บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 83คู่ครองวิญญาณตราบชั่วชีวิต

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 83คู่ครองวิญญาณตราบชั่วชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่83คู่ครองวิญญาณตราบชั่วชีวิต

จูนจิ่วมีสีหน้าตกใจนางก็แค่คิดถึงชื่อของโม่อู๋เยว่ในใจคงไม่ขนาดนั้นมั้ง?

เหลิ่งยวนอยู่บนต้นไม้เบิกตากว้างเขารีหันหน้ากลับกระโดดลงจากต้นไม้รีบไปหาสถานที่เงียบๆทำท่ากดนิ้วมือใบหยกที่เอวลอยไปอยู่กลางอากาศเหลิ่งยวนรีบเรียกหา“ยิงหันตื่นตื่นยิงหัน”

“รอเดี๋ยวข้ากำลังเกลี่ยกล่อมเจ้านายอยู่”ภายในใบหยกมีเสียงของผู้ชายที่เยือกเย็นดุจหิมะเปล่งเสียงออกมา

อีกฝั่งหนึ่งของใบหยกชายเสื้อแดงที่มีใบหน้าเคร่งขรึมดุจน้ำค้างแข็งรอบตัวแผ่ความหนาวเย็นที่เสียวกระดูกเขากึ่งคุกเขาอยู่ที่พื้นกุมมือคำนับเกลี่ยกล่อม“เจ้านายท่านยังเก็บกลิ่นมังกรไม่เสร็จเลยจะออกไปตอนนี้ไม่ได้”

“หลีกไป”โม่อู๋เยว่ยืนอยู่ในสระมังกรเย็นกำลังเดินออกมาทีละก้าว

เขาเดินอย่างช้าๆอย่างยากเย็นราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเดินถูกทับถมด้วยภูเขาใหญ่ทั้งลูกสระมังกรเย็นที่เย็นถึงกระดูกโซ่น้ำแข็งเป็นแท่งๆที่โผล่ออกมาเพื่อกีดกัดไม่ให้เขาออกไปแต่ทว่าตามฝีเท้าของโม่อู๋เยว่พวกมันกลับแตกสลายเป็นท่อนๆกีดกัดไม่อยู่

เมื่อเห็นโม่อู๋เยว่ที่รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นมังกรที่แสดงความแยกเขี้ยวยิงฟันยิงหันสุดหายใจเข้าแล้วเงยหน้าขึ้นสีสันฟ้าดินเปลี่ยนไปนิมิตหมายจะบังเกิดยิงหันร้อนรน“เจ้านายเชิญท่านลงสระมังกรเย็นเถอะ”

“ยิงหันให้ข้าพบเจ้านายทีข้าเกลี่ยกล่อมเอง”น้ำเสียงที่กระวนกระวายของเหลิ่งยวนออกมาจากใบหยกยิงหันคิดไปเพียงครึ่งวินาทีรีบเอาใบหยกออกมา

ใบหยกลอยออกไปมีแสดงเปล่งประกาย

นัยน์ตาโม่อู๋เยว่เย็นเยือกเย่อหยิ่งสายตามองไปที่ใบหยกภายใต้ดวงตาสีทองใบหยกสั่นสะท้านเหมือนจะแหลกสลาย

เสียงของเหลิ่งยวนเปล่งออกมาจากใบหยก“เจ้านายนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดแม่นางจูนแค่กำลังแนะนำกระดิ่งให้กับคนอื่นบอกว่าท่านเป็นคนให้จึงเอ่ยเรียกชื่อท่านอย่างไม่ได้ตั้งใจแม่นางจูนตอนนี้สบายดีมากไม่มีอันตรายแม้แต่น้อยเจ้านายท่านใจเย็นๆก่อน”

“อึม?”ฝีเท้าของโม่อู๋เยว่หยุดลง

เมื่อเห็นเขาหยุดฝีเท้าลงใบหน้าที่เย็นเฉียบราวน้ำค้างแข็งของยิงหันในที่สุดก็คลายความกังวลลงบ้างแต่ทว่าปลายนิ้วมือที่โค้งงอของเขาหยุดไม่ได้ยังคงต้องควบคุมโซ่น้ำแข็งให้อยู่บริเวณรอบๆของโม่อู๋เยว่ต่อให้จะเปล่าประโยชน์ก็ไม่อาจลดละได้

โม่อู๋เยว่แหงนมองไปที่ใบหยกดวงตาสีทองที่เหี้ยมโหดเสียงของเขาเย็นชาไร้ความรู้สึกใดๆ“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่เป็นไร?”

“ใช่เหลิ่งยวนสาบานด้วยชีวิตแม่นางจูนสบายดี”

โม่อู่เยว่พูดพึมพำตาละห้อยเขาก็รู้สึกได้ว่าจูนจิ่วไม่ได้มีเรื่องอะไรกระดิ่งนั้นทำมาจากเกร็ดมังกรของเขามุขสีทองที่อยู่ภายในทำมาจากกระดูกของเขาหากจูนจิ่วมีภัยจะไม่ใช่แค่เสียงดังเบาๆหนึ่งครั้ง

เมื่อรู้ว่าจูนจิ่วไม่ได้มีอันตรายดวงตาสีทองของโม่อู๋เยว่ฉายแววมืดครึ้มเข้าใจผิดเหรอ?เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ของเขาไม่ได้คิดถึงเขา

โม่อู๋เยว่เลียที่มุมริมฝีปากดวงตาสีทองที่ฉายแววความอยากนึกเสียดายที่ก่อนจากกันไม่ได้กินวิญญาณของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ต่อให้กัดหนึ่งคำก็ยังดีจะได้ไม่ต้องคิดถึงนางตอนนี้ที่ต้องมองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้และรู้สึกเหงาตอนที่ไม่ได้ยินเสียง

เงยหน้าขึ้นโม่อู๋เยว่มองไปที่ยิงหัน“ดำเนินการต่อ”

เขาหันลำตัวกลับไปยังสระมังกรเย็นหันหลังให้กับยิงหันโซ่ผูกมังกรล็อคโดยกระดูกผีผาดูตื่นตัวเป็นพิเศษยิงหันต้องก้มหัวลงต่ำสายตาฉายแววความเครียดแค้นไอ้พวกสารเลวบังอาจล่วงเกินเจ้านายพวกเจ้าจะต้องชดใช้

ยิงหันเก็บใบหยกอย่างเงียบๆทำท่ากดนิ้วมือเพื่อควบคุมสระมังกรเย็นและขังโม่อู๋เยว่ไว้มีเพียงสระมังกรเย็นเท่านั้นที่สามารถกดทับและกลืนกลิ่นบนร่างกายของโม่อู๋เยว่ได้

ผ่านไปสักพักใหญ่ยิงหันถอยออกมาโดยไร้เสียงใดๆเขากำใบหยกแน่นส่งเสียงไปหาเหลิ่งยวน“จูนจิ่วคือใครกันแน่?ถึงสามารถทำให้เจ้านายไม่สนใจโซ่ผูกมังกรนี้ได้”

“ยิงหันข้ารู้สึกว่านางอาจจะเป็นนายหญิงของเราในอนาคต”

น้ำเสียงที่ฟังดูวุ่นวายของเหลิ่งยวนทำให้ยิงหันอึ้งไปไอความเย็นรอบตัวเขาก่อตัวเป็นน้ำแข็งเงยหน้าขึ้นดวงตาสีเขียวเย็นเยือกจนน่ากลัว“เป็นเรื่องจริง?”

“เจ้าจะรู้สึกชอบวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่มีสาเหตุได้หรือ?”เหลิ่งยวนย้อนถาม

ยิงหันเงียบไปเผ่าของพวกเขาไม่เคยมีความรู้สึกในเรื่องรักๆใคร่ๆโดยรูปลักษณ์และสถานะของพวกเขาผู้หญิงที่ถูกถวายมาไม่ถูกทำให้ตายก็ถูกตีทรมานดังนั้นยิงหันตอบคำถามนี้ไม่ได้จริงๆ

แต่ตามที่สืบทอดกันมาได้มีคำกล่าวที่ว่าทั้งชีวิตของพวกเขาจะถูกดึงดูดด้วยวิญญาณเพียงดวงเดียวไม่ก็แต่งงานเป็นคู่ครองผูกสัญญากันตลอดชีวิตหรือไม่ก็กินนางซะพลังจะเพิ่มทวีคูณแต่หากทำเช่นนี้ก็จะต้องเป็นชายโสดไปตลอดชีวิตเลย

ยิงหันพูดอย่างยากลำบาก“นางอาจจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันที่ได้เป็นนายหญิงก็ได้”

“ก็ไม่แน่แม่นางจูนไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอปวกเปียกหากไม่ใช่เพราะนางพลังยังต่ำไม่แน่อาจจะดุร้ายยิ่งกว่าเจ้านายเสียอีกอีกทั้งอายุยังน้อยมากเจ้านายกลืนลงคอไม่ได้หรอก”เมื่อได้ฟังการเปรียบเปรยของเหลิ่งยวนยิงหันยิ่งเงียบไปอีก

เขาดับแสงสว่างของใบหยกลงโดยทันทีขมวดคิ้วครุ่นคิดเขาต้องการสงบสติอารมณ์สักครู่

ดุร้ายยิ่งกว่าเจ้านายอย่างนั้นหรือ?หากพวกเขาตบแต่งเป็นคู่ครองกันไอ่พวกสารเลวจะไม่ตกใจกลัวกันหมด? เอ๊ะคิดแบบนี้แล้วเขาคงต้องเฝ้ารอการมาถึงของวันนั้นแล้วล่ะ

……

เมื่อเห็นแสงสว่างของใบหยกดับลงเหลิ่งยวนแตะที่จมูกเบาๆเขามองย้อยกลับไปยังสถานที่ห่างไกลออกไปสายตาจับจ้องไปที่เงาร่างของจูนจิ่วและอีกสองคนถีบเท้าแล้วบินขึ้นไปบนต้นไม้เหลิ่งยวนยังคงทำหน้าที่ผู้คุมกันอย่างสุดความสามารถ

ไม่ว่าในอนาคตข้างหน้าเจ้านายจะวางแผนเช่นไรตอนนี้เขารู้เพียงว่าหากละเลยในหน้าที่คนที่จะโดนกระชากวิญญาณและถูกหั่นเป็นชิ้นๆแล้วเอาไปทำเกี๊ยวก็คือตัวเขาเองนี่แหละ

จูนจิ่วยังไม่รู้ว่าเหลิ่งยวนติดต่อกับโม่อู๋เยว่ได้แล้วเธอเห็นแค่ว่ากระดิ่งกลับสู่ภาวะปกติแล้วเงียบจนไม่ว่าจะขยับยังไงก็ไม่มีเสียงในใจรู้สึกโล่งอกไปทีนางเงยหน้าขึ้นแล้วพิงไปที่ต้นไม้อย่างขี้เกียจจูนจิ่วหลับตาลงพักผ่อนก่อนดีกว่าพรุ่งนี้จะต้องเดินขึ้นยอดเขาอีก

ตลอดคืนที่เงียบสงบทั้งสามคนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่กลับมาเต็มเปี่ยมด้วยพลังอีกครั้ง

พวกเขาขึ้นยอดเขาตั้งแต่เช้าตรู่

ตลอดทางไม่ได้หยุดฝีเท้าลงเพื่อตามหาบัตรเทียนโจ้งเลยการเดินทางรวดเร็วมากถึงบนยอดเขาในช่วงบ่ายอย่างราบรื่นหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยเดินตามหลังจูนจิ่วเดิมที่คิดว่าจูนจิ่วน่าจะหาที่ดีๆสักที่ในการนั่งรอผลประโยชน์เฉยๆ

ใครจะไปคิดจูนจิ่วเดินตรงไปออกจากป่าทึบบนยอดเขามีสถานที่ราบแห่งหนึ่งและมีก้อนหินใหญ่หนึ่งก้อนตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นจูนจิ่วเดินเข้าไปพร้อมกระโดดขึ้นไปบนก้อนกินนั่นแล้วนั่งท่าขัดสมาธิอย่างพึงพอใจท่าทีทีสบายๆนั้นทำให้กลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับมึนงงมากหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยก็เช่นกัน

ก่อนที่พวกเขาจะถึงที่ตรงนี้มีคนซ่อนตัวไว้เป็นจำนวนมากพวกเขาล้วนมีความคิดที่เหมือนกันคือการแย่งชิงบัตรเทียนโจ้งแต่ละคนซ่อนตัวได้แน่นหนามากกลัวจะมีคนมองเห็นว่าแอบดักซุ่มอยู่ที่นี่แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทีของจูนจิ่วแล้วก็ตกตะลึงจริงๆ

สรุปคนนี้มันหาบัตรเทียนโจ้งได้แล้วหรือยังหาไม่เจอมารอมาแย่งชิงเหมือนกัน?แต่ถ้ามาแย่งชิงท่าทีแบบนี้ช่างหยิ่งยโสโอหังเกินไปแล้วล่ะ

หยูนเฉียวก็คิดแบบนั้นเช่นกันเขายืนอยู่ข้างล่างก้อนหินแหงนหน้าขึ้นมองไปที่จูนจิ่ว“แม่นางจูนเจ้าทำเช่นนี้ไม่มีคนมาหรอกนะ”

จูนเสี่ยวเหล่ยพูดขึ้นบ้าง“ใช่แล้วพี่สาวเก้าถ้าหากพี่จะมาแย่งชิงควรจะไปดักซุ่มที่ระหว่างทางเดินสิ”

จูนจิ่วลูบคลำแมวได้ยินดังนั้นแล้วก้มหน้าลงไปมองทั้งสองนางกระตุกยิ้มที่มุมปากแบบว่าแอบแฝงแผนการชั่วร้าย“ตราบใดที่พวกเขาไม่ต้องการสูญเสียสิทธิ์การเข้าสำนักพวกเขาจะต้องมาแน่พอถึงตอนนั้นก็ดูแค่ว่าใครจะโชคร้ายกว่ากัน”

คนที่จูนจิ่วเพ่งเล็งไว้ยังไม่มามีกลุ่มคนหนึ่งที่มาก่อนหาเรื่องใส่ตัวจริงๆคนที่เป็นหัวหน้าที่มีรูปร่างใหญ่เทอะทะหากไม่พูดถึงอายุของเขาคงจะคิดว่าอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดแล้วเขามองตรงมาที่จูนจิ่วและเพื่อนอีกสองคน“บอกมาพวกเจ้าหาบัตรเทียนโจ้งเจอแล้วใช่ไหม?หาเจอแล้วก็เอาออกมาซะดีๆมิเช่นนั้นข้าจะลงมือสั่งสอนพวกเจ้าแทน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด