บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 276 เจ้าจักต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 276 เจ้าจักต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 276 เจ้าจักต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

อ้าก!

เจ้าสำนักเจี้ยนจงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จูนจิ่วยกเท้าเหยียบบนมือซ้าย มือขวา และขาอีกข้างหนึ่งของเขาอีกหน กรอบแกรบ! แกนกระดูกถูกบดขยี้ทั้งสิ้น มองด้วยตาเปล่าแขนขาของเจ้าสนักเจี้ยนจงทรุดสลายลงไป เลือดเนื้อและแกนกระดูกแตกเป็นเสี่ยงปนเปกันไปหมด

สายตาสุดแสนเย็นชา ปราดชำเลืองเจ้าสำนักเจี้ยนจงอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต จูนจิ่วกล่าว “เจ้าถึงขนาดกล้ารังแกแมวของข้า เจ้าสำนักเจี้ยนจง เจ้าว่าข้าควรจัดการเจ้าอย่างไรดี”

“เจ้ากล้า! อ้าก! จูน…จูนจิ่ว…ข้าจักฆ่าเจ้าเสีย!” เจ้าสำนักเจี้ยนจงปวดจนแทบคลั่ง จ้องจูนจิ่วอย่างเอาเป็นเอาตาย

หลังจากต้องพิษ เจ้าสำนักเจี้ยนจงรู้สึกถึงความอัปยศและเดือดดาล เขาถึงขั้นถูกจูนจิ่ววางพิษเสียได้! เรื่องนี้จักต้องไม่แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงระงับร่างกายต้องพิษอัมพาตเอาไว้ จากนั้นพลันเบือนหน้าพุ่งเข้ามาไล่สังหารจูนจิ่วในทันที

เขาไล่ตามเข้ามาโดยใช้ความเร็วที่สุด มองเห็นผู้อาวุโสและศิษย์เจี้ยนจงกับชางไห่จงล้มลงกองบนพื้นกันหมด ส่วนจูนจิ่วกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าสัตว์มหึมาที่ดูเหมือนสัตว์ทิพย์สีขาว พวกนางกำลังจะกระโดข้ามหน้าผาไป ครั้นเจ้าสำนักเจี้ยนจงเห็นดังนี้ก็ซุ่มโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของนักจิตชั้นเก้าโดยไม่ต้องยั้งคิดเลย

ซัดโจมตีได้แล้ว! แต่ทำร้ายได้เพียงสัตว์เดรัจฉานตัวนั้น

จากนั้นเขายังไม่ทันฆ่าจูนจิ่ว ก็ถูกคนๆ หนึ่งเตะปลิวจนกระดูกช่วงเอวและทรวงอกแตกหักเสียก่อน ศิษย์สำนักเทียนอู่จงตัวกระจ้อยร่อยคนเดียว ไฉนข้างกายถึงได้มีคนที่แข็งแกร่งขนาดคอยอารักขาได้กัน?

กรอบแกรบ! จูนจิ่วเหยียบขยี้แกนกระดูกของเขา

แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าสำนักเจี้ยนจงก็ยังคงคิดว่าตัวเองสูงส่ง ทรงสง่าเหนือชั้นกว่า เขาเป็นถึงเจ้าสำนักเจี้ยนจง จูนจิ่วก็แค่ศิษย์ตัวกระจ้อยร่อยของสำนักเทียนอู่จงที่สมควรตายคนหนึ่งเท่านั้น นางกล้าถึงขั้นไหน หรือกล้าฆ่าเขากระนั้นเชียวหรือ!

ด้วยเหตุนี้เจ้าสำนักเจี้ยนจงจึงไม่เห็นว่าการข่มขู่ของจูนจิ่วเป็นเรื่องอันใดเลย

เมื่อมองออกถึงความเหนือกว่า และมาดมั่นบนหน้าของเจ้าสำนักเจี้ยนจง จูนจิ่วก็หัวเราะเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือ?”

“เฮอะ! นังแพศยาถ้าเจ้ากล้า สำนักเจี้ยนจงทั้งบนล่างจักต้องตามไปฆ่าสำนักเทียนอู่จง ล้างบางทั้งสำนักของเจ้าเป็นแน่ ลำพังแค่เจ้า จะฆ่าข้าได้อย่างไรกัน?” เจ้าสำนักเจี้ยนจงกล่าว

“เฮอะ”

“ระยำ! ไฉนเขาถึงหน้าหนาขนาดนี้” เหลิ่งยวนฟังอยู่ข้างๆ ยังรู้สึกทนไม่ไหว เขาพับแขนเสื้อขึ้นแล้วกล่าวพลางก้าวไปเบื้องหน้า “แม่นางจูนท่านอย่าลงมือเดี๋ยวจะสกปรกมือท่านเอา ให้ข้าจัดการเถิด ท่านว่าสับเขาพันดาบหรือหมื่นดาบดี? เพลงดาบของข้าคับคุณภาพนัก”

จูนจิ่วว่า “ไม่ต้อง”

น้ำเสียงของนางเย็นยะเยือก สายตาเย็นชาฉายแววเย้ยหยันดูหมิ่น แต่กลับถูกเจ้าสำนักเจี้ยนจงเข้าใจว่าจูนจิ่วกลัวเสียแล้ว จึงระเบิดหัวเราะลั่นกลางสนาม

เจ้าสำนักเจี้ยนจงบ้าระห่ำเหนือโลก เขาปริปาก “รู้จักกลัวแล้ว? นั่นก็สายไปเสียแล้ว สำนักเทียนอู่จงของเจ้าก็ต้องถูกพวกข้าล้างบางไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี! ส่วนเจ้า ข้าจะบดร่างเจ้าหมื่นหน! จูนจิ่ว คุกเข่าลงวิงวอนข้าให้ไว้ชีวิตเจ้าเถิด”

เหลิ่งยวนสบถด่าคำหยาบคาย หากเปลี่ยนเป็นเขาคงโกรธจนแทบคลั่งและลงมือเชือดเจ้าปีศาจต่ำช้าที่คาดหน้าลำพองตนแล้วยังคิดว่าตัวเองไม่ธรรมดาคนนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว เขาอดมองทางจูนจิ่วด้วยด้วยงุนงงสงสัยไม่ได้ เพราะอะไรแม่นางจูนถึงอดทนให้เขาพูดฉอดๆ เรื่อยมา

เขาเห็นเพียงว่าจูนจิ่วปรายตาลงจากมุมสูง ชำเลืองมองเจ้าสำนักเจี้ยนจงอย่างเย็นชา รอให้เขาฉอดๆ จบแล้ว จึงเอ่ยปาก “ผายลมเสร็จหรือยัง”

พรืด! วะฮะฮ่า! แม่นางจูนสุดยอดจริงๆ

เจ้าสำนักเจี้ยนจงสะอึก ดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า จูนจิ่วไม่อยากเสียเวลาฟังเขาพูดเพ้อเจ้ออีกต่อไป นางหัวเราะเย็นชาระดันดูถูกแล้วพูดต่อ “เจ้าสำนักเจี้ยนจง คงไม่ถึงคราวข้าฆ่าเจ้าหรอก เดี๋ยวเจ้าก็ไปรายงานตัวกับยมบาลเองอยู่แล้ว”

“เจ้าฝันไปเถอะ! เป็นไปไม่ได้”

“ถ้าหากเจ้าไม่ได้ตามมา ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ แต่เจ้าตามมาแล้ว ซ้ำยังใช้พลังทิพย์ เจ้าไม่สังเกตเลยหรือว่าร่างกายของเจ้าเจียนระเบิดเต็มทีแล้ว” จูนจิ่วมองเขาอย่างเย็นชา

พิษในกายเจ้าสำนักเจี้ยนจง หากเขาอยู่กับที่อย่างว่าง่าย รอไปหายาถอนพิษหรือไม่ก็ระงับเอาไว้เอง อาศัยความแข็งแกร่งของนักจิตชั้นเก่าอย่างเขา ก็คงรักษาชีวิตขี้ผงได้ แต่เขาดันรนหาที่ตายไล่ตามเข้ามาเอง ตอนนี้จูนจิ่วไม่ต้องทำอะไรเลย เจ้าสำนักเจี้ยนจงจักต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ได้ยินถ้อยคำของจูนจิ่ว เดิมทีเจ้าสำนักเจี้ยนจงยังนึกอยากถากถาง ทว่าร่างกายของเขากลับปวดแปลบพลุ่งพล่านเป็นระยะๆ ทำให้เจ้าสำนักเจี้ยนจงเริ่มร้องครวญครางขึ้นมา เส้นเลือดปูดบวม แขนขาที่หักไม่เหลือชิ้นดีก็ปวดปานสายตัวแทบขาดขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ เขาใช้พลังทิพย์อีกก็ไม่สามารถระงับมันเอาไว้ได้แล้ว

เจ็บนัก!

จูนจิ่วมองเขาด้วยสายเย็นชา นางยกมือขึ้นปลายนิ้วคีบเข็มเงินหลายเล่ม จูนจิ่วเอ่ยปาก “ข้าไม่ต้องทำอะไร เจ้าก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าตายง่ายดายและมีความสุขขนาดนี้หรอก!”

ในน้ำเสียงชั่วร้ายและเย็นชา เจือความเดือดดาลและเจตนาสังหารเอาไว้ เห็นเพียงแต่เข็มเงินที่ปลายนิ้วจูนจิ่วซัดพุ่งลอยจมเข้าไปในร่างของเจ้าสำนักเจี้ยนจง เข็มฝังเข้าภายในกายาพยพ ร่างของเจ้าสำนักเจี้ยนจงสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างรุนแรง เลือดสดไหลออกมาจากปากแผลของเขามากกว่าเดิม

“เดิมทีอีกประเดี๋ยวเจ้าจะระเบิดเอง ตายไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว แต่นับจากนี้เป็นต้นไป เส้นเลือดของเจ้าจะขาดผึงออกจากกันทีละเส้นๆ กระบวนการนี้จะยาวนานยิ่งนัก เจ้าไม่ใช่นักจิตชั้นเก้าหรอกหรือ ดังนั้นก็ยืนหยัดให้ดี ยิ่งนานเท่าใดก็ยิ่งดี”

น้ำเสียงของจูนจิ่วสิ้นสุด เส้นเลือดเส้นแรกในกานส่วนบนของเจ้าสำนักเจี้ยนจงพลันระเบิดออกทันที

เห็นเพียงแต่เส้นเลือดที่ปูดขึ้นใต้ผิวหนังระเบิดในชั่วขณะ ปริแตกจนผิวหนังกระฉูดออกมา ตามมาด้วยเส้นที่สอง เส้นที่สาม ไม่ว่าหยาบหรือละเอียด ไม่ว่าเส้นเลือดแดงหรือเส้นเลือดดำล้วนแตกระเบิดทีละเส้น มีเข็มเงินสกัดจุดฝังเข็มเอาไว้ก็เหมือนกับปฏิกิริยาลูกโซ่ไม่ผิดเพี้ยน

คนทั่วไปจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป แต่ความแข็งแกร่งของนักจิตยิ่งสูงเท่าไรพลังชีวิตก็ยิ่งแกร่งมากเท่านั้น! เช่นเดียวกับเจ้าสำนักเจี้ยนจง ต่อให้ควักหัวใจของเขามาบดละเอียดก็ยังต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองนาทีกว่าจะตายสนิท

ความเจ็บปวดอันเกิดจากเส้นเลือดภายในกายแตกระเบิดทีละเส้น ยากเกินกว่าจะสรรหาคำมาบรรยายได้ เจ้าสำนักเจี้ยนจงร้องโหยหวนเกรี้ยวกราดอย่างตายทั้งเป็น เขากลิ้งไปทั่วพื้นพยายามยับยั้งไม่ให้ตัวเองระเบิด อย่างไรก็ตามเขาสูญเสียมือและเท้า ซ้ำจุดฝังเข็มยังถูกปิดผนึกเอาไว้ เจ้าสำนักเจี้ยนจงได้แต่ทำตาปริบๆ มองดูเส้นเลือดบนกายของตนแตกระเบิดทีละจุด

จูนจิ่วเห็นดังนี้ จึงหัวเราะเย็นชาขึ้นมา “นี่ก็คือจุดจบของการรังแกแมวข้า! เสี่ยวอู่เจ้าพอใจหรือไม่”

ปลายนิ้วของนางลูบไล้สัมผัสบริเวณกำไลบนข้อมือเบาๆ เสี่ยวอู่กลับสู่ร่างเดิมก็สิ้นเปลืองพลังทิพย์ทั้งหมดเสียแล้ว สุดท้ายยังปกป้องนางจนเจ็บหนักอีก ถึงได้ฝืนร่างกายไม่ไหวจนกลับเข้าไปพักฟื้นในพื้นที่กำไลข้อมือ มันได้ยินถ้อยคำของจูนจิ่ว จึงร้องเหมียวๆ ตอบกลับแผ่วเบา

เนื่องด้วยเสียงร้องโรยแรงจนแทบไม่ได้ยินของเสี่ยวอู่ สายตาเย็นชาอำมหิตนั้นจึงอ่อนโยนลงชั่วขณะ จูนจิ่วกล่าวอยู่ในส่วนลึกหัวใจ รักษาอาการบาดเจ็บอย่างเชื่อฟัง ข้าจะส่งพลังให้เจ้ารวบรวมร่างจริงออกมาอีกครั้ง

เหลิ่งยวนจับตามองจูนจิ่วลูบไล้กำไลข้อมืออยู่ตลอดเวลา สายตาของเขาฉายแววประหลาดใจและสับสนงงงวย

เวลานี้ จูนจิ่วเงยหน้ามองไปทางฃเจ้าสำนักเจี้ยนจงอีกครั้ง เขากลายเป็นมนุษย์เลือดไปเสียแล้ว ทั่วกายไร้ผิวหนังชิ้นสมบูรณ์ จูนจิ่วกระตุกยิ้มอำมหิตและถือดี “ทำอย่างไรดี? ฆ่าเจ้าเฉยๆ ยังไม่พอให้ข้าระบายความโกรธได้ ไม่สู้ข้าล้างบางสำนักเจี้ยนจงทั้งหมดของเจ้าไปดีกว่า ว่าอย่างไร?”

“จูนจิ่ว” เสียงแหบแห้งโรยแรง เหยียนไห่ล้มลงกับพื้นแล้วมองไปที่จูนจิ่วทันใด จูนจิ่วจะทำลายสำนักเจี้ยนจงจนสิ้นซาก?

ได้เห็นเหยียนไห่ นัยน์ตาของจูนจิ่วฉายแววเย็นชาลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว นางเลิกคิ้วหัวเราะ “ข้ามีความเห็นแล้ว ทำลายสำนักเจี้ยนจงของเจ้าจะพอได้อย่างไรกันเล่า ไม่สู้ให้เจ้ามาเป็นของเล่นในกำมือข้าไปตลอดชีวิตดีกว่า ทำให้สำนักเจี้ยนจงเป็นหมาตัวหนึ่งของข้าจูนจิ่ว เจ้าสำนักเจี้ยนจง เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด