บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 417 พวกเรารอเจ้ากลับบ้าน

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 417 พวกเรารอเจ้ากลับบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จัดการกับหยุนหนีแล้ว จูนจิ่วก็โยนนางให้เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูไม่สนใจอีก ส่วนเรื่องเกี่ยกับนาง หยุนหนีอยากจะพูดนางก็ไม่สนใจ

เพราะนางแน่ใจว่า คนที่แม้แต่หน้าตาของสิ่งล้ำค่าเป็นอย่างไร ชื่ออะไรก็ไม่รู้ เมื่อเทียบกับ นางที่กลั่นยาทิพย์ใหญ่ได้สำเร็จกับมือ สามารถกลบเกลื่อนความสำคัญของของล้ำค่าได้ เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูไม่ได้โง่ แต่ก็ไม่ได้ถูกครอบงำจนหน้ามืดตามัว

ที่สุด หลังจากเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูสอบสวนหยุนหนีแล้วก็ฆ่านางต่อหน้าทุกคน วันนั้นจูนจิ่วไม่ได้ไป แต่ชิงหยู่กลับมาเช่าทุกขั้นตอนก่อนที่หัวของหยุนหนีจะหล่นลงที่พื้น

ต่อจากนั้น กองทัพของลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชูก็เดินทางกลับสำนักศึกษาไท่ชู ระหว่างทางจูนจิ่วขอลาพัก เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูไม่ได้ถามอะไรก็โบกมืออนุญาตให้ลาได้

ตอนนี้ ถึงเวลาที่ต้องไปพบกับคนของสำนักเทียนอู่จงกับเย่ส้าแล้ว

ที่ชายแดนเขตของสำนักศึกษาไท่ชู ในป่าที่รกร้างหนาทึบ ไม่มีใครอยู่ที่นี่ พื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยหญ่าและหนามแหลมคมไม่สามารถให้จรดเท้าได้ด้วยซ้ำ ฟิ้วฟิ้ว มีเงาเป็นสายวิ่งผ่านยอดไม้ ผ่านเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว

ข้างทะเลสาบ มีคนสามคนที่สวมชุดคลุมมีหมวกยืนรออยู่ที่นี่ไม่รู้นานเท่าใดแล้ว ปลายเท้าค่อยๆจรดพื้น ท่วงท่าของจูนจิ่วแผ่วเบาราวกับผีเสื้อตัวหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองทางสามคนนั้น มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ ชิงหยู่ลงมาอยู่ข้างหลังนาง เอ่ยขึ้นก่อนว่า “พวกเรามาแล้ว ”

“พี่จิ่ว”จูนเสี่ยวเหล่ยดึงผ้าคลุมออก วิ่งเข้าไปหาจูนจิ่วอย่างกอดนางอย่างตื่นเต้น ไม่เจอกันหลายเดือน จูนเสี่ยวเหล่ยสูงขึ้นแล้ว การฝึกฝนก็บรรลุนักจิตชั้นสี่แล้ว จูนจิ่วลูบหัวของจูนเสี่ยวเหล่ย เงยหน้ามองไปทางสองคนที่เหลือที่กำลังดึงผ้าคลุมหัวออก นางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านปู่ หยูนเฉียว ”

คนที่มา คือเฟิ่งเซียว หยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยพวกเขาสามคน

เฟิ่งเซียวมองจูนจิ่วด้วยความชื่นใจและดีใจเต็มอก รอยยิ้มเต็มหน้าพยักหน้ารัวๆ “ดีดีดี เสี่ยวจิ่วยิ่งอยู่ยิ่งสวย ฝึกฝนจนบรรลุชั้นห้าไม่เลวไม่เลว”เห็นจูนจิ่ว เฟิ่งเซียวดีใจจนเหลือแต่คำชื่นชมนาง

จากนั้นก็มองไปทางหยูนเฉียว หล่อเหลาดูดี ยืนผึ่งผายมองนางด้วยรางที่เต็มไปด้วยความคิดถึงและชื่นชม หยูนเฉียวอ้าปากพูด “แม่นางจูน เจ้าอยู่ที่สำนักศึกษาทั้งสามเป็นอย่างไรบ้าง”

“หยูนเฉียวนี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร มีข้าอยู่ด้วย จะให้ศิษย์น้องลำบากได้อย่างไร ถึงจะมีความลำบากหรืออันตรายข้าก็ต้องต้านไว้ก่อนอยู่แล้ว ”มุมปากของชิงหยู่มีรอยยิ้มที่แสนจะได้ใจและสง่างาม แกล้งถลึงตามองหยูนเฉียวแวบหนึ่ง

หยูนเฉียวรีบโบกมือ บอกกับชิงหยู่ยิ้มๆว่าเขาพูดผิดไปแล้ว

หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันแล้ว จูนจิ่วก็หยิบเอากล่องยาทิพย์ใหญ่ออกมาส่งให้เฟิ่งเซียว “ท่านปู่ นี่คือยาทิพย์ใหญ่ ท่านสามารถกินได้ จะได้บรรลุเข้าขั้นนักจิตใหญ่ ในเทียนอู่จงหรือเย่ส้า หากมีใครที่มีใครเข้าขั้นหรือมีพรสวรรค์แตกต่างจากคนอื่น ก็ให้พวกเขาคนละเม็ด”

“ยาทิพย์ใหญ่ ”พวกเฟิ่งเซียวต่างก็นิ่งอึ้งเบิกตากว้าง

พอเปิดออกดู กล่องแบ่งออกเป็นสองชั้น ทุกชั้นต่างมียาทิพย์ยาสิบเม็ดว่างเรียงกันเต็มไปหมด ชั้นบนกับชั้นล่างรวมกันแล้วก็ยี่สิบเม็ดพอดี สวรรค์ ยาทิพย์ใหญ่ในตำนานกลายเป็นเหมือนการห่อเกี๊ยวตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมจึงได้มีเยอะมาก

จูนเสี่ยวเหล่ยมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่าใคร สองตาที่เต็มไปด้วยความนับถือเป็นประกาย“พี่จิ่ว นี่พี่กลั่นเองใช่หรือไม่ ”

“ใช่”จูนจิ่วยิ้มพยักหน้า ภายหลังนางได้กลั่นยาทิพย์ใหญ่เพิ่ม เก็บไว้กับตัวแค่สามเม็ดที่เหลือคิดว่าจะให้เทียนอู่จงกับเย่ส้าใช้ แข็งแกร่งคนเดียวสามารถมองสรรพสิ่งในใต้หล้าด้วยความโอหัง แต่หากคนทั้งกลุ่มแข็งแกร่งจึงจะกุมใต้หล้าไว้ได้

นอกจากยาทิพย์ใหญ่ จูนจิ่วก็หยิบเอายาอีกมากมายออกมาจากช่องว่างในกำลังข้อมือ จุดนี้หยูนเฉียวได้เตรียมการไว้แต่แรกแล้ว ได้เอาห่อของที่พับเอาไว้ในแขนเสื้อออกมาใส่ พลางจัดเก็บพลางรู้สึกพอใจ ไม่อยากจะเชื่อ ยาที่มีมูลค่ามากมายต่อเม็ด ตอนนี้ราวกับหัวไชเท้าที่จะยัดใส่ในห่อเท่าไหร่ก็ได้ตามใจ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่แม่นางจูนนำมาด้วย หยูนเฉียวยิ่งรู้สึกบูชานางมากขึ้น ความชื่นชมก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

จู่ๆเฟิ่งเซียวถามจูนจิ่วถามขึ้น“เสี่ยวจิ่ว เจ้าจะกลับบ้านเมื่อไหร่”

จูนจิ่วชะงัก มองเฟิ่งเซียวแล้วขมวดคิ้วเบาๆ ในดวงตาของเฟิ่งเซียวเต็มไปด้วยความคิดถึง เขาพูดต่อว่า “เสี่ยวจิ่ว เทียนอู่จงกับเย่ส้าได้ย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่แล้ว ที่ใหม่นี้ลึกลับและปลอดภัยมาก แม้แต่สำนักศึกษาทั้งสามยังหาไม่พบ ไม่เพียงแต่ข้าที่คิดถึงเจ้า ทุกคนต่างก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน ”

“ใช่แล้วพี่จิ่ว พี่จะกลับมาเมื่อไหร่ ผู้อาวุโสเหอว่าไว้ในจดหมายที่ท่านส่งมา บอกไว้ว่าได้วิชาฝึกตนชั้นที่สี่มาแล้ว พี่จิ่วน่าจะกลับบ้านได้แล้ว ”จูนเสี่ยวเหล่ยถามนางอย่างโหยหา

หยูนเฉียวอ้าปาก แต่พอเห็นสีหน้าของจูนจิ่วก็กลืนคำพูดกลับไปหมด

มองจูนจิ่ว ชิงหยู่ขมวดคิ้วพูดว่า “ตอนนี้พวกข้ายังกลับไปไม่ได้”

“เพราะอะไร ”

“เทียงฉิวไม่ตาย เราจะไม่มีวันสงบสุข”จูนจิ่วพูด “เอายาทิพย์ใหญ่กลับไปเถอะ ข้าต้องการกองทัพที่สามารถต่อกรกับสำนักศึกษาทั้งสามได้ คนที่กินยาทิพย์ใหญ่แล้วสามารถบรรลุได้ ไม่ว่าจะเป็นเย่ส้าหรือเทียนอู่จง หากข้าต้องการ พวกเขาต้องมาที่นี่ ”

ทุกคนต่างเงียบ

จากน้ำเสียงที่เยือกเย็นไร้ปรานีของจูนจิ่ว พวกเขาฟังออกถึงความสง่างาม มีลางสังหรณ์ก่อตัวขึ้น

จะสู้กับสำนักศึกษาทั้งสามหรือ นี่ หากเป็นคนอื่น คงต้องหัวเราะเยาะนางว่าเพ้อเจ้อ แต่หากเปลี่ยนเป็นจูนจิ่ว แววตาของพวกเขาต่างค่อยๆแน่ใจ พวกเขาเชื่อว่าจูนจิ่วทำได้ ขอเพียงเป็นนาง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้

จูนเสี่ยวเหล่ยพูดว่า “พี่จิ่วสู้ๆ ข้าจะตั้งใจฝึกฝน จะคว้าโอกาสที่จะช่วยพี่จิ่วให้ได้”

“ได้”มุมปากจูนจิ่วโค้งขึ้น แล้วก็ลูบหัวของจูนเสี่ยวเหล่ย จูนเสี่ยวเหล่ยก็บิดไปมาในมือนางอย่างสนิทสนม

“เสี่ยวจิ่ว ข้าเชื่อเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าจะสนับสนุนเจ้า เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี พวกเราต่างก็รอเจ้ากลับบ้าน”เฟ่งเซียวมองจูนจิ่วแล้วพูด สายตาเต็มไปด้วยความเมตตาห่วงยา

จูนจิ่วชะงักไม่ตอบ กลับบ้าน

เทียนอู่จงคือบ้านของนาง แต่จูนจิ่วรู้ว่า บางทีนางอาจจะไม่กลับไปแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ นางกลับไม่ได้ สู้ชนะเทียงฉิว เบื้องหลังยังมีตำหนักไท่หวงที่ยิ่งใหญ่มหึมา หากไม่แก้ปัญหาอย่างถอนรากถอนโคน นางไม่สามารถกลับไปได้

ไม่สามารถนำความลำบากกับอันตรายกลับไปที่เทียนอู่จง เพราะนั่นคือบ้านของนาง นางต้องปกป้องให้ดีที่สุด

“แม่นางจูน”หยูนเฉียวเดินเข้ามา เขามองนางอย่างจริงจังและเคร่งขรึม หยูนเฉียวพูดว่า “ก่อนแม่นางจูนกลับมา ข้าจะทุ่มเทสุดกำลัง แม้ต้องตายก็จะปกป้องเทียนอู่จงกับเย่ส้า จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังเด็ดขาด”

จูนจิ่วยิ้ม พูดว่า “ดี”

ก็จากกันเช่นนี้ ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ชิงหยู่อยู่ข้างจูนจิ่ว พวกเขายืนอยู่บนยอดไม้มองพวกเฟิ่งเซียวเขาจากไปอยู่ไกลๆ กระทั่งไม่เห็นคนแล้ว ชิงหยู่ค่อยๆหันไปทางจูนจิ่ว

เขาเข้าใจความคิดของจูนจิ่วมากที่สุด

ชิงหยู่โชคดี ที่ตัวเองแข็งแกร่งพอ สามารถอยู่กับศิษย์น้องได้ตลอดทาง แบกรับภาระข้างหน้านาง ต่อไปเขาต้องแข็งแกร่งกว่านี้ จึงจะวิ่งทันฝีเท้าที่ร้ายกาจกว่าของศิษย์น้องคนนี้

คนที่เป็นศิษย์พี่ ก็ต้องปกป้องศิษย์น้อง

แต่ว่า ความคิดของชิงหยู่ล่องลอยไปชั่วครู่ เขาเงียบสงบแล้วก็หันไปมองรอบๆตัวทั้งสี่ทิศ พอดีกับที่จูนจิ่วหันมาเห็นเขาพอดี

จูนจิ่วเลิกคิ้ว “ศิษย์พี่ท่านทำอะไร”

“ดูว่าผู้อาวุโสโม่อยู่ที่ใด เหอะๆ เมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดอะไร”พลั้งปากพูดไป ชิงหยู่รีบส่ายหัวปฏิเสธ

โม่อู๋เยว่อุ้มเสี่ยวอู่ ฉะนั้นจูนจิ่วรู้ดีว่าเขาอยู่ที่ใด มองไปทางทิศนั้น จู่ๆจูนจิ่วก็ยิ้มมุมปาก ยิ้มอย่างมีเลศนัย ราวกับว่า โม่อู๋เยว่คือบุรุษเบื้องหลังนาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด