บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 182 คนที่ฆ่าเจ้าคือข้าเองถูหยุน

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 182 คนที่ฆ่าเจ้าคือข้าเองถูหยุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 182 คนที่ฆ่าเจ้าคือข้าเองถูหยุน

“ข้าให้เจ้าฆ่าเฟิ่งเทียนฉีและจูนจิ่ว!คนแรกคือความอัปยศของข้า เพียงเขามีชีวิตอยู่หนึ่งวันก็เท่ากับทำลายชื่อข้าไปอีกหนึ่งวัน ข้าถูกกำหนดไว้ ถูกบังคับให้แต่งกับเขา การแต่งงานนี้ไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น รวมถึงเรื่องที่ตระกูลจุนถูกล้างย่อยยับ รวมถึงที่ข้าถูกทำร้าย ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของนางแพศยาจูนจิ่วทั้งสิ้น ข้าสั่งให้เจ้าฆ่านาง!”

จูนหยูนเสวี่ยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเคียดแค้น ตาเบิกโพลงสีแดงเพลิงจดจ้อง นางเอ่ย “จะต้องทรมานให้จูนจิ่วและเฟิ่งเทียนฉีตายอย่างทุกข์ทรมาน!ในเมื่อเจ้ายอมทำให้ข้าทุกอย่าง อย่างนั้นก็ต้องฆ่าพวกมันเป็นอันดับแรก!เจ้าจะทำได้ไหม?”

“วางใจเถิด ถูหยุนจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวัง” ถูหยุนตอบคำจูนหยูนเสวี่ย แล้วรีบเคลื่อนตัวจากไป

แล้วนางก็รู้สึกว่าการฆ่าเฟิ่งเทียนฉีนั้นง่ายดายนัก เพียงใช้พลังจิตของนางฆ่าเฟิ่งเทียนฉีก็ไม่มีใครพบตัวนางได้ เพียงแต่จูนจิ่ว ถูหยุนกลับหาไม่พบ เมื่อใช้ฌานสำรวจหากนางไม่อยู่ที่จวนตระกูลหยูนก็ต้องอยู่ที่สำนักเทียนโจ้ง สถานที่แรกให้ความรู้สึกอันตราย จะต้องมีผู้มีกำลังเข้มแข็งอยู่ในจวนเป็นแน่ ที่ที่สองมีเฟิ่งเซียวประจำอยู่ ก็นับว่ารับมือยากนัก

เมื่อรวมถึงที่จูนหยูนเสวี่ยบอกไว้ จะให้เหอซ่านรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นถูหยุนทำได้เพียงรอโอกาสในความมืดอยากอดทน เมื่อรู้ว่าจูนจิ่วจะเข้าวังตรวจชีพจรให้ฮองเฮา ถูหยุนก็รู้ทันทีว่าโอกาสมาถึงแล้ว!

นางฆ่าเฟิ่งเทียนฉีอย่างเหี้ยมโหด ข่าวใหญ่ขนาดนี้แพร่ออกไป จูนจิ่วต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอน

ถูหยุนคาดการณ์ได้ถูกต้อง จูนจิ่วปรากฏตัวขึ้นแล้ว!

“เป็นเจ้าฆ่าเฟิ่งเทียนฉี?” เสียงของจูนจิ่วลอยมา นางถูกพบตัวแล้ว?ถูหยุนประหลาดใจอยู่บ้าง นางก้าวออกมาจากมุมมืด สายตาเยียบเย็นปราดประเมินจูนจิ่ว เด็กคนนี้เองนะหรือที่ทำลายตระกูลจุนทั้งตระกูล?ยังทำร้ายนายท่านอีก?

เมื่อปราดแรกที่เห็นจูนจิ่ว ถูหยุนยังมีความหวั่นเกรงอยู่บ้าง ท่าทางเช่นนี้ … ความคิดในใจแวบขึ้น แต่ก็พลันหายไป จูจจิ่วเองก็เป็นคนตระกูลจูน ลักษณะก็ต้องมีความคล้ายคลึงอยู่บ้าง และยิ่งเพราะนางเป็นคนตระกูลจูน ยังกล้าทำลายตระกูลจูนให้วอดวาย นังอสรพิษเช่นนี้ ความผิดมากมายเกินนับ!

ตระกูลจูนเลี้ยงดูนางขึ้นมา นางยังมีจิตใจเหี้ยมโหดฆ่าล้างตระกูลตัวเอง หากไม่ใช่เพราะคุณหนูโชคดีหนีออกมาได้ทัน ไม่แน่ว่าอาจจะตกอยู่ในเงื้อมมือนางเช่นกัน เมื่อคิดได้ดังนี้ ความอาฆาตในใจพุ่งขึ้น นิ้วมืองุ้มเข้ากำหมัดแน่น

พวกเขากองทัพเย่สิง จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณหนูเป็นอันขาด!

ข้างๆ ศพของเฟิ่งเทียนฉียังมีกองทัพอวี้หลินากวังหลวง เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของจูนจิ่ว รีบชักมีดเล็งไปยังถูหยูน เอ่ยถามเสียงเยียบเย็น “เจ้าเป็นใคร!มาอยู่ในจวนอ๋องฉีได้กระไร?”

“ข้าเป็นใคร?พวกเจ้าไม่คู่ควรจะรับรู้ ไสหัวออกไปให้หมด!” ถูหยุนระเบิดเสียงขึ้น

เพียงนางสะบัดชายเสื้อ พลังรุนแรงทะลักทะลวงพุ่งตรงไปยังกองทัพอวี้หลิน ที่แห่งนั้นพลันว่างโล่งขึ้น หลงเหลือเพียงจูนจิ่วและศพเฟิ่งเทียนฉีที่กองอยู่ที่พื้น กรงเล็บอุ้งเท้าเสี่ยวอู่โผล่พรวดออกมา แววตาของมันเหยียดเป็นเส้นตรง “นายท่าน หญิงชราคนนี้แข็งแกร่งนัก รับมือนางได้ไหม?”

“นางแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าเหล่าหมาป่าละโมบ น่าจะขั้นเดียวกับเสด็จปู่เลยทีเดียว” เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ราบเรียบของจูนจิ่วแล้ว เสี่ยวอู่เบิกตาโพลง อย่างนั้นก็สู้ไม่ได้แน่นอน!รับมือไม่ได้ยังไม่รีบหนีอีก?

หนี?

สายตาจูนจิ่วหมองลง หญิงชราผู้นี้ปิดช่องหนีรอบตัวนางไว้หมดแล้ว คิดจะหนีก็หนีไม่ได้แล้ว

ถูหยูนเอ่ยปาก “เจ้าคือจูนจิ่ว เพราะเจ้าฆ่าล้างตระกูลจูน ยังทำร้ายคุณหนูอีก!”

“คุณหนู?เจ้าหมายถึงใคร?” สายตาจูนจิ่ววาววับ ถามกลับถูหยูนทันที

ถูหยูนก็ไม่คิดปิดบัง นางจ้องจูนจิ่วแน่นิ่ง สายตาราวกับจดจ้องคนตาย ถูหยูนหัวเราะเยียบเย็น เอ่ยตอบจูนจิ่วด้วยสายตาของผู้ที่อยู่สูงกว่าจดจ้องมองเบื้องล่าง “เห็นแก่เจ้าที่ใกล้ตายเต็มที ข้าจะบอกแก่เจ้าก็ไม่เป็นกระไร คุณหนูตระกูลข้ามีเพียงจูนหยูนเสวี่ยเท่านั้น!”

จูนจิ่ว “จูนหยูนเสวี่ย?อย่างนั้นเจ้าก็เป็นคนตระกูลจูน?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่!ข้ายังคงเป็นหนึ่งในผู้นำกองทัพเย่สิงถูหยูน จูนจิ่ว เมื่อเจ้าไปถึงขุมนรกอย่าลืมเอ่ยบอกยมบาล ผู้ที่ฆ่าเจ้าคือข้าถูหยุน!” สิ้นเสียงพูด ปลายนิ้วทั้งห้าของถูหยุนแปรเป็นกรงเล็บพุ่งตรงมายังจูนจิ่ว

พลังยังไม่ถูกตัว แต่แรงกระทบพุ่งตัวมากดดันจนสัมผัสได้

จูนจิ่วแตะเท้าทะยานขึ้น ทั้งตัวผละขึ้นยืนบนต้นไม้ใหญ่ ถูหยุนรีบทะยานตัวไป ฝ่ามือตบไปยังกิ่งไม้ใหญ่หักสะบั้น แรงกำลังสั่นสะเทือนทั่วต้นไม้ใหญ่ จูนจิ่วหลบลี้กายหลบหลีกรวดเร็ว ถูหยุนติดตามไม่ลดละ

จูนจิ่วนำเสี่ยวอู่ไว้บนต้นไม้ มันคิดจะรีบพุ่งตัวลงไปช่วย เบื้องหลังพลันปรากฏมือหนึ่งยื่นมาคว้าลำคอเสี่ยวอู่ดึงขึ้นไป

“เมี้ยว เมี้ยว!”

“ชู่ว ข้าเอง” เสี่ยวอู่หันหน้าไปมอง เห็นสายตาเหลิ่งยวนจดจ้องมายังตน

เสี่ยวอู่สีหน้าเย็นชา พุ่งตัวไปออกไป กรงเล็บคมปราดไปบนใบหน้าเหลิ่งยวนทิ้งรอยข่วนสามรอยไว้บนใบหน้า เสี่ยวอู่ตะคอกเสียงดัง “เมี้ยวเมี้ยวเมี้ยว!ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ จะช้าอยู่ทำไม!ยังไม่รีบไปช่วยนายท่าน!”

เหลิ่งยวนเข้าใจเพียงสามคำแรกเท่านั้น ประโยคแรกก็ฟังไม่เข้าใจแล้ว เขาถอนหายใจ ท่าทีดุดัน “เจ้าทำร้ายข้าอีกแล้ว ข้ารู้เจ้าเป็นห่วงแม่นางจูน แต่ข้าเรียกนายท่านมาแล้ว ดูสิ นายท่านมาถึงแล้ว!มีนายท่านอยู่ เจ้าเสือขาวอย่างเจ้าจะกลัวอะไร?”

เสี่ยวอู่ได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าไปมอง พลันเห็นโม่อู๋เยว่ยืนอยู่บนยอดไม้ ก้มลงมองลงมา จดจ้องมองไปยังสำนัก ทำไมโม่อู๋เยว่จึงยังไม่ลงมือ?

เพล้ง!

เสียงดาบกระทบกัน เสี่ยวอู่รีบแปรสายตาจดจ้องมองไป

เพียงเห็นจูนจิ่วและถูหยูนประดาบกัน ป๋ายเย่พุ่งดาบคมไปกลางฝ่ามือถูหยูน แต่แม้แต่ผิวหนังชั้นเดียวก็ไม่อาจทะลุผ่านไปได้ นิ้วมือทั้งห้าของถูหยูนกำเอาไว้ กุมปลายกระบี่ของป๋ายเย่เอาไว้ สายตาเยียบเย็นพร้อมเพลิงโกรธปะทุจับจ้องไปยังจูนจิ่ว “เจ้าเด็กน้อย ยังนับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง แต่น่าเสียดายในสายตาข้าถูหยูน กลับไม่อยู่ในสายตาข้าเลย?”

“จริงหรือ?” จูนจิ่วหัวเราะเยียบเย็น

นางพลันทิ้งป๋ายเย่ หมุนตัวกลับ เพียงชั่วความเร็วแสง เงาเพียงวูบเดียวผ่าน ถูหยูนคาดไม่ถึงว่าจูนจิ่วจะกล้าโต้กลับ ไม่ทันได้ป้องกันถูกกรีดข้อมือเข้าเต็มๆ ความรู้สึกเจ็บปวดประดังเข้ามา นางร้องด้วยความเจ็บปวดพลันปล่อยมือจากป๋ายเย่

เมื่อเห็นบาดแผลเลือดไหลตรงข้อมือ ถูหยูนระเบิดโทสะ “นังเศษสวะกล้าทำร้ายข้า!หาที่ตายหรือไง!”

สายตาเบิกโพลง ถูหยูนตะปบมือไปยังจูนจิ่ว ฝ่ามือนี้รวบรวมพลังเอาชีวิตนักจิตชั้นเจ็ดได้เลยทีเดียว คลื่นพลังรุนแรงพรั่งพรู แรงอาฆาตเอาชีวิตพุ่งเข้ามา ทำให้จูนจิ่วนิ่งงันอยู่กับความรู้สึกจมลึกกับเสียงเตือนที่ระเบิดขึ้น นางหันตัวกลับพลางจับป๋ายเย่ไว้ ชูมือสะบัดกระบี่พุ่งออกไป

ตู้ม!

เมื่อสองพลังปะทะกัน คลื่นพลังรุนแรง ม้วนตัวพุ่งออกไปรอบสี่ทิศ

พลังจิตชั้นเจ็ดทำลายพลังกระบี่จูนจิ่วสิ้นไป ก่อนที่พลังทำลายล้างอันน่าเกรงกลัวจะมาถึงตัว มีชายเสื้อบังอยู่ด้านหน้านาง ชั่วขณะนั้น พลังทั้งหมดต่างสูญสลายไป พัดผ่านไม่พ้น เป็นเพียงลมเบาๆ พัดไปเท่านั้น พัดผ่านเส้นผมทัดหูของนางไป

ในชั่วขณะน่าตื่นตะลึงนั้น จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้น เมื่อหันหน้าไปก็พบกับโม่อู๋เยว่เข้าจริงๆ มาได้ทันเวลาพอดี!

“เจ้าเป็นใคร!” ถูหยูนเห็นพลังโจมตีของนางหายไปกับตา ชั่วขณะที่เสียงเตือนดังขึ้น เตรียมตัวด้วยความประหวั่นจดจ้องไปยังโม่อู๋เยว่

สายตาโม่อู๋เยว่ ดุดันเดือดดาล “หนวกหูเสียจริง ลองใกล้ตายก่อนค่อยว่ากัน”

นิ้วมือของเขาเพียงกระตุกเล็กน้อย ถูหยุนพลันถูกนิ้วมือที่มองไม่เห็นบีบและลอยขึ้นบนอากาศ ในเวลานี้ มีมือหนึ่งจับไปยังฝ่ามือของโม่อู๋เยว่ น้ำเสียงดุดันราบเรียบ “ช้าก่อน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด