บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 232 เป็นสาวกแห่งตันจงแล้วมันทำไม

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 232 เป็นสาวกแห่งตันจงแล้วมันทำไม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 232 เป็นสาวกแห่งตันจงแล้วมันทำไม

“พวกเจ้าบังอาจนัก! ตันจงไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้เป็นแน่!” หญิงสาวยังคงแหกปาก หยูนจ้งจิ่นส่งซิก ผู้คุ้มกันจึงปิดปากและลากตัวนางออกไปในทันที

ตันจงอย่างนั้นรึ? แววตาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นของหยูนจ้งจิ่น ตันจงถูกเรียกขานว่ามีความเหมาะสม และโดดเด่นสำหรับเรื่องนักกลั่นยา ครองตำแหน่งอย่างน่าจดจำเสมอมา ในหลายๆครั้งก่อนหน้านี้ จึงต้องอดทนไว้หน้าแก่ตันจง แต่ในเพลานี้ หาได้มีประโยชน์อันอีกต่อไปไม่!

หยูนจ้งจิ่นหันหน้าไปทางจูนจิ่ว ละเลียดมุมปากอย่างนุ่มนวล เมื่อตระกูลหยูนของเขามีแม่นางจูนจิ่วแล้ว ก็ไม่ต้องการคบค้าสมาคมกับพวกน่ารังเกียจอีกต่อไป ตัวยาของแม่นางจูนจิ่วนั้นล้ำค่า มิใช่ของทั่วไปตามตลาด แม้ผู้คนต่างช่วงชิงที่จะซื้อก็มิอาจหาซื้อมาได้

เมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ได้หมิ่นเกียรติและว่าร้ายแก่จูนจิ่ว แววตาของจูนจ้งจิ่นก็มีแต่ความเคียดแค้น จึงหันไปทางข้ารับใช้ พลางเอ่ย: “เจ้าจงส่งคนไปสั่งสอนนางเสีย”

“ไม่จำเป็น” จูนจิ่วขัดจังหวะจูนจ้งจิ่น นางเผยรอยยิ้มแสนชั่วร้ายพลางเอ่ย: “เสี่ยวอู่ให้บทเรียนแก่นางแทนข้าไปแล้วล่ะ อีกทั้ง หาได้มีเพียงแค่เสี่ยวอู่ไม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องส่งผู้ใดไปสั่งสอนหรอก เป็นการเสียเวลาเจ้าเปล่าๆ”

“ขอรับ” จูนจ้งจิ่นพยักหน้า ความประหลาดใจสว่างวาบในแววตาของเขา หาได้มีเพียงแค่เสี่ยวอู่ไม่ แล้วยังมีผู้ใดอีกล่ะ โม่อู๋เยว่รึ? แต่ก็คงไม่ใช่โม่อู๋เยว่หรอก ในด้านจูนจิ่วนั้น เห็นสาวกแห่งสำนักเทียนอู่จงอยู่รอบๆประมาณห้าถึงหกคน พวกเขาเดินตามหญิงสาวออกไปทางด้านหลัง ลักษณะอันโดดเด่นของสำนักเทียนอู่จงก็คือ การช่วยปกป้องกันและกันอย่างสุดโต่ง

จูนจิ่วละสายตาและกลับมามองจูนจ้งจิ่น “พวกเขาอยู่ข้างบนรึ?”

“ใช่! ด้วยกงการของโรงประมูล พวกเขาจึงมิอาจลงมาร่วมด้วย ขอเชิญแม่นางจูนจิ่วและคุณชายโม่ขอรับ” เดินนำไปด้านหน้า หยูนจ้งจิ่นหยุดพลางหันกลับมาและยิ้มให้จูนจิ่ว “แม่นางจูนจิ่ว เพลานี้ไท่ซ่างฮ่องก็มาที่เมืองเทียนอู่ด้วยเช่นกัน

เฟิ่งเซียวก็มารึ?

ริมฝีปากแดงยกขึ้น เผยรอยยิ้มเล็กน้อย จูนจิ่ว: “ไปกันเถิด”

……

ด้านนอกโรงประมูล ผู้คุ้มกันร่างกำยำทั้งสองโยนหญิงสาวออกไปดั่งทิ้งขว้างขยะ เสียงกรีดร้องของหญิงสาว ที่เพิ่งลุกขึ้นได้ก็ดังขึ้นด้วยใบหน้าที่ยับยู่ยี่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็มีชายร่างกำยำเข้ามาใช้แขนรัดตัวนางไว้

หญิงสาวตกใจจนตัวสั่น เพราะได้เห็นว่าเป็นผู้ที่แต่งกายเหมือนกับสาวกแห่งสำนักเทียนอู่จง ดวงใจสั่นละรัว และตะโกนออกไป: “พวกเจ้าจักทำอันใด ตัวข้านั้นเป็นถึงสาวกแห่งตันจง!”

“สาวกแห่งตันจงแล้วมันทำไม? เจ้าบังอาจว่าร้ายรังแกคนของเรา กล้าดีเสียนี่กระไร!” กำหมัดแน่นดังกร๊อก แววตาของเขาดูโหดร้ายและแค้นเคือง

สาวกสองกัดฟันกรอก ถลึงตาใส่หญิงสาว “แต่นี่มันถิ่นสำนักเทียนอู่จง กล้าดีจริงเชียว มารังแกอาเจ็กเสี่ยวช่วยของเราถึงที่ หากปล่อยเจ้าไปง่ายๆ ก็คงจะคิดว่าหยามน้ำหน้าสำนักเทียนอู่จงเช่นไรก็ย่อมได้กระมัง”

“พูดมากไปใย! ใส่มันเลยดีกว่า สั่งสอนมันแทนอาเจ็กเสี่ยวช่วย!” สาวกสามโบกไม้โบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ พลางกำหมัดเเน่น และต่อยท้องของหญิงสาวลอยขึ้นไปกลางอากาศ พวกเขาตะลุมบอน จับหญิงสาวมาทุบตีจนเสียงร้องคร่ำครวญของนางดังลั่นไปสามช่วงถนน

ยู่ซินและสาวกข้างกายแห่งตันจงเดินผ่านมาพอดี ต่างขมวดคิ้วเมื่อเห็นภาพนี้ สาวกคนหนึ่งเอ่ย: “คนในสำนักเทียนอู่จงเป็นพวกร่างกำยำและป่าเถื่อน ช่างโหดร้ายยิ่งนัก!”

“จะไม่ใช่ได้อย่างไรกันล่ะ? ตบตีคนตอนกลางวันแสกๆ ไอ้พวกไร้อารยธรรม การแข่งขันทั้งห้าสำนักครั้งนี้ก็ดันถูกจัดการโดยสำนักเทียนอู่จง น่าสลดใจยิ่งนัก ศิษย์พี่ยู่ซินเรารีบไปกันเถิด อย่าดูให้เป็นเสนียดสายตาเลยเจ้าค่ะ” พวกสาวกพูดขึ้น พวกเขาต่างดูหมิ่นสำนักเทียนอู่จง ยู่ซินขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนไม่ค่อยถูกใจ “ไปกันเถอะ”

“ช้าก่อนเจ้าค่ะ” สาวกคนหนึ่งเรียกยู่ซิน น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก: “ศิษย์พี่ยู่ซิน พวกท่านไม่คิดว่านางดูเหมือนศิษย์พี่โล๋เฉียงรึ?”

อะไรนะ?

พวกนางหันกลับไปมองอย่างตกตะลึง หญิงสาวที่ถูกล้อมรอบด้วยสาวกแห่งสำนักเทียนอู่จง ซึ่งตกอยู่ในการตะลุมบอนที่มีจมูกและใบหน้าบวมช้ำ มิหนำซ้ำบนใบหน้ายังมีรอยข่วนของแมว เมื่อพวกนางรู้แล้วว่านั่นคือศิษย์พี่โล๋เฉียงแห่งตันจงของพวกนาง

สีหน้าของยู่ซินก็เเปรเปลี่ยน พุ่งตัวเข้าไปดั่งม้าวิ่งทันที: “หยุดประเดี๋ยวนี้!”

“พวกเจ้าสำนักเทียนอู่จงคิดทำสิ่งใด! รังแกสาวกแห่งตันจงของข้ากลางวันแสกๆเยี่ยงนี้ ข้าจักนำไปรายงานแกสำนักเทียนอู่จงของพวกเจ้า ให้ลงโทษทัณฑ์อย่างสาสม” สาวกตันจงข้างๆรีบดึงยู่ซินเอาไว้

กลุ่มสาวกแห่งสำนักเทียนอู่จงต่างหันมาทางพวกยู่ซิน ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขานั้น เป็นแม่โล๋เฉียงผู้ที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย นางยกมือขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว “ศิษย์น้องยู่ซิน ช่วยพี่ด้วย กรี๊ด!”

สาวกสามเหยียบลงบนมือของโล๋เฉียง โดยไม่สนใจเสียงร้องของโล๋เฉียงแม้แต่น้อย สาวกสามบดขยี้มือนั้นพลางมองไปยังพวกยู่ซินอย่างดูถูกดูแคลน และเอ่ยว่า: “นังตัวดีนี่มันดูหมิ่นแก่อาเจ็กเสี่ยวช่วยของเรา พวกข้าเพียงให้บทเรียนแก่นางเพียงเท่านั้น หาได้ฆ่าแกงนางไม่”

สาวกสอง: “ใช่แล้ว! ส่วนความสมเหตุสมผล ก็ควรจะเป็นตันจงของพวกเจ้านั่นล่ะ ที่จักต้องให้ความยุติธรรมแก่เรา ว่าร้ายแก่อาเจ็กเสี่ยวช่วยของเรามันก็สมควรแล้ว หึ่ย!”

ยู่ซินขมวดคิ้วย่นหนักกว่าเดิม นางเม้มริมฝีปากและมองพวกเขาด้วยความไม่พอใจ “พวกข้าเห็นแต่พวกเจ้าทุบตีสาวกตันจงของข้าอย่างโจ่งแจ้ง แต่พวกเจ้ากลับบอกว่านางได้หมิ่นเกียรติอาเจ็กเสี่ยวช่วยแห่งสำนักเทียนอู่จงของพวกเจ้า แล้วเจ้าตัวอยู่หนใดเล่า? มีเพียงลมปากของพวกเจ้า จักให้ข้าเชื่อพวกเจ้าอย่างนั้นรึ?”

“เรื่องของพวกข้า หาได้เกี่ยวข้องกับเจ้าไม่!” สาวกสามอารมณ์ร้อน สวนกลับทันที

ยู่ซินโกรธเลือดขึ้นหน้า ความกริ้วโกรธของนางพุ่งขึ้นเป็นทวีคูณ พวกสำนักเทียนอู่จงนี่หยาบคายจนสุดจะทน ไม่แปลกใจที่ไม่มีผู้ใดอยากไปสำนักเทียนอู่จง! ยู่ซินนั้นเป็นถึงศิษย์เอกแห่งตันจง หาได้มีผู้ใดกล้าดีพูดแย่ๆกับนางไม่ สีหน้าที่เปลี่ยนไปกำลังจะอ้าปากพูด

หามีผู้ใดรู้ไม่ว่าพวกคนของสำนักเทียนอู่จงจักวางมือ พร้อมกล่าวอย่างดูแคลน: “มาถึงเพลานี้ พวกข้าสั่งสอนนางเรียบร้อยแล้ว หาได้อยากมีเรื่องใดต่อไม่ ไม่ได้อยากจะมีเรื่องอีกรอบ และผู้ใดที่กล้าหมิ่นอาเจ็กเสี่ยวช่วยอีกละก็ จักได้รู้กันว่ามิใช่เพียงแค่หมัดเท่านั้นที่แก้ปัญหาได้ ไปเถอะพวกเรา!”

ขณะที่กำลังจะข้ามโล๋เฉียงไป สาวกหนึ่งก็เตะเธออย่างรุนแรงอีกครั้ง “ไสหัวจากสำนักเทียนอู่จงของข้าไปซะ! มาให้ละคายตา จักโดนอีกแน่!”

โล๋เฉียงกรีดร้องโหยหวนทันที สาวกแห่งตันจงรีบเข้ามาช่วยนางลุกขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นสาวกแห่งสำนักเทียนอู่จงจากไปอย่างโอหังเช่นนี้ พวกเขานั้นโกรธจนหน้ามืดตามัว

หันไปทางยู่ซินอย่างเคียดแค้น “ศิษย์พี่ยู่ซิน เรื่องพรรณ์นี้เราต้องนำไปรายงานแก่เบื้องบน สาวกของสำนักเทียนอู่จงชักผยองกันมากเกินไปแล้ว!”

ยู่ซินมิได้ตอบสิ่งใด นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยปาก: “อาเจ็กเสี่ยวช่วย แห่งสำนักเทียนอู่จนเป็นผู้ใดกัน?”

“ศิษย์พี่ยู่ซิน อยู่แห่งหนใดมาถึงได้ไม่รู้จัก อาเจ็กเสี่ยวช่วยแห่งสำนักเทียนอู่จง ก็เป็นนังหมอเทวดาจูนจิ่วนั่นไง! ท่านพี่อู๋ซานของเราเคยจะต้อนรับนางเข้ามายังตันจง อยากให้เจ้าสำนักรับนางเป็นศิษย์!”

“แต่เคยได้ยินมาว่าจูนจิ่วนั้นเป็นคนโหดเหี้ยมและเลวทรามมาก สังหารแม้แต่คนของตน เช่นนั้นเจ้าสำนักของเราจึงไม่รับเธอเข้ามา ไม่เพียงแค่เจ้าสำนักของเราเท่านั้นนะเจ้าคะ สำนักอื่นก็ไม่ต้อนรับนางเช่นกัน มีเพียงเจ้าสำนักเทียนอู่จงที่สงสาร จึงรับเข้าไปเพราะนางเป็นศิษย์รุ่นน้อง”

ยู่ซินลังเลใจ “นี่เรื่องจริงรึ?”

“บ้านเมืองเขาลือกันหนาหูเจ้าค่ะ!” สาวกแต่ละคนต่างพยักหน้ายืนยัน

ยู่ซินมองต่ำไปทางโล๋เฉียง ทุกคนต่างพากันชี้นิ้วตำหนิว่าร้าย คิ้วขมวดและใบหน้ามัวหมอง “พานางกลับกันก่อนเถิด แล้วค่อยว่ากันอีกที อย่าอยู่ต่อให้ขายขี้หน้าไปกว่านี้!”

ก้นบึ้งหัวใจของยู่ซินนั้นหนักอึ้ง หมอเทวดาจูนจิ่ว คนที่ทำให้อู๋ซานคิดถึงจนมิอาจลืมเลือน คือนางเองอย่างนั้นรึ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด