บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 288 ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 288 ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 288 ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน

เจ้าสำนักชางไห่จงจ้องมองจูนจิ่วอย่างมุ่งร้าย น้ำเสียงหยิ่งยโสชั่วร้าย “พวกเจ้าไม่ทำตามที่ข้าร้องขอ อย่าคิดที่จะได้รู้เบาะแสชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน!”

จูนจิ่วไม่โกรธ นางพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อยพูดขึ้น: “ฆ่า”

กองทัพเย่สิงฟังคำสั่งของจูนจิ่วเท่านั้น เชือดคอทันที บดขยี้คอของสาวกชางไห่จง เลือดสดสาดออก ดวงตาของเจ้าสำนักชางไห่จงเบิกกว้างจากนั้นจ้องมองไปที่จูนจิ่วอย่างเคียดแค้น นางไม่ยอมถอย “นังสารเลว เจ้าคิดว่าเช่นนี้จะขู่ข้าได้หรือ?”

“แค่สาวกธรรมดา แน่นอนว่ามันจะไม่ทำให้เจ้าที่เป็นเจ้าสำนักชางไห่จงอ่อนข้อยอมแพ้ แต่ข้าไม่ได้บอกว่า ฆ่าเพียงแค่คนเดียว” จูดุดันทำท่ายกมือขึ้น ลงมือด้วยมีดทันที สาวกแถวเดียวสิบกว่าคนถูกเชือดคอทั้งหมด

ยกมุมปากอย่างเย็นชา จูนจิ่วพูดขึ้น: “ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนอยู่ที่ใด?”

“สารเลว ถุย! ”

“ฆ่า นับตั้งแต่นี้ ให้สาวกของชางไห่จงมาถามเอง เจ้าสำนักของพวกนางพูดเมื่อไหร่ ก็หยุดเมื่อนั้น” จูนจิ่วพูด

เจ้าสำนักชางไห่จงตัวสั่น สีหน้าของนางเปลี่ยนไปมากจ้องมองไปที่จูนจิ่วอย่างเหลือเชื่อ ต่อมา ก็ต้องเป็นกองทัพเย่สิงไม่ได้จับสาวกกลุ่มนี้ ให้พวกนางถามเจ้าสำนักชางไห่จง ไม่พูด ก็ฆ่า หน้าประตูตำหนักชางไห่จง เลือดรวมตัวกันเป็นทะเลสาบ

ทนได้สักพัก แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เหล่าผู้อาวุโสเป็นกังวลแล้ว “เจ้าสำนักท่านรีบพูดเถิด! เป็นเช่นนี้ต่อไป ชางไห่จงของเราของต้องถูกจูนจิ่วทำลายล้างแล้ว”

“เจ้าสำนัก! สาวกตายทั้งหมดแล้ว พวกเราที่แก่ไม่ตายไม่กี่คนมีประโยชน์อะไร? เจ้าสำนักเจ้าพูดเถิด!”

เจ้าสำนักชางไห่จงได้ยิน ใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว นางโกรธตะโกนคำรามเสียงดัง: “จูนจิ่วเจ้านังสารเลว นางอสรพิษ เจ้าไม่ได้ตายดีแน่! ต่อให้ข้าต้องตาย ก็ไม่มีวันบอกเจ้า!”

“เจ้าไม่กล้า” เสียงไม่แยแสของจูนจิ่วดังมา

นางพิงเสาอย่างเกียจคร้าน มองไปที่เจ้าสำนักชางไห่จงอย่างดูถูก นางยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง สัพยอกพูด: “เจ้าฆ่าตัวตายก็ได้ แนะนำให้กัดลิ้นฆ่าตัวตายให้ข้าดูก่อน?”

ร่างกายของชางไห่จงแข็งเหมือนหิน หน้าขาวเหมือนกระดาษ ถูกต้อง นางไม่กล้า! ตั้งแต่ต้นจนจบ นางแค่ขู่ชิงหยู่ พนันว่าชิงหยู่จะทำเพื่อชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน สลายผู้คนลงเขา คิดไม่ถึงว่าตัวแปรจะอยู่ที่จูนจิ่ว

เจ้าสำนักชางไห่จงรู้สึกคิดผิด ถ้านางรู้ก่อนก็จะไม่พูดถึงเงื่อนไขหลังสองข้อ ถ้าเพียงให้สำนักเทียนอู่จงถอย ชิงหยู่ก็คงจะเต็มใจ! แต่โลกไม่มียาสำหรับคิดเสียใจทีหลัง

เมื่อเห็นศพของสาวกชางไห่กองเป็นภูเขา เมื่อเหลือเพียงไม่กี่คน เจ้าสำนักชางไห่จงต่อให้ใจที่แข็งเป็นหิน ก็ยอมรับไม่ได้ที่สาวกทุกคนถูกฆ่า เปรียบเปรยชะตากรรมของการทำลายล้างสำนักเช่นนี้

เล็กนางแทงลึกเข้าไปในฝ่ามือ เลือดไหลเป็นทาง เจ้าสำนักชางไห่จงเกลียดเป็นสุด “ข้าพูด! พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”

“หยุด” จูนจิ่วยกมือ กองทัพเย่สิงหยุดทันที ในมือเหลือเพียงสาวกชางไห่จงคนเดียว เมื่อเห็นเหล่าศิษย์พี่ตรงหน้าถูกฆ่า เหลือตัวเองที่ยังมีชีวิตเป็นคนสุดท้ายแล้ว เหลือกตาและเป็นลมหมดสติไป

“พูดเถิด ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนอยู่ที่ใด?” ชิงหยู่จ้องไปที่เจ้าสำนักชางไห่จงอย่างเลือดเย็น

เจ้าสำนักชางไห่จงเกลียดเป็นที่สุด กลัวเป็นที่สุด นางพูดอย่างไม่พอใจ: “อยู่ในมือของสำนักศึกสามทั้งสาม”

“เจ้าพูดอะไรนะ? สำนักศึกสามทั้งสาม ไปอยู่ในมือของสำนักศึกสามทั้งสามได้อย่างไร” ชิงหยู่ตกใจ

“ตอนนั้นผางชิงเยว่ทรยศออกจากสำนักเทียนอู่จง เขานำชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนเพื่อไปพักพิงสำนักศึกสามทั้งสาม และเพราะเหตุนี้จึงได้รับคำเชิญจากสำนักศึกสามทั้งสาม จึงให้เจ้าสำนักสำนักเทียนอู่จงเก่าทำอะไรเขาไม่ได้ พวกเจ้าต้องการชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน ก็ไปหาที่สำนักศึกสามทั้งสามเถิด ฮ่าๆๆ”

เจ้าสำนักชางไห่จงหัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจ นางยังไม่ยอมแพ้อย่างสิ้นเชิง! ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนอยู่ในมือของสำนักศึกสามทั้งสาม สำนักเทียนอู่จงยังมีความกล้าที่จะไปแย่งกับสำนักศึกสามทั้งสามอีกหรือ? ต่อให้พวกเขากล้า ก็แย่งมาไม่ได้

ชิงหยู่ไม่เชื่อ: “เจ้ากำลังโกหกพวกเรา!”

“นี่ก็คือเบาะแสของชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน ข้าสาบานได้ว่านี่เป็นเรื่องจริง ข้าพูดแล้ว ตอนนี้พวกเจ้ารีบไสหัวออกไปจากชางไห่จงของข้า!” เจ้าสำนักชางไห่จงจ้องจูนจิ่วอย่างเขม่น นางกลัวกระตุ้นสำนักเทียนอู่จงให้หงุดหงิด ทำได้เพียงกัดฟันทน

เมื่อสำนักเทียนอู่จงถอย ชางไห่จงของนางยังมียังมีโอกาสที่จะกลับมาอีก ถึงตอนนั้น ค่อยฆ่าจูนจิ่วก็ไม่สาย ต้องฆ่าจูนจิ่ว

ขณะนี้ น้ำเสียงเย็นชาของจูนจิ่วดังเข้าหู นางยิ้มอย่างเย็นชาพูดขึ้น: “เราจะถอย แต่ข้าไม่เคยพูด ว่าจะปล่อยพวกเจ้า”

เจ้าสำนักชางไห่จงคิดว่าตัวเองฉลาดมาก สามารถขู่พวกเขาได้? ลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ของนางก็แค่ปากกาในมือเด็กในสายตาของจูนจิ่ว นางคิดว่าพวกเขาเป็นคนโง่ จะปล่อยพวกนางไปโดยเปล่าประโยชน์ เก็บไว้เพื่อมาสร้างปัญหาในอนาคต?

ตั้งแต่ต้น จูนจิ่วก็ไม่คิดจะปล่อยนาง ฆ่าศัตรู จำเป็นต้องถอนรากถอนโคน!

เจ้าสำนักชางไห่จงเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน สีหน้าหวาดกลัวอย่างมาก

จูนจิ่ว: “ฆ่าพวกนาง”

“ขอรับ!” กองทัพเย่สิงกระโจนเข้าไปทันที ลับมีดเควี้ยวคว้าว

“จูนจิ่วนังสารเลว เป็นผีข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้า! อ๊าๆๆ ——” เสียงกรีดร้องและตะโกนหยุดลงอย่างกะทันหัน กองทัพเย่สิงตัดหัวนางในคราเดียว กลอกกลิ้งไปที่ข้างเท้าของจูนจิ่ว

จูนจิ่วก้มหน้า อุ้มลูบเสี่ยวอู่ในอ้อมแขน นางพูดอย่างดูถูกพูดขึ้น: “มีชีวิตยังสู้ข้าไม่ได้ ตายไปยิ่งเป็นไปไม่ได้”

“เหมียว!” เสี่ยวอู่ผงกหัวเห็นด้วย

เป็นผี? เศษสวะอย่างเจ้าสำนักชางไห่จงเนี่ยนะ เป็นผีจริงๆแล้ว ก็อย่าคิดเข้าใกล้เจ้านายในระยะแปดร้อยเมตร มันเสี่ยวอู่จะตบมันจนเป็นไม่ได้แม้แต่ผี!

ชิงหยู่: “ศิษย์น้องเราออกไปกันก่อนเถิด อย่าทำให้กระโปรงเจ้าเปื้อน” น้ำเสียงของชิงหยู่ทั้งซับซ้อนและคลุมเครือ วิชาลับของสำนักเทียนอู่จงของพวกเขา ต้องอุทิศให้กับสำนักศึกสามทั้งสามโดยคนทรยศผางชิงเยว่เช่นนี้แล้วหรือ

หากไม่ใช่เพราะกระดูกของผางชิงเยว่ถูกเขาโยนทิ้งไปเพื่อเป็นอาหารหมาป่า ชิงหยู่โกรธจนอยากจะขุดศพออกมาฟาด!

“ศิษย์พี่ เราจะตามหาชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนกลับมา” จูนจิ่วเงยหน้ามองชิงหยู่ มีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายในดวงตาและความมุ่งมั่น นางจะนำชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนกลับมา จูนจิ่วสาบานในใจลึกๆ!

สบตากับจูนจิ่ว ชิงหยู่กระตุกมุมปากและยิ้ม เขาผงกศีรษะ “ได้ ข้าจะพยายามไปกับเจ้า ตามมันกลับมา! อย่างไรศิษย์น้องเจ้าก็สามารถฝึกฝนชั้นที่สี่ได้ ข้ายังต้องพยายามขึ้นอีก”

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่จะง่ายแค่ไหนกัน?

ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนตกอยู่ในมือสำนักศึกสามทั้งสาม แต่สำนักศึกสามทั้งสามมีสามที่ ยังมีคนมากมายขนาดนั้น วิชาฝึกตนอยู่ในมือผู้ใดยังไม่ชัดเจน ต่อให้รู้แล้ว ด้วยฐานะของสำนักเทียนอู่จง ก็ไม่สามารถแย่งกลับมาได้

แต่เขาไม่พอใจ อย่างไรเสียวิชาฝึกตนก็เป็นวิชาลับของสำนักเทียนอู่จง ศิษย์น้องยังต้องฝึกวิชา ไม่สามารถยืนอยู่ที่เดิมและทำลายความสามารถของศิษย์น้องได้ ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องลองดู!

จูนจิ่ว: “ผางชิงเยว่เป็นผู้อาวุโสสามของเทียงฉิว เราสามารถตรวจสอบได้จากเทียงฉิว”

“ดี”

“ศิษย์พี่ดีใจหน่อย ไปขนคลังสมบัติของชางไห่จงเถิด” จูนจิ่วตบไหล่ชิงหยู่ แล้วพูดขึ้น

ชิงหยู่ฟังแล้วผงะ ตามด้วยดึงสติกลับมาไม่ใช่สิ! ทำไมกลายเป็นศิษย์น้องที่ปลอบเขา? และน้ำเสียงบอกว่าไปขนย้ายสมบัติ ทำไมศิษย์น้องดูคุ้นเคยง่ายดายเหมือนเคยทำมาหลายครั้งแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด