บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 497 ภูเขาอมตะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหล่าโอรสสวรรค์ออกศึก!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 497 ภูเขาอมตะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหล่าโอรสสวรรค์ออกศึก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 497 ภูเขาอมตะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหล่าโอรสสวรรค์ออกศึก!

ศึกบนแท่นผนึกเทพทำให้เหล่าโอรสสวรรค์ตาพร่ามัว

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนสู้กับทุกคนได้จริงๆ ทั้งยังได้ชัยชนะ

กำลังรบนี้น่าเหลือเชื่อ

เรียกว่าเหนือกว่าประวัติการณ์ เป็นหนึ่งแห่งยุค

เวลานี้ โอรสสวรรค์มากมายตื่นตะลึง ปลงอนิจจังกันอย่างยิ่ง

…….

ส่วนสุดยอดโอรสสวรรค์ที่พ่ายแพ้พวกนั้นกลับเกิดความตกใจระคนสงสัย

เพราะพวกเขาพบว่าเสิ่นเทียนสำแดงวิชาสูงสุดหลายสิบชนิดในศึกครั้งนี้

วิชาสูงสุดพวกนั้นคล้ายกับมรดกสุดยอดที่พวกเขาฝึกฝนหลายส่วน

และที่สำคัญคือเสิ่นเทียนตระหนักรู้วิชาสูงสุดพวกนี้ถึงขั้นสุดแล้ว

พอนึกถึงตรงนี้ เหล่าโอรสสวรรค์มุมปากกระตุก

มีใครบ้างเรียนวิชาสูงสุดขนาดนี้ได้พร้อมกัน ทั้งยังชำนาญกว่าที่คนตระหนักรู้วิชาหนึ่งโดยเฉพาะ

ต่อให้เป็นอวี้ซวีจื่อที่มีกายมรรคสวรรค์ประทานก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้!

มีความลับ จะต้องมีความลับในตัวสหายคนนี้แน่!

…..

เซิ่งหยางซวีกดความอยากรู้อยากเห็นในใจไม่ไหว เดินตรงเข้ามา “สหายเสิ่นหยวนมีพรสวรรค์เป็นหนึ่ง แซ่เซิ่งนับถือ ไม่รู้ว่าสหายเสิ่นเรียนวิชามิติมาจากที่ใดรึ”

เซิ่งหยางซวีตกตะลึงในใจอย่างยิ่ง

เมื่อครู่ประมือกับเสิ่นเทียน เขาไม่ได้เปรียบเลยสักนิด ในทางตรงข้ามกลับถูกเสิ่นเทียนพบตำแหน่งหลายต่อหลายครั้ง เสียเปรียบหนัก

ดังนั้นเซิ่งหยางซวีจึงเกิดความสงสัยขึ้นในใจ

หรือว่าเสิ่นหยวนจะเป็นบรรพบุรุษลึกลับบางท่านของแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเขา ถึงได้ชำนาญวิชามิติขนาดนี้

ไม่ใช่แค่เซิ่งหยางซวี โอรสสวรรค์คนอื่นต่างเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นนี้

ในตัวคนคนหนึ่งกลับแฝงด้วยเจตจำนงมรรคเกือบร้อยชนิด นี่มันน่าเหลือเชื่อ

เสิ่นเทียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มราบเรียบ “แซ่เสิ่นแค่เจอมรดกโบราณบางส่วน ในนั้นบันทึกวิชาต่างๆ ไว้”

ถึงอย่างไรเผ่าวิญญาณร้ายก็ไม่ได้รุกรานห้าดินแดนครั้งสองครั้ง มรดกมากมายหายไปในการต่อสู้ ดังนั้นวิชาที่โอรสสวรรค์พวกนี้ฝึกฝนจึงมีส่วนที่ขาดหายไป

เสิ่นเทียนมีวิชาสูงสุดของร้อยแปดขุนพลบรรพกาล ทั้งยังฝึกจนชำนาญถึงระดับลึกล้ำยากจะคาดเดา

วิชาที่คนพวกนี้ฝึกฝนย่อมไม่ชำนาญเท่าเสิ่นเทียน

แววตาเซิ่งหยางซวีเต็มไปด้วยความชื่นชม “สหายเสิ่นมีดวงชะตาสูงสุดจริงๆ ถึงได้โชคลิขิตเช่นนี้! แต่ว่าแค่มีมรดกก็ยังไม่มีประโยชน์ ต้องอาศัยทักษะการตระหนักรู้ด้วย มีเพียงสหายเสิ่นที่มีพรสวรรค์สูงสุดเท่านั้นถึงจะตระหนักรู้ได้!”

ทุกคนพยักหน้ายอมรับ พวกเขายอมเสิ่นเทียนจากใจจริงแล้ว

มีโอรสสวรรค์พูดปลง “วันนี้ได้เห็นท่วงท่าสง่างามของสหายเสิ่น นับเป็นเกียรติกับพวกข้าจริงๆ”

เสิ่นเทียนยิ้มบางๆ ก่อนพูดถ่อมตัว “สหายทุกท่าน พบกันคือวาสนา สู้พวกเรามาดื่มชา สนทนามรรคกันดีหรือไม่”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็นำอ่างใหญ่ออกมา เริ่มต้มชาตระหนักรู้

โอรสสวรรค์พวกนี้เป็นบุตรแห่งโชค ย่อมต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม

จากนี้บางทีอาจจะได้มหาดวงชะตาจากพวกเขาก็ได้

…….

เมื่อได้ฟังคำเชิญของเสิ่นเทียน ทุกคนก็ตกใจที่ได้รับความกรุณา

พวกเขาเคยประมือกับเสิ่นเทียน รู้ว่าเขาตระหนักในเจตจำนงมรรคลึกล้ำยิ่ง

บอกว่าสนทนามรรคกัน แท้จริงแล้วเสิ่นเทียนชี้แนะพวกเขาต่างหาก

ถึงอย่างไรด้วยศักยภาพของเสิ่นเทียน ไฉนจะต้องสนทนามรรคกับพวกเขาอีก

ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงตื่นเต้น ดีใจกันมาก

แต่ก็มีคนพูดเกรงใจ “สหายเสิ่นหยวนยินดีสนทนามรรคกับเรา นับเป็นเกียรติสูงสุดแล้ว และยังต้องรบกวนสหายเสิ่นชงชาให้อีก เรื่องเล็กๆ แค่นี้พวกเราจัดการให้ก็ได้”

มีโอรสสวรรค์หลายคนก้าวออกมา พวกเขาชำนาญการชงชา ทั้งยังพกใบชาระดับโอสถศักดิ์สิทธิ์มาด้วย

คนพวกนี้ขันอาสา อยากจะแสดงออกบ้าง

……

ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนนำชาตระหนักรู้สีม่วงหลายใบกับชาตระหนักรู้สีเงินหลายใบออกมา โยนไปในอ่างใหญ่

เมื่อรู้สึกถึงท่วงทำนองมรรครุนแรงจากใบชาแล้ว โอรสสวรรค์พวกนั้นพลันตะลึงค้าง มีสีหน้าอึ้งงัน

“นี่มัน…ชาตระหนักรู้รึ”

โอรสสวรรค์ทำหน้างุนงง ไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนบอกชงชา จะเป็นการชงชาตระหนักรู้

ชานี้มีมูลค่าสูงมากจริงๆ

ชาตระหนักรู้ชนิดนี้หายากมาแต่โบราณ ล้ำค่ามาก

อย่าว่าแต่เหล่าโอรสสวรรค์เลย ต่อให้เป็นบรรพบุรุษพวกเขาก็อาจจะนำออกมาไม่ได้

ปรากฏว่าเสิ่นเทียนกลับนำชาตระหนักรู้ล้ำค่าเช่นนี้ออกมากำใหญ่ และยังจะต้มในอ่างใหญ่

นี่มันอะไรกัน!

สหายท่านนี้ที่บ้านมีเหมือง ฟุ่มเฟือยได้ขนาดนี้เชียวรึ

เหล่าโอรสสวรรค์หน้าแดง รีบยัดชาตระหนักรู้ระดับศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นกลับไป

อยู่ต่อหน้าชาตระหนักรู้ ใบชาโอสถศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นเป็นขยะ เอาออกมาไม่ได้เลย

…..

เสิ่นเทียนเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ ไม่นานก็ต้มชาตระหนักรู้เสร็จ

มีกลิ่นหอมชาเข้มข้นโชยไปไกลพันลี้ ในกลิ่นหอมยังเต็มไปด้วยเจตจำนงมรรครุนแรงยิ่ง ทำให้จิตใจคนปลอดโปร่ง

เหล่าโอรสสวรรค์มีสีหน้าตื่นตกใจ ดวงตาลุกวาว ต่างมารวมกันตรงอ่างใหญ่หน้าเสิ่นเทียน

หลายคนอดกลืนน้ำลายมิได้ น้ำลายไหลสามฉื่อ

ชาตระหนักรู้ประเมินค่าไม่ได้ มีผลเพิ่มการตระหนักรู้

คนพวกนี้ล้วนเป็นผู้โดดเด่นสุดยอดจากขุมอำนาจใหญ่ มีความรู้ประสบการณ์กว้างขวาง

แต่เมื่อเห็นชาตระหนักรู้ก็ต้องใจสั่นไหว

……

เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้มก่อนพูดเชื้อเชิญ “สหายทุกท่าน ขอเชิญดื่มชาสนทนามรรค”

ชาตระหนักรู้สิ่งนี้ เสิ่นเทียนยังมีเก็บไว้อยู่ ย่อมไม่ขี้เหนียว

มิหนำซ้ำ กุยช่ายก็ต้องเก็บเกี่ยวอ้วนๆ ถึงจะได้ผลดีที่สุด

เมื่อได้ยินเสิ่นเทียนเชิญ เหล่าโอรสสวรรค์เกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจ

พวกเขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะไม่ใช่แค่ยินดีสนทนามรรค แต่ยังยินดีแบ่งปันชาตระหนักรู้ที่ล้ำค่าเช่นนี้อีก

น้ำใจเช่นนี้ กว้างใหญ่จริงๆ

เวลานี้โอรสสวรรค์มากมายละอายใจอย่างยิ่ง “สหายเสิ่น สิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป พวกข้าละอายใจที่จะรับไว้”

ก่อนหน้านี้พวกเขารุมเสิ่นเทียนเพื่อศักดิ์ศรี แม้จะสู้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ถือว่าไร้คุณธรรม

เสิ่นเทียนไม่ใช่แค่ไม่ใส่ใจ แต่ยังมอบให้ ทำให้ทุกคนอับอายละอายใจ

แม้ชาตระหนักรู้จะทำให้พวกเขาใจสั่นไหว แต่พวกเขาก็อายที่จะเดินเข้าไป

เสิ่นเทียนยิ้ม “สหายทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ กับอีแค่ชาตระหนักรู้ มันจะไปล้ำค่าอะไรกัน ดื่มหมดแล้ว แซ่เสิ่นจะชงให้อีกก็ได้”

เซิ่งหยางซวียิ้มแป้น “สหายเสิ่นหยวน แบบนี้จะได้อย่างไรกัน!”

แม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่ตัวกลับซื่อตรงมาก

เขาทะยานขึ้นแท่นผนึกเทพ รินชาตระหนักรู้เองและลิ้มรสช้าๆ

“ชาดี ชาดี! ชานี้ควรอยู่บนสวรรค์ โลกมนุษย์ยากจะได้ดอมดมสักครั้ง! ไม่นึกเลยว่าสหายเสิ่นจะไม่ใช่แค่มีกำลังรบแข็งแกร่ง แต่ยังมีศิลปะการชงชาชั้นยอด น่าเลื่อมใสจริงๆ”

เซิ่งหยางซวีปลงอนิจจังอย่างยิ่ง จากนั้นรินชาตระหนักรู้อีกหลายแก้ว ดื่มลงท้องดังอึกๆๆ

พอเห็นภาพนี้ ในที่สุดโอรสสวรรค์ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธอีก กลัวว่าเจ้าเซิ่งหยางซวีจะดื่มชาตระหนักรู้หมด

ทุกคนทยอยกันเข้าไป นั่งล้อมรอบเสิ่นเทียน เริ่มดื่มชากัน

ภาพนี้สร้างความตื่นตกใจกับทุกคน

โอรสสวรรค์ที่อยู่รอบนอก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกใจและอิจฉา

ใครจะไปคิดว่าการประลองใหญ่โอรสสวรรค์จะกลายเป็นงานเลี้ยงดื่มชา

ทุกอย่างเป็นเพราะเสิ่นเทียน

ขณะเดียวกันในใจพวกเขายังเกิดน้ำมะนาวขึ้น แววตาคับแค้นใจอย่างยิ่ง

ถึงอย่างไรชาตระหนักรู้เช่นนี้ พวกเขาก็อยากดื่มเหมือนกัน!

……

เหมือนรู้สึกถึงความคิดของโอรสสวรรค์รอบนอก เสิ่นเทียนจึงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ แบ่งชาตระหนักรู้ไปถึงมือโอรสสวรรค์พวกนั้น

คนพวกนี้ล้วนเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ แม้จะสู้พวกเซิ่งหยางซวีไม่ได้ แต่ก็เป็นเสาหลักของทุกขุมอำนาจ

ถึงอย่างไรครั้งนี้ชงชามาเยอะพพอ คนละถ้วยก็ยังเพียงพอ

เพราะสิ่งนี้แค่ดื่มถ้วยเดียวก็เกิดผล และมีน้อยคนมากที่จะตะกละเหมือนเซิ่งหยางซวี

โอรสสวรรค์รอบนอกรับชาตระหนักรู้ไปแล้วต่างมีสีหน้าดีใจใหญ่

พวกเขารีบตะโกน ก่อนพูดด้วยความซาบซึ้งใจยิ่ง “ขอบคุณสหายเสิ่นหยวนมาก!”

ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนพูดอย่างน่าเกรงขาม เสียงเหมือนเสียงลี้ลับมหามรรค ดังก้องฟ้าดิน

เขากำลังบรรยายความเข้าใจในเจตจำนงมรรค ถ่ายทอดแก่นสำคัญของวิชามรดกร้อยแปดขุนพลสวรรค์บรรพกาลให้ทุกคนฟัง

ทันใดนั้นเอง เจตจำนงมรรคลี้ลับได้แผ่คลุมไปทั้งยอดเขาประตูสวรรค์ ขอบเขตยิ่งใหญ่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้

เจตจำนงมรรคมากมายกลายเป็นแสงดาราคลุมรอบกายโอรสสวรรค์พวกนี้ทั้งหมด ทำให้พวกเขามีสีหน้าตื่นตกใจ

ทุกคนทำหน้าเข้าใจแจ่มแจ้ง เหมือนแก้ปัญหายากที่เงียบสงบมาหลายปี

อีกทั้งด้วยชาตระหนักรู้ คนพวกนี้เปล่งแสงทั้งตัว เข้าสู่การตระหนักรู้

…..

เจียงไท่อี่ตื่นมาก่อน เขาระเบิดพลังแก่กล้ายิ่งมาจากในกาย

รอบกายเขาเปล่งประกายสายฟ้า แผ่อำนาจเทพมหาศาล แกร่งกว่าเดิมหลายเท่า

เจียงไท่อี่มีสีหน้าดีใจ รีบป้องมือขอบคุณ “ขอบคุณที่สหายเสิ่นชี้แนะมาก ข้าตระหนักได้แล้ว!”

รอบกายเขาเปล่งประกายสายฟ้าทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าได้ประโยชน์ในการตระหนักรู้ไปไม่น้อย อีกไม่นานเท่าไรก็จะทะลวงพลังได้!

คนอื่นได้ประโยชน์ไปไม่น้อยเช่นกัน พัฒนากันอย่างมาก

ดังนั้นทุกคนจึงพากันขอบคุณ และยิ่งเคารพเสิ่นเทียนมากกว่าเดิม

อวี้ซวีจื่อขมวดคิ้วมุ่น เขามีกายมรรคสวรรค์ประทาน เดิมทีตระหนักรู้หมื่นวิชาถ่องแท้อยู่แล้ว

ตอนที่เขาเห็นเสิ่นเทียนสำแดงวิชาร้อยแปดวิชาออกมาไม่ขาดสาย ก็ได้เกิดความสงสัยลับๆ ในใจ

อวี้ซวีจื่อพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าเขาจะไม่ได้มีแค่กายมรรคสวรรค์ประทาน พรสวรรค์เช่นนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นคุณสมบัติกายสูงส่งที่สุดนั้น”

เขารู้ความลับดึกดำบรรพ์บางอย่าง

รู้ว่าเคยมีคุณสมบัติกายสูงสุดคล้ายๆ กับเสิ่นเทียน!

……

ตอนนี้เอง ท้องนภาเปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่

แสงเรืองรองส่องสว่าง แสงเทพไหลหลาก ระเบิดพลังมากมายมหาศาล

หลายร่างเงาก้าวออกมาจากในห้วงอากาศ

พวกเขามีแสงเทพปกคลุมทั้งตัว กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งถึงที่สุด ถึงระดับเตรียมเซียนแล้ว

คนพวกนี้คือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกคน

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกคนออกหน้า ทุกคนพลันเงียบลง

ทุกคนเพ่งมองอากาศด้วยสีหน้าจริงจัง

การประลองใหญ่โอรสสวรรค์ไม่ใช่แค่ให้โอรสสวรรค์ห้าดินแดนมาประลองกันง่ายๆ

ในนี้พัวพันไปถึงวิญญาณร้ายต่างแดน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกท่านเรียกรวมทุกคนก็เพื่อหารือการต่อต้านเผ่าวิญญาณร้าย

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกคนปรากฏกาย เหล่าโอรสสวรรค์ก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

…..

ร่างเงาหนึ่งก้าวออกมาก่อน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง “โอรสสวรรค์ทุกคน ข้าคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา! วันนี้เรียกรวมพวกเจ้ามาที่นี่ ก็เพื่อหารือเรื่องต่อต้านเผ่าวิญญาณร้าย แต่ก่อนที่เราจะมาถึงกลับได้รับข่าวร้าย

บนน่านฟ้าภูเขาอมตะเกิดเส้นทางมิติยักษ์ กองทัพวิญญาณร้ายหลายล้านตนบุกเข้าไปภูเขาใหญ่แสนลูก เผ่าอสูรหลายสิบตนถูกสังหาร ส่วนที่เหลือยังคงยื้อไว้ แต่คงยืนหยัดได้อีกไม่นานเท่าไร

ตอนนี้เผ่าวิญญาณร้ายโจมตีดินแดนทักษิณจากทุกทาง สถานการณ์อันตรายยิ่ง จะสูญสิ้นดินแดนนี้แล้ว ดินแดนทักษิณอยู่ในวิกฤติถึงตัว จึงขอกำลังเสริมจากห้าดินแดน”

เมื่อได้ฟังข่าวพวกนี้ ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างชัดเจน

วิญญาณร้ายต่างแดนเป็นวิกฤติที่สุดในห้าดินแดน สองฝ่ายรบรากันมาหมื่นปี ยากจะตัดสินได้

ตอนนี้วิญญาณร้ายต่างแดนทำการบุกโจมตีครั้งใหญ่เช่นนี้ก่อน ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงเลย

เวลานี้ ทุกคนมีสีหน้าจริงจัง

โดยเฉพาะโอรสสวรรค์เผ่าวิหคยิ่งตึงเครียดกว่าเดิม

ดินแดนทักษิณคือถิ่นฐานของพวกเขา ครอบครัวและญาติพี่น้องอยู่ที่นั่น

ตอนนี้ดินแดนทักษิณเข้าสู่วิกฤติ พวกเขาจะไม่กังวลได้อย่างไร

เสี่ยวคุนเผิงกับหวงจิ่วเทียนที่มีนิสัยอารมณ์ร้อนเป็นทุนเดินก้าวออกมาก่อน “เดรัจฉานพวกนั้นจิตใจชั่วร้ายจริงๆ! ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้ จะฆ่าพวกมันให้หมด!”

พวกเขาพุ่งทะยานขึ้น เตรียมจะนำโอรสสวรรค์เผ่าอสูรกลับดินแดนทักษิณ

พวกเซิ่งหยางซวีรีบออกมือขวางพวกเขาไว้

“สหายใจเย็นก่อน พวกเจ้ากลับไปตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้”

“ใช่! ทุกคนหารือกันก่อนแล้วค่อยเคลื่อนไหวเถอะ”

“สงครามครั้งนี้จะดูถูกไม่ได้นะ จะบุ่มบ่ามไม่ได้!”

พวกเซิ่งหยางซวีรีบโน้มน้าว ให้โอรสสวรรค์เผ่าอสูรใจเย็นลง

ในเมื่อเผ่าวิญญาณร้ายจู่โจมจากทุกทาง จะไม่มีการเตรียมตัวได้อย่างไร

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นหายนะต่อดินแดนทักษิณ จะต้องไม่ง่ายขนาดนั้นแน่

ต้องรู้ว่าดินแดนทักษิณมีขุมอำนาจมากมาย ไม่ใช่แค่เผ่าแข็งแกร่งอย่างเผ่าอสูร แต่ยังมีเผ่ามนุษย์อสูร เผ่าทูตสวรรค์เป็นต้น

ทว่าแม้แต่เผ่าพวกนี้ยังขอกำลังเสริม ก็รู้แล้วว่าหายนะครั้งนี้น่ากลัวเพียงใด

แม้โอรสสวรรค์ในที่นี้มีจำนวนมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสงครามขนาดใหญ่ก็ยังไม่มีผลอะไรมากนัก

….

ตอนนี้เองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาพูดอย่างจริงจัง “ไม่ผิด ครั้งนี้เผ่าวิญญาณร้ายวางแผนการลับมานาน ผู้แข็งแกร่งระดับอริยะมีหลายพัน ผู้แข็งแกร่งระดับเตรียมเซียนมีมากกว่าร้อยตน กระทั่งยังมีเซียนแท้สามตน มีกำลังมากพอจะทำลายล้างหนึ่งดินแดน การไปช่วยครั้งนี้จะต้องตรึกตรองให้ดี”

ด้วยศักยภาพแฝงตอนนี้ของห้าดินแดน มีคนที่สู้กับเซียนแท้ได้ไม่มาก

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายน่ากลัวอีกมากมาย

วิกฤติเช่นนี้สะเทือนถึงชีพจรชีวิตของดินแดนทักษิณแล้ว

“สมควรตาย!”

เสี่ยวคุนเผิงทุบหน้าอกอย่างไร้เรี่ยวแรง โกรธแค้นจัด

เขาแค้นที่ตัวเองกำเนิดมาช้าเกินไป ศักยภาพยังไม่บรรลุถึงจุดสูงสุด

ไม่อย่างนั้นด้วยสายเลือดของเขาจะถูกลิขิตให้สำเร็จสูงสุด ไฉนจะต้องกลัววิญญาณร้ายพวกนี้!

ตอนนี้เอง เซิ่งหยางซวีมีสีหน้าตึงเครียด “อาจารย์ เราควรทำอย่างไรดี”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาพูดอย่างเคร่งขรึม “เราไม่รู้ว่านี่เป็นแผนการล่อเสือออกจากถ้ำของเผ่าวิญญาณร้ายหรือไม่ ดังนั้น ทุกขุมอำนาจจึงส่งกำลังสุดยอดไปง่ายๆ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกจู่โจมล้างบาง หายนะครั้งนี้ ได้แต่พึ่งพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้า คือกำลังสำคัญในการช่วยหายนะครั้งนี้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาดวงตาลุกวาว มั่นใจอย่างยิ่ง

โอรสสวรรค์พวกนี้มีกำลังรบอย่างน้อยผู้อริยะ ส่วนสุดยอดโอรสสวรรค์ยังมีกำลังรบเตรียมเซียน

โอรสสวรรค์พวกนี้ เดิมทีเป็นกำลังที่แข็งแกร่งยิ่ง พวกเขาเติบใหญ่ขึ้นแล้ว ถึงเวลารับหน้าที่ปกป้องห้าดินแดน!

“ขอรับ!”

เหล่าโอรสสวรรค์ตะโกนเสียงดัง รู้สึกถึงภารกิจหนักอึ้งในใจ

นี่ถึงช่วงเวลาความเป็นตาย ไม่มีใครเอาตัวรอดไปคนเดียวได้

หากพวกเขาไม่ไปช่วย หากดินแดนทักษิณล่มสลาย เขตแดนอื่นก็ยากจะหนีรอด

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ดินแดนกลางจะร่วมด้วย พวกเขาจะหาบรรพบุรุษเตรียมจักรพรรดิท่านหนึ่งให้คุ้มกันพวกเจ้าไป

ประกอบกับบรรพบุรุษของเผ่าหงส์อมตะกับเผ่าคุนเผิง ก็น่าจะต้านกำลังรบสุดยอดของเผ่าวิญญาณร้ายได้ แต่ส่วนที่เหลือต้องดูที่พวกเจ้าแล้ว!”

เนื่องจากสภาพแวดล้อมพิเศษของห้าดินแดน ผู้บำเพ็ญที่บรรลุเตรียมเซียนส่วนใหญ่ลอยขึ้นโลกเซียนแล้ว ดังนั้นขุมอำนาจห้าดินแดนจึงไม่มีผู้แข็งแกร่งสุดยอดเท่าไร

คนพวกนี้เป็นบรรพบุรุษที่ฝืนอยู่ในห้าดินแดนเพื่อปกป้องชนรุ่นหลัง

แต่การคงอยู่ระดับนี้แทบจะนับนิ้วได้ ไม่เคลื่อนไหวง่ายๆ

พวกเขาต้องป้องกันการโจมตีอย่างฉับพลันของวิญญาณร้าย เพื่อไม่ให้ห้าดินแดนเข้าสู่วิกฤติ

….

ทุกคนได้ยินดังนั้น แรงกดดันในใจก็ลดลงเล็กน้อย

มีผู้แข็งแกร่งเตรียมจักรพรรดิตามไปด้วย พวกเขาจึงมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาพยักหน้าเล็กน้อย “หายนะครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่พัวพันถึงความเป็นตาย พวกเจ้าตัดสินใจกันเอง ตอนนี้ข้าจะไปเชิญเตรียมจักรพรรดิ เมื่อท่านบรรพบุรุษออกด่านบำเพ็ญก็จะออกเดินทางไปช่วยดินแดนทักษิณทันที”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาเอ่ยจบก็หายไปจากโลกนี้

ตอนนี้ เหล่าโอรสสวรรค์พูดด้วยความโกรธแค้น “ลูกวิญญาณร้ายพวกนั้นโอหังยิ่งนัก!”

“ไป พวกเราไปกัน ให้พวกมันได้รู้ถึงความเก่งกาจของเรา!”

“รวมข้าด้วย!”

“ข้าก็ไปด้วย!”

เหล่าโอรสสวรรค์พากันขานรับ หายนะครั้งนี้ปลุกเลือดร้อนพวกเขาแล้ว ไม่มีใครถอย

เซิ่งหยางซวีพูดเสนอ “ดินแดนทักษิณต้องการกำลังเสริม แต่พวกเราไปเช่นนี้ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไร การเดินทางครั้งนี้เราต้องหาผู้นำสักคนมาบัญชาการ! ผู้อาวุโสเตรียมจักรพรรดิสู้เซียนแท้วิญญาณร้าย ต้องไม่มีเวลามาสนใจเราแน่”

นี่ไม่ใช่งานเล็ก แต่เป็นมหาสงครามน่ากลัวที่พัวพันไปถึงวิญญาณร้ายหลายล้านตน

แม้โอรสสวรรค์ที่นี่จะมีกำลังรบไม่ธรรมดา เหนือกว่าวิญญาณร้ายระดับเดียวกัน ก็ยากจะรอดชีวิตในสนามรบครั้งนี้ได้

ในสนามรบ กำลังของคนเดียวเล็กจ้อยมาก

ถึงอย่างไรสองหมัดก็ยากจะสู้กับสี่มือ หากไม่มีใครบัญชาการก็ทำให้เกิดการล้มตายได้ง่ายมาก

ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อย “สหายเซิ่งพูดถูก เราต้องหาคนที่ทุกคนเชื่อมั่นมาบัญชาการทั้งหมด แล้วคนนี้ จะเลือกใครดี!”

พวกเขาครุ่นคิดอย่างหนัก ก็มีคนคิดขันอาสาเช่นกัน

แต่เมื่อนึกได้ว่าตนมีศักยภาพไม่แกร่งพอ จะไปทำให้โอรสสวรรค์พวกนี้ยอมรับจากใจจริงได้อย่างไร!

นี่ต้องการคนที่มีกำลังรบสูงสุด คุมสถานการณ์ทั้งหมด

พอนึกถึงตรงนี้ ทุกสายตาต่างอดมองไปที่เสิ่นเทียนมิได้

พวกเขาดวงตาเร่าร้อน เหมือนเห็นความหวัง

ถึงอย่างไรไม่ว่าจะกำลังรบหรือความกล้าหาญ เสิ่นเทียนก็กำราบทุกคนได้

เซิ่งหยางซวีเผยรอยยิ้ม เดินตรงเข้ามา “ขอเชิญสหายเสิ่นเป็นผู้นำด้วย นำพาพวกเราต่อต้านวิญญาณร้าย หากสหายเสิ่นนำพวกเรา จะต้องชนะในศึกนี้แน่นอน!”

เสิ่นเทียนยิ้มเจื่อน

นี่ไม่ให้โอกาสเขาได้ปฏิเสธเลย!

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก “ถ้าอย่างนั้น แซ่เสิ่นจะไม่ปฏิเสธแล้วกัน!”

ถึงอย่างไรนี่ก็พัวพันไปถึงความตายของห้าดินแดน เสิ่นเทียนเองก็ไม่อยากเอาแต่มองดินแดนทักษิณล่มสลาย

คุณธรรมเกี่ยวพัน เมตตาธรรมไม่ยอม!

จากนั้นเสิ่นเทียนเปลี่ยนไปพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แต่ว่าให้แซ่เสิ่นนำทัพ ทุกคนจะต้องฟังคำสั่งด้วย”

ในสนามรบ คำสั่งทหารเหมือนภูเขา

หากเห็นไม่ตรงกัน มีโอกาสสูงที่จะแตกพ่ายทั้งกองทัพ

เสิ่นเทียนต้องเตือนในจุดนี้

เหล่าโอรสสวรรค์ไม่มีข้อสงสัยใดๆ พากันตะโกนเสียงดัง “จะปฏิบัติตามคำสั่งสหายเสิ่นทุกอย่าง!”

กองทัพโอรสสวรรค์ที่นำโดยเสิ่นเทียนได้รวมกันขึ้นอย่างเป็นทางการ!

…..

และในตอนนี้เอง แสงเทพสว่างหมื่นสาย

กลิ่นอายพลังน่ากลัวม้วนออกมา ลุกลามฟ้าดิน

ชายชราผมขาวเคราขาวในชุดคลุมม่วงเดินเข้ามา หลอมรวมกับฟ้าดินเป็นหนึ่งเดียว

เซิ่งหยางซวีเผยแววตาตกใจระคนดีใจ “ท่านบรรพบุรุษ!”

คนนี้คือบรรพบุรุษของแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา เตรียมจักรพรรดิสุญญะ

เขาเป็นเตรียมจักรพรรดิยี่สิบสี่ด่านเคราะห์ มีศักยภาพแข็งแกร่งยิ่ง

การเดินทางครั้งนี้ มีเตรียมจักรพรรดิสุญญะไปด้วย จึงมีโอกาสชนะขึ้นมาเล็กน้อย

เตรียมจักรพรรดิสุญญะมองไปรอบๆ จากนั้นเพ่งมองไปทางใต้ก่อนพูดอย่างจริงจัง “สหายน้อยทุกท่าน พวกเราไปช่วยดินแดนทักษิณกัน!”

ผิวกายเขาเป็นมิติไหลหลาก แผ่พลังแห่งมิติมหาศาลออกมา

พริบตาเดียว ฟ้าดินเปลี่ยนไปครั้งใหญ่

กฎเกณฑ์มิติวนเวียนไม่หยุด รวมเป็นถ้ำแสง

ไม่นานนัก เส้นทางมิติแก่กล้าสายหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้าทุกคน

นี่คือเตรียมจักรพรรดิสุญญะใช้วิชามิติสูงสุดสร้างเส้นทางข้ามดินแดนขึ้น ตรงไปสู่ดินแดนทักษิณ

ด้วยเส้นทางมิตินี้ พวกเขาจะประหยัดเวลาไปได้มาก ไปถึงสนามรบได้เร็วที่สุด

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนดวงตาลุกวาว จิตต่อสู้เปี่ยมล้น!

……

พี่น้องดินแดนทักษิณ ยืนหยัดไว้

กำลังเสริม จะไปถึงแล้ว!

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด