บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 91 ผู้กำชัยท่ามกลางชายชั่วทั้งมวล

Now you are reading บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ Chapter 91 ผู้กำชัยท่ามกลางชายชั่วทั้งมวล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 91 ผู้กำชัยท่ามกลางชายชั่วทั้งมวล

“เฟิ่งเทียนฉี่!” เมื่อจูนหยูนเสวี่ยเห็นเฟิ่งเทียนฉีเข้าก็โกรธเกลียดเป็นฟืนเป็นไฟ “เขามาทำอะไร!”

นางเคยชอบเฟื่งเทียนฉี มาดหมายว่าการได้เป็นฮองเฮาของประเทศหนึ่งใดช่างสูงส่งน่ายกย่องเหนือธรรมดา ทว่าบัดนี้นางต้องการไปยังอู่จง เฟิ่งเทียนฉีก็กลายเป็นเพียงหินขวางทาง โดยเฉพาะที่เฟิ่งเทียนฉีทำให้นางอับอายครั้งงานฉลองวันเกิด ชั่วชีวิตนี้จูนหยูนเสวี่ยก็ลืมไม่ลง

นางเห็นเฟิ่งเทียนฉีสาวเท้ายาวมายังเบื้องหน้าจูนจิ่ว เสแสร้งแสดงท่าอบอุ่นอ่อนโยนออกมา เอ่ยปากพรั่งพรูความเป็นห่วงเป็นใย เขาเอ่ยขึ้น “จูนจิ่ว เจ้าอย่าได้กลัว!มีข้าอยู่ทั้งคน จะไม่ให้ใครกลั่นแกล้งเจ้าได้”

“?” จะมาไม้ไหนอีก?

เสี่ยวอู่ร้องเมี้ยวเมี้ยวในใจ เจ้าเฟิ่งเทียนฉีเป็นคนโง่หรืออย่างไร?หรือเป็นนักแสดง?นายท่านของมันกลัวอะไรกัน!

เฟิ่งเทียนฉียืนอยู่เบื้องหน้าจูนจิ่ว ท่าทางราวกับจะปกป้องนาง เขาหมุนตัวกลับไปมองยังซือถูซิว พลางเอ่ยปากอย่างเย่อหยิ่ง “ท่านอาจารย์ซือถูซิว เรื่องทั้งหมดนี่ล้วนเป็นความเข้าใจผิด จูนจิ่วไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านเอ่ยมา” เฟิ่งเทียนฉีหัวเราะอย่างจอมปลอมเหลือเกิน ใบหน้าตั้งใจปิดบังเต็มที่ เขาเอ่ยขึ้นอีก “พวกท่านต่างเชื่อข่าวลือผิดๆ แล้ว จูนจิ่วไม่เคยยั่วยวนใคร!นางกับหยูนจ้งจิ่นไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าเพื่อนกันธรรมดา ข้าเฟิ่งเทียนฉีเป็นพยานให้นางได้ ข่าวลือนั้นโกหกทั้งเพ!ต้องมีคนตั้งใจจะให้ร้ายจูนจิ่ว ทำลายชื่อเสียงของนาง”

อะไรนะ?

ทุกคนในที่นั้นต่างตะลึงงัน เฟิ่งเทียนฉีหนึ่งในผู้ที่อยู่ท่านกลางข่าวลือ กลับก้าวออกมาปกป้องจูนจิ่ว?

ที่ชั้นบน จูนหยูนเสวี่ยโกรธจนใบหน้าบูดบึ้ง เฟิ่งเทียนฉีไม่เพียงจะเป็นปฏิปักษ์กับนาง ยังทำให้นางอับอายอีกด้วย!

หวนคิดกลับไป เฟิ่งเทียนฉีเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยห่วงหน้าพะวงหลังให้นาง รักกันอย่างเร่าร้อน แต่เมื่อจูนจิ่วปรากฎตัว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!บัดนี้เขากลับปกป้องจูนจิ่วต่อต้านนาง จูนหยูนเสวี่ยจับราวไว้แน่น นางออกแรงมากเกินไป คว้าราวไว้แน่นจนเป็นรอยนิ้วมือชัดเจน

เมื่อเห็นนางโกรธเกรี้ยว สายตาของหลัวฉีสาดแววอาฆาต “ศิษย์พี่หญิงหยุนเสวี่ย ให้ข้าลงมือสั่งสอนเจ้าเฟิ่งเทียนฉีหรือไม่!”

“เจ้าสู้เขาได้หรือ?” จุนหยุนเสวี่ยหัวเราะประชดประชัน สายตาของนางราวจะวางยาพิษเฟิ่งเทียนฉี “เฟิ่งเทียนฉีกล่าวเช่นนี้ เพียงอยากจะหลอกให้จูนจิ่วหลงกลไปกับเขา เหอะ!พูดไปแล้วข้าก็ควรต้องขอบคุณจูนจิ่ว ไม่อย่างนั้นหากงานแต่งสำเร็จแล้ว ไม่แน่ว่าข้าก็คงเป็นดั่งนางในตอนนี้”

ความโฉดชั่วของเฟิ่งเทียนฉี ช่างเลวไปถึงจิดวิญญาณ!เขาคือผู้นั่งบัลลังค์ชั่วเหนือชายชั่วทั้งมวล

แรงอาฆาตของจุนหยุนเสวี่ยปะทุขึ้น “ข้าไม่สนใจเฟิ่งเทียนฉีแล้ว พวกมันทั้งต้องถึงตาย!”

บังเอิญในขณะนั้น ไม่ทราบว่าใครเอ่ยขึ้นถามเสียงดัง “เฟิ่งเทียนฉี เช่นนั้นงานแต่งระหว่างท่านกับ ศิษย์พี่หญิงหยุนเสวี่ย ถูกทำลายโดยจูนจิ่วใช่หรือไม่!”

เฟิ่งเทียนฉีได้ยินดังนั้น เขายิ้มเหี้ยมขึ้นลับหลังจูนจิ่ว ความมุ่งหวังปรารถนาต้องสัมฤทธิ์ผล เขาหันกายกลับ บนใบหน้าเหลือเพียงความอ่อนโยนและรู้สึกผิด ท่าทางเฟิ่งเทียนฉีรู้สึกราวผิดหวังลึกล้ำ เขาเพ่งมองไปยังจูนจิ่วแต่เพียงอย่างเดียวพลางเอ่ยปาก

เขาเอ่ยขึ้น “พวกท่านทั้งหลายเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ตัวข้าจะแต่งกับจุนหยุนเสวี่ยจริง แต่ข้าไม่ทราบมาก่อนว่ามีการหมั้นหมายกับจูนจิ่วมาแต่ก่อน ดังนั้นจึงมีข่าวลือผิดๆ อย่างนี้ ทว่าข้าได้แก้ปัญหาไปแล้ว ข้าจะเคารพการหมั้นหมายที่มีต่อจูนจิ่ว พวกเรา…”

ฟึบ!

เงาขาวสายหนึ่งพาดผ่าน ลมเย็นเยียบปะทะใบหน้า เฟิ่งเทียนฉีปฏิกิริยาว่องไวถอยหลังโดยพลัน แต่ก็ยังหลบไม่พ้น ถูกกงเล็บเสี่ยวอู่ข่วนครืดจากคางถึงหน้าอก สึบ!หยาดเลือดไหลออกจากคางเป็นทาง หยดลงบนหน้าอกเป็นรอยกรงเล็บแมวลึกสามรอยเห็นเด่นชัดบนอกเสื้อ

เฟิ่งเทียนฉีสีหน้าเจ็บปวดขึ้นโดยพลัน เขาเบิกตาโพลง ตาจดจ้องไปยังเสี่ยวอู่อย่างอาฆาตแค้น เจ้าแมวนี่สมควรตาย!

เสี่ยวอู่ ถุ้ย!ช่างน่าไม่อาย ข้าทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว

จูนจิ่วเอ่ยปากเสียงเย็นเยียบ “เฟิ่งเทียนฉี ข้ากับเจ้าไม่มีการหมั้นหมายระหว่างกัน”

เฟิ่งเทียนฉีคาดหมายจะเป็นเช่นนี้แต่แรก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาอ่อนโยนราวสายในไหล เขาเอ่ยขึ้น “จูนจิ่ว ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธข้าที่สู่ขอจุนหยุนเสวี่ย แต่ว่าข้าก็ถูกใส่ร้าย ตัวข้าไม่รู้ว่าเจ้า…”

เสี่ยวอู่ยกฝ่าเท้าขึ้น อุ้งเท้านั้นปรากฏกรงเล็บคมกริบราวคมมีด สะท้อนแสงอาทิตย์เปล่งประกายลำแสงเย็นเยียบ เฟิ่งเทียนฉีรู้สึกเจ็บแปลบบาดแผลตรงคางและหน้าอกทันที คำพูดเปี่ยมความรู้สึกลึกซึ้งติดค้างอยู่เพียงที่ลำคอ

“เฟิ่งเทียนฉี เจ้าคิดว่าแม่นางจูนจะเชื่อเจ้าหรือ?หยุดเล่นละครเสียที รีบไสหัวไปได้แล้ว!” หยูนเฉียวเบิกตาจ้องไปยังเฟิ่งเทียนฉี แววตาไม่ยินดี เต็มไปด้วยความหยามเหยียด

เฟิ่งเทียนฉีอยากจะเล่นบทคนดีกลับใจเอาตอนนี้ เพื่อแก้ตัวกับแม่นางจูนหรือ?

เขาเองทำไมไม่ชะโงกดูเงาตัวเอง ในสายตาแม่นางจูนแล้วเขาก็เป็นเพียงแค่เศษดินใต้เท้า ทั้งอัปลักษณ์ทั้งโง่เง่าไร้ประโยชน์ ใครใช้ให้เขามั่นใจวาดหวังถึงแม่นางจูน!

จูนเสี่ยวเหล่ยเอ่ยขึ้นบ้าง “ท่านพี่หญิงเก้าไม่ต้องการการคุ้มครองจากเจ้า เจ้าไสหัวไปซะ!”

“ได้ยินหรือไม่เฟิ่งเทียนฉี?การแสดงชั้นต่ำของเจ้า มันจอมปลอมเกินไป ใช้หลอกเด็กยังไม่ได้เลย” มุมปากจูนจิ่วกระตุกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มทั้งเยียบเย็นและเหยียดหยาม

เมื่อนางพูดด้วยเช่นนี้ ท่าทางของเฟิ่งเทียนฉีเปลี่ยนแปรไปบ้าง แต่เขายังไม่ยอมแพ้ เอ่ยขึ้นอีก “จูนจิ่ว ข้าจะเล่นละครได้อย่างไร?ที่ข้าพูดทั้งหมดล้วนออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจข้า!พวกมันต่างกำลังให้ร้ายเจ้า แต่ข้ากำลังปกป้องเจ้า!”

เฟิ่งเทียนฉีชี้ไปยังกลุ่มซือถูซิว ใบหน้านั้นเสแสร้งจนน่าสะอิดสะเอียนเหลือรับ เขายังมิรู้ตัว เอ่ยขึ้น “จูนจิ่ว เจ้าต้องเชื่อข้า ข้าต้องการปกป้องเจ้าจากใจจริง เพื่อทดแทนเจ้า และสืบต่อพหรมลิขิตของเราต่อไป”

โอ่!ช่างน่าอาเจียน

จูนจิ่วกดเก็บอารมณ์ปะทุในใจ นางมองเฟิ่งเทียนฉีด้วยสายตาเย็นชา “จริงหรือ?อย่างนั้นท่านรู้หรือไม่ใครกล้าปล่อยข่าวโคมลอยเหล่านี้”

เยียบเย็นเสียดกระดูก น้ำเสียงเย็นชาทิ่มแทงคน

ราวกับนำคนไปแช่ไว้ในสระน้ำแข็ง ความเย็นเยียบของน้ำแข็งค่อยๆ คืบคลานขึ้นมาลามเลียลึกถึงกระดูก ดึงคนทั้งคนให้จมลึกลงไปใต้สระ เย็นแข็งข้างไปจนถึงวิญญาณ ยากเกินจะหายใจ ร่างกายของเฟิ่งเทียนฉีแข็งค้าง มือที่ควบคุมไม่ได้กระตุกไปมา

จูนจิ่วรู้แล้ว!

ทว่า นางรู้ได้อย่างไร?เขาไม่ได้เปิดเผยนี่!

จูนจิ่วเห็นปฏิกิริยาทั้งหมดของเฟิ่งเทียนฉี นางยิ้มเย็น เมื่อเลื่อนสายตา มองไปยังเหล่าซือถูซิว นางปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่ แผ่รังสีข่มขวัญทุกคน ภายในครู่เดียวไม่มีใครกล้าสบตานางเลย

ท้ายสุดสายตาก็หยุดอยู่ที่ซือถูซิว จูนจิ่วเอ่ยขึ้น “ท่านอาจารย์ซือถู โรงเรียนแห่งนี้ข้าจะมาหรือไม่ สิทธิในการเลือกอยู่ที่ข้า มิใช่ท่าน ทว่าพอได้เจอกับท่านแล้ว ทำให้ข้ารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมา ยิ่งเป็นวิชาของท่าน นับว่าเป็นการเสียเวลาจริงๆ”

“เจ้า!”

ซือถูซิวเบิกตาจ้องเขม็ง ชี้นิ้วไปยังจูนจิ่วตัวสั่นสะท้าน “เจ้านังหญิงมารยาแพศยา!ตัวเจ้าหน้าไม่อาย ยังบังอาจทำให้วิชาข้าเสียชื่อเสียงอีก!มีเรื่องอย่างนี้ที่ไหนกัน ข้าจะรายงานท่านเจ้าสำนัก ให้ลงโทษเจ้าอย่างสาสม!”

“ท่านอาจารย์ซือถู พวกเราควรรายงานท่านเจ้าสำนัก ให้ท่านเจ้าสำนักจัดการนาง!”

ซือถูซิวจดจ้องจูนจิ่วไม่วางตา “จูนจิ่วเจ้าได้ยินหรือไม่?เจ้าคุกเข่าขอโทษข้าตอนนี้เดี๋ยวนี้ ข้าเพียงลงโทษเจ้า มิเช่นนั้น ข้าจะรายงานท่านเจ้าสำนัก ลากเจ้าออกจากสำนักเทียนโจ้ง!”

ขู่นางรึ?

จูนจิ่วยิ้มเย็น พลางโบกมือ ราวกับกำลังโบกไล่แมลงวันรำคาญใจ “ตามใจท่าน”

พูดเสร็จ จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่พลางพันกายกลับ “หยูนเฉียว จูนเสี่ยวเหล่ยพวกเรากลับกันเถอะ”

“จูนจิ่วเจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นนะ!ข้ายังไม่อนุญาตให้เจ้าไป ทหาร รั้งนางเอาไว้ !ข้าจะทำให้นางรู้ถึงจุดจบของการไม่ประพฤติตามกฎเกณฑ์ ไม่เคารพครูบาอาจารย์” ซือถูซิวเห็นจูนจิ่วจะเดินหนี โกรธราวถูกฟ้าผ่า เมื่อลูกศิษย์หลายคนจับจูนจิ่วเอาไว้ จูนหยูนเสวี่ยเห็นดังนั้น ใบหน้าของนางก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง “ครั้งนี้จูนจิ่วไม่รอดแน่ ใครก็ช่วยนางไม่ได้”


Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด