บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 70เสี่ยวจิ่วคือนางปีศาจ

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 70เสี่ยวจิ่วคือนางปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่70เสี่ยวจิ่วคือนางมารร้าย

นางมารร้าย!

สองคำนี้ผุดขึ้นมาในใจของเฟิ่งเซียว

จากคำพูดของเขาเพียงไม่กี่คำก็สามารถมองคำพูดโกหกออกนางมองออกว่านางไม่ใช่บุตรสาวคุณชายสามตระกูลจูนแต่เป็นบุตรสาวของคุณชายห้าจูนหมิงเย่ตอนนี้ยังมองออกว่าเขาจากไปเพราะโดนยาพิษและกลับมาเพราะเหลือชีวิตอีกไม่มากแล้ว

แม้นจูนจิ่วจะรู้ความจริงลดทอนความรู้สึกผิดในใจเฟิ่งเซียวไปได้บ้างแต่เฟิ่งเซียวยังมีอีกคำถามในใจที่อยากถามมากกว่า“เจ้ามองออกได้อย่างไรว่าข้าถูกยาพิษ?และ…และยังไม่ออกว่าข้ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน?”

เฟิ่งเซียวสำรวจตัวเองหลายครั้งดูจากภายนอกหรือ?ก็ไม่ได้มีอะไรผิดสังเกตนี่!

จูนจิ่วสัพยอกพลางค่อยๆละเมียดชมท่าที่ตื่นตะลึงสับสนของเฟิ่งเซียวแล้วจึงยื่นมือแตะไปที่บ่าของตนพลางกล่าว“ข้าเป็นนักกลั่นยาที่ท่านแตะข้าเมื่อครู่ข้าก็จับสัมผัสได้แล้ว”

“อย่างนี้ก็ได้หรือ?แม้ยังไม่ได้จับชีพจร!”เฟิ่งเซียวนอกจากจะไม่เข้าใจแล้วกลับยิ่งตะลึงงันไปแล้ว

จูนจิ่วหัวเราะออกมา

เสี่ยวอู่จับตามองดูอยู่เอ่ยถามเมี้ยวเมี้ยวออกมานางท่านช่างร้ายกาจนักจูนจิ่วไม่ต้องแมะเส้นก็รู้นางในอนาคตได้ฝึกฝนวิชาปิงซินมาก่อนนอกจากร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แล้วที่เห็นชัดที่สุดก็คือพลังจิตอันเข้มแข็งพลังทั้งสองติดตามตัวนางย้อนเวลากลับมาด้วยที่เฟิ่งเซียวกดจุดนางเมื่อครู่พลังจิตของนางได้ไหลขึ้นไปตามมือของเฟิ่งเซียวเข้าสู่ร่างกายของเขาเมื่อหมุนวนไปทั่วร่างเขาก็ให้ทราบสภาพร่างกายของเฟิ่งเซียว

สภาพร่างกายของเฟิ่งเซียว

เขาถูกพิษและยังเป็นพิษที่อยู่กับเขามานานอยู่ในร่างกายของเขาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว

เมื่อคิดทบทวนกลับไปก็สามารถเข้าใจเหตุผลที่เฟิ่งเซียวจำเป็นต้องทิ้งนางไว้และออกเดินทางไปผู้เดียวในครั้งก่อนอย่างง่ายดายและยังทำให้รู้ว่าเฟิ่งเซียวเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วจูนจิ่วทราบดังนี้ท่าทีที่มีต่อเขาก็ผ่อนคลายลงมากทีเดียว

เสี่ยวอู่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะเล็กมองปราดเดียวก็เข้าใจความคิดของจูนจิ่ว

คนอื่นอาจจะไม่รู้มันในอนาคตอยู่เคียงข้างจูนจิ่วกว่าสิบปีแล้วนายท่านแท้จริงเริ่มคันไม้คันมืออยากช่วยเหลือเฟิ่งเซียวเข้าแล้ว!

จูนจิ่วยิ้มพลางมองไปยังเฟิ่งเซียว“ท่านอยากจะทดแทนให้ข้าได้ข้าเพียงอยากให้ท่านตอบตกลงข้าหนึ่งเรื่อง”

“เรื่องอะไรหรือ?เสี่ยวจิ่วเจ้าบอกมาได้เลย!พระอัยกาให้เจ้าได้ทุกอย่างเลย”เฟิ่งเซียวดูราวกับแทบอดรนทนไม่ได้

จูนจิ่วกรีดนิ้วเรียกเขาเข้ามาใกล้เฟิ่งเซียวรีบเดินเข้ามาทันทีพระเจ้าหลวงที่ผู้คนทั้งแค้วนเทียนโจ้งต่างยำเกรงในตอนนี้กลับเชื่อฟังจูนจิ่วที่อยู่เบื้องหน้าอย่างแทบไม่น่าเชื่อเกรงเสียแต่ว่าหากมีคนภายนอกมาเห็นเข้าคงจะตกใจจนตาแทบถลนออกจากเบ้า

นางให้เฟิ่งเซียวนั่งลงพลางยื่นมือออกมาจูนจิ่วยื่นมือออกไปจับเส้นแมะนางเอ่ยขึ้น“ให้ข้ารักษาท่าน”

“เสี่ยวจิ่วเจ้า…”เฟิ่งเซียวอ้าปากราวกับอยากกล่าวอะไรบางอย่างพิษของเขาเป็นพิษร้ายแรงถึงชีวิต!เขาใช้เวลาสิบกว่าปีเดินทางรอนแรมไปทั่วแดนกลับยังไม่อาจหาวิธีรักษาได้เพียงแค่จูนจิ่วจะรักษาได้อย่างไร?

ต่อเมื่อมองจูนจิ่วที่ตั้งใจจับเส้นชีพจรตรวจเขาเฟิ่งเซียวค่อยๆกลืนคำพูดเขาเขากลับมาเพื่อมาทดแทนสิ่งที่ไม่ได้ทำให้กับจูนจิ่วหากแม้นทำให้จูนจิ่วมีความสุขให้เข้าทำอะไรก็ย่อมได้!ตอนนี้เพียงตอบตกลงกับนางแค่พยักหน้าง่ายดายจะตายไป

ดังนั้นเฟิ่งเซียวจึงพยักเพยิด“ตกลง”

ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดไปเองหรือไม่เฟิ่งเซียวพบว่าเพียงเขาพยักหน้าตกลงแล้วท่าทีที่จูนจิ่วมีต่อเขาก็ดีขึ้นแน่นอนอาจเป็นเพราะจูนจิ่วสนใจในพิษที่อยู่ในร่างเขาก็เป็นได้

แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรเฟิ่งเซียวได้รับเชิญให้ไปพำนักยังเรือนของจูนจิ่วหรือเรียกให้ไพเราะคือเข้าการรักษาอย่างใกล้ชิด

เพียงเมื่อเขาเห็นที่ประตูมีคำว่าจวนโม่สองคำก็ให้งุนงงสงสัยจนเมื่อจูนจิ่วแนะนำเหลิ่งยวนให้กับเขา“นี่คือผู้พิทักษ์ที่อาจารย์ข้ามอบให้รักษาปกป้องข้านามว่าเหลิ่งยวนเรือนแห่งนี้ก็เป็นของอาจารย์ข้าแต่ตอนนี้เขายังไม่อยู่”

“อ้อ!”เฟิ่งเซียวลูบเคราไปมาพลางพยักหน้า

เขาพินิจพิเคราะห์เหลิ่งยวนต้องลอบสูดหายใจชั่วครู่ยังไม่ต้องเอ่ยถึงรูปร่างท่าทางของเหลิ่งยวนหากอยู่ท่ามกลางผู้คนก็ราวกับมังกรในฝูงชนแต่กลับเป็นเพียงผู้พิทักษ์ช่างน่าเสียดายความสามารถยิ่งนัก!

เขาลอบทดสอบความสามารถของเหลิ่งยวนกลับยากลึกหยังถึงความสามารถยังแข็งแกร่งกว่าเขานักถึงกับไม่สามารถรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขาได้เลยหากนับฝีมือจากบิดาของจูนจิ่วหลังจากจูนหมิงเย่สิ้นไปแล้วแม้นผู้กล้าฝีมืออันดับหนึ่งในแคว้นเทียนโจ้งก็ยังมิสามารถมองความสามารถของเหลิ่งยวนได้

นี่เป็นเพียงผู้พิทักษ์ที่อาจารย์ของจูนจิ่วฝากเอาไว้ไม่อาจคาดเดาอาจารย์ของเสี่ยวจิ่วจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน?ความสามารถในการรักษาของจูนจิ่วนี้เป็นไปได้มากว่าเกิดจากการถ่ายทอดจากอาจารย์ผู้นี้

จูนจิ่วมองไปยังปี้หลั๋ว“นี่คือหญิงรับใช้หากมีเรื่องอะไรมอบหมายให้นางก็ได้นางซื่อสัตย์นักท่านไม่ต้องกังวล”

ยาหุ่นเชิดเม็ดหนึ่งปี้หลั๋วจะเป็นตายก็คือหุ่นเชิดของนาง!

“และนี่คือเสี่ยวอู่มันเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของข้านอกจากข้าแล้วมันเป็นนายรองในที่แห่งนี้ฉลาดและเอาแต่ใจสักหน่อยแต่ก็น่ารักและเป็นมิตรต่อคนมันอาจจะไปหาท่านบอกข่าวคราวแทนข้า”จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่คำพูดและท่าทีแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

เฟิ่งเซียวมองดูเสี่ยวอู่อย่างตั้งใจทว่าเสี่ยวอู่ด้วยคำขมของจูนจิ่วตัวลอยแทบจะเหินขึ้นไปบนฟ้า

เหลิ่งยวนลอบมองหางตากระตุกเขามักถูกเสี่ยวอู่ตามไล่จนแทบเป็นเงาตามตัว!เพียงมันมีความสำคัญต่อจูนจิ่วมากเขาจึงยังไม่ลงมือเมื่อแตะต้องไม่ได้เขาจึงทำได้เพียงหลบมันเท่านั้น

จูนจิ่วมองไปยังเฟิ่งเซียวและแนะนำให้กับเหลิ่งยวน“ท่านผู้นี้คือพระเจ้าหลวงแห่งแคว้นเทียนโจ้งเขาคือ…คนไข้ของข้า”

เฟิ่งเซียวรอฟังคำว่าพระอัยกาหรือท่านตาแต่ก็ต้องผิดหวังเฟิ่งเซียวได้แต่ปลอบใจตัวเองจูนจิ่วยังเป็นทารกเขาก็จากไปแล้วตอนนี้เขากลับมากับจูนจิ่วแล้วเขาก็ยังเป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น

ต่อไปหากสนิทสนมกันมากขึ้นจูนจิ่วต้องเรียกเขาท่านตาแน่นอน!เป้าหมายของเฟิ่งเซียวก็คือเรื่องนี้ก่อนตายเขาต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้

ในตอนนี้เฟิ่งเซียวกลับไม่รู้ว่าอีกไม่นานเป้าหมายของเขาไม่เพียงแต่จะสัมฤทธิ์ทั้งยังจะสามารถขจัดพิษและมีชีวิตไปอีกยาวนานด้วย

วันคืนในจวนโม่เงียบสงบเป็นสุขนักจูนจิ่วฝึกฝนกลั่นยารักษาเฟิ่งเซียวหากไม่มีเรื่องอันใดก็ลูบเล่นแมวเล่นสนุกกับแมวและมองดูเสี่ยวอู่ไล่จับเหลิ่งยวนไปทั่วจวนอย่างสบายใจ

อีกด้านหนึ่งในจวนตระกูลจูนกลับดั่งราวมีเมฆดำปกคลุมครึ้มหม่นมัว

เฟิ่งเซียวตรัสจริงทำจริงคำสั่งของพระเจ้าหลวงฮ่องเต้ผู้เป็นบุตรไหนเลยจะไม่ปฏิบัติตามรีบออกราชองค์การรับสั่งให้เฟิ่งเทียนฉี่และจูนหยูนเสวี่ยเสกสมรสแต่ทว่าเฟิ่งเทียนฉี่ไม่ยินยอมจูนหยูนเสวี่ยยิ่งไม่ยินยอมไปกว่า

จูนหยูนเสวี่ยในตอนนี้กำลังอาละวาดใหญ่“ให้ข้าอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทไม่มีทาง!เขาดูแคลนข้าต่อหน้าฝูงชนเปลี่ยนคำจะสู่ขอนางแพศยาจูนจิ่วท่านพ่อท่านแม่ท่านยอมให้บุตรสาวท่านแต่งกับเขาได้อย่างไร?”

“เสว่เอ๋อร์รับสั่งของฮ่องเต้พวกเราอาจปฏิเสธได้แต่พระเจ้าหลวงยังอยู่ในแคว้นเทียนโจ้งหากทำให้นักจิตชั้นเจ็ดเช่นท่านทรงกริ้วพวกเราตระกูลจูนคงต้องหายสาบสูญไปจากแคว้นเทียนโจ้งแล้ว”ซั่งกวนอี่หรงสอนจูนหยูนเสวี่ยอย่างเสียไม่ได้

จูนสงเทียนกลับออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด“เพื่อตระกูลจูนเจ้าต้องแต่ง!”

“ไม่!”จูนหยูนเสวี่ยโกรธแค้น“นักจิตชั้นเจ็ดเยี่ยมยอดนักหรือ?สำนักเทียนโจ้งจะเริ่มเปิดเรียนแล้วข้าฟังที่ท่านอาจารย์พูดในปีนี้จะมีอู๋อจงมาที่สำนักเพื่อเฟ้นเลือกลูกศิษย์หากข้าถูกเลือกข้าก็ไม่ต้องเสกสมรสกับเฟิ่งเทียนฉี่แล้วใช่หรือไม่?”

“อะไรนะ?”จูนสงเทียนและซั่งกวนอี่หรงฟังแล้วประหลาดใจนัก

จูนหยูนเสวี่ยพยักหน้า“นี่คือเรื่องจริงข้าเป็นศิษย์เอกในสำนักเทียนโจ้งท่านรองเจ้าสำนักเอ็นดูข้ายิ่งนักหากได้รับการสนับสนุนจากเขาให้ข้าเข้าอู๋อจงได้เป็นศิษย์ของอู๋อจงเมื่อถึงตอนนั้นท่านพระเจ้าหลวงคงไม่อาจบังคับข้าเสกสมรสกับเฟิ่งเทียนฉี่ได้อีกใช่หรือไม่?”

ตอนนี้จูนหยูนเสวี่ยเกลียดแค้นกับเฟิ่งเทียนฉี่นักเขาทำให้นางอับอายขายหน้าดูถูกนาง!นางยิ่งเกลียดจูนจิ่วแค้นจนอยากสับนางให้แหลกละเอียดเป็นหมื่นชิ้นแต่เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือหลบหลีกจากเรื่องงานเสกสมรสให้ได้เสียก่อน

เรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของวันของจูนสงเทียน“เสว่เอ๋อร์เจ้ามีความหวังว่าเจ้าจะได้รับเลือกเป็นศิษย์ของอู๋อจงไหม?”“มี!”เพื่อไม่ต้องแต่งกับเฟิ่งเทียนฉี่เพื่อให้ได้แก้แค้นล้างเลือดกับจูนจิ่วความหวังหรือ?ไม่ว่าจะทำวิธีใดนางก็ต้องทำให้ได้!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด