บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 128 โม่อู๋เยว่ ข้ารักเจ้าจริงๆ

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 128 โม่อู๋เยว่ ข้ารักเจ้าจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 128 โม่อู๋เยว่ ข้ารักเจ้าจริงๆ

จูนจิ่วมองไปที่หงอิงอีกครั้ง หงอิงไม่ได้หมดสติ นางเห็นทุกอย่างมาตลอด และกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะร้อง นางฟุบอยู่บนพื้น ร่างกายแข็งทื่อราวกับศพ เมื่อเห็นจูนจิ่วเดินเข้ามา ดวงตานางก็เบิกโพลง

จูนจิ่วกล่าว " ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก นี่คือพลุขอความช่วยเหลือจากสำนักเทียนโจ้ง หลังจากที่พวกข้าไปแล้ว เจ้าก็สามารถดึงพลุเพื่อขอความช่วยเหลือได้ เข้าใจไหม?"

หงอิงพูดอะไรไม่ออก นางจ้องมองจูนจิ่วด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่ากลัวจนวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว

จูนจิ่วยิ้ม และวางดอกไม้ไฟไว้ข้างหน้านาง จูนจิ่วหันกลับไปทางหยูนเฉียวพลางโบกมือ " ไปเถอะ! "

" ศิษย์พี่จิ่วเหตุใดจึงได้นำพลุขอความช่วยเหลือให้พวกมันเล่า? "

" ใช่แล้วแม่นางจูน พวกข้าก็ไม่เข้าใจ "หยูนเฉียวและกู่ซงก้าวขาสั้นๆ อีกทั้งยังเดินบิดเบี้ยว จึงทำให้พวกเขาเดินอย่างเร็วๆไม่ได้

จูนจิ่วเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มพลางมองพวกเขาทั้งสองคนและเอ่ยอย่างนิ่งๆ " เสด็จปู่ต้องการให้เฟิ่งเทียนฉี่และจูนหยูนเสวี่ยแต่งงานกัน ข้าจะทำให้จูนหยูนเสวี่ยเป็นหม้ายได้อย่างไรกันล่ะ?จูนหยูนเสวี่ยและตระกูลจูนส่งกลุ่มหมาป่าละโมบมาฆ่าข้า งั้นข้าก็จะมอบของขวัญคืนให้แก่พวกมันเช่นกัน "

“ตระกูลจูนสมควรได้รับมัน!”กู่ซงเอ่ย

หยูนเฉียวหยักหน้าเห็นด้วย เขาและหยูนจ้งจิ่นเคยพูดคุยกันไว้ว่า หลังฉลองวันเกิด หากตระกูลจูนอยู่อย่างสงบ ไม่คิดแผนการชั่วร้ายอะไรอีก ตระกูลจูนก็ยังคงจะสามารถยืนหยัดและมั่นคงในแคว้นเทียนโจ้ง ยังคงเป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ต่อไปได้

แต่ตระกูลจูนแกว่งเท้าหาเสี้ยน รนหาที่ตาย!มายั่วยุจูนจิ่ว อีกทั้งยังส่งมือสังหารมาฆ่าจูนจิ่วอีก หยูนเฉียวเห็นทีว่าความพินาศของตระกูลจูนจะอยู่ไม่ไกล เขายังไม่รู้ว่าจูนจิ่วได้พูดออกไปแล้วว่า ออกจากเขาปู้หว่งเมื่อไหร่นางจะไปฆ่าล้างตระกูลจูน

สำหรับการแต่งงานของจูนหยูนเสวี่ยและเฟิ่งเทียนฉี่ แน่นอนว่ายังต้องดำเนินต่อไป!

นางไม่ฆ่าเฟิ่งเทียนฉี่ นางแค่ลงโทษเขา จูนหยูนเสวี่ยก็เกลียดเฟิ่งเทียนฉี่จนเกือบจะแตกหักกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?ต่อไปเป็นหม้ายสาว ไม่ต้องติดต่อหรือใกล้ชิดใคร บางทีนางอาจจะต้องขอบคุณจูนจิ่วสำหรับเรื่องที่จูนจิ่วทำในวันนี้

หญิงโฉดชายชั่ว ให้พวกมันเข่นฆ่ากันเอง แต่อย่าให้มันไปสร้างความหายนะให้กับใคร!

จูนเสี่ยวเหล่ยถามต่อ " ศิษย์พี่จิ่ว แต่เฟิ่งเทียนฉี่เป็นรัชทายาท ปล่อยมันไปไม่กลัวมันปากโป้งรึ ?"

" พวกมันกลัวจนขี้ขลาดตาขาว มันไม่กล้าหรอก "

" แต่ถ้าหากพวกมันกล้าทำขึ้นมาล่ะ? "

ฟังจูนเสี่ยวเหล่ยถามต่อไม่หยุด จูนจิ่วจึงหันหลังกลับไปจ้องมองนาง นางยืดตัวสูงตรงหลังจากจูนเสี่ยวเหล่ยได้ซักถามไปหลายครั้ง ดังนั้นแม้ว่าอายุของนางจะห่างกับจูนเสี่ยวเหล่ยไม่เท่าไร แต่ก็ถือได้ว่านางสูงกว่าจูนเสี่ยวเหล่ยอยู่มาก

จูนจิ่วแตะหัวของจูนเสี่ยวเหล่ย และก้มตัวลงไปมองนางพลางยิ้มและกล่าว " ในแคว้นเทียนโจ้งมีใครหน้าไหนกล้าช่วยเฟิ่งเทียนฉี่แก้แค้นกัน ?ฮ่องเต้หรือ ?เกรงว่าหลังจากที่เสด็จปู่รู้ว่าเฟิ่งเทียนฉี่ได้ทำอะไรลงไป จะพาลเตะฮ่องเต้ และกลับมาดูแลแคว้นเทียนโจ้งใหม่ด้วยตัวเองน่ะสิ "

บุตรชายผู้นี้ คือผู้ที่ฮ่องเต้สั่งสอนมาเองกับมือ คิดแผนการสกปรกชั่วช้าเช่นนี้ขึ้นมาได้ ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับสนับสนุนและการคอยผสมโรงจากฮ่องเต้

ฮ่องเต้ไม่กล้ารบกวนนาง นอกจากนี้นางยังให้โอกาสฮ่องเต้ได้มีบุตรชายคนใหม่ ฮ่องเต้ควรจะขอบใจนางด้วยซ้ำ เฟิ่งเทียนฉี่นั้นไร้ค่าแล้ว จะให้กำเนิดบุตรใหม่อีกซักคน จะเลือกแบบใดก็ได้ ขอแค่ไม่โง่เขลา และฉลาดพอที่จะเลือกเป็นพอ

หลังจากที่พวกเขาเดินไปได้ไกลแล้ว ดอกไม้ไฟขอความช่วยเหลือก็ระเบิดขึ้นบนฟ้า

เขาปู้หว่งยิ่งลึก ยิ่งมีสัตว์ทิพย์มากยิ่งขึ้น!

หยูนเฉียวและจูนหยูนเสวี่ยล้วนยุ่งอยู่ในทุกวัน จูนจิ่วจึงตั้งกฎให้พวกเขาทั้งสอง ในทุกๆวันจะต้องต่อสู้กับสัตว์ทิพย์อย่างน้อยสิบตัว ไม่จำกัดระดับขั้นของสัตว์ทิพย์ และไม่ได้บังคับว่าจะต้องฆ่ามันให้ตาย สิ่งสำคัญคือการฝึกฝนทักษะและสั่งสมประสบการณ์

กู่ซงถูกมอบหมายให้ไปเฝ้าดูพวกเขาทั้งสอง ป้องกันการเจอสัตว์ทิพย์ที่แข็งแกร่งเกิน และทั้งสองไม่สามารถรับมือไหว ทางด้านจูนจิ่วได้นำเจ้าเสี่ยวอู่มาฝึกฝนวิชาควบคุมสัตว์และวิชานกฟีนิกส์แดง

เสี่ยวอู่ปีนขึ้นไปอยู่บนก้อนหิน จูนจิ่วจ้องมองมัน มันจึงรีบบิดตัวนั่งสมาธิเหมือนอย่างคน แต่ไม่นานเจ้าแมวก็เริ่มขี้เกียจ และวิ่งไล่งับหางของมันเองเป็นวงกลม

จูนจิ่วเห็นดังนั้น ก็ลูบคางของตัวเองพลางนึกสงสัยในชิวิตมมนุษย์ " เฮ้อ เสี่ยวอู่จะฝึกวิชาควบคุมสัตว์ได้จริงๆหรือ? "

" แน่นอน ข้าไม่หลอกเจ้าหรอก " เสียงทุ้มต่ำเร่าร้อนของโม่อู๋เยว่ที่อยู่ไม่ไกลดังขึ้นจากข้างหลัง ลมหายใจอุ่นๆมีเลศนัยพ่นลงบนใบหูของจูนจิ่ว ลมหายใจพาดผ่านลำคอ กระทบลงบนผิวบอบบาง

ได้ยินเสียงของโม่อู๋เยว่ เสี่ยวอู่จึงหยุดวิ่งไล่หางตัวเองทันที มันหันกลับไปมองใครบางคนที่อยู่ใกล้ๆกับจูนจิ่วพร้อมแยกเขี้ยวยิงฟันใส่

จูนจิ่วจับลำคอส่วนที่บอบบาง และปิดหูเอาไว้ นางขยับออกห่างเล็กน้อย " เจ้ามาได้อย่างไร? "

" งานที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มอบหมายให้ข้าไปทำ ข้าได้ทำมันเสร็จแล้ว นี่คือแผนที่พร้อมเครื่องหมายที่ถูกทำไว้จนครบแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากจะไปเก็บส่วนผสมยาตอนไหนก็ย่อมได้ ข้าได้เอาสิ่งของกำบังไว้แล้ว นอกจากเจ้าและข้า ก็ไม่มีผู้ใดสามารถหามันเจอ"

ดังนั้น สมุนไพรทั้งหลายที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ในแผนที่ล้วนเป็นของจูนจิ่ว!

เปิดแผนที่ดูจุดที่ถูกวงไว้ด้วยวงกลมสีแดง จูนจิ่วสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ สำหรับนักกลั่นยาแล้ว สิ่งนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กสาวที่ได้รับดอกกุหลาบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกเลย แววตาของจูนจิ่วเป็นประกาย " โม่อู๋เยว่ ข้ารักเจ้าจริงๆ! "

หืม?

เมื่อได้ยินคำสารภาพรักจากจูนจิ่ว โม่อู๋เยว่ก็ยิ้มเล็กน้อย เขามองจูนจิ่วหันหลังกลับไป พลางเอามือลูบคอ ริมฝีปากจูบลงบนหน้าเขาหนึ่งครั้ง " ทำดีมาก !"

โม่อู๋เยว่ไม่ทันรอให้ได้สติ เขาดึงนางเข้ามาจูบอย่างดุเดือด และบอกนางว่าควรจะจูบให้ถูกที่ จูนจิ่วลุกขึ้นและพับแผนที่ด้วยความระมัดระวัง ส่วนผสมยาเยอะขนาดนี้ สามารถเติมเต็มที่ว่างในกำไลมือนางได้เป็นกองๆ

ยิ่งไปกว่านั้นส่วนผสมยาในโลกใบนี้ ก็ดีกว่าในยุคก่อนๆหลายเท่านัก จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้น ดีใจเหมือนมังกรที่เพิ่งจะได้ขุมทรัพย์ขนาดใหญ่

เมื่อเห็นเช่นนั้น โม่อู๋เยว่ก็ยิ้มและหรี่ตาลง ที่แท้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ชอบส่วนผสมยามากอย่างนั้นหรือ?

ที่ที่เขาจากมา เขาได้ให้ยินหันเก็บส่วนผสมยาที่มีค่าไว้มากมาย แต่น่าเสียดายที่พลังของยาเหล่านั้นแข็งแกร่งเกินไป นำมันกลับมาอาจทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ โม่อู๋เยว่จึงทำได้เพียงให้ยินหันดูแลเอาไว้ก่อน ให้เขาพาจูนจิ่วไปถึงที่นั่นก่อนจึงจะค่อยเก็บเอาไป

เขาลูบใบหน้าในส่วนที่ถูกจูบด้วยปลายนิ้ว สีหน้าอันชั่วร้ายวาบขึ้นในดวงตาของเขา หากเพียงเท่านี้ก็ได้จูบจากเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เขาจึงคิดว่าเขารู้วิธีการที่จะได้จูบแล้วล่ะ สายตาพลันหันไปมองทางเสี่ยวอู่ที่ยังคงแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เขา โม่อู๋เยว่ยกมุมปากขึ้น

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์~~”เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าร้องเรียกชื่อนาง

น้ำเสียงเร่าร้อนนั้น ยากที่จะหาคำมาบรรยาย มันช่างร้อนแรงนัก!แต่ละคำช่างยั่วเย้าและสะเทือนอารมณ์ ยากที่จะทำใจให้สงบได้

จูนจิ่วหันกลับไปมองโม่อู๋เยว่ พยายามไม่ให้ตัวเองดูหลงไปกับการยั่วเย้าของเขา นางพูดอย่างเฉยเมย " มีอะไร? "

" แมวเจ้าขี้เกียจแล้ว "

" เสี่ยวอู่?เจ้าว่าวิชานกฟีนิกส์แดงและวิชาควบคุมสัตว์จะมีประโยชน์กับเสี่ยวอู่ แต่ข้าเห็นมันไม่ยอมเรียนเลยสักนิด จะทำอย่างไรดี? "

โม่อู๋เยว่ยิ้มลึกที่มุมปาก สายตามืดหม่นหมองไร้แวว " ถ้าแมวมันไม่เชื่อฟัง ก็ลองตีมันดูสักครั้ง "

“เหมียว!” เจ้ากล้าสั่งให้นายท่านตีข้าหรือ!

จูนจิ่วหน้านิ่ง แมวของนางไม่สมควรโดนใครรังแก เมื่อจะเอ่ยปากพูด ก็ได้ยินคำพูดเสียดแทงจากโม่อู๋เยว่ " แต่นี่เป็นแมวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ตีไม่ได้หรอก เจ้ามอบมันให้กับข้า ใช้เวลาเพียงคืนเดียวมันก็จะสามารถเรียนการถ่ายทอดวิชานกฟีนิกส์แดงได้แล้ว " " จริงหรือไม่? "

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด