ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 183 คมมีดเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 183 คมมีดเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 183 คมมีดเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง

[มีดสั้น (อาวุธเทพ): มีดสั้นธรรมดาที่ทำโดยช่างเหล็กตีนเขาจงหนาน บนด้ามสลักคำว่า ‘กัวจิ้ง’ ด้วยมือของนักพรตฉางชุน มีเพียงเล่มเดียวในโลก ใช้กับวิทยายุทธ์ได้หลายอย่าง พลังโจมตี +100 มีพลังเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง ฆ่าตามเนื้อเรื่อง]

[พลังเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง: สามารถทะลุเข้าไปอยู่ในภารกิจเนื้อเรื่องชุด ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ ได้โดยไร้เงื่อนไข เข้าร่วมภารกิจได้ทันทีโดยไม่ต้องทำภารกิจย่อยใดๆ ก่อน!]

[ฆ่าตามเนื้อเรื่อง: มีพลังทำลายล้างสิบเท่าต่อตัวละครที่กำหนด]

เมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของมีดสั้น บนใบหน้าของสะพานสวรรค์ก็เต็มไปด้วยความสับสน

ต้องทราบไว้ว่าใน ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ระดับของอาวุธเทพนั้นเหนือกว่าอาวุธล้ำค่า อาวุธที่จัดเป็นประเภทอาวุธเทพจริงๆ ไม่เพียงแค่มีอยู่น้อยมาก ทั้งยังมีอยู่เพียงชิ้นเดียวด้วย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ค่าสเตตัสของอาวุธเทพทุกชิ้นนั้นยอดเยี่ยมไร้ที่เปรียบ ยกระดับศักยภาพของผู้เล่นให้สูงขึ้นหลายเท่า

แต่มีดสั้นด้ามนี้ ไม่เพียงแค่มีชื่อธรรมดาสามัญ แม้แต่ค่าสเตตัสก็มีเพียงคำว่า ‘โจมตี +100’ เท่านั้นที่เขาอ่านเข้าใจ ค่าสเตตัสอีกสองอย่างดูเหมือนทรงพลังมาก แต่ล้วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องพิเศษและภารกิจ ไม่ได้มีพลังที่ทำให้ศักยภาพของผู้เล่นเพิ่มขึ้นมาลอยๆ

ของแบบนี้เรียกว่าไอเทมเนื้อเรื่องจะเหมาะกว่า

อาวุธเทพ?

พูดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

ไม่เหมือนกับสะพานสวรรค์น้อยที่มองอุปกรณ์ชิ้นนี้ด้วยสายตาปกติ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเห็นค่าสเตตัสของมีดสั้นแล้ว เขากลับตาลุกวาว

ดูจากการ ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ ก่อนหน้านี้ก็รู้แล้ว หากทำภารกิจเนื้อเรื่องได้อย่างเหมาะสมหนึ่งครั้ง ก็จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนมากมาย!

แต่ภารกิจครั้งนี้จัดเป็นภารกิจที่เขาลองผิดลองถูกเข้ามา ผลตอบแทนที่อยู่ในนั้นแม้จะต้องอาศัยความสามารถเพื่อให้ได้มา แต่เมื่อดูจากข้อที่บอกว่าตัดเข้าเนื้อเรื่อง กลับมีปัจจัยบังเอิญอยู่มากมาย

หากต่อไปนี้เจอกับภารกิจทำนองนี้อีก ก็จะเข้าร่วมได้ตามใจชอบ อาศัยวิธีการของเยี่ยเว่ยหมิง จะได้ตักตวงผลประโยชน์เท่าไรกันแน่

แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!

……

[จดหมาย: เป็นจดหมายฉบับหนี่งที่ไม่มีจ่าหน้า ในนั้นเหมือนจะซ่อนภารกิจที่สำคัญกว่าปกติเอาไว้ (หลังจากภารกิจเนื้อเรื่อง “ประลองยุทธ์เลือกคู่” จบลงอย่างสมบูรณ์แล้วถึงจะปลดล็อกได้)]

เป็นจดหมายที่ตอนนี้เปิดดูไม่ได้ฉบับหนึ่ง

จากข้อมูลแนะนำก็มองออกเพียงว่า จดหมายฉบับนี้เหมือนเป็นสิ่งที่แสดงถึงภารกิจสำคัญอะไรสักอย่าง

ครั้งนี้ไม่เพียงแค่สะพานสวรรค์น้อยที่งุนงงเหมือนมีหมอกลงสมอง แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเองก็เดาไม่ออกว่าภารกิจอะไรกันแน่ที่ซ่อนอยู่ข้างใน

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า เก็บสายตากลับมาจากการชื่นชมไอเทมดรอปสองชิ้นจากหวันเหยียนคัง “ในเมื่อบนจดหมายฉบับนี้บอกไว้ว่ารอให้ภารกิจจบก่อนถึงจะปลดล็อกได้ ก็แสดงว่าตอนนี้พวกเรายังทำอะไรกับมันไม่ได้ คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้พวกเราทำเรื่องสำคัญกันก่อนดีกว่า…”

“เรื่องสำคัญอะไร”

“ภารกิจไงล่ะ! ช่วยพวกเขาเก็บของ”

……

ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยจึงเริ่มช่วยมู่เนี่ยนฉือเก็บของบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการประลองยุทธ์เลือกคู่

ส่วนมู่อี้?

อีกฝ่ายเพิ่งถูกหวันเหยียนคังโจมตีจนกระอักเลือด ต่อให้เขาจะนิสัยไม่ดีอย่างไร แต่ก็คงจะให้เขามาทำงานตอนนี้ไม่ได้

หากทำอย่างนั้นจริงๆ เช่นนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็ถือว่านิสัยไม่ดีเหมือนกับเขาแล้ว

“พี่ใหญ่เยี่ย ทักษะยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมมาก ร้ายกาจกว่าของข้าตั้งเยอะ” ขณะที่กำลังเก็บของ มู่เนี่ยนฉือก็เป็นฝ่ายเข้ามาชวนเยี่ยเว่ยหมิงพูดคุย

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แล้วตอบอย่างถ่อมตัวมาก “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ขยันเท่านั้นเอง”

มู่เนี่ยนฉือ “…”

หลังจากนั้นสามนาที มู่เนี่ยนฉือก็อดถามอีกครั้งไม่ได้ “ที่จริงแล้ว ความขยันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องดูที่จุดเริ่มต้น หากมีอาจารย์ดีๆ สักคนสอนทักษะยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมให้ท่าน จุดเริ่มต้นก็สูงกว่าคนอื่นไม่รู้ตั้งเท่าไร จะว่าไปแล้ว พี่ใหญ่เยี่ยเก่งกาจขนาดนั้น อาจารย์ของท่านคงเป็นยอดฝีมือระดับโลกท่านหนึ่งเลยสินะ”

เยี่ยเว่ยหมิงลองครุ่นคิด ก่อนจะตอบตามความจริง “ข้าไม่มีอาจารย์”

มู่เนี่ยนฉือ “…”

เมื่อผ่านไปอีกสามนาที มู่เนี่ยนฉือก็เรียบเรียงคำพูดใหม่อีก นางถามพร้อมรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่เยี่ย ท่านไม่สงสัยสักนิดเลยหรือ ว่าข้าฝึกเคล็ดวิชาอะไร”

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ “แต่ไหนแต่ไรมา ข้าก็เป็นคนไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่แล้ว แต่ว่า…”

โดยปกติเมื่อเจอกับผู้หญิงที่ช่างจำนรรจาแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกรำคาญอยู่บ้าง ตั้งแต่เริ่มเก็บของจนถึงตอนนี้ เขาเอาแต่นับเวลาถอยหลังสถานะบาดเจ็บสาหัสของตัวเองอยู่ตลอด ได้แต่รอให้เวลานั้นมาถึง พอฟื้นฟูร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็จะได้ไปหาหวังชู่อีเพื่อรับภารกิจภาคต่อ

แต่เมื่อคุยไปคุยมา เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันตระหนักได้ถึงปัญหาบางอย่าง

ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของมู่เนี่ยนฉือคนนี้ เอาแต่ชี้นำให้ตนถามถึงประวัติทักษะยุทธ์ของนาง! ตอนเริ่มแรกยังนับว่าค่อนข้างคลุมเครือ แต่หลังจากการชวนคุยล้มเหลวไปหลายครั้ง เจตนาก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

นางแทบจะตะโกนใส่หูของเขาอยู่แล้วว่า ‘รีบถามข้าสิว่าเรียนเคล็ดวิชามาจากไหน มีภารกิจ!’

ตอนแรกเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่คิดอะไร แต่พอลองคิดดูอีกมุม ก็เหมือนภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่นี้ไม่ชอบมาพากลจริงๆ

ทำภารกิจมาตั้งนานแล้ว ไหนรางวัลภารกิจล่ะ

ถ้าตัดไอเทมดรอปจากการฆ่าโหวทงไห่กับหวันเหยียนคังไป ราวกับว่าทั้งภารกิจมีเพียงคะแนนสะสม ค่าประสบการณ์และค่าตบะเท่านั้น

ปัญหาก็คือ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ กลุ่มผู้เล่นเหล่านั้นที่สังหารสี่ผีแห่งแม่น้ำหวงเหอก็ได้รับเหมือนกัน

แต่ผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับภารกิจสูงและประสบความสำเร็จสูงกว่าอย่างเยียเว่ยหมิงกลับไม่ได้รางวัลพิเศษอะไรเลยอย่างนั้นหรือ

แบบนี้ไม่สอดคล้องกับสไตล์ของระบบ!

ส่วนภารกิจภาคต่อทางฝั่งหวังชู่อีนั่น?

ในเมื่อบอกไว้แล้วว่าเป็นภารกิจภาคต่อ ก็ต้องทำอีกภารกิจให้สำเร็จ และแจกรางวัลแยกให้อีกต่างหากสิ

ดังนั้น เบาะแสรางวัลภารกิจที่ได้มา อย่าบอกนะว่าอยู่ที่ตัวมู่เนี่ยนฉือจริงๆ

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงที่ก่อนหน้านี้ไม่สนใจก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ ว่า “จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นเจ้ากับท่านลุงมู่ลงมือ ฝีมือของเจ้าก็เหนือกว่าเขา แม้แต่วิถีของทักษะยุทธ์ก็ไม่เหมือนกันด้วย อย่าบอกนะว่าอาจารย์ของแม่นางมู่เป็นคนอื่น”

“ใช่แล้ว!” มู่เนี่ยนฉือได้ยินแล้วยิ้มทันที จากนั้นก็รีบบอกว่า “ตอนที่ข้าอายุสิบสามปี เคยพบกับยอดฝีมือที่อยู่ข้างนอกคนหนึ่ง แต่เขาบอกว่าไม่มีเวลาสอนลูกศิษย์ เขาชี้แนะทักษะยุทธ์ให้ข้าเพียงสามวันเท่านั้น”

“อ้อ?” เพื่อรางวัลภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจจะเป็นลูกคู่ละครร้องอย่างจริงจังสักครั้ง จึงถามอย่างให้ความร่วมมือมาก “แล้วผู้อาวุโสที่เจ้าบังเอิญพบท่านนั้นคือใคร”

“เป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้า ยาจกอุดรหงชีกง ฉายาเทพขอทานเก้านิ้ว! ข้าจำได้ว่าตาเฒ่านั่นชอบกินของอร่อยที่สุด”

ในที่สุดก็ได้พูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาหมดแล้ว มู่เนี่ยนฉือกลายเป็นทำงานว่องไวขึ้นทันที ขณะเดียวกันก็หันไปคุยเรื่องของผู้หญิงกับสะพานสวรรค์น้อย ไม่สนใจเยี่ยเว่ยหมิงอีกแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิง “?”

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน

เจ้าเป็นฝ่ายเปิดประเด็นสนทนาแท้ๆ อย่าบอกนะว่าไม่ได้ตั้งใจจะนำทักษะยุทธ์ที่หงชีกงสอนให้เจ้ามาสอนให้ข้าต่อในฐานะรางวัลภารกิจ

ถ้าเจ้าไม่ได้คิดจะให้รางวัลภารกิจจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้จะคุยมากมายขนาดนั้นไปทำไม

นี่เจ้าล้อข้าเล่นหรือ

หรือเห็นว่าข้าหล่อก็เลยมาจีบข้า

แต่ไม่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะบ่นในใจอย่างไร มู่เนี่ยนฉือก็เหมือนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่สนใจเขาอีก เพียงแค่เก็บของอยู่ข้างๆ เท่านั้น พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกับสะพานสวรรค์ จนกระทั่งเก็บของเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกพวกเขาส่งออกนอกเมือง เรื่องของรางวัลภารกิจก็ยังไม่มีคำอธิบายในขั้นต่อไป

เมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยเหมือนสูญเสียอะไรไปของเยี่ยเว่ยหมิง สะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างกันก็พูดหยอกด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เป็นอะไรไป เจ้าคงไม่ได้ชอบนางจริงๆ หรอกใช่ไหม”

“เดามั่วอะไรของเจ้า” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเบาๆ “ไปกันเถอะ ขึ้นยอดเขาผิงกู่ ไปหาหวังชู่อี”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 183 คมมีดเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 183 คมมีดเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 183 คมมีดเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง

[มีดสั้น (อาวุธเทพ): มีดสั้นธรรมดาที่ทำโดยช่างเหล็กตีนเขาจงหนาน บนด้ามสลักคำว่า ‘กัวจิ้ง’ ด้วยมือของนักพรตฉางชุน มีเพียงเล่มเดียวในโลก ใช้กับวิทยายุทธ์ได้หลายอย่าง พลังโจมตี +100 มีพลังเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง ฆ่าตามเนื้อเรื่อง]

[พลังเชื่อมต่อเนื้อเรื่อง: สามารถทะลุเข้าไปอยู่ในภารกิจเนื้อเรื่องชุด ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ ได้โดยไร้เงื่อนไข เข้าร่วมภารกิจได้ทันทีโดยไม่ต้องทำภารกิจย่อยใดๆ ก่อน!]

[ฆ่าตามเนื้อเรื่อง: มีพลังทำลายล้างสิบเท่าต่อตัวละครที่กำหนด]

เมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของมีดสั้น บนใบหน้าของสะพานสวรรค์ก็เต็มไปด้วยความสับสน

ต้องทราบไว้ว่าใน ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ระดับของอาวุธเทพนั้นเหนือกว่าอาวุธล้ำค่า อาวุธที่จัดเป็นประเภทอาวุธเทพจริงๆ ไม่เพียงแค่มีอยู่น้อยมาก ทั้งยังมีอยู่เพียงชิ้นเดียวด้วย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ค่าสเตตัสของอาวุธเทพทุกชิ้นนั้นยอดเยี่ยมไร้ที่เปรียบ ยกระดับศักยภาพของผู้เล่นให้สูงขึ้นหลายเท่า

แต่มีดสั้นด้ามนี้ ไม่เพียงแค่มีชื่อธรรมดาสามัญ แม้แต่ค่าสเตตัสก็มีเพียงคำว่า ‘โจมตี +100’ เท่านั้นที่เขาอ่านเข้าใจ ค่าสเตตัสอีกสองอย่างดูเหมือนทรงพลังมาก แต่ล้วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องพิเศษและภารกิจ ไม่ได้มีพลังที่ทำให้ศักยภาพของผู้เล่นเพิ่มขึ้นมาลอยๆ

ของแบบนี้เรียกว่าไอเทมเนื้อเรื่องจะเหมาะกว่า

อาวุธเทพ?

พูดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

ไม่เหมือนกับสะพานสวรรค์น้อยที่มองอุปกรณ์ชิ้นนี้ด้วยสายตาปกติ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเห็นค่าสเตตัสของมีดสั้นแล้ว เขากลับตาลุกวาว

ดูจากการ ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ ก่อนหน้านี้ก็รู้แล้ว หากทำภารกิจเนื้อเรื่องได้อย่างเหมาะสมหนึ่งครั้ง ก็จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนมากมาย!

แต่ภารกิจครั้งนี้จัดเป็นภารกิจที่เขาลองผิดลองถูกเข้ามา ผลตอบแทนที่อยู่ในนั้นแม้จะต้องอาศัยความสามารถเพื่อให้ได้มา แต่เมื่อดูจากข้อที่บอกว่าตัดเข้าเนื้อเรื่อง กลับมีปัจจัยบังเอิญอยู่มากมาย

หากต่อไปนี้เจอกับภารกิจทำนองนี้อีก ก็จะเข้าร่วมได้ตามใจชอบ อาศัยวิธีการของเยี่ยเว่ยหมิง จะได้ตักตวงผลประโยชน์เท่าไรกันแน่

แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!

……

[จดหมาย: เป็นจดหมายฉบับหนี่งที่ไม่มีจ่าหน้า ในนั้นเหมือนจะซ่อนภารกิจที่สำคัญกว่าปกติเอาไว้ (หลังจากภารกิจเนื้อเรื่อง “ประลองยุทธ์เลือกคู่” จบลงอย่างสมบูรณ์แล้วถึงจะปลดล็อกได้)]

เป็นจดหมายที่ตอนนี้เปิดดูไม่ได้ฉบับหนึ่ง

จากข้อมูลแนะนำก็มองออกเพียงว่า จดหมายฉบับนี้เหมือนเป็นสิ่งที่แสดงถึงภารกิจสำคัญอะไรสักอย่าง

ครั้งนี้ไม่เพียงแค่สะพานสวรรค์น้อยที่งุนงงเหมือนมีหมอกลงสมอง แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเองก็เดาไม่ออกว่าภารกิจอะไรกันแน่ที่ซ่อนอยู่ข้างใน

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า เก็บสายตากลับมาจากการชื่นชมไอเทมดรอปสองชิ้นจากหวันเหยียนคัง “ในเมื่อบนจดหมายฉบับนี้บอกไว้ว่ารอให้ภารกิจจบก่อนถึงจะปลดล็อกได้ ก็แสดงว่าตอนนี้พวกเรายังทำอะไรกับมันไม่ได้ คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้พวกเราทำเรื่องสำคัญกันก่อนดีกว่า…”

“เรื่องสำคัญอะไร”

“ภารกิจไงล่ะ! ช่วยพวกเขาเก็บของ”

……

ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยจึงเริ่มช่วยมู่เนี่ยนฉือเก็บของบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการประลองยุทธ์เลือกคู่

ส่วนมู่อี้?

อีกฝ่ายเพิ่งถูกหวันเหยียนคังโจมตีจนกระอักเลือด ต่อให้เขาจะนิสัยไม่ดีอย่างไร แต่ก็คงจะให้เขามาทำงานตอนนี้ไม่ได้

หากทำอย่างนั้นจริงๆ เช่นนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็ถือว่านิสัยไม่ดีเหมือนกับเขาแล้ว

“พี่ใหญ่เยี่ย ทักษะยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมมาก ร้ายกาจกว่าของข้าตั้งเยอะ” ขณะที่กำลังเก็บของ มู่เนี่ยนฉือก็เป็นฝ่ายเข้ามาชวนเยี่ยเว่ยหมิงพูดคุย

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แล้วตอบอย่างถ่อมตัวมาก “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ขยันเท่านั้นเอง”

มู่เนี่ยนฉือ “…”

หลังจากนั้นสามนาที มู่เนี่ยนฉือก็อดถามอีกครั้งไม่ได้ “ที่จริงแล้ว ความขยันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องดูที่จุดเริ่มต้น หากมีอาจารย์ดีๆ สักคนสอนทักษะยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมให้ท่าน จุดเริ่มต้นก็สูงกว่าคนอื่นไม่รู้ตั้งเท่าไร จะว่าไปแล้ว พี่ใหญ่เยี่ยเก่งกาจขนาดนั้น อาจารย์ของท่านคงเป็นยอดฝีมือระดับโลกท่านหนึ่งเลยสินะ”

เยี่ยเว่ยหมิงลองครุ่นคิด ก่อนจะตอบตามความจริง “ข้าไม่มีอาจารย์”

มู่เนี่ยนฉือ “…”

เมื่อผ่านไปอีกสามนาที มู่เนี่ยนฉือก็เรียบเรียงคำพูดใหม่อีก นางถามพร้อมรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่เยี่ย ท่านไม่สงสัยสักนิดเลยหรือ ว่าข้าฝึกเคล็ดวิชาอะไร”

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ “แต่ไหนแต่ไรมา ข้าก็เป็นคนไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่แล้ว แต่ว่า…”

โดยปกติเมื่อเจอกับผู้หญิงที่ช่างจำนรรจาแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกรำคาญอยู่บ้าง ตั้งแต่เริ่มเก็บของจนถึงตอนนี้ เขาเอาแต่นับเวลาถอยหลังสถานะบาดเจ็บสาหัสของตัวเองอยู่ตลอด ได้แต่รอให้เวลานั้นมาถึง พอฟื้นฟูร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็จะได้ไปหาหวังชู่อีเพื่อรับภารกิจภาคต่อ

แต่เมื่อคุยไปคุยมา เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันตระหนักได้ถึงปัญหาบางอย่าง

ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของมู่เนี่ยนฉือคนนี้ เอาแต่ชี้นำให้ตนถามถึงประวัติทักษะยุทธ์ของนาง! ตอนเริ่มแรกยังนับว่าค่อนข้างคลุมเครือ แต่หลังจากการชวนคุยล้มเหลวไปหลายครั้ง เจตนาก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

นางแทบจะตะโกนใส่หูของเขาอยู่แล้วว่า ‘รีบถามข้าสิว่าเรียนเคล็ดวิชามาจากไหน มีภารกิจ!’

ตอนแรกเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่คิดอะไร แต่พอลองคิดดูอีกมุม ก็เหมือนภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่นี้ไม่ชอบมาพากลจริงๆ

ทำภารกิจมาตั้งนานแล้ว ไหนรางวัลภารกิจล่ะ

ถ้าตัดไอเทมดรอปจากการฆ่าโหวทงไห่กับหวันเหยียนคังไป ราวกับว่าทั้งภารกิจมีเพียงคะแนนสะสม ค่าประสบการณ์และค่าตบะเท่านั้น

ปัญหาก็คือ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ กลุ่มผู้เล่นเหล่านั้นที่สังหารสี่ผีแห่งแม่น้ำหวงเหอก็ได้รับเหมือนกัน

แต่ผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับภารกิจสูงและประสบความสำเร็จสูงกว่าอย่างเยียเว่ยหมิงกลับไม่ได้รางวัลพิเศษอะไรเลยอย่างนั้นหรือ

แบบนี้ไม่สอดคล้องกับสไตล์ของระบบ!

ส่วนภารกิจภาคต่อทางฝั่งหวังชู่อีนั่น?

ในเมื่อบอกไว้แล้วว่าเป็นภารกิจภาคต่อ ก็ต้องทำอีกภารกิจให้สำเร็จ และแจกรางวัลแยกให้อีกต่างหากสิ

ดังนั้น เบาะแสรางวัลภารกิจที่ได้มา อย่าบอกนะว่าอยู่ที่ตัวมู่เนี่ยนฉือจริงๆ

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงที่ก่อนหน้านี้ไม่สนใจก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ ว่า “จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นเจ้ากับท่านลุงมู่ลงมือ ฝีมือของเจ้าก็เหนือกว่าเขา แม้แต่วิถีของทักษะยุทธ์ก็ไม่เหมือนกันด้วย อย่าบอกนะว่าอาจารย์ของแม่นางมู่เป็นคนอื่น”

“ใช่แล้ว!” มู่เนี่ยนฉือได้ยินแล้วยิ้มทันที จากนั้นก็รีบบอกว่า “ตอนที่ข้าอายุสิบสามปี เคยพบกับยอดฝีมือที่อยู่ข้างนอกคนหนึ่ง แต่เขาบอกว่าไม่มีเวลาสอนลูกศิษย์ เขาชี้แนะทักษะยุทธ์ให้ข้าเพียงสามวันเท่านั้น”

“อ้อ?” เพื่อรางวัลภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจจะเป็นลูกคู่ละครร้องอย่างจริงจังสักครั้ง จึงถามอย่างให้ความร่วมมือมาก “แล้วผู้อาวุโสที่เจ้าบังเอิญพบท่านนั้นคือใคร”

“เป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้า ยาจกอุดรหงชีกง ฉายาเทพขอทานเก้านิ้ว! ข้าจำได้ว่าตาเฒ่านั่นชอบกินของอร่อยที่สุด”

ในที่สุดก็ได้พูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาหมดแล้ว มู่เนี่ยนฉือกลายเป็นทำงานว่องไวขึ้นทันที ขณะเดียวกันก็หันไปคุยเรื่องของผู้หญิงกับสะพานสวรรค์น้อย ไม่สนใจเยี่ยเว่ยหมิงอีกแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิง “?”

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน

เจ้าเป็นฝ่ายเปิดประเด็นสนทนาแท้ๆ อย่าบอกนะว่าไม่ได้ตั้งใจจะนำทักษะยุทธ์ที่หงชีกงสอนให้เจ้ามาสอนให้ข้าต่อในฐานะรางวัลภารกิจ

ถ้าเจ้าไม่ได้คิดจะให้รางวัลภารกิจจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้จะคุยมากมายขนาดนั้นไปทำไม

นี่เจ้าล้อข้าเล่นหรือ

หรือเห็นว่าข้าหล่อก็เลยมาจีบข้า

แต่ไม่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะบ่นในใจอย่างไร มู่เนี่ยนฉือก็เหมือนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่สนใจเขาอีก เพียงแค่เก็บของอยู่ข้างๆ เท่านั้น พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกับสะพานสวรรค์ จนกระทั่งเก็บของเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกพวกเขาส่งออกนอกเมือง เรื่องของรางวัลภารกิจก็ยังไม่มีคำอธิบายในขั้นต่อไป

เมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยเหมือนสูญเสียอะไรไปของเยี่ยเว่ยหมิง สะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างกันก็พูดหยอกด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เป็นอะไรไป เจ้าคงไม่ได้ชอบนางจริงๆ หรอกใช่ไหม”

“เดามั่วอะไรของเจ้า” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเบาๆ “ไปกันเถอะ ขึ้นยอดเขาผิงกู่ ไปหาหวังชู่อี”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด