บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 487 การทดสอบของตำหนักสวรรค์เกราะมังกร!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 487 การทดสอบของตำหนักสวรรค์เกราะมังกร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 487 การทดสอบของตำหนักสวรรค์เกราะมังกร!

เสิ่นเทียนพบว่าสนามรบโบราณแห่งนี้ใหญ่กว่าที่เขาจินตนาการไว้

เขาทะยานไปหลายหมื่นลี้ ผ่านไปที่ใดจะมีแต่ซากปรักหักพังเต็มไปหมด

ดีที่ข้ามผ่านสนามรบโบราณไป ในที่สุดเขาก็มาถึงทะเลสาบใจกลาง

น้ำทะเลสาบเปล่งแสงทองวาววับ ไหลเหมือนของเหลวเทพ แผ่พลังเจริญงอกงาม

บัววาสนาวัฏจักรตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบ เปล่งแสงสว่างจ้าแสบตา

ภายใต้การบ่มเพาะของทะเลสาบสีทอง บัววาสนาวัฏจักรระยิบระยับ ท่วงทำนองวิญญาณแผ่กระจาย

เมื่อเห็นบัวนี้ สองปราณหยินหยางในกายเสิ่นเทียนคึกคักขึ้นมา กระหายในสิ่งนี้อย่างยิ่ง

เสิ่นเทียนเดินเข้าไปทางทะเลสาบสีทอง พริบตานั้นฟ้าดินเปลี่ยนไป

ลายมรรคอัศจรรย์ตกลงมาจากเส้นขอบฟ้า ปกคลุมที่นี่ไว้ โอ่อ่ายิ่งใหญ่ยากจะคาดเดา

อักขระเขตแดนตัดสลับกัน กฎเกณฑ์เวียนวน ทำให้ฟ้าดินถอดสีไร้แสงสว่าง

เสิ่นเทียนเพ่งสายตามองเล็กน้อย หรือว่านี่จะเป็นอานุภาพแท้จริงของค่ายกลเทพมรณะหยินหยางกัน

ปราณหยินหยางกำเนิดพวกนั้นก่อนหน้านี้ เป็นเพียงปราการชั้นแรกรึ

……

กฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดไหลมารวมกัน วนเวียนฟ้าเก้าชั้น ทรงอำนาจอย่างยิ่ง!

มือใหญ่เชื่อมฟ้าลอยขึ้นมากลางอากาศ พลันตบใส่เสิ่นเทียน

นั่นรวมขึ้นจากปราณหยินหยางกำเนิด ผนึกรวมพลังแห่งเขตแดน น่ากลัวถึงที่สุด

มือใหญ่เชื่อมฟ้ากดลงมา อานุภาพมหาศาลยากจะปัดป้อง พลันทำลายอากาศแหลกเป็นผุยผง

เสิ่นเทียนเพ่งสายตามองเล็กน้อย กำหมัดและชกไปข้างหน้าทันที

แสงดาราไม่มีสิ้นสุดวนเวียนออกมา ทำให้ลำแสงหมัดเสิ่นเทียนปกคลุมโลกหล้า เหมือนดาวตกบรรพกาลทำลายล้างฟ้าดิน!

หมัดเทพฟ้าขุ่นปะทะกับฝ่ามือยักษ์เชื่อมฟ้า ระเบิดอานุภาพเทพไม่มีสิ้นสุด

บึ้ม!

ฟ้าตกดินยุบ กฎเกณฑ์ดับสลายไป

ห้วงอากาศแตกกระจาย ถล่มกลายเป็นซากปรักหักพัง

มือยักษ์เชื่อมฟ้าถูกเสิ่นเทียนทำลายด้วยหมัดเดียว แต่เขาเองก็ถูกกระแทกกลับ ร่างสั่นไหวเล็กน้อย นัยน์ตามีความจริงจังขึ้นเรื่อยๆ

พลังนี้น่ากลัวไปแล้ว เหนือกว่าเตรียมเซียนระดับสูงอีก

สมกับเป็นเขตแดนเทพมรณะ น่ากลัวจริงๆ

หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนมีภูมิต้านปราณหยินหยางกำเนิด ทำให้อานุภาพของยอดค่ายกลลดลง พลังนี้ควบคู่กับการกัดกร่อนของปราณหยินหยาง บางทีอาจจะสังหารเทพเจ้าได้จริงๆ!

……

และในตอนนี้เอง พลังงานฟ้าดินหมุนโคจรอีกครั้ง เหนี่ยวนำกฎเกณฑ์มากมายตกลงมา!

กฎเกณฑ์เหมือนพายุฝนโหมกระหน่ำ ชะล้างฟ้าดิน!

พลังแห่งฟ้าดินหมุนม้วนเข้ามา อานุภาพน่ากลัวสุดขีด จะทำลายล้างมิติแห่งนี้

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนพลันโคจรพลังในกาย

เขาเปล่งแสงเทพไม่มีสิ้นสุดทั้งตัว เหนี่ยวนำพลังแห่งดาราต่างแดนตกลงมา

ทันใดนั้น แสงดาราสว่างจ้าพุ่งตกฟ้าเก้าชั้น

ปราณเบิกฟ้ากำเนิดรอบกายถูกเหนี่ยวนำเข้ามา อานุภาพมหาศาลยากจะคาดเดา

เสิ่นเทียนยืนกลางอากาศเหมือนเทพสงครามที่สุดแห่งยุค ชำเลืองตามองโลกหล้า

กระบี่ดาราเบิกฟ้าพลันเข้ามือและแผ่พลังยิ่งใหญ่ไร้พรมแดน

เสิ่นเทียนมีสีหน้าเฉยชา กระตุ้นปราณกระบี่เซียนเหินฟ้าฟันใส่ท้องนภา

บึ้ม!

ฟ้าดินแตกเป็นรอยแยกมหึมา กระแสมิติสีดำลึกล้ำยิ่ง ภาพน่าตกใจยิ่งนัก

กระบี่นี้เหมือนจะตัดท้องนภาเป็นสองส่วน

ทว่าฟ้าดินปรากฏลายมรรคซับซ้อนขึ้น รวมพลังฟ้าดิน ต้านกระบี่นี้ไว้

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนดวงตาลุกวาวยิ่ง

ค่ายกลนี้เคลื่อนพลังฟ้าดินได้ ต่อต้านกับมันเหมือนต่อต้านฟ้าดิน!

เว้นแต่จะใช้พลังทำลายค่ายกลตรงๆ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะฟื้นคืนกลับมาเรื่อยๆ

…..

ตอนนี้เองปราณหยินหยางกำเนิดไหลมารวมกันภายใต้การขับเคลื่อนของค่ายกลเรื่อยๆ

ฟ้าดินพลันมืดมิดไร้แสงสว่าง มีเพียงลูกกลมพลังงานมหึมายิ่งสองลูกที่ลอยอยู่บนอากาศ

หนึ่งหยินหนึ่งหยาง เหมือนตะวันจันทราใหญ่ตกลงมา อานุภาพทำลายล้าง

“ไม่นึกเลยว่าเขตแดนที่นี่จะน่ากลัวขนาดนี้!”

เสิ่นเทียนมีน้ำเสียงจริงจัง พลังของเขตแดนที่นี่ แม้แต่เซียนแท้ยังหวาดกลัว

แต่เสิ่นเทียนไม่ได้กังวลมากนัก ในมือเขาก็มีไพ่ตายเช่นกัน

และในตอนนี้เอง ตะวันจันทราสองดวงกดลงมาใส่เขา ทำให้ห้วงอากาศรอบตัวพลันสลายเป็นความว่างเปล่า

ดวงตาเสิ่นเทียนเฉียบคมอย่างยิ่ง ภายในกายมีพลังมหาศาลปะทุออกมา

ปราณกำเนิดน่าสะพรึงพุ่งออกมา ปะปนกับสองปราณหยินหยาง อานุภาพยิ่งใหญ่ไม่อาจปัดป้อง

เสิ่นเทียนเปล่งแสงทั้งตัว ทวารทั่วร่างพลันจุดแสงสว่าง อานุภาพเหมือนคลื่นลูกใหญ่จู่โจมเข้าไป

เขากวัดแกว่งกระบี่ดาราเบิกฟ้าเต็มกำลัง กระเพื่อมไปรอบๆ ระเบิดพลังทำลายล้างฟ้าดิน

“เบิกฟ้าผ่าปฐพี”

เสิ่นเทียนพูดอย่างจริงจัง เหมือนเสียงลี้ลับวิถีฟ้า น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

ทันใดนั้นฟ้าดินพังทลาย ท้องนภาแตกกระจาย!

พลังงานที่บ้าคลั่งถึงที่สุดพลันปะทุขึ้นฟ้าเก้าชั้น!

แสงกระบี่รวดเร็วและดุดัน แหลมคมอย่างยิ่ง บุกรุดหน้าไปอย่างกล้าหาญ!

การโจมตีนี้ฟันท้องฟ้าขมุกขมัวเป็นสองส่วน

ห้วงอากาศพังทลาย แม้แต่ม่านแสงค่ายกลที่นี่ยังทลายเป็นผุยผง ทั้งเกาะเทพลอยฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรง กำลังรับการโจมตีทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง

…..

รอบนอก พวกจูเก่อหยวนมีสีหน้าตื่นตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น”

พวกเขาหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรุนแรง รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังน่ากลัวปะทุออกมา ลบล้างทุกชีวิตได้

“เป็นกลิ่นอายจากกลางเขตแดนเทพมรณะหยินหยาง!”

จูเก่อซือหม่าพูดเสียงสั่น ตัวสั่นไม่หยุด จิตใจตื่นกลัว

กลิ่นอายพลังนี้น่ากลัวยิ่งนัก ทำให้คนตับไตแทบแตก!

ตอนนี้เองพลังงานขมุกขมัวนั้นกระจายออกมา หมุนม้วนไปทางศิษย์ตระกูลขุนนางทั้งสอง

“ระวัง!”

จูเก่อหยวนเบิกตาโตถมึงทึง ปลุกแผ่นค่ายกลยันต์แปดทิศพุ่งเข้าไป

พรวด!

วินาทีต่อมาเขากระอักเลือดสาดกระจาย

จูเก่อหยวนบาดเจ็บสาหัส ถูกกระแทกลอยออกไป

แม้แต่ยอดอาวุธค่ายกลโบราณชิ้นนั้นยังแตกเป็นสองส่วน

“ท่านบรรพบุรุษ!”

ศิษย์ตระกูลขุนนางทั้งสองมีสีหน้าตื่นกลัว นี่มันพลังน่ากลัวอะไรกันแน่

พลังงานที่แผ่กระจายออกไปถึงขั้นทำให้บรรพบุรุษบาดเจ็บสาหัสได้!

น่ากลัวจริงๆ!

…..

และในตอนนี้เอง ตรงหน้าเสิ่นเทียนกลายเป็นซากปรักหักพัง

กฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดพังทลาย เขตแดนสลายไป

ที่นี่ถูกเขาแบ่งเป็นสองส่วน ทลายลงทั้งหมด

ในที่สุดค่ายกลหน้าบัววาสนาวัฏจักรก็พังลง เผยออกมาทั้งหมด

มันเปล่งแสงเทพอ่อนๆ พลังชีวิตพุ่งออกมา ยิ่งใหญ่ไร้พรมแดน

เสิ่นเทียนยื่นมือออกมาเก็บโอสถอมตะนี้มาในมือ

ทันใดนั้น พลังมหาศาลหมุนม้วนเข้ามา ทำให้เสิ่นเทียนตัวสั่นสะท้าน

บัววาสนาวัฏจักรต้นนั้นเหมือนถูกพลังในกายเขาดึงดูด กลายเป็นปราณหยินหยางพุ่งเข้าตันเถียน

มันตั้งอยู่กลางตันเถียนแกว่งไกวไม่หยุด ปล่อยปราณเบิกฟ้ากำเนิดไม่มีสิ้นสุดออกมา

พลังงานพวกนี้ไหลผ่านในตันเถียนเสิ่นเทียน เชื่อมต่อกัน สุดท้ายรวมเป็นถาดกลมสองสี

หนึ่งหยินหนึ่งหยาง วนเวียนไม่รู้จบ!

ถาดกลมหยินหยางปล่อยพลังออกมา แผ่พลังงานอันลี้ลับ

นี่เหมือนกับวัฏจักร เต็มไปด้วยกลิ่นอายชีวิตมหาศาล อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด

เสิ่นเทียนรู้สึกได้ว่ากายเนื้อกำลังชะล้าง กลายเป็นบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

ไม่ใช่แค่นั้น ภายใต้การเสริมด้วยพลังนี้ ยอดพลังวิเศษรังสรรค์ทุกสรรพสิ่งที่เขาควบคุมยังพัฒนาขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน

พลังนี้พัวพันไปถึงความหมายแท้จริงของชีวิต มีพลังพลิกกลับเป็นตายหยินหยาง

เมื่อคุมพลังนี้ ต่อให้ไม่ใช้บุปผาฟากฝั่งกับสามประกายวารีเทพ เขาก็ฟื้นคืนชีพได้เช่นกัน

เพราะว่าปราณหยินหยางกำเนิดเป็นพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนอดใจยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยมิได้

ครั้งนี้ได้อะไรมาเยอะจริงๆ!

……

เสิ่นเทียนพุ่งขึ้น ออกจากโลกนี้

พอเห็นเสิ่นเทียนออกมา ทุกคนโดยรอบต่างตกใจกันใหญ่

เสิ่นเทียนแก้ยอดค่ายกลเขตแดนสูงสุดแห่งนี้ได้จริงๆ ออกมาได้สำเร็จ!

“ที่นี่เกิดอะไรขึ้น”

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เพิ่งไปไม่นาน จูเก่อหยวนก็ถูกทุบตีเกือบตายรึ

จูเก่อซือหม่าได้ยินดังนั้นก็อธิบายให้ฟัง

“ครั้งนี้ท่านบรรพบุรุษต้นกำเนิดพลังเสียหาย เกรงว่าคงไม่ฟื้นฟูกลับมาง่ายๆ”

จูเก่อหยวนยิ้มแห้งๆ เขาก็ไม่คิดว่าจะเจอกับหายนะที่ตนไม่ได้ก่อ

เสิ่นเทียนพลันเข้าใจแล้ว “ไม่เป็นไร ข้ามีทาง”

เขาเดินมาหน้าจูเก่อหยวน ก่อนจะโบกมือกว้าง

ปราณหยินหยางกำเนิดหนาทึบไหลหลากออกมา แต่ไม่มีอำนาจคุกคามใดๆ เลย

ในทางตรงข้าม ในนั้นยังมีพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ยิ่ง ปกคลุมรอบกายจูเก่อหยวน จะเห็นได้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูกลับมาด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน

ภาพนี้ทำให้ทุกคนเหม่อลอย

จูเก่อซือหม่าตัวสั่นอย่างรุนแรง ตกตะลึงกับวิชามหัศจรรย์ของเสิ่นเทียน

จูเก่อหยวนตกใจยิ่งกว่า เขารู้สึกได้ว่าอาการบาดเจ็บที่ลึกถึงต้นกำเนิดของตน ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมดในไม่กี่ลมหายใจ

วิชาเช่นนี้ เรียกได้ว่าน่าตื่นตะลึงไปทั้งโลก!

“ขอบคุณสหายน้อยเสิ่นเทียนมาก!”

จูเก่อหยวนรีบป้องมือขอบคุณ

หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียน อาการบาดเจ็บถึงต้นกำเนิดนี้ เขาคงต้องรักษาอยู่หลายปี

“ไม่ต้องเกรงใจ!”

เสิ่นเทียนโบกมือก่อนจะพูดเตือน “ไปเถอะ! ตอนนี้ไม่ต้องอ้อมแล้ว!”

บัววาสนาวัฏจักรหายไป เขตแดนที่นี่ยุติลงแล้ว ซ่อนอยู่ในอากาศทั้งหมด

…..

ทุกคนเดินหน้าต่อ เดินทางไปหมื่นลี้ในที่สุดก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง

ตรงหน้าพวกเขามีผนังหินยักษ์ตั้งอยู่

ผนังหินสูงเสียดเมฆ บดบังฟ้าบังดวงตะวัน แผ่อำนาจแข็งแกร่ง

ด้านบนยังแกะสลักลายมรรคต่างๆ น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

มองไกลๆ เหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์ค่ายกล เต็มไปด้วยความลี้ลับ

พอเห็นภาพนี้ จูเก่อกยวนพูดด้วยสีหน้าดีใจ “ที่นี่จะต้องเป็นแดนมรดกที่ท่านบรรพบุรุษบอกไว้แน่! พวกเจ้ารีบเข้าไปเถอะ! ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นี่!”

ที่นี่มีเพียงรุ่นเยาว์อายุต่ำกว่าห้าร้อยปีเท่านั้นถึงจะได้เข้าไป

พวกจูเก่อหยวนเลยได้แต่รออยู่เขตรอบนอก

ทุกคนพยักหน้าและเข้าไปในหุบเขาพร้อมกัน

หลังพวกเขาเข้าไปไม่นานก็มีเสียงแก่ชราดังขึ้น

น้ำเสียงเขาเคร่งขรึมน่าเกรงขาม “พวกเจ้า คือคนกลุ่มที่สองที่เข้ามาในเกาะเทพลอยฟ้า ขอแค่ตระหนักผนังหินนี้ได้ ก็จะได้มรดกค่ายกลสูงสุด”

ตรงหน้าทุกคนมีชายชราชุดคลุมยาวสีเทา ใบหน้าถูกปกปิดไว้ลอยขึ้นมา

“แต่พวกเจ้ามีเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป คนที่ตระหนักความหมายลี้ลับได้ส่วนหนึ่งถึงจะผ่านการทดสอบและได้เข้าตำหนักสวรรค์เกราะมังกร”

เมื่อเอ่ยจบ ร่างเงาชุดคลุมเทานั้นก็หายไปเลย

ศิษย์สองตระกูลขุนนางเห็นเช่นนั้นก็อึ้งไปก่อน จากนั้นเผยสีหน้าดีใจ

ที่นี่เหมือนที่บรรพบุรุษรุ่นแรกบอกทุกอย่าง สามารถตระหนักรู้ค่ายกลได้

หากพลังในการตระหนักรู้มากพอ บางทีอาจจะได้มรดกสูงสุดจากผู้แข็งแกร่งที่นี่

ทุกคนพากันนั่งขัดสมาธิลงอย่างไม่ลังเล เริ่มตระหนักความหมายลี้ลับในผนังหิน

จูเก่อซือหม่าก็เลือกที่หนึ่งเช่นกัน เริ่มตระหนักรู้

เสิ่นเทียนไม่ได้รีบร้อน เขาเริ่มพิจารณาไปรอบๆ

ที่นี่เก่าแก่และเนิ่นนาน เหมือนคงอยู่มาหลายแสนปี

ตอนที่เขามองผนังหินก็พบว่าบนนั้นเต็มไปด้วยลายค่ายกลแปลกประหลาด

ทุกลายมรรคจะสอดคล้องกับหนึ่งความสามารถพิเศษ

ลายค่ายกลไม่มีสิ้นสุด แบ่งเป็นสำนักค่ายกลมากมายเช่นผังจักรวาล สองลักษณ์ สามทักษะ สี่กลุ่มดาว ห้าธาตุ หกประสาน เจ็ดดารา ยันต์แปดทิศ เก้าตำหนักเป็นต้น

พลังค่ายกลมากขนาดนี้รวมอยู่ในนั้นทั้งหมด ลึกลับไม่อาจคาดเดาได้

เขตแดนยันต์แปดทิศและเขตแดนปัญจธาตุที่สองตระกูลขุนนางเรียนก็คือหนึ่งในนั้น

แม้เสิ่นเทียนจะไม่เคยฝึกค่ายกล แต่ก็ยังรู้สึกถึงความลึกลับของที่นี่

หากตระหนักรู้พลังงานพวกนี้ทั้งหมด ไม่ใช่แค่เพิ่มความชำนาญค่ายกล แต่ยังเพิ่มกำลังรบได้อย่างมาก

ที่นี่ก็มีประโยชน์กับเสิ่นเทียนมากเช่นกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็เริ่มฝึกฝนอย่างไม่ลังเลเลย

ไม่นานนัก ผิวกายเขาเปล่งแสงอ่อน กายมรรคสวรรค์ประทานตื่นขึ้นถึงขีดสุด

ดวงตาเขาเปล่งแสงสว่าง ลึกล้ำยิ่ง

เนตรมรรคสวรรค์ประทานมองไปที่ใด ข้อมูลทุกอย่างจะถูกประทับไว้

อารมณ์ความคิดเสิ่นเทียนมีมากมายหลากหลาย ในความคิดกำลังแสดงความลี้ลับของค่ายกลมากมาย

พวกมันวนเวียนตัดสลับกัน แผ่พลังงานเทพไม่มีสิ้นสุด

เวลานี้เสิ่นเทียนตกอยู่ในความเงียบ กำลังผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

…….

ครึ่งก้านธูปต่อมา เสิ่นเทียนพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเปล่งประกายลึกล้ำอย่างยิ่ง

เวลานี้ เขาตระหนักรู้ค่ายกลในผนังหินทั้งหมด

ค่ายกลนี้ลี้ลับยิ่ง เหมือนมหาสมุทรกว้างใหญ่ไร้พรมแดน

แต่ด้วยพลังของกายมรรคสวรรค์ประทาน ทุกอย่างกลายเป็นชัดเจน ให้เขาเข้าใจได้ทั้งหมด

เสิ่นเทียนรู้สึกได้ว่าตนเข้าใจในค่ายกลขึ้นมาหลายขั้น กระทั่งรวมค่ายกลในความคิดเดียวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

ตอนนี้ความชำนาญในด้านค่ายกลของเขาไม่ด้อยไปกว่ายอดฝีมือค่ายกลที่ฝึกมาหลายหมื่นปีพวกนั้นเลย!

ต้องบอกว่าผนังหยกมรดกนี่มหัศจรรย์จริงๆ

ครั้งนี้ ไม่เสียเที่ยวแล้ว!

…..

เมื่อตระหนักความลี้ลับของค่ายกล ความชำนาญในด้านยอดค่ายกลดาราครอบฟ้าของเสิ่นเทียนก็ยกระดับขึ้นเช่นกัน

ด้วยบัววาสนาวัฏจักรในกายกับปราณหยินหยางกำเนิดไม่มีสิ้นสุด ทั้งยังอาศัยความลี้ลับของค่ายกลที่ตระหนักมาใหม่

ถึงขั้นที่เขามั่นใจว่าจะสำแดงยอดค่ายกลวัฏจักรสูงสุด ส่งวิญญาณของคนไปเกิดใหม่ได้

นี่หมายความว่าอย่างไร

นี่แตะโดนพลังต้นกำเนิดฟ้าดินแล้ว สูงส่งลึกล้ำ

พูดง่ายๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่กำลังคนจะควบคุมได้

แต่ด้วยโอสถอมตะกับค่ายกลสะท้านโลก ทุกความเป็นไปไม่ได้กลายเป็นไปได้!

….

ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว

ทุกคนตื่นขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลงอนิจจังและเสียดาย

เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่ตระหนักความหมายลี้ลับในนั้นไม่สำเร็จ แต่ก็ได้ประโยชน์ไปไม่น้อย ได้อะไรไปมากมาย

พวกเขาฝึกฝนที่นี่หนึ่งก้านธูปมากกว่าฝึกข้างนอกร้อยปี พันปี

แม้คนส่วนใหญ่จะเสียดายเล็กน้อย แต่ก็พึงพอใจ

ตอนนี้จูเก่อซือหม่าระเบิดพลังออกมา โหมซัดสาดยิ่ง

ผิวกายเขามีลายมรรคมากมายวนเวียน เหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์ฟ้าดินตกลงมา

ข้างหลังเขาเป็นปรากฏการณ์ยักษ์สองวง ทรงอานุภาพยิ่ง

ลายมรรคมากมายเวียนวนในนั้น สร้างออกมาเป็นเงามายาแผ่นค่ายกลยักษ์สองอัน

ปรากฏการณ์สองอย่างนี้คือสี่กลุ่มดาวกับเก้าตำหนักในภาพฝาผนัง

ประกอบกับจูเก่อซือหม่าฝึกยันต์แปดทิศกับปัญจธาตุเป็นทุนเดิม จึงพูดได้ว่าตระหนักค่ายกลที่นี่ไปมากกว่าครึ่ง

ตอนนี้เอง ร่างเงาชุดคลุมเทาปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง

“พวกเจ้าสุดยอดมาก ต่อไปจะเข้าตำหนักสวรรค์เกราะมังกร รับมรดกรอบที่สอง!”

เมื่อพูดจบ ร่างเงาชุดคลุมเทาโบกมือกว้าง ส่งเสิ่นเทียนกับจูเก่อซือหม่าเคลื่อนย้ายไป

พอเห็นภาพนี้ ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความอิจฉา

…..

พี่ใหญ่เสิ่นเป็นยอดฝีมือค่ายกลจริงๆ และพี่ใหญ่จูเก่อก็มีพรสวรรค์แกร่งเช่นเดียวกัน!

ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะได้รับมรดกใดกัน

แค่คิดก็น่าอิจฉาแล้ว!

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด