บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 209 นี่มันวิธีการประหลาดอะไร?

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 209 นี่มันวิธีการประหลาดอะไร? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 209 นี่มันวิธีการประหลาดอะไร?

รับจูนหยูนเสวี่ยเป็นศิษย์สายหลักโดยตรง? อู๋ซานที่มีตำแหน่งสูงศักดิ์ที่สุดในบรรดาศิษย์อู๋อจง ตอนนี้กลับต้องถูกโยนลงไปที่พื้น แค่พริบตาเดียว ความแตกต่างราวฟ้ากับดิน แม้แต่อู๋ซานเองก็ตกตะลึงตาค้าง

สีหน้าที่พวกเขามองโจ่ฉี เหมือนกำลังมองดูคนบ้า

ไม่รอให้โจ่ฉีตอบกลับมา จูนหยูนเสวี่ยลุกขึ้นยืนพร้อมถลึงตาใส่ทุกคนอย่างนึกดูถูก แล้วพูดว่า “ทำไม? พวกเจ้าอิจฉาล่ะสิ ข้ามีพรสวรรค์ที่เลิศล้ำ เจ้าสำนักเจี้ยนจงยอมรับข้าเป็นศิษย์สายหลัก นั่นเป็นเพราะว่าเขาตาถึง พวกเจ้ามองดวงตาของปลาเป็นไข่มุกนั่นแหละที่เขาเรียกว่าโง่และน่าตลกสิ้นดี”

ดวงตาของปลาหมายถึงใคร มองดูสายตาของจูนหยูนเสวี่ยที่ถลึงตาใส่จูนจิ่วก็พอจะรู้ได้แล้ว ก่อนที่ลูกศิษย์ทุกท่านจะมาถึง จูนหยูนเสวี่ยพอจะได้ยินทุกคนนินทาพูดเรื่องของจูนจิ่ว ในคำพูดเต็มไปด้วยการชื่นชม และโกรธแค้นอยู่ในใจ ตอนนี้จูนหยูนเสวี่ยจี้ให้มันถลักออกมาโดยตรง

“บังอาจ” เมิ่งจื้อหยวน โกรธจนตบโต๊ะ “ต่อให้เจ้าจะเป็นศิษย์สายหลักของของเจ้าสำนักเจี้ยนจง

แล้วจะทำไม? กล้าวางอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าเจ้าสำนักอย่างข้า เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก”

“รองเจ้าสำนักโจ่ เจี้นจงจะรับนางไว้จริงหรือ? โอ้อวดบาตรใหญ่ถึงขั้นนี้ จะดำรงเป็นเจ้าสำนักเจี้ยนจงในอนาคตได้อย่างไร?” ท่านชิงโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด

สำนักหุ้นหยวน ท่านถูฉีที่ลืมตามองจูนหยูนเสวี่ยและโจ่ฉีทีหนึ่ง เขาไม่ได้เอ่ยปากพูด

คำพูดเดียวของจูนหยูนเสวี่ย ทำให้ทุกคนโกรธมาก

พวกเขาเป็นถึงคนที่สูงส่งที่สุดในอู๋อจง ในมือกุมอำนาจอู๋อจงเอาไว้ จูนหยูนเสวี่ยเพิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเจี้ยนจงก็กล้าวางอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าพวกเขา ความไม่พอใจนี้ใครจะไปทนไหว?

โจ่ฉีสีหน้ากระตุก เขาใช้หางตามองไปที่จูนจิ่วทีหนึ่ง จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่ไว้ในอ้อมกอด เงียบเหมือนภาพวาดม้วน ที่ตีตัวออกห่างไม่สนใจข้อโต้แย้งที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อนึกถึงคำพูดที่จูนจิ่วพูดเมื่อคืน โจ่ฉีกัดฟันแน่น

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ “ขอประทานอภัยจากทุกท่านด้วย จูนหยูนเสวี่ยอายุน้อยไร้เดียงสา เลี่ยงไม่ได้ที่จะชอบพูดจาตรงและเร็วไปบ้าง ทุกท่านคงไม่ถือสาเด็กน้อยคนหนึ่งหรอกนะ?”

“รองเจ้าสำนักโจ่พูดถูก ผู้ที่มีพรสวรรค์มักจะมีความโอ้อวด ในเมื่อเจ้าสำนักเจี้ยนจงโปรดปรานถึงปานนี้ เจ้าและข้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จะไปกลั่นแกล้งผู้น้อยทำไมกัน” เหอซ่านดูนิ่งสงบกว่าโจ่ฉีมาก เขาเปิดปากพูด โดยเน้นย้ำคำว่าโปรดปรานสองคำนี้

จนบางที สีหน้าที่เมิ่งจื้อหยวนพวกเขามองมาทางโจ่ฉีกับเหอซ่าน เหมือนสงสัยว่าพวกเขาโดนเล่นคุณไสยหรือเปล่า

หนึ่งคนเป็นถึงรองเจ้าสำนักเจี้ยนจง อีกคนเป็นถึงผู้อาวุโสเทียนอู่จงที่กุมอำนาจทั้งหมดไว้ กลับยกยอปอปั้นและปกป้องจูนหยูนเสวี่ยอย่างไม่สนใจอะไร หากไม่ใช่โดนเล่นคุณไสยใส่? หรือว่าจูนหยูนเสวี่ยจะเก่งกาจมากจริงๆ ฉะนั้นจึงถูกเลือกปฏิบัติเป็นพิเศษ?

ภายในวิหารใหญ่เงียบสงบไปทันที เสียงผู้ชายหัวเราะฮ่าๆดังขึ้นมา ดึงดูดสายตาของทุกคนให้มองไป เห็นผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงหัวมุม ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า เสื้อผ้ายุ่งเหยิง เขาไม่สนใจสายตาของผู้คนเลยสักนิด ใช้มือจับเก้าอี้แล้วลุกขึ้นมา

เมื่อเงยหน้ามองไป มุมปากของชายผู้นั้นยกสูงขึ้น พร้อมหัวเราะเสียงดัง “เป็นดวงตาของปลาหรือไข่มุก ค่อยดูไว้ให้ดีก็แล้วกัน หากเจี้ยนจงชื่นชอบขนาดนั้นก็เอาไปเลย แล้วก็จูนจิ่วยังไม่ได้เข้าร่วมจงเหมินไหนใช่ไหม? คนล่ะ นางอยู่ที่ใด?”

ชายคนนั้นเดินเดินโซซัดโซเซ ยืนหมุนอยู่ที่เดิม จากนั้นนิ้วมือที่เกี่ยวกาเหล้าไว้หยุดชะงัก สายตาตกไปที่จูนจิ่ว “หาเจ้าเจอแล้ว”

พอเห็นชายคนนั้น พวกเมิ่งจื้อหยวนที่ตอนแรกยังตกตะลึงกับการกระทำของโจ่ฉีและเหอซ่าน และไม่พอใจต่อจูนหยูนเสวี่ย แต่ทันใดนั้นแปรเปลี่ยนเป็นการหมดคำพูด มุมปากสั่นกระตุก มองชายคนนั้นด้วยสายตารังเกลียด ลูกศิษย์ทุกคนไม่รู้จักเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังถอยหลบห่างออกไป

เมื่อเห็นจูนจิ่วยังยืนอยู่ที่เดิม และอุ้มเสี่ยวอู่ไว้ตามลำพัง ชายคนนั้นที่มีกลิ่นเหล้าเหม็นหื่น เสื้อผ้ายุ่งเหยิง เดินไปหานาง มองดูยังไงก็ไม่ชอบมาพากล หยูนเฉียวขมวดคิ้วแน่น กำลังจะก้าวเดินไป กู่ซงรีบห้ามปรามไว้ “อย่าไป”

“กู่ซง นี่เจ้า”

“นั่นมันชิงหยู่เจ้าสำนักเทียนอู่จง” เมื่อได้ยินคำอธิบายของกู่ซง หยูนเฉียวตะลึงตาค้าง ชายขี้เหล้าที่ไม่เอาไหนคนนี้ กลับเป็นถึงเจ้าสำนักเทียนอู่จงเชียวหรือ?

หยูนเฉียวไม่ได้เดินไป ทว่าจูนเสี่ยวเหล่ยไม่มีคนขวางกั้นเอาไว้ นางเดินไปขวางอยู่ตรงหน้าจูนจิ่วพร้อมถลึงตาใส่ชิงหยู่ “เจ้าจะทำอะไร”

“ไปยืนที่อื่นไป ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน เด็กน้อยอย่าพูดแทรก” ชิงหยู่ใช้มือข้างหนึ่งจับศีรษะของจูนเสี่ยวเหล่ยไว้ แล้วผลักนางไปอีกฝั่งหนึ่งโดยตรง ชิงหยู่ก้มหน้าฉีกยิ้มกว้างให้กับจูนจิ่ว กลิ่นเหล้าเหม็นหื่นที่ส่งกลิ่นลอยผ่านมา ทำเอาจูนจิ่วขมวดคิ้วแน่น

“เหมียว” เสี่ยวอู่ได้กลิ่นจนทนไม่ไหว ยกกรงเล็บตวัดไปทางชิงหยู่

เสียงเล็บข่วน

ตรงอกของชิงหยู่ปรากฏรอยเล็บข่วนสามเส้นอย่างชัดเจน เขากระพริบตาถี่ๆ “แมวของเจ้าช่างดุร้ายนัก เป็นจริงตามนั้นสัตว์เลี้ยงเหมือนเจ้านายมันไม่ผิด แต่เจ้าดุยิ่งกว่า พวกเขาล้วนเรียกเจ้าว่าตัวซวย และไม่ยอมรับเจ้าเข้าจงเหมินแหละ”

เฮือก ทุกคนใจหายใจคว่ำ ต่อด้วยสายตานับไม่ถ้วนมองมาทางจูนจิ่วด้วยความดีอกดีใจที่เห็นนางเกิดความโชคร้าย เก่งกาจแล้วยังไง? พอผ่านด่านแล้วแม้แต่อู๋อจงยังไม่ยอมรับเจ้าเอาไว้ ช่างน่าเวทนาจริง ฮ่าๆๆๆ

ไม่รับจูนจิ่วเป็นศิษย์? หยูนเฉียว จูนเสี่ยวเหล่ยและกู่ซงสีหน้าเปลี่ยนไป เหยียนไห่และกูซูหยิงมองสบตาเข้าหากัน ตกตะลึงเช่นกัน ไม่รับจูนจิ่วเป็นศิษย์ แล้วจูนจิ่วจะทำอย่างไร?

จูนหยูนเสวี่ยหัวเราะเสียงดังด้วยความอกดีใจที่เห็นนางเกิดความโชคร้าย “คนบางคนมักจะชอบคิดว่าตัวเองเก่งกาจแล้วจะทำอะไรตามใจก็ได้ คิดว่าตัวเองเป็นอะไร? หากยังพอรู้จักประมาณตน และยังเห็นแก่หน้าตัวเองอยู่บ้าง ก็รีบไสหัวออกไป อย่ามาขายหน้าที่นี่ ต่อให้เจ้าจะร้องไห้ก็ไม่มีประโยชน์ ”

โจ่ฉีกับเหอซ่านที่ได้ยินเช่นนั้น ความคิดที่อยากจะบีบคอจูนหยูนเสวี่ยให้ตายบังเกิดขึ้นแล้ว

“เจ้าสำนัก” เหอซ่านขมวดคิ้วแน่นอยากจะพูดจนอดใจไม่ไหว เขาอยากพูดอะไรเพิ่มอีกหน่อย แต่รู้สึกได้ถึงสายตาเย็นเฉียบที่จูนจิ่วมองมาทางเขา เหอซ่านจึงทำได้เพียงหุบปากลงอย่างช่วยไม่ได้

นี่น่ะหรือที่แม่นายบอกให้พวกเขาฟังจูนหยูนเสวี่ย ยกยอตามนางก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ? แต่ว่าตอนนี้จูนหยูนเสวี่ยกำลังประชดประชันหัวเราะเยาะแม่นายอยู่นะ พวกเขาจะยืนมองอยู่แบบนี้จริงๆหรือ? แม่นายคิดจะทำอะไรกันแน่

ชิงหยู่หัวเราะฮิๆมองมาทางจูนจิ่ว “พวกเขาไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าจะทำอย่างไร?”

“ทำอย่างไร? ยังมีเทียนอู่จงของท่านไม่ใช่หรือ” จูนจิ่วได้ยินตามนั้น สีหน้าไม่มีความตื่นตระหนกและหวาดผวาเลยสักนิด นางนิ่งเงียบหนักแน่น พร้อมฉีกยิ้มกว้างตรงมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์

นึกว่าเมื่อพูดว่าอู๋อจงไม่ยอมรับนาง แล้วนางจะกระวนกระวายหรือ? ร้องไห้ขี้มูกโป่ง? เสียใจจนทำอะไรไม่ถูก? ต้องขอโทษด้วย อารมณ์ความรู้สึกที่กล่าวไปข้างต้น ไม่มีทางเกิดขึ้นกับหมอเทวดาจูนจิ่วอย่างนาง

จูนจิ่วและชิงหยู่สบตาเข้าหากัน นางเปิดปากพูดว่า น้ำเสียงฟังดูเชื่องช้าบ้าบิ่น “ท่านที่เป็นเจ้าสำนักเทียนอู่จงมายืนอยู่ที่นี่ ก็เพื่อเรียนเชิญข้าให้เข้าสำนักเทียนอู่จงไม่ใช่หรือ?”

“เห้อ จูนจิ่วเจ้าตาบอดหรือไง? จะมาเรียนเชิญเจ้าเข้าสำนักเทียนอู่จงได้อย่างไร เจ้ามันเป็นตัวอะไร ในใจยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?” จูนหยูนเสวี่ยเปิดปากพูดจาประชดอย่างถือดี ทว่าชิงหยู่และจูนจิ่วที่เป็นเจ้าของเรื่องกลับไม่สนใจนางเลย

รอยยิ้มของชิงหยู่ยิ่งสดใสมากขึ้น “ใช่ ข้ามาเรียนเชิญเจ้า เจ้าคงรำคาญผู้หญิงคนนี้มากสินะ? เหมือนว่าพวกเจ้าจะมีความแค้นต่อกัน เจ้าสำนักเจี้ยนจงรับนางเป็นศิษย์สายหลัก เอางี้เจ้ามาเป็นศิษย์น้องของข้าดีกว่าไหม? อีกหน่อยนางเจอเจ้า ยังจะต้องโค้งคำนับเรียกเจ้าว่าอาจารย์น้าด้วยนะ ฟังดูน่าสนุกดีใช่ไหม?”

คะตะ บางคนตกใจจนฟันปลอมจะหลุดออกมาแล้ว

เรื่องอะไรกันเนี้ย? ชิงหยู่จะรับจูนจิ่วเป็นศิษย์น้อง? ยังมีวิธีการประหลาดแบบนี้อีกเหรอ

“ศิษย์น้อง?” รอยยิ้มตรงมุมปากจูนจิ่วฉีกกว้างมากขึ้น นางยกคิ้วขึ้นสูง “แล้วอาจารย์ของท่านล่ะ?”

“อาจารย์ของข้าก็คือท่านพ่อข้าเอง ตายไปตั้งนานแล้ว เอาไงกับการมาเป็นศิษย์น้องข้า? ข้าที่เป็นศิษย์พี่สามารถสั่งสอนเจ้าได้ เจ้าลองคิดดูก่อน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด