ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 133 หัวขโมยตาโต

Now you are reading ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา Chapter 133 หัวขโมยตาโต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 133 หัวขโมยตาโต

เวลาร่วงเลยมาถึงเดือนหกแล้ว อุณหภูมิก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทีมงานก่อสร้างของวิลก็กำลังทำงานล่วงเวลาเพื่อขยายการสร้างท่าเรือทั้งสอง บนชายหาดค่อนข้างจะไม่เป็นระเบียบ ในตอนกลางวันของทุกๆวันจะมีเสียงดังครั่นครืนของอุปกรณ์เครื่องมือดังขึ้น ทำให้ฟาร์มปลาเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ไม่สงบ

ทว่า แบบนี้ก็ทำให้ฟาร์มปลายิ่งคึกคักเช่นกัน

อากาศค่อยๆอบอุ่นขึ้น หญ้าปลาไหล (Zostera marina) ในฟาร์มปลาก็เติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง หญ้าทะเล Zostera asiatica หญ้าทะเล Zostera caespitosa หญ้าทะเล Zostera caulescens หญ้าทะเล Zostera japonicaและหญ้าทะเลชนิดอื่นๆ ในฟาร์มปลาอีกหลายชนิดก็มีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้

ชาร์คและซีมอนสเตอร์ที่งมลงไปดูหลายครั้งก็รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากหญ้าทะเลพวกนี้นอกจากหญ้าทะเล Zostera caulescens แล้ว ชนิดอื่นที่เหลือก็พบได้น้อยในฟาร์มปลาของนิวฟันด์แลนด์

แน่นอนว่านี่คงเป็นเพราะสรรพคุณของพลังจิตสำนึกโพไซดอน ฉินสือโอวคงไม่เซ่อแล้วบอกพวกเขาออกไปหรอก เขาอธิบายว่าเป็นเพราะกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรที่นำเอาหญ้าทะเลพวกนี้มาด้วย ตอนนี้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น พวกมันจึงฝังรากลงกับฟาร์มปลา

หญ้าทะเลพวกนี้เป็นอาหารอันโอชะของพวกเต่าทะเล ปลาดาว หอยเม่น ปลาแฮริ่ง พวกมันเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิตในวัฏจักรอาหารชั้นล่างอยู่เป็นจำนวนมาก

นับวันฟาร์มปลาก็ยิ่งคึกคักขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรอบๆหลอดไฟล่อปลา ก็ยิ่งมีปลาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงเวลากลางคืนจะสามารถมองเห็นภาพปลาค็อด และปลากระโทงสีน้ำเงิน กระโดดอยู่บนหลอดไฟล่อปลา ทุกครั้งที่ได้เห็นปรากฏการณ์แบบนี้ ชาร์คและซีมอนสเตอร์จะรู้สึกตื่นเต้นจนน้ำตาแทบปริ่ม

อีวิลสันเองก็ตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาปริ่มเหมือนกัน “ปลาตัวใหญ่จัง! ฉันเคยกินมันนะ! อร่อยมากๆเลย!”

พลังของจิตสำนึกโพไซดอนไม่เพียงแต่ปรับปรุงชนิดพันธุ์ของปลาในฟาร์มปลาให้ดีขึ้น แต่ยังช่วยปรับปรุงผักและผลไม้ในสวนอีกด้วย ตอนนี้หน่อของแตงกวาก็แตกออกมาแล้ว ต้นอ่อนของพริก ต้นอ่อนของมะเขือม่วงก็มีผลเล็กๆงอกเงยออกมา มะเขือเทศเติบโตได้เร็วที่สุด ตอนนี้ก็มีผลเล็กๆสีแดงงอกเงยออกมาแล้วเช่นกัน

คื่นช่ายฝรั่งโตขึ้นมาได้ประมาณสามสิบเซนติเมตร ลำต้นสีเขียวมรกตดึงดูดให้คนสนใจได้ดีเป็นอย่างยิ่ง หน่อกระเทียมและกุ้ยช่ายก็เติบโตได้ไม่เลวเลย อีกเดี๋ยวเดียวก็จะกินผักพวกนี้ได้แล้ว

ไม่กี่วันมานี้ตอนที่ฉินสือโอวไปตรวจดูแปลงผักก็พบว่า มีใบอ่อนของผักที่โดนกัดอีกแล้ว อีกทั้งยังจงใจกัดกินบริเวณก้านอ่อนและหน่ออ่อน ไม่รู้ว่าเป็นเม่นพวกนั้นที่มากัดกินหรือเปล่า เขาเลยตัดสินใจให้หู่จือและเป้าจือมาเฝ้าในตอนกลางคืนสักหน่อย

สำหรับหู่จือและเป้าจือแล้วความพ่ายแพ้เมื่อต้องเผชิญกับเม่นพวกนั้นในครั้งที่แล้ว ยังชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน!

ไม่กี่วันต่อมาพวกมันก็ไปเฝ้าสวนอยู่ทุกเย็น ใจของพวกมันเต็มไปด้วยความคิดอยากล้างแค้น แต่ปรากฏว่าเจ้าเม่นตัพวกนั้นกลับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีก คาดว่าน่าจะเป็นเพราะว่ากลัวฉงต้า ในที่สุดก็มีโอกาสที่จะได้แก้แค้น เจ้าหมาน้อยทั้งสองตัวต่างก็ตื่นเต้นมาก

เมื่อทานข้าวเย็นแล้ว ฉินสือโอวก็ขึ้นไปพักผ่อนข้างบน ฉงต้าแขม่วพุงอ้วนๆของมันหลบอยู่หลังโซฟาแล้วแอบมองไปที่อีวิลสัน ตั้งแต่ที่โดนอีวิลสันตีครั้งนั้น มันก็ท่องจำจนขึ้นใจ พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะรักษาระยะห่างจากอีวิลสันให้ได้มากกว่าสิบเมตรขึ้นไป

เมื่อทานข้าวเสร็จแล้วอีวิลสันก็ไม่มีอะไรทำเขาจึงไปที่ชายหาดเพื่อเฝ้ายามกลางคืน นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวซึ้งใจมากๆ เนื่องจากฟาร์มปลาส่วนบุคคล แต่ในทะเลไม่สามารถขวางคนนอกไว้ได้ ดังนั้นจึงมักจะมีคนเข้ามาขโมยปลาของฟาร์มปลาในเวลากลางคืน โดยปกติแล้วฟาร์มปลาจะต้องส่งคนออกเรือไปลาดตระเวนดู

ฉินสือโอวไม่อยากทำแบบนั้น เขามีจิตสำนึกโพไซดอน มีป้อมจิตสำนึกโพไซดอนที่แนวเขตปะการังช่วยลดหย่อนภาระอยู่ตลอดคืน หากมีคนมาขโมยปลา บอลหิมะ ปลาอีคุด และเจ้าน้ำเงินใหญ่น้ำเงินเล็กสองพ่อลูกก็จะรีบมารายงานทันที

คนอื่นๆไม่รู้เรื่องนี้ ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็น จึงดึงดันที่จะผลัดกันทำหน้าที่ เมื่ออีวิลสันรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกัน ก็จึงเข้าร่วมขบวนการกับพวกเขาด้วย เขาขับเรือไม่เป็น จึงเฝ้าอยู่ที่ท่าเรือ อาจจะทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่ความตั้งใจของเขาก็ทำให้ซาบซึ้งใจได้แล้ว

เมื่อเห็นว่าอีวิลสันออกจากอาคารไปแล้ว ฉงต้าก็ดันก้นอ้วนๆของมันขึ้นไปบนโซฟา ‘ฮึมฮัมฮึมฮัม’ นอนอืดอ้วนอยู่บนโซฟา

อากาศร้อน มันจึงไม่ขึ้นไปนอนข้างบนแล้ว แต่กลับนอนอยู่ที่ประตูทางเข้าอาคาร แน่นอนล่ะ ฉินสือโอวคิดว่ามันขี้เกียจปีนขึ้นไปบนอาคาร มากกว่ากลัวร้อน

เลี้ยงมันไว้ที่ฟาร์มปลาเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังเพิ่มพลังของจิตสำนึกโพไซดอนลงไปด้วย ตอนนี้ฉงต้าเรียกได้ว่าอ้วนท้วนสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง

เทียบกับตอนมาแรกๆที่ผอมจนหนังติดกระดูกแล้วก็นับว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ฉงต้าสูงได้ครึ่งเมตรแล้วส่วนรอบเอวของมันก็กว้างครึ่งเมตรเช่นกัน หัวกลมๆและตัวของมันมีแต่เนื้อ ขนของมันก็ดูมันเลื่อม บางครั้งเวลาที่มันสะบัดตัวไปมา เนื้อพุงของมันก็สะบัดตาม ดูเหมือนกับคลื่นสีน้ำตาลเป็นชั้นๆอย่างไรอย่างนั้น

เขาบังคับจิตสำนึกโพไซดอนให้วนไปในทะเลได้สักพัก ลองดูว่าจะเจอซากเรืออีกสักลำไหม เมื่อหาไม่เจอ ฉินสือโอวจึงหลับไป

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียงคำรามก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน ฉินสือโอวลุกขึ้นทันที เป็นเสียงของหู่จือและเป้าจือนั่นเอง เขาหยิบเอาปืนAR-15 ที่แขวนอยู่บนผนังตรงปลายเตียงลงมา จากนั้นจึงใส่รองเท้าแตะและรีบวิ่งออกไป

เขาวิ่งออกไปข้างนอก เงาสีดำววิ่งสวนเข้าไปข้างใน ฉินสือโอวตกใจมาก เขาเกือบจะยิงปืนออกไปแล้ว แต่เมื่อได้เห็นชัดๆก็พบว่านั่นคือฉงต้า

พอมันได้ยินเห่าของหู่จือและเป้าจือ ฉงต้าที่กำลังหลับลึกอยู่ก็ตกใจตื่นขึ้นมา คาดว่าน่าจะยังตื่นได้ไม่เต็มที่ ขนาดตอนนี้ยังหลับตาวิ่งอยู่เลย มันวิ่งขึ้นไปข้างบนโดยใต้จิตสำนึก

“ไอ้ Motherfucker แกเป็นหมีนะ ราชาแห่งป่าเขาน่ะ!”ฉินสือโอวอยากจะให้มันทำตัวให้ดีขึ้นจริงๆ เมื่อฉงต้าเห็นเขา มันก็กระโดดเกาะขาเขาไว้ เขาดันตัวมันออก แล้ววิ่งต่อไป

จากทางฝั่งท่าเรือ เงาขนาดใหญ่ของอีวิลสันก็ปรากฏขึ้น เขาพุ่งไปที่สวนผักเหมือนกับม้าป่าตัวหนึ่ง

ฉินสือโอวเปิดไฟที่ติดไว้ตรงสวนผัก มองจากไกลๆก็เห็นหู่จือและเป้าจือที่วิ่งรอบเป็นวงกลมอย่างบ้าคลั่ง ขนสีทองบนตัวก็สะบัดขึ้นมา ใบหูใหญ่ทั้งสองข้างก็พับเก็บไปทางด้านหลัง ดวงตาของพวกมันสว่างวาบขึ้นมา เขี้ยวสีขาวที่ดูดุร้ายก็โผล่ออกมาข้างนอกเช่นกัน

สิ่งที่กำลังถูกหู่จือและเป้าจือล้อมไว้ตรงกลาง ก็คือหนูตัวใหญ่ตัวหนึ่ง

จะบอกว่าเป็นหนูก็คงไม่ถูก ถึงแม้มันจะดูเหมือนหนูมากๆ แต่ก็ตัวใหญ่กว่าหนูอยู่มากนัก

นอกจากนี้ สีขนของมันยังเป็นสีเหลืองอ่อน บนลำตัวมีลายแถบสีน้ำตาลเข้ม จมูกแหลมเป็นสีแดงจางๆ ริมฝีปากบนล่างและรอบดวงตาล้วนแต่เป็นสีขาว ดวงตาใหญ่โต ยื่นออกมาข้างนอก ลุกลี้ลุกลน แต่ดูโง่มากๆ

มันถูกหู่จือและเป้าจือขวางเอาไว้ เจ้าตัวนี้จะหนีก็หนีไม่ได้ ตัวของมันหดเข้าหากันเป็นก้อน ตาโตสีดำสนิทเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไม่หยุดที่จะป้องกันการโจมตีของหู่จือและเป้าจือ ในปากก็ร้อง ‘จิ๊ดจิ๊ด’ หลังจากที่ไฟสว่างขึ้นแล้ว มันก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่น

ฉินสือโอววิ่งมาดูใกล้ๆ แค่แป๊บเดียวก็ดูออก ที่แท้เจ้าตัวนี้ก็คือกระรอกดินDaurian

สัตว์ประเภทกระรอกดิน พบได้ในทั้งทวีปอเมริกาเหนือและทวีปเอเชีย ชาวมองโกลเลียในและคนจีนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเรียกเจ้าพวกนี้ว่าหัวขโมยตาโต เป็นสัตว์ที่ชอบทำลาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลิตผลของการเกษตร ทำลายทุ่งหญ้าของกิจการปศุสัตว์ โดยเฉพาะ พวกมันชอบกินส่วนอ่อนนุ่มของพืชที่มีน้ำมาก จึงมักจะทำให้ปัจจัยสำคัญของผลิตผลทางการเกษตรถูกถอนทำลายและตายไป

และก็เนื่องจากว่ากระรอกดินเป็นพาหะและแหล่งแพร่เชื้อหลักของกาฬโรค ดังนั้นที่จีน จึงให้ความสำคัญกับการกำจัดพวกมัน

สถานการณ์ของทางทวีอเมริกาเหนือดีกว่านิดหน่อย กระรอกดินของอเมริกาเหนือมีอยู่สองประเภท แบ่งเป็นกระรอกดินพันธุ์ใหญ่ที่สามารถเติบโตได้ถึงครึ่งเมตร และกระรอกดินตัวเล็กที่สามารถเติบโตได้มากที่สุดถึงสามสิบเซนติเมตร ที่หลังของกระรอกดินตัวนี้มีลวดลายสีน้ำตาลอยู่ น่าจะเป็นกระรอกดินหลังลายที่พบได้น้อย

ชาวแคนาดาใจดีกับกระรอกดินพันธุ์เล็กอยู่มาก เนื่องจากกระรอกดินพันธุ์นี้ไม่แพร่เชื้อกาฬโรค อีกทั้งแคนาดามีที่ดินกว้างขวางแต่มีประชากรน้อยพืชพรรณอาหารก็เยอะ กระรอกดินกินไปแค่นิดหน่อยพวกเขาจึงไม่ถือสา

แต่ฉินสือโอวต้องสนใจ เนื่องจากผักที่กระรอกดินตัวนี้กินไปคือหน่ออ่อนของผักที่เขาเพาะเลี้ยงด้วยความเอาใจใส่ อีกทั้งยังกินส่วนสำคัญของผักเข้าไป อย่างพวกหน่ออ่อน ทำให้ผักตายเป็นบริเวณกว้างได้อย่างง่ายดาย

คราวนี้อีวิลสันก็วิ่งมาถึงแล้ว เมื่อเขามองเห็นกระรอกดินตัวนี้ ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “กินได้ กินได้ ตัวนี้ถ้าถลกหนังออกแล้วจะเอาไปย่างกินได้!”

มองเห็นฉินสือโอวที่พกปืนมาและอีวิลสันที่สูงใหญ่น่ากลัว เจ้ากระรอกดินก็ยิ่งกลัวยิ่งกว่าเดิม มันมองทั้งสองคนพร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก อุ้งเท้าด้านหน้าวางอยู่บนพื้นดินอย่างสั่นๆ ขุดไปมาอย่างไม่รู้สึกตัวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หยุดลงทันที ข้างในดวงตาสีดำใสเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด