บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 245 ใครที่ปล่อยให้จูนจิ่วหนีไปได้ ข้าจะฆ่ามันทิ้ง

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 245 ใครที่ปล่อยให้จูนจิ่วหนีไปได้ ข้าจะฆ่ามันทิ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 245 ใครที่ปล่อยให้จูนจิ่วหนีไปได้ ข้าจะฆ่ามันทิ้ง

“เจ้าสำนัก ทำไมมองไม่เห็นจูนจิ่วแล้ว?”

“เจ้าสำนักนี่มันเกิดอะไรขึ้น? บุปผากระจกจันทราวารีไม่สามารถจับภาพจูนจิ่วได้ แต่ก่อนไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเลยนะ” โจวเตี๋ยและผู้อาวุโสเฉียนพวกเขาเกิดความกระวนกระวายใจ ลูกศิษย์ทุกคนในสำนักเทียนอู่จงก็กระวนกระวายใจเช่นกัน

ภาพสุดท้ายที่พวกเขาเห็นคือภาพที่จูนจิ่วหนีออกจากกลุ่มในยามวิกาล และมาปรากฏตัวที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง จากนั้นภาพบุปผากระจกจันทราวารีก็ดับวูบไป ไม่เห็นตัวจูนจิ่วแล้ว และหลังจากนั้นได้พยายามดูจากภาพบุปผากระจกจันทราวารีบานอื่นๆ ทั้งบานใหญ่บานเล็กล้วนลองดูหมดแล้ว กลับหาร่องรอยของจูนจิ่วไม่เจอ

บนแท่นชมการแข่งขัน ทุกคนเริ่มพูดเถียงกันเอะอะเสียงดัง หยูนจ้งจิ่นขมวดคิ้วแน่น ลุกขึ้นยืนแล้วเพ่งเล็งตรงไปที่บุปผากระจกจันทราวารี จูนจิ่วไปไหนแล้ว?

เหอซ่านมองไปทางชิงหยู่ “เจ้าสำนัก?”

“เงียบ ให้ข้าคิดดูก่อน” ชิงหยู่ยกมือขึ้นมากดเข้าที่หน้าผาก เพื่อบดบังและหลีกเลี่ยงการสังเกตจากพวกผู้อาวุโส เขาเม้มที่มุมปากแน่นดวงตาคู่นั้นคมเข้มลุ่มลึกมากขึ้น

ชิงหยู่เข้าใจอย่างชัดเจน นี่เป็นเพราะว่าจูนจิ่วได้เข้าไปในอาณาเขตของกุญแจสำรอง

เมื่อก่อนท่านอาของเขา ผางชิงเยว่กบฏของสำนักเทียนอู่จงเคยเปิดใช้กุญแจสำรองเขตลับเทียนอู่ ไม่ว่าสถานที่ใดที่เขาอยู่หรือคนที่โดนเขาใช้กุญแจสำรองทำสัญลักษณ์ใส่ บริเวณรอบระยะทางหนึ่งลี้ล้วนจะไม่โดนจับภาพโดยบุปผากระจกจันทราวารี

ดั่งเช่นตอนนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หาจูนจิ่วไม่เจอ และไม่เห็นเหตุการณ์ในบริเวณรอบระยะทางหนึ่งลี้ ต้องรอจนกว่าจูนจิ่วเดินจากไปเท่านั้น

มือข้างหนึ่งกำหมัดแน่นซ่อนไว้ในแขนเสื้อ นัยน์ตาของชิงหยู่สะท้อนความเป็นห่วง ศิษย์น้องเล็กต้องการทำอะไรกันแน่? นางไม่รู้หรือว่าที่นั่นมันอันตรายมากแค่ไหน

ถ้าหากเขารู้แผนกับดักของศิษย์น้องเล็กเร็วกว่านี้ ที่ได้พยายามสร้างพลังอำนาจให้จูนหยูนเสวี่ยเป็นเหยื่อล่อ เพื่อต่อต้านเทียงฉิว เขาจะไม่ยอมทำเป็นเมินเฉยแน่ จะต้องกีดขวางศิษย์น้องเล็กแน่นอน ทว่าตอนนี้พูดเรื่องนี้ก็สายไปเสียแล้ว

……

ตัดภาพมาที่ภายในเขตลับเทียนอู่

จูนจิ่วจ้องมองคนที่เดินออกมาจากในป่าด้วยสายตาเย็นเฉียบ มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าตันจงและเจี้ยนจง นำทีมโดยจูนหยูนเสวี่ยและยู่ซิน จ้องนางถมึงทึงอย่างไม่ประสงค์ดี

จูนหยูนเสวี่ยและยู่ซินจ้องมองดวงตาของจูนจิ่วพร้อมเพรียงกัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกลียดและความอำมหิต โดยเฉพาะจูนหยูนเสวี่ยที่ตื่นเต้นดีใจที่สุด นางพูดกับยู่ซินว่า “ข้าว่าแล้วเชียวทำไมวันนี้ข้าตื่นเต้นเป็นพิเศษ นั่งไม่ติดก้น ที่แท้แค่ออกมาเดินเล่นก็มีผลตอบแทนที่คาดไม่ถึงรออยู่”

ยู่ซินไม่ได้ตอบโต้กลับไป สายตาของนางนอกจากจ้องมองจูนจิ่วด้วยความโกรธแค้นแล้ว ยังเหลือบไปเห็นศพสองร่างที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของจูนจิ่ว สวมใส่เสื้อคลุมสีดำไม่เหมือนศิษย์อู๋อจง ยู่ซินคิดในใจรู้สึกไม่เป็นสุข หากไม่ใช่ศิษย์อู๋อจงแล้วคือใคร?

“ยู่ซิน เจ้าพูดว่าอยากแก้แค้นไม่ใช่หรือ? ตอนนี้โอกาสแก้แค้นของพวกเรามาถึงแล้ว เจ้ายังนิ่งรออะไรอยู่? หรือว่าเจ้าตกใจกลัวจูนจิ่วจนขวัญหนีหายไปแล้ว ไม่กล้าเอาคืนอย่างนั้นหรือ? “

เมื่อฟังคำพูดดูถูกของจูนหยูนเสวี่ย ยู่ซินตั้งอกผายไหล่ผึ่ง “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าอยากจะสับนางเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นเสียให้เข็ด คำว่าไม่กล้าแก้แค้น? ข้าเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่แห่งตันจง จะกลัวนางจูนจิ่วหรือ? เป็นไปไม่ได้ ”

“อย่างนั้นก็ดี” จูนหยูนเสวี่ยโบกมือให้สัญญาณ ศิษย์สำนักเจี้ยนจงพุ่งเข้าไปล้อมตัวจูนจิ่วไว้ทันที พวกเขาถือดาบคมกริบไว้ในมือ พร้อมวางค่ายกลดาบ

เสี่ยวอู่แหงนหน้ามองไปทางจูนจิ่ว ทำไงดี?

จูนจิ่วเก็บโยวหยิ่งเข้าที่ ชักดาบป๋ายเย่ออกมา และถือดาบไว้อย่างตั้งมั่น จูนจิ่วยิ้มอย่างดุดันบ้าบิ่น “บุกฆ่าเข้าไป”

“ทุกคนบุกเข้าไป ใครที่จับตัวจูนจิ่วได้ ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม และใครที่สามารถทำให้จูนจิ่วได้รับบาดเจ็บด้วยดาบได้ ข้าจูนหยูนเสวี่ยขอรับเขาไว้เป็นลูกน้อง ในภายภาคหน้าหากข้าได้เป็นเจ้าสำนักเจี้ยนจง อนาคตของพวกเจ้าไม่สามารถคาดการณ์ได้” จูนหยูนเสวี่ยเพ่งเล็งจูนจิ่วด้วยความตื่นเต้นและพูดตะโกนเสียงดัง จูนหยูนเสวี่ยพูดเสริมอีกว่า “เพียงแค่จับตัวนางไว้ ทำร้ายนางได้ แต่เก็บชีวิตนางไว้ให้ข้า เพราะข้าจะทรมานนางให้ตายด้วยฝีมือข้าเอง”

ยู่ซินเหลือบมองจูนหยูนเสวี่ยทีหนึ่ง กลับต้องตกใจกับใบหน้าบูดบึ้งของนาง ทว่าตอนที่นางหันหน้ามองไปทางจูนจิ่ว ใบหน้าหัวหมูของนางเพิ่งจะหายดีไปแค่ครึ่งหนึ่ง ซึ่งนางดูแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าจูนหยูนเสวี่ยเสียอีก

ยู่ซินชี้นิ้งไปทางจูนจิ่วและพูดว่า “ศิษย์ตันบุกเข้าไป จงเอาความสามารถของพวกเจ้าออกมา วางยาพิษใส่จูนจิ่วให้ได้”

ศิษย์ตันจงถึงแม้พละกำลังจะอ่อนแอ แต่ว่าพวกเขาวางยาพิษได้ และไม่เชื่อหรอกว่าผ่านการวางยาพิษแล้วจะจัดการจูนจิ่วคนเดียวกับแมวหนึ่งตัวไม่ได้

มู่หรงหนันจิน ถอยไปอยู่ข้างหลังสุด ใบหน้าของเขาขาวซีดเหมือนกระดาษ โดยที่ไม่กล้าบุกเข้าไปข้างหน้าอยู่สักครู่ใหญ่ ภายในค่ายเขาวงกตจูนจิ่วได้ทิ้งปมที่ตราตรึงจิตใจไว้แก่เขา ทำให้มู่หรงหนันจินรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาสู้จูนจิ่วไม่ได้ ต่อให้จะล้อมตัวไว้แล้ว พวกเขาไม่มีทางชนะหรอก

ยู่ซินเหลือบสายตาเห็นมู่หรงหนันจิน จึงใช้เท้าเตะไปหนึ่งที “จะนิ่งอยู่ไย บุกเข้าไปสิ”

“ศิษย์พี่ยู่ซิน พวกเราสู้จูนจิ่วไม่ได้หรอก รีบหนีไปเถอะ หนีตอนนี้ยังมีโอกาส” มู่หรงหนันจินพูดด้วยความกระวนกระวายและหวาดกลัว

“ไอ้เศษสวะ” ยู่ซินเตะใส่มู่หรงหนันจินอย่างแรงจนล้มลงไป นางยกมือขึ้นมาลูบคลำขวดยาที่อยู่ในอ้อมอก แหงนหน้ามองจ้องไปหาจูนจิ่วอย่างโหดเหี้ยม จูนจิ่วทำลายใบหน้าของนาง จนทำให้นางไม่มีหน้าไปพบเจอผู้คนได้ นางจะทำให้จูนจิ่วชดใช้อย่างสาสม

นางเชื่ออย่างหนักแน่นมาก ขอเพียงแค่จูนจิ่วเสียโฉม ต่อไปอู๋ซานจะไม่ชื่นชมจูนจิ่วอีกเด็ดขาด นางทนไม่ได้ที่เห็นอู๋ซานชื่นชมยกย่องหญิงสาวคนอื่นอย่างไม่ขาดปาก พวกนางต้องตายสถานเดียว ขอเพียงแค่ทำให้นางต้องเสียโฉม ก็ถือเสียว่านางชนะแล้ว ยู่ซินชักดาบออกมา พุ่งตัวเข้าไปยังจุดที่ล้อมรอบไว้

ค่ายกลดาบของสำนักเจี้ยนจงสมดั่งคำล่ำลือจริงๆ สามารถทำให้จูนจิ่วเกิดความกังวลได้นิดหน่อย ทว่ายังมีเสี่ยวอู่ที่เล็ดลอดออกไปได้ กรงเล็บอันคมกริบฟาดเหวี่ยงใส่พวกลูกศิษย์เจี้ยนจงจนร้องเจ็บปวดเสียงดัง จูนจิ่วชักดาบฟาดฟันออกไปหนึ่งครั้งก็สามารถทำลายค่ายกลดาบได้อย่างง่ายดาย นางแหวกทางออกจากการล้อมรอบได้ ก้าวเท้าเคลื่อนตัวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“สกัดกั้นตัวนางไว้” จูนหยูนเสวี่ยร้องตะโกนเสียงดัง “ค่ายกลสังหาร ใช้ค่ายกลดาบสังหารฟ้าดิน ใครที่ปล่อยให้จูนจิ่วหนีไปได้ ข้าจะฆ่ามันทิ้งซะ”

เห็นอยู่ตำตาว่ากำลังจะพุ่งตัวออกไปได้ ตรงหน้ากลับมีกลุ่มลูกศิษย์สำนักเจี้ยนจงที่สวมชุดขาวพุ่งตรงเข้ามาขัดขวาง ในมือของพวกเขาถือดาบคมกริบ พุ่งตัวจู่โจมจูนจิ่ว พลังอำนาจเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว

จูนจิ่วตอบสนองรวดเร็วมาก เขย่งปลายเท้าถอยหลบค่ายกลสังหารไปทางด้านหลัง ทันใดนั้นทางด้านหลังมีแสงเยือกเย็นจู่โจมเข้ามา จูนจิ่วหมุนลำตัวกลางอากาศเห็นจูนหยูนเสวี่ยที่มีใบหน้าบูดบึ้งน่าเกลียด นางถือดาบในมือพุ่งแทงมายังตำแหน่งหัวใจของจูนจิ่วอย่างเจ้าเล่ห์

ไม่เห็นเพียงครึ่งปี พละกำลังของจูนหยูนเสวี่ยพุ่งกระฉูด ตอนนี้ทะลุทะลวงนักจิตชั้นสี่แล้ว ทว่าตอนที่สู้รบปรบมือกัน จูนจิ่วรู้ได้ทันทีว่าจูนหยูนเสวี่ยฝืนกินยาเพื่อยกระดับตัวเอง ป๋ายเย่ปัดดาบคมกริบออกไป จูนจิ่วใช้เท้าถีบเข้าที่ท้องของจูนหยูนเสวี่ยอย่างจัง จูนหยูนเสวี่ยเจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยว ทว่าสีหน้ากลับสะท้อนความเจ้าเล่ห์ออกมา มือซ้ายของนางคว้ามีดสั้นออกจากแขนเสื้อแล้วตวัดใส่จูนจิ่ว

ตูบ

ใช้เท้าเตะจูนหยูนเสวี่ยจนปลิวกระเด็นออกไปไกล จูนจิ่วก้มหน้าลง แขนเสื้อฉีกขาด ตรงข้อมือของนางมีรอยมีดบาดบางๆและมีเลือดซึมออกมา บาดแผลแค่นิดไกลหัวใจเยอะ ทว่าบนมีดสั้นกลับอาบยาพิษไว้ ซึ่งสามารถเห็นด้วยตาเปล่าว่าตรงบริเวณบาดแผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ มันเป็นยาพิษขั้นรุนแรง

จูนจิ่วรีบกดจุดห้ามเส้นเลือดไว้ และหยิบยาถอนพิษกินเข้าไปในปากหนึ่งเม็ด

ต่อด้วยมีแรงจู่โจมเข้ามาจากอีกฝั่ง พอแหงนหน้ามองไปเห็นยู่ซินกำลังบุกโจมตีเข้ามา ในมือของนางถือขวดที่เปิดฝาไว้หนึ่งขวด เทผงสีน้ำเงินใส่หน้าจูนจิ่วโดยตรง ยู่ซินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “จูนจิ่ว ลิ้มลองผงเซาะกระดูกของข้าดูหน่อยนะ”

เล่นอะไรกัน

สีหน้าจูนจิ่วไร้อารมณ์ความรู้สึก นางสะบัดแขนเสื้อจนเกิดแรงลมพัดผงยาสีน้ำเงินย้อนกลับไปทางยู่ซิน ผงยาพิษพุ่งไปหานาง กระดิ่งข้อมือดังขึ้น มีเกราะป้องกันโปร่งใสกางออกมา เพื่อปกป้องจูนจิ่วไว้อย่างแน่นหนา

ตรงกันข้ามนั้น มีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดของยู่ซินดังขึ้นมา “ไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด