ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 369 แอร์โฮสเตสถูกขัดเกลามาอย่างไร

Now you are reading ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา Chapter 369 แอร์โฮสเตสถูกขัดเกลามาอย่างไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตอนที่ฉินสือโอวยังเด็ก แม้ว่าเศรษฐกิจในบ้านเกิดจะยังไม่พัฒนา แต่เขากลับรู้สึกว่าชีวิตตอนนั้นมีความสุขกว่ามาก

ทางตอนเหนือของประเทศจีน เมื่อถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาวอากาศจะเย็นจัด เป็นความเย็นยะเยือกบริสุทธิ์ซึ่งไม่เหมือนกับตอนนี้ ที่เมื่อฤดูหนาวมาถึงจะมีลมหนาวพัดผ่าน แต่พอลองมายืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดก็จะสามารถเห็นฝุ่นฟุ้งตลบไปในอากาศได้

ในตอนนั้น ทุกวันตอนเช้าฉินสือโอวจะรีบวิ่งออกไปนอกประตูเพื่อดูน้ำค้าง มันน่าจะเป็นงานอดิเรกที่แปลกมาก น้ำค้างมีอะไรน่าดูกัน? แต่ฉินสือโอวก็ชอบที่ได้เห็นภาพของน้ำค้างที่ปกคลุมอยู่บนพื้นดินและพื้นหญ้า

เมื่อนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ในตอนเด็ก ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา บุชคิดว่าเขาหัวเราะใส่มัน จึงร้องก้าบๆ ออกมายังไม่พอใจแล้วพยายามทุ่มแรงตะกายขึ้นไปบนรั้วเพื่อหัดบินต่อ

การลดน้ำหนักของบุชประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะมันสำนึกได้ว่าควรจะกินให้น้อยลงหน่อยแล้วออกไปวิ่งให้มากขึ้นในทุกวัน ไม่เหมือนฉงต้า

ตอนกินข้าวฉงต้าก็กินน้อย แต่มันชอบแอบขโมยกิน อีกทั้งบริเวณชายหาดยังมีไข่นกจำนวนมากถูกฝังเอาไว้ ฉงต้าจึงชอบพาต้าป๋ายไปขุดไข่นก สำหรับหมีสีน้ำตาลแล้ว ของแบบนี้ก็มีรสชาติดีเหมือนกัน

ดังนั้นตอนนี้ส่งที่มาคลอเคลียอยู่ข้างฉินสือโอวจึงยังเป็นเจ้าฉงต้าที่อ้วนท้วนตุ้ยนุ้ยน่ารัก ไม่ผอมลงเลยสักนิด

บุชฝืนบินจนสำเร็จ มันกระโดดลงมาจากโต๊ะแล้วสามารถกระพือปีกร่อนไปบนอากาศได้สี่ห้าเมตร ขั้นต่อไปก็แค่หาโอกาสที่เหมาะสมปล่อยให้มันบินอีกหนึ่งรอบ คาดว่ามันก็น่าจะบินได้แล้ว

เมื่อมองหิมะที่แสนบริสุทธิ์ ฉินสือโอวก็นึกย้อนไปถึงเรื่องราวมากมายในตอนเด็ก จิตใจของความเป็นเด็กผุดขึ้นมา เขานึกไปถึงเรื่องที่ทำไอศกรีมแท่งฮอว์ธอร์นในตอนเด็กๆ

เรื่องนี้ง่ายมาก ในฤดูหนาวเขาจะใช้เตาเผาผลฮอว์ธอร์นจีนจนได้น้ำเชื่อมออกมา จากนั้นก็เทลงไปในแก้วแล้วเสียบตะเกียบลงไปหนึ่งอัน พอตกเย็นก็เอาไปวางไว้บนระเบียงหน้าต่าง และเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่สองไอศกรีมแท่งน้ำเชื่อมฮอว์ธอร์นก็จะจับตัวแข็งเรียบร้อยแล้ว

ในตอนนี้นั้นฉินสือโอวมีความหวังแบบสุดๆ ว่าตัวเองจะสามารถทำไอศกรีมแบบนี้ได้ในหน้าร้อน แต่หน้าร้อนมันร้อนเกินไปจึงไม่สามารถทำได้แน่นอน ส่วนตอนนี้ก็มีตู้เย็นและเครื่องทำไอศกรีมแล้ว ดังนั้นอย่าว่าแต่การทำไอศกรีมแท่งเลย ต่อให้ต้องทำไอศกรีมโคนเองก็ไม่มีปัญหา แต่ฉินสือโอวกลับไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว

ตอนนี้เด็กๆ พากันหาซื้อไอศกรีมได้ตามใจชอบแล้ว ใครยังจะอยากกินไอศกรีมแท่งอีก? ในเมื่อมีโรงงานไอศกรีมอย่างอีลี่ เหมิงหนิวแล้ว ทำไมตัวเองจะต้องเปลืองแรงทำไอศกรีมแท่งอีกล่ะ

จู่ๆ ฉินสือโอวก็เกิดความสนใจขึ้นมา ที่แคนาดานั้นมีผลฮอว์ธอร์นเหมือนกัน แถมยังลูกใหญ่กว่าด้วย เพราะนั่นคือฮอร์ธอร์นที่มีชื่อในอเมริกาเหนือไงล่ะ

เขานำฮอว์ธอร์นแคนาดามาล้างสะอาดแล้วหั่นให้เรียบร้อยก่อนจะนำไปต้มในกาต้มน้ำ จากนั้นก็เติมเมเปิลไซรัปกับน้ำตาลกรวดลงไปแล้วค่อยนำไปแช่ไว้ตอนกลางคืนก็ได้แล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเห็นว่าในครัวมีผลไม้อื่นๆ อยู่อีกเขาจึงคั้นน้ำผลไม้ไว้ จากนั้นก็ไปที่ร้านสะดวกซื้อของฮิวจ์ที่อยู่ในเมืองเพื่อซื้อแก้วเล็กๆ เมื่อเติมน้ำผลไม้เข้าไปตอนเย็นก็จะสามารถแช่ไอศกรีมแท่งรสผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยมากกว่าเดิมได้ ทั้งหมดนั่นเป็นของธรรมชาติทั้งนั้น

ฮิวจ์เห็นเขาซื้อแก้วมากมายขนาดนั้นก็ไม่เข้าใจ เขาจึงถามว่าฉินสือโอวกำลังจะทำอะไร ฉินสือโอวจึงอธิบายออกไป แต่เขาก็พูดกลั้วหัวเราะขึ้นมา “นายนี่มีเวลาว่างจริงนะ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะใช้เครื่องทำไอศกรีมทำเอา”

“มันให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันนะเพื่อน” ฉินสือโอวย้ำเสียงหนักแน่น

ตอนนั้นฮิวจ์คนน้องก็เผอิญมาร้านสะดวกซื้อพอดี เขาหยิบมาร์ลโบโรมาหนึ่งกล่อง ฮิวจ์จึงถามหาเงินจากเขา ส่วนฮิวจ์คนน้องก็ควักกระเป๋าเงินออกมาอย่างไม่ยี่หระแล้วหยิบเงินออกมาปึกหนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “จะเอาเท่าไร”

ฉินสือโอวฟุบหัวเราะอยู่กับเคาน์เตอร์ก่อนพูดออกมา “นายนี่อวดรวยจริงๆ”

ฮิวจ์คนน้องพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วเอ่ยอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “นายไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอกฉิน ตอนนี้ฉันกำลังตบหน้าเจ้าเควินบ้านี่อยู่ แต่ก่อนเขาดูถูกฉัน ตอนนี้ฉันหาเงินได้เยอะกว่าเขาซะอีก ดังนั้นเลยต้องอวดกันหน่อย”

กำไรจากร้านขายของชำนั้นสูงมาก สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว สินค้าของชนเผ่าอินเดียนแดงที่ลึกลับแห่งเทือกเขาร็อกกีเหล่านี้มีแรงดึงดูดมากกว่าอย่างชัดเจน

โสมอเมริกาถูกขายอย่างบ้าคลั่งจนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะแฟร์เวลทุกคนแทบจะต้องนำกลับไปสักคนละสองชิ้น

ฮิวจ์คนน้องทำเรื่องที่ทำให้ฉินสือโอวต้องมองด้วยความชื่นชม นั่นก็คือแม้ว่าของจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ เขาก็ไม่ได้ใช้โสมของพวกคนที่เพาะปลูกกันอยู่ด้านนอกมาปะปน โสมอเมริกันที่จำหน่ายอยู่ในร้านขายของชำล้วนเป็นโสมที่มาจากเทือกเขาร็อกกีทั้งนั้น

แน่นอนว่าพวกโสมอเมริกันเหล่านี้ไม่ได้ถูกรวบรวมมาจากเผ่าซูทั้งหมด ในตอนที่ฮิวจ์คนน้องและเพื่อนๆ ไปซื้อของที่เผ่าซูก็แวะไปเดินเล่นดูเมืองใหญ่เมืองเล็กบริเวณเทือกเขาร็อกกีเพื่อซื้อพวกโสมอเมริกันท้องถิ่นนำกลับมาด้วย

ลำพังแค่โสมอเมริกัน ในไตรมาสแรกฮิวจ์คนน้องก็ทำเงินไปได้ไม่น้อยกว่าห้าแสนแล้ว หรือจะพูดอีกอย่างก็คือร้านขายของชำของพวกเขาทำเงินได้อย่างน้อยครึ่งล้าน โดยมีฉินสือโอวเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ บัญชีทั้งหมดเขาให้ฮิวจ์คนน้องจัดการ และไม่ว่าจะทำเงินได้มากน้อยแค่ไหนไม่สำคัญ

ฮิวจ์คนน้องสูบบุหรี่แล้วถามฉินสือโอว “ฉิน เดือนมกราคมนายว่างไหม? ไปที่เผ่าซูบนเขาด้วยกันสักรอบเถอะ ธุรกิจของพวกเรากับพวกเขาใหญ่โตมาก เพราะฉันสั่งของกับพวกเขาโดยให้ราคาสูงทั้งนั้น สินค้าพวกยา อาหารและเครื่องปรุงที่เราส่งไปก็เป็นของคุณภาพดีทั้งนั้น ดังนั้นตอนนี้พวกเราเลยได้รับความไว้วางใจจากพวกเขา”

ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดออกมา “งานนี้ให้นายทำก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ที่พวกเขาไว้วางใจก็คือนาย แลร์รี ฮิวจ์ ไม่ใช่ฉัน”

ฮิวจ์คนน้องเอ่ยอย่างจริงจัง “แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเงินทุนสนับสนุนครั้งแรกของนาย ธุรกิจนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นมา ฉันเคยแนะนำนายให้พวกหัวหน้าและผู้เฒ่าของเผ่าแล้ว พวกเขาต่างก็รู้จักนายและอยากเชิญนายไปเป็นแขกสักครั้ง”

สำหรับเทือกเขาร็อกกีที่ยิ่งใหญ่และอันตราย รวมไปถึงชนเผ่าอินเดียนแดงที่ลึกลับนั้น ฉินสือโอวสนใจมากจริงๆ แต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วก็ได้แต่ปฏิเสธไปอย่างเสียดาย “ไม่ได้น่ะสิ แลร์รี เดือนมกราคมฉันต้องเตรียมตัวกลับบ้านไปฉลองปีใหม่ วันตรุษจีน นายรู้จักไหม สำหรับพวกคนจีนอย่างเราแล้วมันสำคัญมาก”

ฮิวจ์คนน้องหัวเราะก่อนจะพูดออกมา “ฉันต้องรู้จักวันตรุษจีนแน่นอนอยู่แล้ว มันก็คือวันคริสต์มาสของพวกนายใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นนายจะกลับมาเมื่อไรล่ะ เดือนมีนาคมกลับมาได้ไหม”

น่าจะประมาณเดือนมีนาคม ฉินสือโอวจึงพยักหน้า

ฮิวจ์คนน้องเอ่ย “งั้นเดือนมีนาคมก็แล้วกัน พวกเราไปชนเผ่าของเผ่าซูกันสักรอบ แนะนำหัวหน้าและผู้เฒ่าของเผ่าให้นายรู้จักซะหน่อย ฉันคิดนายจะต้องชอบที่นั่นแน่ เพราะที่นั่นคือวิถีชีวิตแบบนิเวศดั้งเดิมที่สมบูรณ์ที่สุด”

หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ฉินสือโอวก็ออกจากร้านสะดวกซื้อแล้วไปที่ฟาร์มปลา ตอนเย็นเขานำแก้วแต่ละใบออกไปวางไว้นอกหน้าต่าง

วินนี่เดินมาแล้วเอ่ยถาม “คุณทำอะไรอยู่”

ฉินสือโอวหัวเราะแล้วตอบกลับ “ทำไอศกรีมแท่ง ความทรงจำวัยเด็กของผม”

ตอนเด็กๆ เขานำผลฮอว์ธอร์นจีนไปต้มในน้ำ แต่น้ำที่ออกมาจากการต้มแบบนี้จะเจือจางมาก และแน่นอนว่าเพื่อเติมเต็มชีวิตวัยเด็กของเขา เขาย่อมต้องมีของเหลือเฟือ ตอนนี้ในห้องครัวก็มีเครื่องคั้นน้ำผลไม้วางอยู่ ฉินสือโอวนำผลฮอว์ธอร์นลูกใหญ่และน้ำแข็งไปคั้นเสียหน่อยก็ออกมาเป็นน้ำผลฮอว์ธอร์นที่เข้มข้นแล้ว เชื่อว่ารสชาติของมันก็ต้องดีขึ้นแน่นอน

เขานำแก้วน้ำผลไม้และน้ำฮอว์ธอร์นแต่ละแก้ววางไว้ดีๆ จากนั้นฉินสือโอวก็ปิดหน้าต่างลงแล้วเดินกลับมา เมื่อหันกลับมาสองตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันที ในใจพลันเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา

วินนี่สวมชุดแอร์โฮสเตสที่เธอไม่ได้สวมมานานแล้ว เสื้อเชิ้ตสีขาวหิมะ กระโปรงชุดสีฟ้า ที่คอยังมีผ้าพันคอไหมผืนหนึ่งด้วย เธอดูมีสง่าราศีมาก

วินนี่ประสานมือทั้งสิบนิ้วไว้ที่เอวขวา เธอยิ้มให้ฉินสือโอวเล็กน้อยจนเขาก็รู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวกำลังเดือดพล่าน

ฉินสือโอวกางแขนแล้วโผเข้าไปหา แต่วินนี่ยื่นมือออกมาห้ามเขาไว้แล้วทำปากจู๋อย่างไม่พอใจก่อนเอ่ยขึ้น “ฉันยังต้องทำผมอีกนะ”

เธอนั่งลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง วินนี่หันมาส่งยิ้มหวานหนึ่งทีแล้วเธอก็เริ่มมัดผมให้เป็นหางม้า จากนั้นก็พันผมไปทางซ้าย หลังจากหมุนเป็นวงกลมไปสองรอบเธอก็รัดมันด้วยหนังยาง

ผมถูกมัดเอาไว้ จากนั้นวินนี่ก็หมุนไปทางซ้ายต่ออีกหนึ่งรอบเพื่อม้วนปิดมวยผมรอบแรก เมื่อพันเสร็จจนเรียบร้อย ส่วนที่เหลือจึงมีเพียงปลายผมเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงนำปลายผมยัดเข้าไปในหนังยางแล้วรัดด้วยยางอีกครั้งเพื่อมัดพวกมันเอาไว้

เพียงเท่านี้แอร์โฮสเตสผู้สมบูรณ์แบบก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

……………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด