บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 54 แม่สาวน้อยคนนี้โหดมาก
บทที่ 54 แม่สาวน้อยคนนี้โหดมาก
“ ไม่ ไม่ ข้าเป็นนักกลั่นยา พวกเจ้าจะจับข้าไม่ได้ สูตรยาเป็นของข้า ทำไมพวกเจ้าถึงเชื่อนางเด็กเลี้ยงแกะคนนี้ ทำไมไม่เชื่อข้า ”
จ้าวเห้อตะโกนเสียงดัง “ นางเป็นคนขโมย นางขโมยของข้า พวกเจ้าสำนักตันเก๋อเคยยืนยันแล้ว ข้าต่างหากเป็นเจ้าของที่แท้ ”
อย่างไรก็ตามทุกคนมองจ้าวเห้อ ไม่มีความชื่นชมและนับถือก่อนหน้าแม้แต่นิด เหลือเพียงความรังเกียจและดูหมิ่นถึงที่สุด ไม่มีใครเชื่อเขาอีกต่อไป
จ้าวเห้อหวาดกลัวเงยหน้าขึ้น “ องค์รัชทายาท ช่วยข้าด้วย ”
เฟิงเทียนฉีขมวดคิ้ว จ้องมองจ้าวเห้อด้วยสายตาโกรธเย็นชา
จ้าวเห้อคนน่ารังเกียจ ทำให้เขาเลือกคนผิด เกือบเอาเขาเข้ามารับใช้อยู่ด้วย ตอนนี้ขายหน้าขนาดนี้ สายตาคนพวกนั้นที่มองเขาเหมือนกำลังหัวเราะเยาะที่เขามีตาหามีแววไม่ เฟิงเทียนฉีทนไม่ไหวอยากฆ่าจ้าวเห้อด้วยซ้ำ จะช่วยเขาได้ยังไง
จูนหยูนเสวี่ยที่อยู่ข้างๆมืดดำราวก้นหม้อ นางเชื่อจ้าวเห้อ ผลคือถูกหักหน้าจนบวม จ้าวเห้อสมควรตาย
นี่เป็นไปได้ยังไง
ทำไมถึงมาอยู่จุดนี้ได้ เขากำลังจะมีชื่อเสียงทั่วแคว้นเทียนโจ้งอยู่แล้ว ทำไมถึงแพ้ราบคาบได้ ผู้คนละทิ้ง
เพราะจูนจิ่ว
เพราะนางเด็กคนนั้น เพราะนาง เพราะนางที่ทำทุกอย่างให้เป็นแบบ
จ้าวเห้อหันกลับมาอย่างแรง เขาจ้องมองจูนจิ่วด้วยสายตาบ้าคลั่งเคียดแค้น ก่อนที่คนคุ้มกันของสำนักตันเก๋อจะล้อมเขา จ้าวเห้อพุ่งใส่จูนจิ่วเหมือนคนบ้า “ ข้าจะฆ่าเจ้า สูตรยาเป็นของข้า ”
“ ระวัง ”
“ จับจ้าวเห้อไว้เร็ว ”
จูนเสี่ยวเหล่ยตื่นเต้นตาโตขึ้น “ พี่จิ่วระวัง ”
เห็นจ้าวเห้อพุ่งใส่จูนจิ่ว ทุกคนต่างใจเต้นแรงจนแทบทะลุลำคอออกมา คนหนึ่งเป็นคนแก่ร่างใหญ่ อีกคนเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักตัวเล็ก ใครเก่งใครอ่อน มองตาเดียวก็มองออก
ระยะใกล้มาก แต่จูนจิ่วกลับไม่ขยับแม้แต่นิด หรือว่าจะกลัวจนโง่แล้ว รีบหลบสิ
แสงสีเงินสะท้อน แยงใส่ตาของทุกคน
“ อ่า ” เสียงกรีดร้องดังขึ้น ไม่ใช่จูนจิ่ว
ทุกคนต่างมองไปดู เห็นจ้าวเห้ออ้าปากร้องคราง เดินถอยหลัง สองมือเขายกขึ้นมาเต็มไปด้วยเลือดไหลนอง มองดูดีๆรู้สึกเสียวหนังหัว เพราะเส้นเอ็นเขาถูกตัดขาด แม้แต่กระดูกก็หัก เหลือเพียงหนังชั้นเดียวเชื่อมไว้
หันมองมาที่จูนจิ่วมุมปากมีรอยยิ้มเยาะ ที่นิ้วมือควงมีดกริชเล่น
โฮ่!
แม่นางน้อยคนนี้โหดมาก
ทุกคนยังไม่ได้สติกลับมาจากความตกใจ ก็เห็นจูนจิ่วเดินไป ยกขาเตะจ้าวเห้อลอย ร่างเล็กกระทัดรัด ระเบิดพลังออกมาทำให้ผู้คนตกใจ จ้าวเห้อกลิ้งออกไปเหมือนถุงผ้าผ้าขี้ริ้ว ตั้งนานก็ลุกไม่ขึ้น
“ ขโมยสูตรยาของข้า มาเป็นของตัวเอง ทำลายสองมือเจ้า เป็นการสั่งสอน ”
จูนจิ่วเดินเข้าไป เท้าเหยียบที่อกจ้าวเห้อ ปลายนิ้วหมุนมีดกริช แสงสีเงินกระจายเลือดสด เลือดหยดลงบนกระโปรงของจูนจิ่วทีละหยดๆ กลายเป็นดอกไม้สีเลือด
จูนจิ่ว “ คนหลอกลวง ใส่ร้ายข้า ลิ้นอันนี้ก็ไม่ต้องใช้อีกต่อไป ”
สายตานางเย็นชากระหายเลือด ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มอันตรายทำให้คนใจสั่น มันอาจจะสวยงาม แต่ก็เป็นดอกกุหลาบอันตราย ที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าใจ
จ้าวเห้อตาเหลือกตาโตขึ้น ตกใจหวาดกลัว ในที่สุดเขาก็เสียใจ ไม่ควรขโมยสูตรยา แต่สายเกินไปเสียแล้ว
ความกลัวเข้ามาแทนที่ ตับไตแตกเป็นเสี่ยงๆ
จ้าวเห้อกระอักเลือดออกมา สุดท้ายตาเหลือกขึ้นตกใจตาย จูนจิ่วขยักแขยงยกเท้าออก มองด้วยสายตาดูหมิ่น “ แค่นี่ก็ตกใจตายแล้วหรอ สวะ ”
มีความกล้าแค่นี้ ยังกล้ามาขโมยสูตรยาของนางหรอ
เสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆเดินมา มันพูด : เพราะตอนนั้นนายท่านดูแล้วทั้งเด็กทั้งอ่อนแอ ไอ้คนหลอกลวงจะรู้ได้อย่างไรว่าที่แท้นายท่านเก่งกาจขนาดนี้
แค่เก่งกาจที่ไหน จูนจิ่วโหดเหี้ยมทารุณต่างหากล่ะ
จ้าวเห้อกลัวจนตายไปแล้วหรอ ทุกคนต่างอ้าปากตาค้าง
ท่ามกลางความเงียบงัน จูนหยูนเสวี่ยอ้าปากเอ่ยขึ้นก็รู้สึกว่าเสียงดังมาก นางกลับตำหนิจูนจิ่ว “ เจ้าเป็นเด็กอายุยังน้อยแท้ๆ ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้ เจ้าทำลายสองมือเขาแล้ว ให้เขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ”
“ นับจากนี้ไป เขาถูกกำหนดให้ถูกขับไล่ออกจากแคว้นเทียนโจ้ง ชื่อเสียงพินาศย่อยยับ นี่เป็นจุดจบที่อนาถมากแล้วสำหรับการที่เขาขโมยสูตรยาของเจ้า เจ้ายังจะตัดลิ้นเขาอีก ทำเขากลัวจนตายทั้งเป็น ”
จูนจิ่วหันกลับมา มองจูนหยูนเสวี่ยด้วยสายตาเย็นชา “ เกี่ยวบ้าอะไรกับเจ้า ”
“ เมี๊ยว เมี๊ยว ” ใช่ เกี่ยวบ้าอะไรกับเจ้า
มาแกล้งทำเป็นแม่พระอะไร ไม่ใช่อยากจะใช้การวิจารณ์ ให้นายท่านถูกตำหนิ ทำลายชื่อเสียงนายท่านอีกครั้งหรอ นางร้ายเหมือนซั่งกวนอี่หรงแม่ของนาง
ใช่แล้ว จุดประสงค์ของจูนหยูนเสวี่ยคือแบบนี้จริงๆ แล้วนางก็มองข้าม เล่ห์เหลี่ยมที่โหดเหี้ยมของจูนจิ่วที่ทุกคนตกใจกลัว บวกกับความละอายก่อนหน้าที่พวกเขายกยอจ้าวเห้อ วิจารณ์หรอ แม้แต่ฟองน้ำก็ผุดไม่ขึ้นสักอัน
ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่เฟิงเทียนฉีก็มองนางอย่างไม่พอใจ “ เสว่เอ๋อร์ ทำไมเจ้าพูดแบบนี้ จ้าวเห้อคนนี้สมควรตายอยู่แล้ว ตอนนี้เขาตายไปแล้ว ยังง่ายเกินไปสำหรับเขา ”
“ องค์ชาย ” จูนหยูนเสวี่ยมองเฟิงเทียนฉีแล้วชะงักไป
นางลืมไป เฟิงเทียนฉีถูกจ้าวเห้อหลอก กำลังโกรธจัดอยู่ หมากนี้นางเดินเดินผิดไป
จูนหยูนเสวี่ยกัดริมฝีปากทันที ดอกบัวสูงส่งสง่างามกลายเป็นก้านเหี่ยวลงทันที เฟิงเทียนฉีเห็นดังนี้ ก็รีบเก็บความไม่พอใจไว้ เขากุมมือจูนหยูนเสวี่ย น้ำเสียงอ่อนโยน “ เสว่เอ๋อร์ข้าพูดแรงไป เจ้าจิตใจดีเกินไป ”
แหวะ!เสี่ยวอู่ทำท่าทางอ้วกออกมา
จิตใจดีหรอ เกรงว่าเฟิงเทียนฉีน่าจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับจิตใจดีคืออะไร
ไม่มีอารมณ์จะดูละครรักลึกซึ้งของชายเลวกับดอกทอง จูนจิ่วกระดิกนิ้ว เสี่ยวอู่กระโดดเข้ามาในอ้อมแขน หันหลังจะเดินจากไป ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อรั้งนางไว้ด้วยสีหน้าละลายใจ “ แม่สาวน้อย เรื่องวันนี้เป็นความผิดพลาดของสำนักตันเก๋อ ขอเจ้ากรุณาอภัยให้ด้วย ” ไม่รอจูนจิ่วตอบ ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อหยิบป้ายอันหนึ่งออกมา “ นี่เป็นป้ายของข้า เจ้าสามารถใช้ป้ายนี้ในการเข้าสำนักตันเก๋อ และการใช้เตาหลอมของสำนัก อีกทั้งยาสมุนไพรบางส่วนและอื่นๆด้วย อ้อใช่ เจ้ายังไม่ได้ขึ้นทะเบียนนักกลั่นยาใช่ไหม ข้าจะลงให้เจ้าด้วยตัวเอง ไม่ทราบชื่อแม่นางว่าอะไร ”
ขึ้นทะเบียนนักกลั่นยา?
จูนจิ่วมีความตั้งใจนี้ ดังนั้นนางจึงรับป้ายของผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อมา เขียนชื่อออกมาชื่อหนึ่ง “ จูนจิ่ว ”
“ อะไรนะ จูนจิ่ว ”
“ จูนจิ่ว ” เสียงอุทานของเฟิงเทียนฉีกับจูนหยูนเสวี่ยลอยมาจากข้างหลัง
ความดังของเสียง ทุกคนในสำนักตันเก๋อต่างก็ได้ยินทั่ว พวกเขาส่งสายมองที่จูนจิ่ว สีหน้าท่าทางตกใจจนไม่มีคำไหนมาอธิบายได้ ราวกับว่าเห็นวันสิ้นโลกอย่างนั้นแหละ
“ เจ้าชื่อจูนจิ่ว ” จูนหยูนเสวี่ยจ้องมองจูนจิ่ว ไม่อยากจะเชื่อ
ทุกคนอารมณ์เหมือนนาง นางจะเป็นจูนจิ่วไปได้อย่างไร สวะของตระกูลจูน ไม่รู้จักละอาย หญิงหลายเฟื้องใจโลเล จะมีชื่อเดียวกันกับแม่นางน้อยคนนี้ที่สวยงาม ท่าทางดึงดูด บ้าคลั่งทั้งยังเก่งด้วยได้อย่างไร
นางไม่มีทางใช่จูนจิ่วคนนั้น
เฟิงเทียนฉีฝืนเก็บความรังเกียจในใจ ดูเหมือนใจดีแนะนำ “ ขอโทษที่ข้าต้องพูดตรงๆ เจ้าเปลี่ยนชื่อใหม่เถอะ จูนจิ่วชื่อนี้ ที่เมืองหลวงมันน่าละอาย น่าขยะแขยง ”
“ อ้อ อย่างนั้นหรอ ” จูนจิ่วยิ้ม “ แต่ข้ากลับรู้สึกว่าจูนจิ่วชื่อนี้ดีมาก ” “ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชื่อนี้ดีมาก จูนจิ่ว จิ่วเป็นตัวแทนก้าว ” น้ำเสียงเชื่องช้าน่าลุ่มหลงของโม่อู๋เยว่ลอยมา จูนจิ่วเหลือบมอง เห็นเขายืนอยู่ข้างๆด้วยท่าทางปกป้อง
Comments