บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 114ข้าชอบเจ้าอย่างไม่อาจห้ามได้

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 114ข้าชอบเจ้าอย่างไม่อาจห้ามได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่114ข้าชอบเจ้าอย่างไม่อาจห้ามได้

หญ้าชีซวนโลอยู่ในหุบเขาลึกรอบๆปกคลุมไปด้วยต้นหญ้ามากมายมันซ่อนอยู่อย่างลึกลับโดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็นยากมากที่คนจะพบเจอแต่จูนจิ่วพบเจอแถมยังมีเสี่ยวอู่ที่เป็นคนพบเป็นคนแรก

ย้อนนึกไปในภาพความทรงจำ

สิ่งที่จูนจิ่วพบอย่างแรกไม่ใช่หญ้าชีซวนโลแต่กลับเป็นโม่อู๋เยว่

ความชั่วร้ายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังคงเป็นความชั่วร้ายอยู่วันยังค่ำภูเขาที่แห้งแล้งและป่าทึบยังสามารถถูกตัดออกอย่างงดงามด้วยสีสันที่สวยงามเสี่ยวอู่เห็นโม่อู๋เยว่กลับไม่ดีใจอะไรมันร้องม๊าวม๊าวทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้!

จูนขิ่วตอบมันว่า:“โม่อู๋เยว่เขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“ม๊าว?”เสี่ยวอู่ตกใจที่เจ้านายตอบแบบนี้โม่อู๋เยว่อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วมันหมายความว่าอย่างไรกัน?

เมื่อได้ยินเสียงก้าวเท้าโม่อู๋เยว่ก็หันหลังมามองจูนจิ่วจากนั้นก็ยิ้มพร้อมทั้งพูดว่า:“เสี่ยวจิ่วในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”

“หญ้าชีซวนโลเบ่งบานแล้วข้าต้องมาแน่นอนเจ้ามาที่นี่ก่อนเหตุใดถึงยังไม่เก็บหญ้าชีซวนโลไปล่ะ?”จูนจิ่วจ้องหน้าโม่อู๋เยว่ด้วยความสงสัย

“หญ้านี้เป็นหญ้าที่เสี่ยวจิ่วต้องการที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะช่วยเสี่ยวจิ่วปกป้องมันไม่ให้ใครมาแย่งชิงไปได้ส่วนที่ข้าไม่เก็บมันไปนั้นก็เพราะว่าไม่อยากให้เสี่ยวจิ่วโกรธ”เสี่ยวจิ่วฟังเขาพูดไปพร้อมทั้งเดินไปที่โม่อู๋เยว่ไปด้วยเมื่อได้ยินคำพูดคำสุดท้ายของเขาจูนจิ่วก็ขมวดคิ้วขึ้น

ผู้ที่ไม่รู้เรื่องยาจะทำลายน้ำอมฤทธิ์ได้อย่างง่ายดายแต่ดูเหมือนคนอย่างโม่อู๋เยว่ที่รู้แจ้งคนนี้จะหาได้ยากนัก

โม่อู๋เยว่ไม่รู้ว่าการกระทำของตนเองนั้นทำให้จูนจิ่วจิตใจพองโตขึ้นมาก!ในฐานะนักกลั่นยาคนที่รักและทะนุถนอมสมุนไพรจะรู้สึกดีเป็นอย่างมากจูนจิ่วก็เช่นกัน

นางวางเสี่ยวอู่ลงและหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาเพื่อที่จะเก็บหญ้าชีซวนโล

จูนจิ่วเก็บไปด้วยพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า:“หญ้าชีซวนโลมันชอบแสงแดดแต่มันก็ต้องการร่มเงามันถึงจะเติบโตได้ดังนั้นรากของมันจะทึบและหนาเวลาที่เก็บมันต้องขุดรากมันมาด้วยจากนั้นแช่น้ำเอาไว้เพื่อให้มันชุ่มชื้นอยู่ได้ถึงสิบวันเพื่อประสิทธิภาพที่ดีของตัวยา!”

“อ๋อ”โม่อู๋เยว่ไม่ค่อยสนใจเรื่องยาสักเท่าไหร่แต่เขาก็ตั้งใจฟังในสิ่งที่จูนจิ่วพูด

เสียงที่ไพเราะของแม่นางเปรียบดั่งน้ำเย็นในลำธารที่ไหลปลอบชโลมพื้นดินที่แห้งแล้งตัณหาที่ไม่เคยหายไปแต่เพียงแค่ได้ยืนอยู่ข้างๆจูนจิ่วได้ฟังคำพูดของนางได้มองหน้านางก็รู้สึกลังเลใจหากจะอาไปก็เสียดายถ้าอย่างนั้นก็เก็บรักษามันไว้ให้จูนจิ่วก็แล้วกัน

เช่นนี้ก็ยังพอขจัดตัณหาลงไปได้หน่อย

ในขณะที่ปกป้องอยู่นั้นก็กลายเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งโดยไม่มีรู้ตัว……

เมื่อเก็บหญ้าชีซวนโลเสร็จจูนจิ่วก็เอียงหน้าไปพูดกับโม่อู๋เยว่ว่า:“ไม่ใช่ว่าเจ้าจะอยากติดตามข้าไปใช่ไหม?ยังมีเวลาอีกยี่สิบกว่าวันเจ้าไม่เบื่อเหรอ?”

“ไม่เบื่อ”

“เจ้าว่างหรืออย่างไร?”จูนจิ่วถามอีกครั้ง

โม่อู๋เยว่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งจากนั้นสายตาก็เปล่งประกายขึ้นโม่อู๋เยว่ยิ้มมุมปาก“ไม่มีเรื่องใดจะสำคัญไปกว่าเสี่ยวจิ่วอีกแล้ว”

สีหน้าของแมวอย่างเสี่ยวอู่ไม่ค่อยจะดีนักยอดเยี่ยมจริงๆโม่อู๋เยว่ยังกล้าแหย่อีกนะ!

“ไม่มีจริงๆเหรอ?เจ้าถูกกักขังเอาไว้ที่ใต้หน้าผาแห่งนี้นะและอีกอย่างที่นั่นยังมีเขาวงกตและอุปสรรคขวากหนามมากมายไม่ยอมให้เจ้าออกไปง่ายๆแน่เจ้าออกไปตอนนี้ใช่จะออกไปแก้แค้นหรือเปล่า?”จูนจิ่วกล่าว

นางสงสัยตัวตนของโม่อู๋เยว่มาโดยตลอด!

ถึงแม้ว่าจะเป็นแมวที่ปฏิบัติตามและยึดหลักความจริงจูนจิ่วก็ไม่สอดรู้สอดเห็นแต่นางก็ไม่ลืมสายตาของโม่อู๋เยว่ครั้งแรกที่ใต้หน้าผาแห่งนี้เขาเหมือนนักโทษมังกรถึงแม้ว่าจะถูกล่ามด้วยโซ่แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมตัวเขาตอนนั้นจูนจิ่วรู้สึกว่าเขาดูน่าเคารพและน่าเกรงขามดั่งกษัตริย์

แต่โม่อู๋เยว่เป็นคนภพที่สามยังมีภพที่สามด้วยเหรอ?ด้วยเหตุนี้จึงเป็นภพที่แข็งแกร่งที่สุดแต่เพราะเหตุใดถึงได้ติดอยู่ที่นี่ได้!

โม่อู๋เยว่ชะงักก้าวเท้าและก้มหน้ามองจูนจิ่วทั้งสองได้สบตากันด้วยสายตาที่มืดครึ้มโม่อู๋เยว่ดขึ้นว่า:“รอให้ถึงเวลาข้าจะเป็นคนเล่าให้เสี่ยวจิ่วฟังอย่าละเอียดเลยหากบอกเจ้าไปตอนนี้ข้าเกรงว่าเจ้าจะตกใจจนวิ่งหนีไป”

“ตกใจจนต้องวิ่งหนีอย่างนั้นเหรอ?”จูนจิ่วขมวดคิ้วขึ้น

นางยิ้มมุมปากและพูดขึ้นว่า:“โม่อู๋เยว่เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นคนที่ขี้ตกใจจนต้องวิ่งหนีเลยเหรอ?หรือเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนขี้ขลาด?

สายตาของนางสดใสเย็นชาอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกับจูนจิ่วที่รู้สึกว่าสายตาของโม่อู๋เยว่ก็สวยงามเช่นกันโม่อูเยว่ประทับใจสายตาของจูนจิ่วเป็นอย่างมากน้ำที่ใสสะอาดอบอุ่นกว่าสระมังกรหลายเท่ามันตราตรึงไปในจิตใจของเขา

โม่อู๋เยว่ยื่นมือไปปิดตาของจูนจิ่วเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า:“ข้าชอบเจ้าอย่างมิอาจห้ามได้”

ตึกตึก!หัวใจเต้นแรง

โม่อ๋เยว่พูดด้วยเสียงต่ำว่า:“เจ้าไม่กลัวแต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะหนีเสี่ยวจิ่วเจ้าไม่น่ามาเจอข้าทีหน้าผาแห่งนี้เลยแต่เจ้าก็พบเจอข้าแล้วดังนั้นภพนี้เจ้าอย่าได้คิดหนีไปจากข้าอีกข้าจะอยู่กับเจ้าจนกว้าชั่วฟ้าดินสลาย”

ติงตัง!

กระดิ่งเล็กๆที่ข้อมือของเสี่ยวจิ่วดังขึ้นดูเหมือนว่าจะตอบรับคำพูดของโม่อู๋เยว่เสียงติงตังที่ดังขึ้นทำให้ใจของเสี่ยวจิ่วเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง

นางเอนตัวไปด้านหลังเพื่อเลี่ยงทอของโม่อู๋เยว่ที่ปิดตาของนางนางเงยหน้าขึ้นมองโม่อู๋เยว่จูนจิ่วเม้มปาก“หากว่าข้าไม่ยินยอมล่ะ?”

“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะกินวิญญาณของเจ้าพวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

“……”รู้สึกว่าโม่อู๋เยว่เป็นบ้าไปแล้ว!

เสี่ยวอู่เอามือข่วนพื้นความรู้สึกอะไรเนี่ย!เห็นได้ชัดว่าโม่อู๋เยว่เป็นบ้าไปแล้ว!นึกไม่ถึงว่าจะกินวิญญาณของเจ้านายเป็นบ้าไปใหญ่แล้วจริงๆม๊าวม๊าวม๊าว!

จูนจิ่วแกว่งมือไปมาจากนั้นก็เปลี่ยนประเด็นพูดคุย:“ถึงแม้ว่าเจ้าจะงดงามตรงรสนิยมของข้าแต่คนเจ้าชู้ใครๆก็ไม่อยากเชื่อคนอย่างจูนจิ่วไม่ใช่เป็นคนที่หลอกลวงความรู้สึกของใครอยู่แล้วเหอะเหอะดีแล้วพวกข้าต้องกลับแล้วล่ะ!”

ตอนนี้ฟ้ายังสว่างอยู่แต่ทางเส้นทางที่จะกลับไปนั้นไม่แน่ใจว่าจะราบรื่นหรือไม่นักดกันไว้แล้วว่าจะไปพบกันก่อนพลบค่ำโม่อู๋เยว่เจ้าไม่ต้องตามมาหรอกหากเจ้าตามไปเกรงว่าจะไม่มีสัตว์ทิพย์กล้าโผล่มา

จูนจิ่วกล่าวความจริง

นางและโม่อู๋เยว่พูดคุยกันอยู่นานรอบๆเงียบสงบแม้แต่เสียงแมลงก็ยังไม่ได้ยินสัตว์หลีกเลี่ยงความร้ายกาจโม่อู๋เยว่อันตรายและมีพลังมากพอที่จะคุกคามชีวิตของพวกมันได้

จูนจิ่วเพิ่งจะย่างเท้าก็โดนโม่อู๋เยว่คว้าแขนเอาไว้

นางเงยหน้ามองโม่อู๋เยว่โม่อู๋เยว่ปรากฏให้เห็นสายตาสีทองแสงมันแวววาวมืดครึ้มราวกับเหวลึกอย่างน่ากลัวเขากล่าวขึ้นว่า“มีข้าร่วมทางไปกับเจ้าเจ้าวางใจเถอะข้าจะไม่เข้าร่วมประลองฝีมือกับเจ้า”

ขอแค่จูนจิ่วไม่ได้รับอันตรายใดใดเขาก็จะไม่ลงมือทำสิ่งใด

เขาไม่ได้บอกจูนจิ่วแค่ไม่อยากให้จูนจิ่วกลัวและหนีไปจากเขาย้อนนึกถึงความทรงจำครั้งเก่าก่อนเป็นเพราะว่าคนพวกนั้นเกรงกลัวเขาและกลัวเป็นอย่างมากดังนั้นจึงใช้เวลาเตรียมการอย่างเนิ่นนานยอมแลกด้วยชีวิตกว่าจะล่ามโซ่ขังเขาไว้ที่นี่ได้เพราะเหตุใดถึงไม่ฆ่าเขาล่ะเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีความสามารถที่จะฆ่าเขาให้ตายได้

ก็เพื่อกลัวว่าเขาจะหลุดพ้นจากห่วงโซ่นี้กลัวพลังของเขาจะกลับคืนมาอีกครั้งก็เลยปล่อยให้เขาอยู่ในภพที่สามพลังที่เหนือธรรมชาติที่นี่ทำให้เขาไม่สามารถพลังได้เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงถูกขังไว้ที่นี่

แต่เกรงว่าพวกที่เป็นอมตะเหล่านั้นคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะมีคนที่ชื่อจูนจิ่วจะมาปล่อยตัวโม่อู๋เยว่ไปดูเหมือนว่าเมื่อสักครู่นี้นางจะดึงดูดจิตวิญญาณของโม่อู๋เยว่ได้นางเป็นคู่ชีวิตของโม่อู๋เยว่ที่โชคชะตาได้กำหนดไว้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะขอบคุณการปรากฏตัวของจูนจิ่วที่ทำให้โม่อู๋เยว่หลุดพ้นไปจากที่นี่ได้หรือจะโกรธจนกระอักออกเลือด?ที่พวกเขาขังตัวโม่อู๋เยว่เอาไว้แต่สุดท้ายเขาก็หลุดออกมาได้!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด