรรค์ทรงอำนาจ ท่านกษิติครรภ์โพธิสัตว์!

เมื่อเห็นสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์วางยอดค่ายกล โอรสสวรรค์ดินแดนกลางก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก

ถึงยอดค่ายกลจะแกร่งกว่านี้ ก็ยังรวมมาจากพวกระดับดวงจิตดรุณ จะไปเอาชนะสิบผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้อย่างไร

เก้าตะวันรุ่นหกยิ้ม “น้องเจ็ด เจ้าถูกทุบตีจนมึนไปแล้วรึ พูดจาอะไรไม่รู้เรื่อง”

สิบผู้สูงศักดิ์สวรรค์คือบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์ดินแดนกลาง เป็นผู้โดดเด่นที่มีพรสวรรค์สุดยอด

พวกเขาสิบคนร่วมมือกัน ทำลายค่ายกลอัสนีฟ้าเทพสวรรค์ได้ง่ายๆ ไม่ใช่รึ

เก้าตะวันรุ่นหกพูดต่อ “น้องเจ็ด เจออะไรก็ต้องนิ่งไว้หน่อย ต่อให้ภูเขาไท่ซานถล่มใส่ก็อย่าตระหนก เข้าใจหรือไม่ ค่ายกลนี่ จะไปกำราบ…ระยำ นี่มันอะไรกัน”

เดิมทีเก้าตะวันรุ่นหกคิดจะสั่งสอนศิษย์น้องว่าอย่าตื่นตูม

ทว่าเมื่อเขาเห็นภาพบนเวทีประลองสุญญะก็อ้าปากกว้าง คางแทบร่วงลงมา!

…..

บนเวทีประลองสุญญะ เมฆเคราะห์ภัยดำมืดปกคลุมทั้งท้องนภา

เคราะห์อัสนีสีสันหลากสีกำลังรวมกัน แผ่แสงเทพปัญจธาตุ สว่างจ้าแสบตา สายฟ้าไม่มีสิ้นสุดตัดสลับกัน ไหลมารวมกันเรื่อยๆ กำเนิดอัสนีเทพกำเนิดฟ้ามากมายไม่ขาดสาย

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบคนตัวสั่น เผยแววตาตื่นกลัว

พวกเขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าปัญจธาตุนั้น เกรงว่าแม้แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ยังต้านไม่ได้!

เปรี้ยง!

เมฆเคราะห์ภัยพลันผ่าลงมา ทำลายห้วงอากาศแตกกระจาย

อัสนีเทพกำเนิดฟ้ากลายเป็นสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์ คำรามด้วยความน่ากลัว พลังเอ่อล้นไม่อาจปัดป้องได้!

เคราะห์อัสนีพยัคฆ์ขาวคำรามนภา เคราะห์อัสนีวิหคชาดเวียนสวรรค์เก้าชั้น อัสนีเทพมังกรเขียวทะลวงจักรวาล เคราะห์อัสนีกิเลนผนึกแดนกลาง!

เคราะห์อัสนีน่ากลัวหมุนม้วนฟ้าดิน พลันปกคลุมผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบคน ประกายสายฟ้าสว่างสีสันหลากสีเหมือนกับดอกไม้ไฟ

“ช่วยกันวางค่ายกล!”

หากสู้เพียงลำพังต้องลำบากมากแน่

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบคนเคลื่อนไหวแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่เรียกอาวุธอริยะออกมา อย่างน้อยสุดก็อาวุธวิญญาณระดับสูงสุดครบชุด

อาวุธล้ำค่ามากมายลอยอยู่เหนือศีรษะ กลายเป็นม่านแสงหนาทึบปกคลุมทุกคน

บึ้ม!

เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น สะท้านเมฆนภา!

เวทีประลองสุญญะถูกสายฟ้าไม่มีสิ้นสุดปกคลุม ราวกับเคราะห์สวรรค์ทำลายล้างโลก

ประกายไฟต่างพุ่งออกมา สว่างจ้าแสบตาถึงที่สุด

เคราะห์อัสนีมากมายผ่าลงกลางม่านแสง ทำให้ม่านแสงสั่นสะเทือนตาม ราวกับจะพังลงได้ตลอดเวลา!

โอรสสวรรค์ดินแดนกลางมีสีหน้าหวาดกลัว ใจหนาวสั่น

ยอดค่ายกลเทพสวรรค์ระเบิดพลังอำนาจน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้แต่สิบผู้สูงศักดิ์สวรรค์ยังถูกกำราบไว้

หากพวกเขาไปอยู่กลางเคราะห์อัสนี เกรงว่าคงพ่ายแพ้บาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

ศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว

หรือจะบอกว่าโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาทั้งหมดในรุ่นนี้น่ากลัวขนาดนี้เชียว

โอรสสวรรค์ดินแดนกลางมองโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพารุ่นนี้ ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

….

ทุกคนต่างมองเวทีประลองสุญญะ มีเพียงเสิ่นเทียนที่หันไปมองโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพา

เขามองหน้าผากของโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพา ดวงตาเปล่งประกายขึ้น

คราวนี้รวยแล้ว!

นี่ไม่ใช่แค่พวกศิษย์พี่ แต่ยังเป็นกุยช่ายใหญ่สีเขียวเป็นกอง เป็นพี่น้องกุยช่าย!

เสิ่นเทียนมองวงรัศมีสีทองเหนือศีรษะโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาพลางรู้สึกจะลอยขึ้น!

บุตรแห่งโชคเป็นกอง แค่เกาะๆ ตามอำเภอใจก็ร่ำรวยแล้ว!

ตอนนี้เอง เทพสวรรค์รุ่นเก้าเดินเข้ามา ตบบ่าเสิ่นเทียน “ศิษย์น้องเล็ก!”

เสิ่นเทียนงุนงง

อะไรกัน

ข้าสวมหน้ากากอยู่ไม่ใช่รึ เหตุใดถึงถูกเปิดเผยฐานะเร็วเช่นนี้ หรือว่าหน้ากากนี่จะบดบังความหล่อเหลาของข้าไม่ได้กัน

เทพสวรรค์รุ่นเก้าเหมือนรู้สึกว่าเสิ่นเทียนตกใจมากจึงพูดด้วยความจำใจ “แปลกใจใช่หรือไม่ว่าศิษย์พี่รู้จักเจ้าได้อย่างไร”

เสิ่นเทียนพยักหน้างงๆ เขาไม่รู้จริงๆ

หรือว่าเทพสวรรค์รุ่นเก้าจะเป็นดาวฉลาดตกลงมายังโลกมนุษย์ แค่เห็นเงื่อนงำก็รู้ฐานะเขาได้

เทพสวรรค์รุ่นเก้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนพูดอย่างจนปัญญา “เพราะเจ้าสวมชุดของบุตรศักดิ์สิทธิ์!”

เสิ่นเทียนเงียบ

ศิษย์พี่รุ่นก่อน ฉลาดจริงๆ!

ดูท่าจากนี้จะต้องทำตัวให้เงียบไว้หน่อยแล้ว

เสิ่นเทียนหน้าแดง “ศิษย์พี่ฉลาดจริงๆ!”

เทพสวรรค์รุ่นเก้าแสยะปาก “ฮ่าๆ คนอื่นเขาก็ว่ากันอย่างนั้น! แต่ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่ว่าอาภรณ์เจ้าสวยกว่าข้าอีก อาจารย์ลำเอียงหรือไม่ สั่งทำชุดบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหม่ให้เจ้าเป็นพิเศษหรือ ต้องรู้นะว่าตอนที่ข้ารับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้ใช้ของเหลือมาจากพวกศิษย์พี่รุ่นก่อน!”

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทุกรุ่นเงียบ

น้องเก้า พูดจาอะไรอย่าให้มันตรงไปนัก!

มียางอายบ้างได้หรือไม่!

จะให้คนอื่นเขารู้ว่าบ้านเรายากจนรึ

แต่ว่า ความจริงก็เป็นเช่นนี้

ตั้งแต่ศึกเมื่อหมื่นปีก่อน แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แทบจะล่มสลาย ทำให้มรดกและทรัพยากรมากมายหายไป จนกระทั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รับตำแหน่งถึงพอจะแบกรับภาระให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่งเรืองขึ้นมาได้

หลายปีมานี้บ้านยังไม่มีข้าวกิน ชีวิตขัดสนมาก!

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทุกรุ่นไม่ได้มีอุปกรณ์ชั้นยอดอะไร พูดได้ว่ายากจนมาก ไม่เช่นนั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นหนึ่งเยวี่ยอวิ๋นเต๋อคงไม่เดินสายปล้นสุสาน

ตนปล้นสุสาน ทำให้บ้านร่ำรวย~

……

เทพสวรรค์รุ่นเจ็ดเข้ามาดันเทพสวรรค์รุ่นเก้าออก “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอย่าสนใจเจ้าโง่นี่เลย! บอกศิษย์พี่มาว่าหลายปีมานี้ แดนศักดิ์สิทธิ์หลุดพ้นจากความยากจนแล้วหรือไม่ เหตุใดพวกศิษย์น้องถึงแกร่งกันเช่นนี้”

เทพสวรรค์รุ่นเจ็ดมีดวงตาแพนด้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ

หลักๆ เป็นเพราะเห็นพวกจางอวิ๋นซีถืออาวุธอริยะ จึงคันในใจ

อะไรกัน!

แดนศักดิ์สิทธิ์มอบอาวุธอริยะให้ได้ตั้งแต่เมื่อไร เช่นนั้นเราไปหาอาจารย์และขออาวุธอริยะมาบ้างได้หรือไม่

ลำบากยากจนมานาน ในที่สุดก็จะได้ลิ้มลองความหวานของความร่ำรวยแล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เทพสวรรค์รุ่นเจ็ดก็อดยิ้มซื่อๆ ไม่ได้ ตัวสั่นไหวขึ้นมา

“ซี้ด~”

ขณะเทพสวรรค์รุ่นเจ็ดกำลังหัวเราะซื่อๆ ได้ไปดึงบาดแผล ทำเขาเจ็บจนแยกเขี้ยว ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกหลายที

เทพสวรรค์รุ่นเก้าแอบยิ้ม “พี่เจ็ด ใครใช้ให้ผลักข้าออกล่ะ รู้จักเจ็บไปเสียเถอะ!”

“สมควร เหอะๆๆ…!”

“ซี้ด~”

“เจ็บๆๆ!”

…..

เสิ่นเทียนมองศิษย์พี่สองคนตรงหน้าด้วยอาการมึนงง

ตัวตลกสองคนนี้คือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นก่อนจริงๆ รึ

มิน่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พัฒนามาหลายปีก็ยังไม่อาจยิ่งใหญ่ขึ้นได้!

อาจารย์ ข้าเข้าใจความทุกข์ของท่านแล้ว

เสิ่นเทียนทำหน้าจนปัญญา ก่อนจะหยิบขวดหยกขาวออกมาสองขวด “ศิษย์พี่ทั้งสอง เรามารักษาบาดแผลกันก่อนเถอะ! ศิษย์น้องมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอยู่บ้าง ช่วยรักษาบาดแผลให้ศิษย์พี่ได้”

ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นศิษย์พี่ของตน และยังเป็นผู้มีมหาดวงชะตาวงรัศมีสีทอง

เสิ่นเทียนคิดว่าตนควรจะแสดงออกสักหน่อย!

อืม แค่เป็นห่วงศิษย์พี่ ไม่ใช่เพราะอยากเก็บเกี่ยวกุยช่าย!

“ศิษย์น้องเล็กมีน้ำใจ บาดแผลแค่นี้ศิษย์พี่พักไม่กี่วันก็หายแล้ว ไหนเลยจะไปใช้ของเหลว…อะไรนะ ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานรึ”

เทพสวรรค์รุ่นเก้ากับรุ่นเจ็ดเบิกตาโตมาก จ้องขวดหยกขาวในมือเสิ่นเทียนตาเขม็ง พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานคืออะไร

นั่นคือโอรสศักดิ์สิทธิ์เยียวยานะ!

สมบัติที่แม้แต่ผู้อริยะยังสนใจ แต่เอาออกมาได้ตามใจเช่นนี้เชียว

แต่ว่าก็ถูก ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ร่ำรวย เอาอาวุธอริยะออกมาได้ นับประสาอะไรกับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน

ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สองคนยื่นมือไปรับขวดหยกขาวพร้อมกัน ปากยังคงพูดบอกปัด “ศิษย์น้องเล็ก นี่จะได้อย่างไรกัน”

อึกๆๆๆ

ยังพูดไม่จบ ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สองคนนี้ก็กระดกของเหลวศักดิ์สิทธิ์ใส่ปากดังอึกๆๆ

อืม ปากบอกไม่เอา แต่ร่างกายซื่อตรงมาก!

ผิวกายพวกเขาเปล่งแสงเทพ อาการบาดเจ็บในตัวฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด

“อึก เปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติดีมาก! สมกับเป็นของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน!”

เทพสวรรค์รุ่นเก้าทำปากแจ๊บๆ มีความสุขมาก!

ด้านข้าง โอรสสวรรค์จากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นมองตาโต

พวกเขามองเสิ่นเทียนก่อนจะมองศิษย์น้องของตนและอดคับแค้นใจขึ้นมามิได้

เหตุใดศิษย์น้องบุตรศักดิ์สิทธิ์บ้านอื่นเขาถึงฟุ่มเฟือยได้เช่นนี้ มาถึงก็มอบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานให้!

ก่อนจะมองศิษย์น้องตนอีกครั้ง ไม่อยากเชื่อว่ายังมองศิษย์น้องคนอื่นด้วยความกระหาย

เจ็บ!

ความต่างระหว่างคนกับคน เหตุใดถึงห่างกันมากเช่นนี้!

แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็มีสีหน้าตื่นเต้น

เพราะเสิ่นเทียนส่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมาให้เช่นกัน “ศิษย์พี่ทุกท่านบาดเจ็บเพื่อพวกเรา แซ่เสิ่นต้องขออภัยด้วย หวังว่าศิษย์พี่ทุกท่านจะรับไว้ ถือว่าเป็นน้ำใจของแซ่เสิ่น”

ไม่ใช่แค่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทุกรุ่น บุตรศักดิ์สิทธิ์คนอื่นก็มีดวงชะตาไม่ธรรมดา ล้วนเป็นกุยช่ายต้นใหญ่ที่มีวงรัศมีสีทอง

เสิ่นเทียนจะลำเอียงไม่ได้ ถึงอย่างไรพระพุทธองค์ก็ตรัสไว้ว่า ‘ทุกกุยช่ายเท่าเทียมกัน!’

…..

โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาอดปลงอนิจจังไม่ได้ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใจกว้างเช่นนี้ พวกเราละอายใจจริงๆ!”

เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะเลี้ยงต้อนรับพวกเสิ่นเทียน แต่ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นรับของขวัญจากเสิ่นเทียน

โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพารู้สึกเกรงใจมาก แต่ก็ยังรับไว้ เพราะอย่างไรโอรสเทพเยียวยาอย่างของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้!

โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาดื่มของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน อาการบาดเจ็บหายเป็นปลิดทิ้ง

โอรสสวรรค์ดินแดนกลางที่ดูอยู่ข้างๆ มีใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

ซี้ด เจ้านี่มีเหมืองแร่ที่บ้านรึ

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานยังให้ไปได้ แบ่งไปคนละขวดเลยหรือ

โดยเฉพาะเก้าตะวันรุ่นเจ็ดกับฟ้าทมิฬรุ่นเจ็ด ภายในใจเป็นทุกข์ยิ่งกว่า พวกเขาเพิ่งถูกทุบตีมายกหนึ่ง เดิมทีไม่พอใจอยู่แล้ว

แต่ดีที่โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาน่าเวทนามากเช่นกัน เป็นการปลอบใจพวกเขา

แต่ตอนนี้ โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาหายดีแล้ว พวกเขายังคงเจ็บอยู่

ความรู้สึกถึงความต่างในใจพลันถูกดึงถึงขีดสุด!

ฮือๆๆ~

ไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานก็ได้แต่อิจฉา!

น่าสงสารมาก!

……

ในที่สุดศึกบนเวทีประลองสุญญะก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

สิบผู้สูงศักดิ์สวรรค์อาศัยอำนาจของอาวุธอริยะต้านค่ายกลอัสนีฟ้าเทพสวรรค์ไว้ได้ แต่สิบผู้สูงศักดิ์สวรรค์พบว่าพวกเขาเสียพลังงานเร็วกว่าสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าคงต้านไม่ไหว ไม่นานก็จะพ่ายแพ้

บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์สวรรค์คนหนึ่งตะโกนเสียงดัง “สหายทุกท่าน เราแค่เอาชนะคนเดียวก็จะทำลายค่ายกลได้”

หัวใจสำคัญของค่ายกลอัสนีฟ้าคือสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ ขอแค่มีคนหนึ่งพลาด ค่ายกลก็จะทำลายได้

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์คนอื่นพยักหน้า พวกเขาก็เจอปัญหาเช่นนี้

มีคนพูดอย่างเด็ดขาด “ทุกคนแยกกัน ค่อยๆ โจมตีไป!”

พวกเขาต้องใช้มาตรการ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป หากแพ้ให้กับสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ก็คงขายหน้ายับเยิน!

ถึงอย่างไรพวกเขาก็รังแกคนน้อยกว่า

สิบผู้สูงศักดิ์สวรรค์แบ่งเป็นสี่กลุ่ม แยกกันพุ่งเข้าใส่สี่คน

จางอวิ๋นซีกับฟางฉางโดนเพ่งเป้าเป็นพิเศษ มีผู้สูงศักดิ์สวรรค์หกคนปิดล้อมเข้าไป ถึงอย่างไรศักยภาพที่พวกเขาแสดงออกมาก็ดูถูกไม่ได้เลย

สี่คนที่เหลือแบ่งกันไปโจมตีใส่จางอวิ๋นถิงกับจ้าวเฮ่า พวกเขาคิดว่าสองคนนี้มีศักยภาพอ่อนแอที่สุด เอาชนะได้ง่าย!

แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างที่พวกเขาคิดจริงๆ หรือ

เมื่อเห็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์สองคนที่กดดันเข้ามาเรื่อยๆ จ้าวเฮ่าก็ตะโกนเสียงดัง “มาได้จังหวะพอดี!”

พรึ่บ!

อัคคีอรุณใต้พลันปะทุขึ้นในกายจ้าวเฮ่า ตัดสลับไหลรวมกันบนผิวกาย กลายเป็นเปลวไฟร้อนแรง

ในมือขยับแสงสีแดง บรรทัดอริยะเมฆาชาดยักษ์ลอยอยู่ในมือ ทำให้อัคคีอรุณใต้มีอานุภาพรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ!

จ้าวเฮ่ากอดบรรทัดอริยะเมฆาชาดด้วยสองมือ อัคคีอรุณใต้ในกายไหลเข้าไปในบรรทัดทั้งหมด

กลิ่นอายพลังของบรรทัดอริยะเมฆาชาดน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ สีสันหลากสีถึงที่สุด!

“บรรทัดอัคคีผลาญฟ้า!”

จ้าวเฮ่าตะโกนเสียงดัง บรรทัดอริยะเมฆาชาดยักษ์ถูกเขาหมุนควงอย่างแรง ก่อนจะฟาดไปอย่างหนัก!

มีประกายแสงบรรทัดสีแดงฉานยักษ์พันจั้งพุ่งออกไปด้วยพลังอำนาจทำลายล้างน่ากลัวอย่างหนึ่ง!

พริบตาเดียวห้วงอากาศพังทลายลง ฟ้าดินถล่มทลาย ฉีกเป็นรอยแยกของห้วงอากาศยักษ์ พลังอำนาจแก่กล้าที่สุด!

สองผู้สูงศักดิ์สวรรค์มีสีหน้าหวาดกลัวยิ่ง พวกเขารู้สึกถึงอันตรายความตาย รีบใช้อาวุธอริยะเหนือศีรษะต้านการโจมตีไว้!

แสงเทพสีสันหลากสีพลันระเบิด ทำให้ฟ้าดินมืดครึ้มไร้แสงสว่าง

สองผู้สูงศักดิ์สวรรค์กระอักเลือดคำใหญ่ ร่างกระเด็นถอยไป กระแทกตรงขอบเวทีประลองสุญญะอย่างแรง

“เป็นไปได้อย่างไร”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สองคนตื่นกลัวอย่างยิ่ง

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าระดับดวงจิตดรุณตอนปลายจะระเบิดการโจมตีน่าสะพรึงเช่นนี้ออกมาได้ ทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัส

แม้ในนั้นจะมีการเสริมพลังของยอดค่ายกลเทพสวรรค์ แต่ศักยภาพของจ้าวเฮ่ากลับแข็งแกร่งจนไม่เป็นที่ต้องสงสัย หลักๆ เป็นเพราะจ้าวเฮ่าใช้โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า ทำให้คุณสมบัติกายผลัดเปลี่ยน

ดวงจิตดรุณตอนปลายที่ใช้แก่นพลังทองสิบรอบที่เป็นขีดจำกัดทะลวงพลัง ถึงขั้นมีกำลังรบไม่อ่อนแอไปกว่าฉีเซ่าเสวียนในอดีต!

พูดได้ว่าจ้าวเฮ่าในตอนนี้มีคุณสมบัติของมหาจักรพรรดิเช่นกัน!

ดังนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนต้นก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฮ่า

โอรสสวรรค์ดินแดนกลางตัวสั่นอย่างรุนแรง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!

เก้าตะวันรุ่นหกพูดด้วยความกลัว “ศิษย์พี่รุ่นห้าแพ้ให้กับรุ่นเยาว์ดวงจิตดรุณรึ”

“ไม่มีทาง ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด!”

ยอดฟ้ารุ่นหกมีสีหน้าไม่เชื่อ ในสองผู้สูงศักดิ์สวรรค์มีบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเขาอยู่

สองคนร่วมมือกันกลับแพ้ให้กับระดับดวงจิตดรุณ เป็นใครก็เหลือเชื่อ

โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพากลับตื่นเต้นกันมาก!

โดยเฉพาะบุตรศักดิ์สิทธิ์กับศิษย์สายตรงรุ่นนี้ ถือว่าได้รับเกียรติร่วมกัน

ไม่นึกเลยว่ารุ่นพวกเขาจะไม่ได้มีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ยังมีสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์คุ้มกะลาหัว ช่างมีความสุขเสียจริงเลย!

มีต้นขาใหญ่ขนาดนี้อยู่ ต่อให้อยู่ดินแดนกลางก็ไม่กลัวถูกใครรังแกแล้ว!

…..

เมื่อเห็นการต่อสู้อันดุเดือด บุตรพุทธะขู่ตัวก็เดินมาหนึ่งก้าว “ศึกใหญ่ครั้งนี้ ทำให้อาตมาเลือดร้อนเลย ไม่รู้ว่ามีใครยินดีจะประลองกับอาตมาหรือไม่!”

ใช่ เดิมทีขู่ตัวกับฟางฉางเป็นพวกบ้าการต่อสู้เหมือนกัน!

แต่ก็จนปัญญาเพราะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีชี้แนะให้เขาอ่านพุทธคัมภีร์มาตลอด สวดมนต์ คัดพุทธคัมภีร์ ไม่ให้โอกาสไปหาคนประลองเลย

ตอนนี้กว่าจะมาดินแดนกลางไม่ใช่ง่ายๆ ได้หลุดพ้นจากการอบรมของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีสักที

ขู่ตัว รู้สึกตัวลอยขึ้นนิดๆ!

ขู่ตัวพุ่งขึ้นเวทีประลองสุญญะ มองโอรสสวรรค์ดินแดนกลาง ก่อนจะยิ้มรู้กัน “อมิตาพุทธ อาตมาขู่ตัว ไม่รู้ว่าสหายท่านใดอยากจะประลองกับอาตมาหรือไม่”

ขู่ตัวเปล่งแสงพุทธทั้งตัว แสงสว่างหมื่นจั้งปกคลุมเขาไว้ทั้งหมด เหมือนกับพระพุทธใหญ่ที่สุดแห่งยุค

เกิดปรากฏการณ์ขึ้นข้างหลังเขา บดบังฟ้าบังดวงตะวัน แสงพุทธสีทองส่องสะท้อนท้องนภาเป็นประกายระยิบระยับ

ภายใต้แสงพุทธส่องสะท้อน จะเห็นพระอรหันต์แปดร้อยรูปรางๆ มังกรสวรรค์ทรงอำนาจกำราบห้วงอากาศ

โอรสสวรรค์ดินแดนกลางมีสีหน้าหวาดกลัว ไม่นึกเลยว่าโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพารุ่นนี้จะแกร่งกันถึงขนาดนี้!

สี่อัจฉริยะเทพสวรรค์กวาดล้างโอรสสวรรค์ระดับดวงจิตดรุณของพวกเขา สิบผู้สูงศักดิ์สวรรค์ร่วมมือกันยังถูกกำราบ

ตอนนี้สาวกฝ่ายพุทธออกมาท้าสู้ ทำให้คนต้องให้ความสำคัญ

แค่ปรากฏการณ์ที่ออกมาข้างหลังขู่ตัวก็รู้สึกว่าสุดยอดมากแล้ว คนนี้ เกรงว่าคงเป็นนักบวชชั้นสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี!

หากประมาทเหมือนก่อนหน้านี้ เกรงว่าคงพ่ายแพ้อย่างน่าสงสาร

โอรสสวรรค์ดินแดนกลางมีสีหน้าจริงจัง ไม่ได้ตอบตกลงในทันที

ถึงอย่างไรก็มีอุทาหรณ์มาก่อน หากศักยภาพของบุตรพุทธะขู่ตัวไม่ด้อยไปกว่าพวกฟางฉาง หากส่งระดับดวงจิตดรุณไปคงเท่ากับส่งไปตาย!

มิหนำซ้ำฟางฉางยังเป็นเพียงศิษย์สายตรง แต่ขู่ตัวเป็นบุตรพุทธะเสียงอัสนี จะไม่แกร่งกว่าหรือ

หลังจากผ่านการตรึกตรองอย่างถี่ถ้วน บุตรศักดิ์สิทธิ์รรุ่นห้าของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราจึงเดินออกมาช้าๆ

พลังบำเพ็ญเขาถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนต้น ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในบุตรศักดิ์สิทธิ์มากมาย

ทว่ายามเผชิญหน้ากับขู่ตัวเขากลับมีสีหน้าจริงจัง กระทั่งหวาดกลัวนิดๆ!

ลงมือก่อนได้เปรียบ!

จันทรารุ่นห้าชิงออกมือก่อน จู่โจมเข้าใส่ขู่ตัวก่อน

ทว่าขู่ตัวกลับทำหน้ามึนงง มุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง

อะไรกัน!

นี่มันรังแกกันชัดๆ เลย!

ตอนนี้อาตมาเพิ่งดวงจิตดรุณตอนกลาง ต้องถึงกับส่งผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนต้นมาเลยรึ

ไฉนต้องทำถึงขนาดนี้กัน

อาตมาแค่ดูการต่อสู้แล้วอยากประลองบ้าง ไม่ได้อยากถูกทุบตีนะ!

……

จันทรารุ่นห้าไม่รู้ความคิดในใจขู่ตัว แต่แผ่พลังแก่กล้าจู่โจมเข้าใส่

พลังแห่งจันทราในกายเขาไหลหลาก แสงสว่างกระจายออก กลายเป็นงูดำยักษ์สองตัวพุ่งเข้าไปรัดบุตรพุทธะขู่ตัว

งูดำอ้าปากสีแดงโลหิต แผ่พลังแห่งจันทราทมิฬ เหมือนจะแช่แข็งเส้นเลือดมนุษย์ได้

เห็นได้ชัดมากว่าเจ้านี่ไม่ออมมือเลยสักนิด มองบุตรพุทธะขู่ตัวเป็นศัตรูตัวฉกาจ

ขู่ตัวทำหน้าเศร้า ไม่มีทางถอยแล้ว ได้แต่พุ่งตรงเข้าไป ดีที่ไม่นานขู่ตัวก็เข้าสู่สภาวะ แสงพุทธไร้ที่สิ้นสุดในกายส่องสว่าง

ถึงอย่างไรตามที่อาจารย์บอกมา ฝ่ายพุทธเราแพ้คนไม่แพ้ค่ายกล!

“อ่อนหัด ยังกล้าสอนหนังสือสังฆราชอีก!”

ข้างหลังขู่ตัวเปล่งแสงพุทธสว่างขึ้นเรื่อยๆ รวมเป็นปรากฏการณ์มังกรสวรรค์ทรงอำนาจ ขวางห้วงอากาศ พลังบริสุทธิ์และยิ่งใหญ่!

ตอนนี้เขากำลังสำแดงคัมภีร์มังกรสวรรค์ทรงอำนาจสยบมาร

ก่อนจะเห็นขู่ตัวทำมุทรามือ ปากพูดด้วยความเคร่งขรึม “มังกรสวรรค์ทรงอำนาจ ท่านกษิติครรภ์โพธิสัตว์ เหล่าพระพุทธทรงภูมิทั้งหลายมีสติปัญญาสูงสุด!”

บึ้ม!

ทันใดนั้น แสงพุทธสว่างจ้ารวมกันเป็นมังกรสวรรค์สีทองตัวหนึ่ง พุ่งเข้ากัดงูดำ

มังกรคำรามสนั่นฟ้า พุ่งไปนอกสวรรค์เก้าชั้น!

มังกรสวรรค์ทรงอำนาจกับงูดำต่อสู้กัน ยิงแสงเทพไม่มีสิ้นสุด ทำให้เวทีประลองสุญญะสั่นสะเทือน

แสงพุทธไม่มีสิ้นสุดตัดสลับกับไอแห่งจันทรา ทำให้ท้องนภาแบ่งเป็นสองสี มีอานุภาพน่ากลัว

ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรพุทธะของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี อีกทั้งวิชาพุทธยังเป็นปฏิปักษ์กับกลิ่นอายแห่งจันทรา

พลังอำนาจของมังกรสวรรค์สู้สูสีกับงูดำจันทรา

โอรสสวรรค์ดินแดนกลางตกใจเล็กน้อย “บุตรพุทธะเสียงอัสนีนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ วิชาพุทธสูงส่งเพียงนี้เชียว!”

“สมกับเป็นนักบวชชั้นสูง ยังดีที่เมื่อครู่เราไม่ได้ขึ้นไป!”

แต่จากนั้นพวกเขาก็พบเรื่องราวแปลกๆ

แม้มังกรสวรรค์ทรงอานุภาพจะดูโหดมาก แต่ช่วงหลังกลับมีพลังไม่เพียงพอ

มังกรสวรรค์ยิ่งใหญ่กลับถูกงูดำจันทราฉีกจนแสงพุทธระเบิดกระจาย ทั้งตัวมีแต่บาดแผล

ขู่ตัวหน้าเปลี่ยนสีไป รีบเสริมพลังพุทธอยากจะยืนหยัดไว้

แต่ด้วยพลังบำเพ็ญดวงจิตดรุณของเขา จะไปต่อต้านจันทรารุ่นห้าในระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้อย่างไร

ไม่นานมังกรสวรรค์ทรงอำนาจก็ถูกฉีกขาด งูดำยังมีพลังเหลือ ยังพุ่งเข้าใส่ขู่ตัวต่อ

“อ๊าก! อย่านะ! พี่ใหญ่เบาๆ หน่อย อย่าตบหน้า!”

เสียงร้องน่าสงสารของขู่ตัวดังแว่วมาจากบนเวทีประลองสุญญะ จนคนที่ได้ยินต่างขนหัวลุก

….

ปัง!

ปังๆๆ!

ปังๆๆๆ!

ครู่ต่อมา ขู่ตัวก็ล้มลงมาจากบนเวทีประลองสุญญะ

จีวรบนตัวเขาขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าบวมจมูกเขียว น่าเวทนามาก!

ขู่ตัวกุมใบหน้าปูดบวม กระบอกตาแดง ดูคับอกคับใจมาก!

ฮือๆ เหตุใดเจ้าฟางฉางถึงสู้ได้

แต่อาตมากลับสู้ไม่ได้ล่ะ!

เมื่อก่อนเราสองคนสู้กัน ศักยภาพยังไม่ต่างกันเห็นๆ เลย!

……………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด