บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 439 มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 439 มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ครั้งหนึ่งที่ค่ายเขาวงกต จูนจิ่วเคยทำลายกระจกน้ำไปแล้วครั้งหนึ่ง จากนั้น นางก็มีความรู้สึกไวต่อการสำรวจกระจกน้ำเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่หาถุงยาผงนั้นเจอ จูนจิ่วก็สงสัยว่าในตัวจี้อีหมิงจะมีของสิ่งอื่นอยู่อีก

สุดท้ายก็หากระจกน้ำที่ซ่อนอยู่ในที่ครอบผมที่เผยกลิ่นอายของมันออกมาเพียงเล็กน้อย ไม่อยากที่จะคาดเดา เบื้องหลังกระจกน้ำต้องเป็นป้าฟางกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูแน่

สำหรับเรื่องที่ป้าฟางร่วมมือกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู จูนจิ่วไม่ได้ตื่นเต้นหรือเป็นกังวลแต่อย่างใด นางยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง กำลังคิดวางแผนอยู่ในหัวของนางเอง

มองสองคนตรงหน้าที่สีหน้าเริ่มเขียวคล้ำแล้ว จูนจิ่วเอ่ยขึ้นว่า “เชิญส่งตัวจี้อีหมิงกลับไป พวกเราจะเข้าร่วมการแข่งขันต่อ เพราะห่างจากระยะเวลาที่กำหนดหนึ่งเดือน ยังเหลือตั้งยี่สิบกว่าวันมิใช่หรือ ”

ป้าฟางพูดไม่ออก

จูนจิ่วมองไปยังเจ้าสำนักเทียนซูอีกครั้ง เอ่ยอย่างเยาะเย้ยว่า “วางใจได้ ถ้าพวกเราแบกรับไม่ไหวจริงๆ จะปล่อยพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือเอง”

ในใจของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกระตุก มองเด็กสาวที่ตัวสูงแค่ระดับอกของตนเองที่อยู่ตรงหน้าอย่างรู้สึกหวาดหวั่น หรือว่าจูนจิ่วจะรู้แล้วว่าพลุสัญญาณของนางไม่เหมือนกัน พลุสัญญาณของจูนจิ่วนั้นไม่มีทางนำทางป้าฟางมาที่นี่ได้ มีแต่จะนำทางให้หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวมา

มือที่ไขว้อยู่ด้านหลังกำแน่นเป็นหมัด เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่อนุญาตให้ตนเองเผยจุดอ่อนของตนเองต่อหน้านังเด็กนี่เด็ดขาด เขายิ้มอึมครึม “ดีมาก ป้าฟางพวกเราไปกันเถอะ อย่ารบกวนการประเมินของพวกเขาอีกเลย”

ป้าฟางขมวดคิ้วแน่น นางจ้องจูนจิ่วด้วยสายตาลึกล้ำ สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร พาจี้อีหมิงจากไป

พวกเขาเพิ่งจะจากไป เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็มีคำสั่งให้หน่วยกล้าตายเทียงฉิว

มองพวกป้าฟางเดินจากไป ทุกคนต่างมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก พวกเขาล้วนเป็นคนฉลาด ย่อมต้องสังเกตเห็นปฏิกิริยาของป้าฟางและคำพูดของสำนักศึกษาเทียนซูที่ไม่ปกติ การมีอยู่ของอินทรีเสือดาวสามตานั้น พวกเขารู้ดี ไม่แน่อาจเป็นพวกเขาที่วางแผนไว้เช่นนี้

แต่ทำไมพวกเขาต้องทำเช่นนี้

ทำไมจึงต้องปล่อยให้สัตว์อันตรายที่สามารถฆ่าคนได้มาอยู่ในพื้นที่แอ่งตรงนี้ด้วย

จูนจิ่ว “อย่ามัวอึ้งอยู่เลย เก็บข้าวของเถอะ จะได้ไปทันที ”

“ไปจากที่นี่ ศิษย์น้องจูน ฟ้ามืดแล้ว พวกเราเข้าป่าไปจะไม่ปลอดภัย เราอยู่ในถ้ำรอให้สว่างแล้วค่อยไปก็ได้นี่นา “มู่จิ่งหยวนถามจูนจิ่วอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องเป็นตอนนี้ รีบร้อนขนาดนี้

เหลือบมองมู่จิ่งหยวนแวบหนึ่ง จูนจิ่วไม่ได้อธิบาย ได้แต่พูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าจะอยู่ต่อก็ได้ ศิษย์พี่ พวกเราไปกันเถอะ”

“ได้”ชิงหยู่เชื่อฟังจูนจิ่วอย่างไร้ข้อสงสัย

เห็นความเย็นชาของจูนจิ่วเช่นนี้ พวกมู่จิ่งหยวนต่างก็นิ่งอึ้ง ต่างมองหน้ากัน ใช้สายตาสื่อสาร พวกเขาต่าวเก็บข้าวของเงียบๆแล้วตาจูนจิ่วไป

ฝู้หลินจ้านตามอยู่ข้างหลัง พูดขึ้นเบาๆว่า “มู่จิ่งหยวน หลินซวง พวกเจ้าสังเกตหรือไม่ว่าจูนจิ่วอารมณ์ไม่ดีเลย ดูจากสีหน้าก็รู้ แล้วก็ยังรู้สึกเย็นยะเยือกมาก เหมือนจะฆ่าคนอย่างไรอย่างนั้น ”

“ปฏิกิริยาของนางก็ปกติ”มู่จิ่งหยวนพูด

ฝู้หลินจ้านอึ้ง อะไรนะ ปกติ

เห็นฝู้หลินจ้านไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร ฝู้หลินซวงได้แต่อธิบายให้เขาฟัง “อินทรีหัวเสือดาวสามตา เป็นไปได้อย่างมากที่ป้าฟางกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูร่วมมือกันเอามาหาเรื่องจูนจิ่ว เปลี่ยนเป็นใคร ก็ไม่มีอารมณ์ที่ดีหรอก”

เป็นอย่างนี้นี่เอง ฝู้หลินจ้านเข้าใจขึ้นมาทันที ทุกคนต่างก็มีอารมณ์โกรธกันทั้งนั้น นับประสาอะไรกับจูนจิ่ว

คนหัวรั้นอย่างนาง ทระนงอย่างนาง อวดดีอย่างนาง ราวกับนางพญาหงส์ที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดา ไหนเลยจะทนกับการขัดขวางและแผนชั่วร้ายของป้าฟางและเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูได้ แต่ว่าพวกเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูแข็งแกร่งไป ไม่มีท่างแก้แค้นได้

ไม่มีทาง

จูนจิ่วคงจะพูดว่า นั่นคือพวกเขา ไม่ใช่นาง

ยกมือขึ้น มีนกตัวหนึ่งบินมาเกาะที่นิ้วมือของจูนจิ่ว จูนจิ่วควบคุมนกน้อย บอกมันว่า “ส่งข่าวให้เย่ส้า ให้กองทัพนักจิตใหญ่แฝงตัวเจ้ามาในสำนักเทียนซูให้หมด ฆ่าแล้วก็สวมรอยแทน อย่าให้ต้องเสียยาเปล่า สามารถแทรกซึมได้ลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี ”ตอนนี้ฟ้ามืดสนิท พวกมู่จิ่งหยวนอยู่ข้างหลัง ไม่ได้ยินที่จูนจิ่วคุยกับพวกนก มีเพียงตอนที่นกน้อยกระพือปีกบิน พวกเขาจึงสังเกตถึงความเคลื่อนไหว จูนจิ่วหยุดฝีเท้าลงหันไปมองพวกเขา “พักกันที่นี่”

“ที่นี่ ”ฝู้หลินจ้านประหลาดใจ

ที่นี่โล่งเตียนไม่มีแม้แต่ต้นไม้ ไม่มีถ้ำ แม้แต่ที่ที่สามารถบังลมได้ก็ยังไม่มี พอลมหนาวพัดมาทีก็หนาวไปจนถึงกระดูก แต่พอจะเอ่ยถาม จูนจิ่วก็ได้กระโดดขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ใหญ่แล้ว

ฝู้หลินจ้านได้แต่ถอนหายใจ ดึงเสื้อคลุมให้แน่นดึงตัวฝู้หลินซวงไปหาต้นไม้ที่พอจะหลบลมหนาวได้ มู่จิ่งหยวนไม่ได้ไปกับพวกเขา แต่เดินไปทางชิงหยู่

ชิงหยู่พยักหน้า“ศิษย์พี่มู่ ”

“ชิงหยู่ ข้าขอถามเรื่องแผนการของศิษย์น้องจูนได้หรือไม่ นางให้พวกเราออกมาจากถ้ำกะทันหัน ต้องมีสาเหตุแน่ ”มู่จิ่งหยวนไม่ได้มีความรู้สึกไวเหมือนกับจูนจิ่วและฝู้หลินซวง แต่เขามีความคิดที่ละเอียด คิดได้ไกลยิ่งกว่า

ชิงหยู่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ เงยหน้าไปมองจูนจิ่ว ชิงหยู่จึงพูดว่า “อีกไม่นาน ศิษย์พี่มู่ก็จะรู้เอง ”

มู่จิ่งหยวน ??

ทำไมชิงหยู่ยังต้องอุบเรื่องเอาไว้อีก แต่ว่าพอมู่จิ่งหยวนได้ความแน่ใจแล้ว ต้องมีเหตุผลแน่

และแล้ว เวลายังไม่ถึงหนึ่งถ้วยน้ำชา ทางที่พวกเขาจากมา ก็เกิดไฟลุกท่วมขึ้น เปลวไฟที่โหมกระพือทำให้บริเวณนั้นสว่างไปหมด พวกฝู้หลินจ้านต่างก็กระโดดขึ้นไปมองดูจากบนต้นไม้ ต่างก็สูดลมหายใจอย่างตะลึง

“นั่นมันถ้ำที่เราหยุดพักกันก่อนหน้านี้นี่”ฝู้หลินจ้านเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ทำไมในถ้ำจึงมีไฟลุกท่วมได้ ถ้าพวกเขายังอยู่ในถ้ำต่อ แม้จะโชคดีหนีออกมาได้แต่ก็คงได้รับบาดเจ็บหนัก

นี่ยังไม่พอ

ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงคำรามของอินทรีเสือดาวสามตามาจากที่ไกลๆ ปีกอันใหญ่มหึมาของมันบินไปถึงจุดที่เกิดไฟไหม้ บินวนเพื่อค้นหา แค่เสียงก็ฟังออกแล้วว่าเจ้าอินทรีเสือดาวสามตานั้นมันโมโหและอารมณ์เสียแค่ไหน เหมือนกับก่อนหน้านี้

มู่จิ่งหยวนปฏิกิริยาเร็วมาก พูดอย่างไม่น่าเชื่อว่า “ในไฟนั่นมีผงยา”

จึงได้ดึงดูดอินทรีเสือดาวสามตาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ จึงทำให้อินทรีเสือดาวสามตาเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา แต่ยานั่นได้ถูกจูนจิ่วเผาทิ้งไปแล้ว

พวกเขาจ้องมองไปทางจูนจิ่ว รอคำอธิบายของนาง จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่เอาไว้ ยิ้มเย็นๆ “ยืนให้ดีอย่าขยับ อินทรีเสือดาวสามตามองไม่เห็นพวกเจ้า ส่วนความสงสัยของพวกเจ้า หากลองใช้สมองก็จะเข้าใจเอง ”

ทุกคน ……

ที่จริงพวกเขาก็คิดออกแล้ว แต่ว่าไม่อยากจะเชื่อ นี่มันโหดร้ายเกินไป

ชิงอยู่เอ่ยขึ้น “ที่จุดไฟกับวางยา ต้องเกี่ยวข้องกับพวกเทียงฉิวแน่ เป้าหมายของพวกเขาก็คือฆ่าพวกเรา ”

เห็นชิงหยู่อธิบายให้พวกเขาฟัง พวกฝู้หลินจ้านก็ได้แต่นิ่งเงียบ จูนจิ่วแววตาขรึมลง เปลี่ยนท่าทางแล้วก้มหน้ามองพวกเขา นางเอ่ยขึ้นว่า“ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือยัง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับป้าฟางนั้นเล็งมาที่ข้า ถ้าหากพวกเจ้าไปจากข้าตั้งแต่ตอนนี้ ไม่แน่อาจจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ถ้ายังตามข้าตลอดทาง อินทรีเสือดาวสามตานั้นก็แค่เริ่มต้น ”

นางยังไม่ได้พบกับซิงโล่เฉินและหงยิง ไม่ต้องสงสัย พวกเขาสองคนคงเตรียมแผนใหญ่ไว้รอแล้ว เพื่อจะต่อกรกับนาง

ฝู้หลินซวงพูดเสียงเย็นชาว่า “พวกเราเป็นเพื่อนกัน มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ”

“ใช่”ฝู้หลินจ้านพยักหน้ารับ

จากนั้นก็มองไปยังมู่จิ่งหยวน เขากระตุกมุมปากถอนหายใจพูดว่า “ชีวิตข้าถูกช่วยไว้ด้วยศิษย์น้องจูน แน่นอนว่าไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าก็จะคอยช่วยเหลือ เช่นตอนนี้ เจ้ามีวิธีกำจัดเจ้าอินทรีเสือดาวสามตาหรือไม่ ”

“มี”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด