บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 121 หน้าหนาวแล้ว ฆ่าล้างตระกูลจูน

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 121 หน้าหนาวแล้ว ฆ่าล้างตระกูลจูน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 121 หน้าหนาวแล้ว ฆ่าล้างตระกูลจูน

เพล้ง!

เสียงชนกัน! เสียงของแตก!

ในขณะนั้นร่างของจูนจิ่วและหัวหน้ากลุ่มหมาป่าละโมบต่างก็พลาด และต่างฝ่ายได้ตกลงมาบนพื้น ติ๋ง! เลือดสดๆไหลลงมาจากปลายนิ้วของจูนจิ่ว

ติ๋ง!

หัวหน้ากลุ่มหมาป่าละโมบสัมผัสกับความเปียกชื้นที่คอของเขา มันคือเลือด! เขาอ้าปากพูด แต่เมื่ออ้าปากพูดเขากลับไม่สามารถออกเสียงใดๆได้ เขาทำให้จูนจิ่วบาดเจ็บด้วยมีด แต่กลับถูกจูนจิ่วจู่โจมด้วยดาบฟันจนทะลุกล่องเสียง

ดาบนั่นช่างรวดเร็ว! ช่างคมยิ่งนัก!

ด้วยความรวดเร็วและความคมของดาบ เมื่อเขาได้สติจึงพบว่าได้ถูกดาบฟันจนทะลุกล่องเสียงไปเสียแล้ว บาดแผลที่เกิดจากป๋ายเย่นั้นช่างประณีตและบางเบายิ่ง หากหัวหน้ากลุ่มหมาป่าละโมบไม่เผลอเปิดบาดแผลออก มันก็เป็นการยากที่คนรอบข้างจะรู้ถึงสาเหตุการตายของเขา

บาดแผลแตกออก ทันใดนั้นจากเลือดหยดเล็กๆก็กลายเป็นดังน้ำพุที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด

ดวงตาของหัวหน้ากลุ่มหมาป่าละโมบเบิกโพลง เขาจ้องมองจูนจิ่ว และล้มลงไปกับพื้น ทันใดนั้นร่างกายก็กระตุกโดยไม่รู้ตัว ปากมันเปิดกว้าง หากมันยังพูดได้ มันจะต้องพูดว่า “ เป็นไปได้อย่างไร นี่มันเป็นไปไม่ได้ ”

เขาคือหัวหน้ากลุ่มหมาป่าละโมบ ผู้ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากหัวหน้า กลับถูกเด็กสาวตัวเล็กๆฆ่าตายได้อย่างไร นางยังเป็นแค่นักจิตชั้นสอง พูดไปก็ล้วนแต่จะเป็นความอัปยศของเขาทั้งสิ้น

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจเพียงใด ไม่เชื่อสักเพียงใด ร่างกายเขาก็ค่อยๆเย็นเฉียบดังศพ และไม่สามารถได้ยินว่าผู้คนจะพูดถึงสาเหตุการตายของเขาอย่างไร หรือบางทีอาจไม่มีใครสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ จะว่าไป ก็กล่าวได้ว่าเขาก็คือหนึ่งในวิญญาณที่ตายด้วยน้ำมือของหมอเทวดาจูนจิ่ว

เฮือก!

จูนจิ่วหายใจหอบ นางเหลือบมองอาการบาดเจ็บที่แขน และในตอนนี้เลือดก็หยุดไหลแล้ว บาดแผลทั้งหมดมีสองจุด จุดแรกคือที่แขน และบาดแผลอีกจุดคือที่เอว แต่ล้วนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่ทาขี้ผึ้ง และกินยาวันพรุ่งก็ดีขึ้น ไม่ส่งผลอะไรต่อนาง

จูนจิ่วหลับตาลง ระลึกถึงแสงรัศมีที่สว่างวาบขึ้นในขณะนั้น นางมุ่งตรงไปนั่งสมาธิท่ามกลางกองศพ จากนั้นนางก็หลับตาลงและเริ่มเข้าฌาน

เสี่ยวอู่ที่เพิ่งจะโถมตัวเข้ามา เมื่อเห็นดังนั้นจึงประพฤติตัวดีรีบนั่งลงอย่างเรียบร้อย เสียงทุ้มต่ำของเหลิ่งยวนลอยมาจากทางด้านหลัง “ แม่นางจูนมีจิตสัมผัสได้ นางใกล้จะบรรลุแล้ว ”

โม่อู๋เยว่เหลือบมองไปทางเขา เหลิ่งยวนจึงรีบหุบปากในทันที และรู้ตัวดีโดยไม่ต้องให้โม่อู๋เยว่เอ่ยปากพูด เขารีบจัดการกับกองศพในทันที แม่นางจูนใกล้บรรลุแล้ว นางต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและสะดวกสบาย

ที่นี่ไม่เหมาะสม เขาจะสร้างมันขึ้นมาเอง

ดังนั้นเมื่อได้เห็นความชำนาญและว่องไวในการจัดการกับกองศพบนหุบเขาของเหลิ่งยวน เขาเรียกใช้พลังทิพย์ และไม่ได้ทำให้จูนจิ่วตกใจ อีกทั้งเขายังกำจัดคาวเลือดบนพื้นเสียเกลี้ยงเกลา เมื่อเขานำกระถางธูปออกมาเพื่อนจุดธูปจุดเครื่องหอมและทำจิตใจให้สงบนั้น เสี่ยวอู่ก็ตะลึงงัน

โม่อู๋เยว่เขาวิปริตไปแล้ว แต่น้องชายของเขากลับมีความสามารถที่หลากหลายและทรงพลัง

เมื่อก้มลงไปมองอุ้งเท้าแมวของตัวเอง เสี่ยวอู่ก็เกิดสงสัยในชีวิตมนุษย์ มันไม่เพียงแต่ไม่ดูแลเจ้าของ แต่ยังต้องการให้เจ้าของกอดอีก ไม่ได้! นับจากวันนี้มันต้องเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความสามารถรอบด้าน จะต้องรักษาตำแหน่งการเป็นที่หนึ่งในใจของเจ้าของให้ได้

โม่อู๋เยว่มองดูเสียวอู่ที่กำลังแกว่งอุ้งเท้าแมวของตัวเองไปมา ไม่รู้ว่ามองออกถึงความเห็นแก่ตัวของมันหรือไม่ เขามองไปที่จูนจิ่วอีกครั้ง โม่อู๋เยว่อดทนรอจูนจิ่วลืมตาขึ้นด้วยความสงบ

วันเวลาผ่านไปทีละนิด

ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จนกระทั่งแสงทองยามเช้ามาเยือน จูนจิ่วจึงได้ลืมตาขึ้น

เสียงทุ้มต่ำของโม่อู๋เยว่ส่งผ่านเข้าไปในหูของจูนจิ่วเป็นครั้งแรก “ ยินดีด้วย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าบรรลุแล้ว ดูเหมือนการฝึกฝีมือในครั้งนี้ เห็นทีผลลัพธ์จะออกมาดี ”

“ เหมียว เหมียว เหมียว ” เสี่ยวอู่ที่ถอยหลังไปครึ่งก้าวกำลังแยกเขี้ยวคำราม

จูนจิ่วมองไปทางโม่อู๋เยว่ ในขณะเดียวกันก็โบกมือไปทางเจ้าเสี่ยวอู่ รอให้เจ้าแมวกระโดดเข้ามาด้วยความดีใจ จูนจิวจับเจ้าแมวได้อย่างสบาย มุมปากค่อยๆยกขึ้น “ ผลลัพธ์มันดีจริงๆ ถ้าหาข้าไม่ยับยั้งมันไว้เสียก่อน คงได้บรรลุเป็นนักจิตชั้นสามเป็นแน่ แต่การเริ่มอย่างช้าๆจะทำให้ข้ามีพื้นฐานที่มั่นคงและเหมาะสมกว่า ”

“ อืม ได้ ”

นางได้มองความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหุบเขาอีกครั้ง แทบไม่พบร่องรอยการต่อสู้ของเมื่อวานเลยสักนิด สายลมอ่อนพัดผ่านพร้อมกับกลิ่นธูปหอมที่โชยมา จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้น “ นี่มีไว้ทำอะไร? ”

“ สิ่งนี้จะช่วยให้แม่นางจูนบรรลุได้ด้วยความสงบ สภาพแวดล้อมในช่วงเวลาการบรรลุนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ” เหลิ่งยวนอธิบายอยู่ข้างๆ

เสี่ยวอู่ได้พยักหน้าตาม นั่นหมายถึงมันได้จดจำเอาไว้แล้ว

จูนจิ่วเลิกคิ้วยิ้มอ่อนและมองไปทางเหลิ่งยวน พลางถาม “ ข้าได้ยินที่เจ้าถาม ว่าเหตุใดข้าจึงดูเหมือนนักฆ่ามากกว่าเจ้าพวกนั้น ”

“ แค่ก แค่ก แค่ก! ”

ใบหน้าจูนจิ่วแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “ อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่ฆ่าปิดปากใครหรอก อีกทั้งข้าก็เอาชนะเจ้าไม่ได้หรอก ปัญหานี้ช่างง่ายดายนัก แต่ไหนแต่ไรมาคนที่เดินทะเลสาบแม่น้ำได้ มักเป็นคนที่มีทักษะสูงและไม่มีความลังเล ข้าไม่ใช่นักฆ่า แต่ข้าต้องเรียนรู้เอาไว้เผื่อภายภาคหน้า ”

“ เหมียว เหมียว! ” เสี่ยวอู่คิดว่าตัวมันเองมีสิทธิ์ที่จะพูดได้ เพราะเจ้าของก่อนของมันถูกลอบสังหาร วิชาการแพทย์ของเขานั้นมีชื่อเสียงมากเกินไป บางคนอิจฉาริษยา บางคนหวาดกลัว และบางคนก็กลายเป็นบ้า อย่างเจ้าของร้านยาที่ถูกจูนจิ่วทำให้กระอักเลือด เจ้าของร้านหินที่จูนจิ่วเคยไปมาครั้งหนึ่ง และได้เปลี่ยนตัวพี่ใหญ่ให้เป็นอีกคน มันโกรธจนกัดฟันกรอด ทำได้เพียงตามหานักฆ่าเพื่อตามฆ่าจูนจิ่วเท่านั้น

ในตอนแรกนางถูกวางยาพิษก็สามารถกำจัดไปได้แล้ว ต่อมาเมื่อเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จูนจิ่วรู้สึกสนใจจึงเริ่มเล่นเกมไล่ล่ากับมือสังหาร ดูซิว่ามือสังหารจะเจอนางก่อน หรือนางจะเจอมือสังหารและชิงลงมือฆ่าเขาก่อน

เหลิ่งยวนฟังน้ำเสียงของจูนจิ่ว ก็รู้ได้ว่าชีวิตของแม่นางจูนผู้นี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย

เมื่อพูดจบ จูนจิ่วก็ได้นึกออกเรื่องหนึ่ง พลางลูบคางด้วยความเสียดาย " ข้าลงมือเร็วเกินไป ควรจะเก็บหัวของกลุ่มหมาป่าละโมบไว้ ข้ายังไม่ได้ไต่สวนว่าท้ายที่สุดแล้วตระกูลจูนใช้อะไรเป็นของแลกเปลี่ยนเพื่อให้กลุ่มหมาป่าละโมบมาฆ่าข้า "

"เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าอยากจะรู้คำตอบตอนนี้ก็ย่อมได้ " โม่อู๋เยว่ยกมือขึ้น ในนั้นมีกลุ่มแสงสีเทาหม่นมัวที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในฝ่ามือของโม่อู๋เยว่

จูนจิ่วตะลึงงันพลางถาม “ นี่คืออะไร? ”

"วิญญาณของหัวหน้ากลุ่มหมาป่าละโมบ เจ้าอยากถามสิ่งใด ข้าจะตอบเจ้าด้วยการสืบวิญญาณ "

" วิญญาณเป็นเช่นนี้หรือ? " จูนจิ่วไม่ได้ถามคำถามใดๆ แต่กลับจ้องมองกลุ่มแสงสีเทาด้วยความประหลาดใจและตะลึง แท้จริงแล้ววิญญาณก็มีลักษณะเช่นนี้เองหรือ?

ได้ยินนางพูดเช่นนั้น โม่อู๋เยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แสงเย็นหม่นมัววาบเข้ามาในดวงตาเขา โม่อู๋เยว่มองไปทางจูนจิ่วพร้อมเอ่ยว่า " วิญญาณของเขาเป็นวิญญาณขยะชั้นต่ำ และวิญญาณของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันหรอก "

เขาพูดพลางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงวิญญาณของจูนจิ่วอยู่ในใจ มันแวววาวต้องตา ดังอัญมณีที่สุกใสเป็นประกายและสวยงามที่สุด มันเปล่งประกายความแวววาวและเย็นเยือกราวกับดวงจันทร์ สวยงามมาก! น่ากินมาก!

หลังจากรู้ว่าวิญญาณของทุกคนนั้นแตกต่างกัน จูนจิ่วก็ไม่รู้สึกสนใจอีกต่อไป นางมองโม่อู๋เยว่ใช้วิชาสืบวิญญาณ และได้คำตอบจากวิญญาณหัวหน้ากลุ่มหมาป่าละโมบ นั่นคือของล้ำค่าที่ทำให้กลุ่มหมาป่าละโมบใจเต้นไม่หยุด สิ่งนี้มันอยู่ติดตัวกับจูนหยูนเสวี่ย

แค่รอให้มือสังหารหมาป่าละโมบลงมือฆ่าพวกจูนจิ่ว จูนหยูนเสวี่ยจะต้องรีบจ่ายค่าตอบแทนทันที และยังมีคำสั่งส่วนตัวจากจูนหยูนเสวี่ย ให้ทรมานพวกจูนจิ่วจนตายอีกด้วย

ไม่ว่าวิธีการจะโหดร้ายเพียงใด! โหดเหี้ยมเพียงไหน! ก็ห้ามเมตตาเป็นเด็ดขาด!

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เผชิญหน้ากับการไล่ล่าของมือสังหารหมาป่าละโมบ อาจจินตนาการได้ว่าจุดจบนี้ก็คงไม่ได้ดีไปกว่าการประหารชีวิตด้วยการตัดมือและเท้าสักเท่าไหร่

สายตาเย็นชาของจูนจิ่ว รอยยิ้มที่เยือกเย็นและน่ากลัวนั้น นางกระซิบว่า "จูนหยูนเสวี่ย สบายดีหรือ! ดูเหมือนว่าข้าจะอ่อนโยนกับตระกูลจูนของเจ้ามากไป กลับจากเขาปู้หว่งไป ข้าจะสังหารตระกูลจูนให้สิ้น "

" ดี " โม่อู๋เยว่พยักหน้า " เหมียว เหมียว! " เสี่ยวอู่ยกกรงเล็บขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าเห็นด้วย หน้าหนาวแล้ว เราจะไปสังหารตระกูลจูน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด